บทที่ 3 เทคโนโลยที ่ใี ชใ้ นการทำธุรกรรม Show โดยไมต่ ้องผา่ นบุคคลท่ีสาม (Blockchain) 1. ความหมายของบลอ็ กเชน (Blockchain) บล็อกเชน (Blockchain) คือ เทคโนโลยีการจัดเก็บ ข้อมูลแบบ สรุป บล็อกเชน (Blockchain) คือ ฐานข้อมูล (Database) ที่เก็บ ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain)
จะรวมไปถึงการ 2. วิวฒั นาการของเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) จุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) เกิดขึ้นครั้งแรก
ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีคนกลางเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารหรือ การทำงานของเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain)
อาศัยการ นอกจากนี้รายการธุรกรรมดังกล่าวจะต้องผ่านการตรวจสอบ 3. หลักการทำงานของเทคโนโลยบี ล็อกเชน (Blockchain) หลักการทำงานของเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) คือ ขั้นตอนที่ 1 Create คือ การสร้าง Block ที่บรรจุคำสั่งขอทำ ขั้นตอนที่ 2 Broadcast
คือ กระจาย Block ใหม่นี้ให้กับทุก ขั้นตอนที่ 3 Validation คือ Node อื่น ๆ ในระบบยืนยันและ ขั้นตอนที่ 4 Add to chain คือ นำ Block ดังกล่าวมาเรียงต่อ
อย่างไรก็ตามการออกแบบการทำงานของระบบบล็อกเชน 4. องค์ประกอบของเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) องคป์ ระกอบของเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ประกอบด้วย 4.1 Block
การจัดเก็บข้อมูลของเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) จะถูก Block แต่ละ Block จะเชื่อมโยงเข้าหา Block ก่อนหน้าด้วยค่า ดงั น้ัน Block คือ ชุดบรรจุขอ้ มูลแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนของ 4.1.1 ส่วน Header ประกอบดว้ ย 2) Nonce คือ ค่าของตัวเลขแบบสุ่มที่จะถูกเปลี่ยนค่าไปเรื่อย ๆ จน 3) Previous Block เป็นค่าแฮช (Hash) ของ Block ก่อนหน้า ทำให้ 4) Timestamp คอื เวลาท่ี Block นี้ ถกู สรา้ งข้ึนมา 5) Merkle คือ การตรวจสอบความถกู ต้องของข้อมูล เพื่อใหม้ ั่นใจว่า 4.1.2 สว่ น Transaction's ID List ใน Block 2) ID ของ Block ก่อนหนา้ ซงึ่ เขา้ รหสั แฮช (Hash) ไว้เชน่ กนั 3) ข้อมูลรายการธุรกรรม (Transaction) ซ่งึ อาจจะมีเพียง 1 รายการ 4) คีย์สาธารณะ (Public Key) ที่บอกว่า Block นี้เป็นของใคร ใคร 4.1.3 ส่วนแฮช (Hash) คือ ส่วนของกระบวนการ Proof of 1) เข้ารหัสด้วยฟังก์ชันแฮช (Function Hash) โดยใช้คีย์ส่วนตัว 2) เมื่อได้ลายเซ็นดิจิทัล (Digital Signature) มาก็จะส่งให้กับผู้รับ 3) ผู้รับตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัล (Digital Signature) ที่ได้โดยใช้ 4.2 Chain Chain คือ วิธีการจดจําข้อมูลทุก ๆ ธุรกรรมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 4.3 Consensus การกำหนดข้อตกลงและความเห็นชอบร่วมกันระหว่างสมาชิกใน 4.3.1 Proof-of-Work คือ กระบวนการทำ Consensus โดยใช้ 4.3.2 Proof-of-Stake คือ กระบวนการทำ Consensus โดยใช้ 4 . 3 . 3 Practical Byzantine Fault Tolerance (PBFT) คื อ 4.3.4 Proof-of-Authority คือ กระบวนการ Consensus
โดย
จากตัวอย่างที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น เป็น Consensus ดังกล่าว ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ Consensus Mechanisms เท่านั้น 4.4 Validation 1) หมายเลข Block โดยตรวจสอบ Block กอ่ นหนา้ ที่ติดกันวา่ เป็น 2) คา่ Nonce โดยการตรวจสอบค่า Nonce ซ่งึ กค็ ือคา่ Hash ของ 3) ค่า Previous Hash และค่า Current Hash โดยการตรวจสอบ แตอ่ ย่างไรก็ดี วธิ ีการตรวจสอบความถกู ต้องของแต่ละ Block หรือ 5. ประเภทของบลอ็ กเชน (Blockchain) บล็อกเชน (Blockchain) แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท โดยพจิ ารณา 5.1 Public Blockchain Public Blockchain เป็นบล็อกเชน (Blockchain) ที่ถูกนําไปใช้งาน ข้อดีของ Public Blockchain คือ องค์กรไม่จำเป็นต้องเสีย ซึ่งข้อดีของ Public Blockchain ยังมีอีกมากมาย อาทิ
การส่ง แต่ข้อเสียของ Public Blockchain ก็มี เช่น การที่ข้อมูลในบล็อก 5.2 Private Blockchain บล็อกเชน (Blockchain) ประเภทนี้เป็นการสร้างวงบล็อกเชน ข้อดีของ Private Blockchain คือ สามารถปรับกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เป็นไปได้ ดังนั้น บล็อกเชน (Blockchain) ประเภทนี้ จึงเหมาะที่จะ
ใช้ ข้อเสียของ Private Blockchain ในเมือ Private จะไม่มีการ 5.3 Consortium Blockchain ข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนของบล็อกเชน (Blockchain) ประเภทนี้
คือ ข้อเสียของ Consortium Blockchain คือ ขาดความคล่องตัวใน 6. รูปแบบของเครอื ข่ายบลอ็ กเชน (Blockchain)
หากพิจารณาถึงโครงสร้างพื้นฐานของเทคโนโลยีบล็อกเชน 6.1 Non-Permissioned Public Ledgers หรือ Permission แต่เป็นบล็อกเชน (Blockchain) ที่เปิดให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วม 6.2 Permissioned Public Ledgers เป็นบัญชี แยกประเภท 6.3 Permissioned Private Ledgers เป็น Private Blockchain ตวั อย่างเช่น Bankchain : ซ่งึ เป็นระบบ Clearing Settlement ท่ี ดังนั้น สาเหตุที่บล็อกเชน (Blockchain)
มีคุณสมบัติในการช่วยให้ รายการเดินบัญชีทางการเงินของผู้ใช้รายอื่น ๆ เช่น A โอนเงินให้ B เน่อื งจากการออกแบบระบบสำหรับกระบวนการห่วงโซ่อุปทานท่ีมี 7.
คุณลักษณะพื้นฐานที่สำคัญของเทคโนโลยีบล็อกเชน การจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบของ Block โดยเชื่อมต่อแต่ละ Block 7.1 ความถูกตอ้ งเทยี่ งตรงของข้อมูล (Data Integrity) 7.2 ความโปร่งใสในการเขา้ ถึงข้อมลู (Data Transparency) 7.3 ความสามารถในการทำงานได้อย่างต่อเนื่องของระบบ เนื่องจากทุก Node ในระบบบล็อกเชน (Blockchain) จะเก็บ 8. ประโยชน์ของเทคโนโลยบี ล็อกเชน (Blockchain) บล็อกเชน (Blockchain) เป็นเทคโนโลยีท่ีมีศักยภาพในเรื่องของ BLOCKCHAIN (IBM)
กับห้างค้าปลีกรายใหญ่สัญชาติอเมริกัน ขณะที่ไอบีเอ็ม (IBM) จะสนับสนุน IBM Blockchain มาเป็น ระบบดังกล่าว
โดยมีมหาวิทยาลัยชิงหวา (Tsinghua) ทำหน้าท่ี ในการพัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) และ เนื่องจากปัญหาของบล็อกเชน (Blockchain) ในปัจจุบันยังไม่มี นอกจากนี้ บล็อกเชน (Blockchain) ยังสามารถชว่ ยลดตน้
ทุนและ 9. การนําบล็อกเชน ( Blockchain) ไปประยุกต์ใช้ใน กระบวนการหว่ งโซอ่ ปุ ทาน กระบวนการห่วงโซ่อุปทานเป็นกระบวนการสำคัญตั้งแต่การจัดหา นอกจากนี้ ยังพบปัญหาเกี่ยวกับการปลอมแปลงสินค้าและ (Blockchain) เข้าไปประยุกต์ใช้ในกระบวนการห่วงโซ่อุปทาน เช่น นอกจากน้ีบรษิ ทั ไอบเี อ็ม ประเทศไทย จาํ กดั ไดน้ าํ เสนอ Watson สรปุ ประเด็นสำคญั Blockchain คือ ฐานข้อมูล (Database) ที่เก็บไว้ในเครื่องของทุก ตาเหมือนกันไว้ได้ หากเกิดการเปลี่ยนแปลง ข้อมูลในมือทุกคนก็ ทั้งนี้บล็อกเชน (Blockchain) แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ คุณสมบัติของบล็อกเชนมีอะไรบ้างบล็อกเชนเป็นบัญชีแยกประเภทแบบสาธารณะ ไม่รวมศูนย์ และกระจาย เพื่อใช้บันทึกธุรกรรมในระหว่างคอมพิวเตอร์จำนวนมาก ที่ระเบียนจะไม่สามารถเปลี่ยนย้อนหลังโดยไม่เปลี่ยนบล็อกที่สร้างต่อ ๆ มา และไม่ได้รับการร่วมมือจากเครือข่ายโดยมาก ซึ่งช่วยให้ผู้มีส่วนร่วมสามารถยืนยันและตรวจสอบธุรกรรมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายมาก
เทคโนโลยีพื้นฐานของ Blockchain ประกอบด้วยอะไรบ้างองค์ประกอบของเทคโนโลยี Blockchain ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบส าคัญ คือ 1) Block 2) Chain 3) Consensus และ 4) Validation ดังแสดงในรูปภาพที่4. องค์ประกอบของเทคโนโลยีBlockchain.
ลักษณะการทำงานของเทคโนโลยีบล็อกเชนมีลักษณะ และมีความสำคัญอย่างไรหลักการทำงานของเทคโนโลยี Blockchain คือ ฐานข้อมูลจะแชร์ให้กับทุก Node ที่อยู่ในเครือข่ายและการทำงานของเทคโนโลยี Blockchain จะไม่มีเครื่องใดเครื่องหนึ่งเป็นศูนย์กลางหรือเครื่องแม่ข่าย ซึ่งการทำงานแบบกระจายศูนย์นี้จะไม่ถูกควบคุมโดยคนเพียงคนเดียว แต่ทุก Node จะได้รับสำเนาฐานข้อมูลเก็บไว้และจะมีการอัปเดตฐานข้อมูลแบบ ...
เทคโนโลยีพื้นฐานของบล็อกเชน มีกี่ชนิดจากที่ได้กล่าวถึงว่า เทคโนโลยี บล็อคเชน ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ก่อนแล้ว 3 อย่างหลักแล้วนำมาใช้ร่วมกันกลายเป็นนวัตกรรมใหม่ที่แสนสุดวิเศษ เทคโนโลยี 3 อย่างที่ว่านั่นคือ 1) Cryptographic keys (การเข้ารหัสลับ) 2) ระบบ เพียร์ ทู เพียร์ เนตเวิร์ค (peer to peer network หมายถึงเรื่องข่ายที่ไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลาง) ใช้ในการ ...
|