เราให้ความสำคัญกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นอย่างยิ่ง เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้ (Cookies) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีกับผู้ใช้ ดูรายละเอียด นโยบายความเป็นส่วนตัว เราให้ความสำคัญกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นอย่างยิ่ง เว็บไซต์ของเรามีการใช้งานคุกกี้ (Cookies) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีกับผู้ใช้ ดูรายละเอียด นโยบายความเป็นส่วนตัว จนในปี 2549 ทางกลุ่มจึงได้ก่อตั้ง บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ขึ้นมาเพื่อดูแลธุรกิจในด้านนี้โดยเฉพาะ และได้จดทะเบียนเข้าตลาดหุ้นไทย ในปี 2555 โดยธุรกิจของ JMT แบ่งออกเป็น 4 ประเภท 1. ธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ ในส่วนที่เป็นหนี้ด้อยคุณภาพ โดย JMT จะได้รับค่าบริการติดตามหนี้เป็นร้อยละของมูลค่าหนี้ ที่บริษัทสามารถติดตามให้ลูกหนี้มาชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ได้ 2. ธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ เป็นการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพในราคาลด แล้วมาบริหาร และติดตามเรียกเก็บหนี้ 3. ธุรกิจนายหน้าประกันภัย เป็นนายหน้าประกันวินาศภัยประเภทต่าง ๆ โดยรับค่าตอบแทนในรูปของคอมมิชชันจากค่าเบี้ยประกันภัย 4. ธุรกิจประกันภัย ทั้งประกันรถยนต์และประกันอื่น ๆ โดยจากรายงานประจำปี 2562 ของบริษัท - ธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ สัดส่วนรายได้ 76.5% จะเห็นว่าธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ หมายความว่า หากปริมาณหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มสูงขึ้น ซึ่ง ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2563 ที่ผ่านมานั้น ปริมาณสินเชื่อ ที่กลายเป็นหนี้ด้อยคุณภาพ (NPLs) อยู่ที่ประมาณ 513,865 ล้านบาท ซึ่งปริมาณนี้ ทำให้ NPLs ต่อ สินเชื่อธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบนั้นอยู่ที่ประมาณ 3% แม้การเพิ่มขึ้นของหนี้ด้อยคุณภาพ จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจในภาพรวม โดยในปี 2563 ที่ผ่านมา JMT ก็ได้เข้าไปซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเป็นมูลค่ารวม 32,561 ล้านบาท มาบริหาร ทีนี้ลองมาดู ผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมา ปี 2561 รายได้ 1,886 ล้านบาท กำไร 506 ล้านบาท ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รายได้เติบโต 70% ขณะที่กำไรเติบโต 107% โดยกำไรปีล่าสุดเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา และปัจจุบัน JMT มีมูลค่าบริษัทประมาณ 45,300 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องติดตามต่อไปสำหรับธุรกิจนี้คือ เพราะจริงอยู่ที่ว่า การตกต่ำทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้หนี้เสียเพิ่มมากขึ้น และถูกมองว่าเป็นโอกาสให้แก่บริษัทที่รับซื้อหนี้มาบริหารต่อ แต่เศรษฐกิจที่ตกต่ำ ก็จะตามมาด้วย ความเสี่ยงที่ลูกหนี้บางรายอาจไม่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้เหมือนเดิม และนำไปสู่การที่บริษัทต้องตั้งสำรองหนี้สูญสูงขึ้น ซึ่งจะกดดันกำไรของบริษัทให้ต่ำลงได้ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทในประเทศไทย ประกอบธุรกิจเร่งรัดหนี้สิน รับซื้อบัญชีลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ อาทิ หนี้บัตรเครดิต หนี้ส่วนบุคคล บิลเรียกเก็บเงินค่าสาธารณูปโภค และอื่น ๆ บริษัทฯ รับโอนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จากสถาบันการเงิน รวมถึงบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อลีสซิ่งและแฟคตอริ่ง ลูกค้าหลักของบริษัทฯ นั้นรวมถึง ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น จำกัด (เฮชเอสบีซี) ธนาคารทิสโก้ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา บริษัทเคทีบีลิสซิ่ง ทรู ซูซูกิ เอวอน อีซี่บาย และอื่น ๆ บริษัทย่อยของบริษัฯ ได้แก่ บริษัท เจเอ็มที พลัส จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจเร่งรัดหนี้สิน รวมถึงธุรกิจลีสซิ่งและธุรกิจแฟคตอริ่ง บริษัท เจ อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันภัย และบริหารสินทรัพย์ เจ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ลักษณะประเภทของธุรกิจ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จํากัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้สินทั้งในส่วนที่เป็นหนี้ด้อยคุณภาพและรับจ้างติดตามหนี้ครอบคลุมทุกประเภท เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต เช่าซื้อ สินเชื่อที่อยู่อาศัย และค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ รวมถึง ฟ้องร้องคดี สืบทรัพย์ และบังคับคดีทั่วประเทศไทย โดยเปิดดำเนินการมาแล้วกว่า 2 ทศวรรต เจเอ็มที ประกอบธุรกิจ 2 ประเภทหลัก ได้แก่ 1) ธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ โดยบริษัทให้บริการแก่ผู้ว่าจ้างที่เป็นสถาบันการเงิน และผู้ประกอบการต่างๆ อาทิเช่น ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา อิออน ธนสินทรัพย์ โตโยต้า มอเตอร์ เป็นต้น ซึ่งประสงค์จะให้บริษัทฯ ติดตามและดำเนินการให้ลูกหนี้ของผู้ว่าจ้างชำระคืนหนี้ ขอบเขตการให้บริการ ครอบคลุมถึงการรับจ้างติดตามและจัดเก็บหนี้ รวมถึงงานด้านกฎหมาย ได้แก่ ฟ้องและสืบทรัพย์คดี 2) ธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ โดยซื้อหนี้ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงิน หรือบริษัทต่างๆ อาทิเช่น ธนาคารธนชาต แคปปิตอล โอเค ธนบรรณ อีซี่ บาย เป็นต้น และนำมาบริหารจัดเก็บหนี้ ทั้งนี้ เจเอ็มที ยังมีบริษัทในเครือ อีก 2 บริษัทคือ 1. บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจ จํากัด 2. บริษัทเจ อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์ จำกัด ที่ตั้ง เลขที่ 187 อาคารเจมาร์ท ชั้นที่ 4-6 ถนนรามคำแหง แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร 10240 |