หนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้หลายคนตัดสินใจทำประกันชีวิต คือการใช้เบี้ยประกันชีวิตลดหย่อนภาษีที่ต้องยื่นให้กรมสรรพากรตรวจสอบในทุก ๆ ปี บทความนี้จะเกี่ยวกับการนำกรมธรรม์ประกันชีวิตไปลดหย่อนภาษีให้ได้ทำความเข้าใจ สามารถนำไปประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อประกัน นอกจากจะเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตในระยะยาวแล้วยังช่วยลดภาษีต่อปีได้อีกด้วย โดยประกันจะช่วยลดหย่อนภาษีได้จริงหรือไม่นั้น หาคำตอบได้ในบทความนี้ Show
เบี้ยประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้จริงหรือไม่?คำตอบของคำถามนี้ก็คือ สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ “จริง” โดยที่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร แต่ละกรมธรรม์ประกันชีวิตก็มีเงื่อนไขแตกต่างกัน ปัจจุบันกรมสรรพากรให้ผู้มีรายได้นำเบี้ยประกันชีวิตลดหย่อนภาษีต่อปีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท หากเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด ก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีกับกรมสรรพากรตอนยื่นชำระภาษีได้เลย อย่างที่กล่าวมาแล้วว่าคุณสามารถใช้เบี้ยประกันชีวิตเพื่อลดหย่อนภาษีได้ หากเงื่อนไขเกี่ยวกับเงินกรมธรรม์เป็นไปตามที่กรมสรรพากรกำหนด เบี้ยกรมธรรม์ประกันชีวิตที่กรมสรรพากรยอมรับให้สามารถลดหย่อนภาษีได้มี 2 แบบ คือ 1. เบี้ยประกันชีวิต
2. เบี้ยประกันสุขภาพ
ทำประกันแบบไหนได้ลดหย่อนภาษีดีที่สุด?หากต้องการให้ประกันที่คุณทำมีส่วนช่วยในการลดหย่อนภาษี เราขอแนะนำเป็น “ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์” ประกันสะสมทรัพย์ลดหย่อนภาษีโดยการนำเบี้ยประกันที่จ่ายในทุก ๆ ปีไปลดหย่อนภาษีได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามการทำประกันไม่จำเป็นต้องคำนึงแค่ว่าจะได้เคลมหรือไม่ได้เคลม การมีสุขภาพที่ดีถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดอยู่แล้ว ส่วนเบี้ยประกันที่เสียไปก็จะช่วยแบกรับความเสี่ยงต่าง ๆ เอาไว้ให้คุณ เพราะฉะนั้นแม้ว่าคุณจะมั่นใจในสุขภาพของตนเอง แต่ประกันชีวิตก็เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การลงทุน เพราะจะส่งผลดีไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่งอย่างแน่นอน จากข้อมูลข้างต้นคงได้รับคำตอบแล้วว่า การซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตนอกจากจะเป็นการวางแผนการเงินในอนาคต ยังสามารถนำค่าเบี้ยประกันชีวิตไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย โดยที่กรมธรรม์นั้น ๆ จะต้องตรงตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด ไม่ว่าจะเป็นประกันสุขภาพ หรือประกันชีวิตเพื่อการสะสมทรัพย์ แต่หากถามว่าแบบไหนจะลดหย่อนภาษีได้ดีหรือได้มากกว่ากัน คำตอบคือประกันชีวิตเพื่อการสะสมทรัพย์ หรือประกันชีวิตแบบบำนาญ คือประกันชีวิตที่สามารถลดหย่อนภาษีได้มากที่สุด การบริหารความเสี่ยง ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการวางแผนการเงิน เพราะหากเราตั้งหน้าตั้งตาออมเงิน โดยไม่มีการป้องกันความเสี่ยง หรือเหตุไม่คาดฝัน เงินเก็บทั้งหมดที่เรามี ก็อาจหมดลงได้ในพริบตาเดียว การทำประกันคือทางเลือกรับมือกับความเสี่ยงที่น่าสนใจ และในอีกแง่หนึ่ง การทำประกันยังช่วยให้เรามีเงินสะสมสำหรับอนาคต เป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อดูแลตัวเอง และเพื่อคนที่เรารัก ขณะเดียวกันประกันบางรูปแบบยังช่วยให้เราได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีกต่อหนึ่ง อย่างประกันสุขภาพ และประกันชีวิต โดยเฉพาะประกันชีวิตจะได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้มากกว่าประกันรูปแบบอื่น ลองมาดูกันว่าประกันชีวิตแบบไหนบ้าง ที่ช่วยให้เราประหยัดภาษีได้ ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้เท่าไรประกันชีวิตมีหลายรูปแบบให้เลือก แต่ละรูปแบบก็มีเงื่อนไขในการลดหย่อนภาษีที่ต่างกัน ใครที่อยากรู้ว่าประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้เท่าไร ลองศึกษาได้จากข้อมูลดังนี้ 1. ประกันชีวิตทั่วไปมีหลายรูปแบบ ทั้งลดหย่อนภาษีประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ลดหย่อนภาษีประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา ลดหย่อนภาษีประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ และการลดหย่อนภาษีด้วยประกันชีวิตควบการลงทุน 1.1. ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Whole Life) เป็นประกันชีวิตที่เน้นคุ้มครองชีวิตในระยะยาว แต่จ่ายเบี้ยเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เช่น จ่ายเบี้ยเพียง 20 ปีแรก แต่คุ้มครองชีวิตถึงอายุ 99 ปี 1.2. ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา (Term Insurance) เป็นประกันที่เน้นความคุ้มครองต่อชีวิตในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หากครบกำหนดคุ้มครองแล้วผู้เอาประกันยังมีชีวิตอยู่ ก็จะไม่ได้รับทุนประกันคืน 1.3 .ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (Endowment) ประกันชีวิตที่เน้นเรื่องการออมเงิน โดยจะได้ผลตอบแทนตามอัตราที่กำหนดไว้ซึ่งจะมากกว่าเบี้ยประกันชีวิตที่เราจ่ายไป พร้อมทั้งได้รับความคุ้มครองชีวิตด้วย สิทธิ์ลดหย่อนภาษีของประกันชีวิตทั่วไป (1.1. – 1.3.) : สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทตามจำนวนที่จ่ายจริง หากมีประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ ก็จะลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท เงื่อนไข: ต้องเป็นประกันชีวิตโดยบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทยเท่านั้น และต้องมีระยะเวลาคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป กรณีที่ประกันมีการจ่ายเงินคืนทุกปี จำนวนเงินต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยรายปี หรือหากเป็นการจ่ายเงินคืนตามช่วงเวลา จำนวนเงินต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยสะสมของแต่ละช่วงเวลา แต่ถ้ามีการเลิกสัญญา หรือเวนคืนกรมธรรม์ก่อนครบ 10 ปี จะไม่สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีของกรมธรรม์ฉบับนั้นได้อีก พร้อมคืนภาษีย้อนหลังทั้งหมดที่ได้รับการลดหย่อนไป บวกกับดอกเบี้ย 1.5% ต่อเดือนของยอดภาษีที่ต้องจ่าย 1.4 .ประกันชีวิตควบการลงทุน หรือ Investment Linked Life Insurance เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองชีวิต และให้โอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งในเบี้ยประกันจะถูกแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1) ส่วนค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายของบริษัทประกัน 2) ส่วนความคุ้มครอง และ 3) ส่วนที่นำไปลงทุน สิทธิ์ลดหย่อนภาษีของประกันชีวิตควบการลงทุน: ค่าใช้จ่ายส่วนที่ 1) ส่วนค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายของบริษัทประกัน และ 2) ส่วนความคุ้มครอง เมื่อรวมกับประกันชีวิตแบบทั่วไปอื่นๆ สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท โดยประกันต้องมีระยะเวลาความคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป สำหรับส่วนที่ 3) ที่นำไปลงทุนจะไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ เงื่อนไข : ต้องเป็นประกันชีวิตโดยบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทยเท่านั้น และต้องมีระยะเวลาคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป กรณีที่ประกันมีการจ่ายเงินคืนทุกปี จำนวนเงินต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยรายปี หรือหากเป็นการจ่ายเงินคืนตามช่วงเวลา จำนวนเงินต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยสะสมของแต่ละช่วงเวลา แต่ถ้ามีการเลิกสัญญา หรือเวนคืนกรมธรรม์ก่อนครบ 10 ปี จะไม่สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีของกรมธรรม์ฉบับนั้นได้อีก พร้อมคืนภาษีย้อนหลังทั้งหมดที่ได้รับการลดหย่อนไป บวกกับดอกเบี้ย 1.5% ต่อเดือนของยอดภาษีที่ต้องจ่าย 2.ประกันชีวิตแบบบำนาญเป็นประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองในรูปแบบรายได้หลังเกษียณ โดยผู้เอาประกันจะต้องจ่ายเบี้ยไปจนถึงอายุที่กำหนดในสัญญา และบริษัทประกันจะจ่ายเงินให้เราเมื่อเราเกษียณ สิทธิ์ลดหย่อนภาษีของประกันชีวิตแบบบำนาญ: สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับสิทธิลดหย่อนเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท (สิทธิลดหย่อนเพื่อการเกษียณอายุ ได้แก่ กองทุน RMF กองทุน SSF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน กองทุนการออมแห่งชาติ และเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญ) Tip: หากเราซื้อประกันชีวิตบำนาญเกินกว่าสิทธิ์ลดหย่อนภาษีที่กำหนดไว้ 200,000 บาท เราสามารถแบ่งเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญนี้ไปใช้โควตาของเบี้ยประกันชีวิตทั่วไปให้ครบสิทธิ์ 100,000 บาทได้ด้วย ก็จะลดหย่อนภาษีด้วยประกันชีวิตแบบบำนาญได้สูงสุดถึง 300,000 บาท เงื่อนไข : ประกันชีวิตแบบบำนาญที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้ต้องเป็นประกันที่ทำร่วมกับบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทยเท่านั้น และต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ โดยกำหนดช่วงอายุในการจ่ายเงินที่ 55 – 85 ปีขึ้นไป และต้องจ่ายเบี้ยครบก่อนได้รับผลประโยชน์ ตารางสรุปสิทธิ์ลดหย่อนภาษีประกันชีวิตประเภทของประกันรูปแบบสิทธิ์ลดหย่อนภาษีประกันชีวิตแบบตลอดชีพลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาทแบบชั่วระยะเวลาแบบสะสมทรัพย์แบบควบการลงทุนค่าใช้จ่ายหลักและส่วนประกันภัยที่มีระยะความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท เมื่อรวมกับประกันชีวิตแบบทั่วไปอื่นๆแบบบำนาญลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท เมื่อรวมกับสิทธิลดหย่อนเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท หากไม่ได้ใช้สิทธิ์ในประกันชีวิตแบบทั่วไป สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท โดยแบ่งเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญไปใช้สิทธิ์ในส่วนของเบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไปให้ครบ 100,000 บาท เทคนิค 3 ขั้น เลือกประกันชีวิตลดหย่อนภาษีแบบสุดคุ้ม1. คำนวณภาษีที่ต้องจ่าย โดยคำนวณจากสูตร เงินได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ จากนั้นนำ เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี = เงินภาษีที่ต้องจ่าย หากมีรายได้หลายทาง ให้นำรายได้ทั้งหมดที่ไม่ใช่เงินเดือน x 0.5% = ภาษีที่ต้องจ่าย 2. ทำ Checklist สิทธิ์ลดหย่อนภาษี เพื่อตรวจทานดูว่าเรามีสิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีจากแหล่งใดบ้าง แล้วจึงวางแผนว่าซื้อประกันชีวิตลดหย่อนภาษีอย่างไรให้ครอบคลุม 3. เลือกซื้อประกันที่ตอบโจทย์ แม้วัตถุประสงค์ของการทำประกันก็เพื่อลดหย่อนภาษี แต่ถ้าจะได้ความคุ้มค่าจริงๆ ก็ควรเลือกให้ตอบโจทย์ความต้องการในชีวิตด้วย เช่น ลองดูว่าเรายังขาดการวางแผนเกษียณหรือไม่ ถ้าใช่ อาจเลือกประกันชีวิตแบบบำนาญ หรือต้องการสะสมเงิน ก็อาจเลือกประกันแบบสะสมทรัพย์ก็ได้ ที่สำคัญควรหมั่นเช็คความต้องการความคุ้มครองอยู่เสมอว่าระยะเวลาที่เปลี่ยนไป บริบทแวดล้อมของเราเปลี่ยนไปอย่างไร เช่น หากเรามีครอบครัว ก็ควรเพิ่มประกันแบบตลอดชีพไว้เผื่อคนข้างหลัง ฯลฯ จะเห็นได้ว่า ประกันชีวิต จัดเป็นผลิตภัณฑ์การเงินที่ให้ประโยชน์หลากหลาย ทั้งได้ความคุ้มครองชีวิต ช่วยรับมือจากความเสี่ยง และยังช่วยให้บริหารเงินในกระเป๋าได้ดียิ่งขึ้นจากสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับ หากใครที่ต้องการความคุ้มค่าจากการทำประกันชีวิต และอยากได้ความอุ่นใจจากบริษัทประกันที่ไว้ใจได้ เราขอแนะนำ ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ สมาร์ท เซฟเวอร์ 15/5 ที่ให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี พร้อมความคุ้มครองที่คุ้มค่า ด้วยผลประโยชน์รวมตลอดทั้งสัญญาสูงสุดถึง 587.5% ของทุนประกัน จ่ายเบี้ยประกันสั้นๆ เพียง 5 ปี แต่ได้รับความคุ้มครองถึง 15 ปี เบี้ยประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้เท่าไรลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท เมื่อรวมกับสิทธิลดหย่อนเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท หากไม่ได้ใช้สิทธิ์ในประกันชีวิตแบบทั่วไป สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท โดยแบ่งเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญไปใช้สิทธิ์ในส่วนของเบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไปให้ครบ 100,000 บาท
ประกันชีวิตลดหย่อนภาษี คุ้มไหมสาเหตุที่ประกันชีวิตนั้นสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ เนื่องจากตัวของประกันนั้นถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในการออมที่มีประสิทธิภาพ สามารถช่วยลดภาระต่างๆ ได้ในระยะยาว หากเกิดการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต ทางครอบครัวและลูกหลานก็ยังได้สินไหมทดแทน ทำให้คนเหล่านั้นสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้
ลดหย่อนประกันชีวิตพ่อแม่ได้ไหมคำตอบคือ สามารถทำได้ค่ะ โดยจะลดหย่อนได้ตามจริงไม่เกินคนละ 15,000 บาท ซึ่งแปลว่า จะสามารถลดหย่อนประกันของพ่อได้ไม่เกิน 15,000 บาท และของแม่ได้ไม่เกิน 15,000 บาท เช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถนำประกันของพ่อแม่คู่สมรสไปลดหย่อนภาษีได้ แต่เฉพาะในกรณีที่คู่สมรสไม่มีรายได้เท่านั้นนะคะ
เงินได้จากประกันชีวิต เสียภาษีไหมคำตอบ: เงินได้จากการประกันชีวิตไม่ต้องเสียภาษีครับ คุณได้รับเต็มจำนวนตามความคุ้มครองและเงื่อนไขในกรมธรรม์ครับ./01. สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) 22/79 ถนนรัชดาภิเษก แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 โทร. 0-2515-3999 โทรสาร. กระดานรับเรื่องร้องเรียนออนไลน์
|