นโยบายการค้าระหว่างประเทศ คือ

             เมื่อเร็วๆนี้ รัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านได้ประชุมกันและหาข้อสรุปในการปฏิรูปกฎหมายต่อต้านการ ทุ่มตลาดของออสเตรเลีย โดยผ่านมาตรการต่างๆได้แก่ การเพิ่มจำนวนบุคคลากรเพื่อทำให้มั่นใจว่าการสอบสวนการทุ่มตลาดจะสามารถได้ ข้อสรุปได้โดยเร็ว และการปรับปรุงช่องทางในการเข้าถึงระบบการทุ่มตลาดสำหรับผู้ประกอบการของ ออสเตรเลีย เป็นต้น นับเป็นความพยายามและมุ่งมั่นของออสเตรเลียที่จะสร้างสมดุลของการค้าเสรีและ ความเป็นธรรมให้ดำเนินควบคู่กันไป โดยกระทบต่อผู้ประกอบการออสเตรเลียน้อยที่สุด ขณะเดียวกันการสร้างโอกาสให้แก่ประเทศต่างๆ ที่ต้องการส่งสินค้าไปยังออสเตรเลียด้วย 

นโยบายการค้าระหว่างประเทศ คือมาตรการที่รัฐวางไว้เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งออกและนำเข้าระหว่างประเทศ แบ่งเป็น 2 นโยบาย ดังนี้
 1. นโยบายการค้าเสรี หมายถึง เป็นการค้าโดยปราศจากการแทรกแซงใด ๆ จากรัฐบาลในกิจการค้าระหว่างประเทศ ทำให้การแข่งขันในตลาดเป็นการแข่งขันอย่างสมบูรณ์และราคาสินค้าเป็นไปตามกลไกของตลาด
 ลักษณะของนโยบายการค้าเสรี
 1. การผลิตสินค้าจะใช้หลักการแบ่งงานกันทำ
 2. รัฐบาลแต่ละประเทศจะให้สิทธิแก่ทุกประเทศเหมือน ๆ กันในการค้าระหว่างประเทศ
 3. ไม่มีข้อจำกัดทางการค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเก็บภาษีอากร หรือการจำกัดโควต้า
 2. นโยบายการค้าคุ้มกันหรือการค้าคุ้มครอง หมายถึง การที่รัฐบาลเข้าแทรกแซงการค้าระหว่างประเทศ เพราะเกรงว่าการผลิตภายในประเทศจะแข่งขันกับสินค้านำเข้าไม่ได้โดยใช้มาตรการต่าง ๆ ดังนี้
 (1) การตั้งกำแพงภาษี สินค้านำเข้าที่ต้องการกีดกันจะตั้งภาษีนำเข้าสูง โดยการกำหนดการเก็บอัตราเดียวไม่ว่าจะนำเข้าจากประเทศใดก็ตาม หรือกำหนดเป็นหลายอัตราสำหรับเก็บกับประเทศต่าง ๆไม่เท่ากันก็ได้
 (2) การกำหนดโครงสร้างสินค้า คือการจำกัดสินค้านำเข้าและส่งออกมิให้เกินกว่าที่รัฐบาลกำหนดไว้ เพื่อแก้ปัญหาขาดดุลการชำระเงินระหว่างประเทศ เพื่อช่วยส่งเสริมการผลิตภายในประเทศ ทำให้การจ้างงานขยายตัว รายได้สูง ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น เป็นต้น
 (3) กลุ่มผูกขาดระหว่างประเทศ หมายถึง การรวมกลุ่มของผู้ผลิตจากหลายประเทศเพื่อกำจัดการแข่งขันสินค้าชนิดเดียวกันให้เกิดอำนาจผูกขาดและได้รับกำไรสูงสุด ปัจจุบันกลุ่มผูกขาด ได้แก่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันส่งออกโอเปค
 (4) การทุ่มตลาด คือ การขายสินค้าในต่างประเทศในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดภายในประเทศ
 (5) การให้เงินอุดหนุนสินค้าออก คือ การให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ส่งออกและผู้ผลิตภายในประเทศ เพื่อให้อยู่ในระดับแข่งขันกับต่างประเทศได้
 (6) รัฐทำการค้าเอง คือ การค้าระดับประเทศที่มีการวางแผนจากส่วนกลางโดยรัฐเป็นผู้วางแผนหรือตัดสินใจนำเข้าหรือส่งออกสินค้าอะไร จำนวนเท่าใด



ความเห็น (1)

นโยบายการค้าระหว่างประเทศ คือ

ขอบคุณครับพี่

ช่วยเรียนการเรียผมมากเลย

นโยบายการค้าระหว่างประเทศ คือ นโยบายที่แต่ละประเทศใช้ในการนำสินค้าเข้า และส่งสินค้าออก ซึ่งอาจแบ่งออกได้เป็น นโยบายแบบเสรี และ นโยบายแบบคุ้มกัน


    นโยบายการค้าแบบเสรี
    เป็นนโยบายที่จะส่งเสริมให้ประเทศต่างๆ นำสินค้ามาทำการค้าขายระหว่างกันอย่างเสรี โดยปราศจากข้อจำกัดใดๆ ประเทศที่จะถือนโยบายการค้าโดยเสรีจะต้องอยู่ในเงื่อนไข ดังนี้
1. ต้องดำเนินการผลิตตามหลักการแบ่งงาน คือ ทุกประเภทจะต้องเลือกผลิตเฉพาะที่มีประสิทธิภาพการผลิตสูง
2. ต้องไม่มีการเก็บภาษี หรือมีการเก็บภาษีแต่น้อย โดยไม่มีจุดมุ่งหมายให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ
3. ต้องไม่มีการให้สิทธิพิเศษและไม่มีข้อจำกัดทางการค้ากับประเทศต่างๆ หากถือตามเงื่อนไขนี้แล้วในปัจจุบันไม่มีประเทศใดที่จะมีนโยบายการค้าโดยเสรีได้อย่างเป็นทางการเพราะนโยบายลักษณะนี้ประเทศที่กำลังพัฒนาจะเสียเปรียบประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นอย่างมาก แต่บางประเทศมีการตกลงร่วมกันอยู่บ้าง เช่น กลุ่มสหภาพยุโรป เป็นต้น

นโยบายการค้าระหว่างประเทศ คือ

 ใช้นโยบายการค้าแบบเสรีกับประเทศในสมาชิก


      นโยบายการค้าแบบคุ้มกัน
     เป็นนโยบายที่มุ่งสนับสนุนภาพการผลิตในประเทศ มีหลักการตรงกันข้ามกับนโยบาย การค้าโดยเสรี คือรัฐบาลจะใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อจำกัดการนำเข้าและส่งเสริมการ

ส่งออก  วัตถุประสงค์ของนโยบายการค้าแบบคุ้มกัน พอสรุปได้ดังนี้
1. เพื่อให้ประเทศช่วยตนเองได้เมื่อเกิดภาวะฉุกเฉิน เช่น เมื่อเกิดสงครามขึ้น อาจจะไม่ มีสินค้าที่จำเป็นบางอย่างใช้ เพราะไม่สามารถนำเข้ามาตามปกติได้ ในยามปกติจึงควรเตรียม การผลิตสินค้าที่จำเป็นสำรองไว้
2. เพื่อคุ้มครองอุตสาหกรรมภายใน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เพิ่งเกิดใหม่ ถ้ารัฐบาล ไม่ห้ามสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาตีตลาด อุตสาหกรรมภายในจะต้องเลิกล้มกิจการ
3. เพื่อป้องกันการทุ่มตลาด การทุ่มตลาด ได้แก่ การส่งสินค้าไปขายประเทศอื่น ในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนเพื่อทำลายคู่แข่งขันในตลาดต่างประเทศ และเมื่อทุ่มตลาดสำเร็จได้ครองตลาดแห่งนั้นแล้วก็จะเพิ่มราคาสินค้าให้สูงขึ้นในเวลาต่อมา
4. เพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลการค้า การขาดดุลการค้า คือ มูลค่าสินค้าที่ส่งไปขายต่างประเทศน้อยกว่ามูลค่าสินค้าที่นำเข้ามา ทำให้ต้องเสียงเงินตราต่างประเทศออกไป จำนวนมาก จึงต้องแก้ไขโดยจำกัดการนำเข้าและส่งออกให้มากขึ้น

เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินนโยบายการค้าคุ้มกัน จะมุ่งส่งเสริมการส่งสินค้าออกและกีดกันการนำสินค้าเข้า คือ
1.การตั้งกำแพงภาษี ( Tariff Wall ) จะใช้วิธีการจัดเก็บภาษีศุลกากรจากสินค้านำเข้าหลายอัตรา คือ จัดเก็บภาษีศุลกากรตั้งแต่ 2 อัตราขึ้นไปในสินค้าชนิดเดียวกัน และเลือกใช้อัตราสูงแก่สินค้าที่ต้องการจะกีดกันไม่ให้นำเข้า ซึ่งเป็นมาตรการทางอ้อม
2.การควบคุมสินค้า อาจเป็นการห้ามโดยเด็ดขาดหรือกำหนดโควต้า ( Quota ) ให้นำเข้าหรือส่งออก
3.การให้การอุดหนุน ( Subsidies ) เช่น การจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่ผู้ผลิต ลดภาษีบางอย่างให้ เป็นต้น
4.การทุ่มตลาด ( Dumping ) คือ การส่งสินค้าออกไปขายต่างประเทศในราคาที่ต่ำกว่าราคาขายภายในประเทศ และด้วยราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ซึ่งมี 3 กรณี คือ
   1.) การทุ่มตลาดเฉพาะกิจ เพื่อล้างสินค้าเก่าที่ค้างสต๊อก หรือเป็นสินค้าที่ล้าสมัย หรือเป็นสินค้าที่ไม่ขายภายในประเทศ เพื่อรักษาระดับราคาสินค้านั้นในตลาดภายในไว้
   2.) การทุ่มตลาดเป็นการชั่วคราว เป็นนโยบายที่จะส่งสินค้าไปขายต่างประเทศในราคาต่ำกว่าตลาดภายในประเทศเป็นการชั่วคราว และบางครั้งต้องขายต่ำกว่าทุน โดยมีเหตุผลดังนี้ คือ
- แสวงหาตลาดใหม่ในต่างประเทศ
- กำจัดคู่แข่งขันซึ่งมีประสิทธิภาพในการผลิต
- กีดกันไม่ให้คู่แข่งขันเข้ามาแย่งตลาดที่ครองอยู่
- ตอบแทนการกระทำของผู้อื่น
   3.) การทุ่มตลาดเป็นการถาวร เป็นการทุ่มตลาดระยะยาว ซึ่งปกติจะไม่ทุ่มขายในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต และที่สามารถดำเนินการทุ่มตลาดได้เนื่องจากการผลิตภายในประเทศขยายตัวสูงขึ้น และรัฐบาลให้เงินอุดหนุน โดยทั่วไปการส่งสินค้าไปทุ่มตลาดต่างประเทศมักกระทำเป็นการชั่วคราวเพื่อจำกัดคู่แข่ง และเมื่อสามารถผูกขาดตลาดได้แล้ว ก็จะขึ้นราคาสินค้าเพื่อชดเชยภายหลัง

นโยบายการค้าระหว่างประเทศ คือ

อุตสาหกรรมรถยนต์ของญี่ปุ่นได้เข้ามาทุ่มตลาดรถยนต์ของอเมริกาในช่วงระยะหลังนี้ 

จนทำให้บริษัทรถยนต์ของอเมริกาหลายบริษัทแบล็คลิส (ฺBacklist) ออกไป


5. ข้อตกลงทางการค้า นับเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการดำเนินนโยบายการค้าคุ้มกัน เพื่อให้สิทธิหรือฐานะทางการค้าเป็นพิเศษแก่ประเทศคู่สัญญา
6. การควบคุมเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกลางจะควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ รวมทั้งอุปสงค์และอุปทานของเงิน เพื่อสกัดกั้นการไหลออกของเงิน และพยายามดูดเงินตราต่างประเทศเข้ามาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
   ** ปัจจุบันการค้าระหว่างประเทศของไทยก็ใช้นโยบายการค้าคุ้มกันเช่นเดียวกับประเทศต่าง ๆ แต่ก็ส่งเสริมให้เอกชนทำการค้าเสรี และไม่สนับสนุนให้มีการค้าโดยรัฐมากเกินไปซึ่งนโยบายการค้าต่างประเทศของไทยพอสรุปได้ดังนี้
1. ถือระบบการค้าเอกชน
2. ถือระบบภาษีศุลกากรอัตราเดียว
3. มีข้อจำกัดทางการค้าอย่างแผ่วเบา

นโยบายการค้าระหว่างประเทศ คือ


อ้างอิง : http://megaclever.blogspot.com/2008/07/blog-post_2687.html

นโยบายการค้าระหว่างประเทศของไทยเป็นแบบใด

** ปัจจุบันการค้าระหว่างประเทศของไทยก็ใช้นโยบายการค้าคุ้มกันเช่นเดียวกับประเทศต่าง ๆ แต่ก็ส่งเสริมให้เอกชนทำการค้าเสรี และไม่สนับสนุนให้มีการค้าโดยรัฐมากเกินไปซึ่งนโยบายการค้าต่างประเทศของไทยพอสรุปได้ดังนี้ 1. ถือระบบการค้าเอกชน 2. ถือระบบภาษีศุลกากรอัตราเดียว 3. มีข้อจำกัดทางการค้าอย่างแผ่วเบา

นโยบายการค้าเสรีมีอะไรบ้าง

แนวคิดของการมีนโยบายการค้าเสรี คือประเทศจะเลือกผลิตสินค้าที่ตนเองถนัด และมีต้นทุนการผลิตต่ำที่สุด คือจะผลิตสินค้าที่คิดว่าประเทศตนได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ (Comparative Advantage)มากที่สุด แล้วนำสินค้าที่ผลิตได้นี้ไปแลกเปลี่ยนกับสินค้าที่ประเทศตนไม่ถนัด หรือเสียเปรียบ โดยแลกเปลี่ยนสินค้ากับประเทศอื่นที่ผลิตสินค้าแล้วได้ ...

ข้อใดคือความหมายของการค้าระหว่างประเทศ

การค้าระหว่างประเทศ หมายถึง การซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างประเทศ ประเทศที่ทำการซื้อขายสินค้าระหว่างกันเรียกว่า “ประเทศคู่ค้า” สินค้าที่แต่ละประเทศซื้อเรียกว่า “สินค้าเข้า” imports และสินค้าที่แต่ละประเทศขายไป เรียกว่า “สินค้าออก”exports ประเทศที่ซื้อสินค้าจากต่างประเทศ เรียกว่า “ประเทศผู้นำเข้า” ส่วนประเทศที่ขาย ...

ข้อใดเป็นลักษณะของนโยบายการค้าระหว่างประเทศแบบคุ้มกัน

- นโยบายการค้าแบบคุ้มกัน คือการผลิตสินค้าหลายๆ ชนิดเอง เพื่อลดการนำเข้าด้วยการให้ความคุ้มครองสินค้าในประเทศ โดยตั้งกำแพงภาษีขาเข้าในอัตราสูง หรือกำหนดข้อจำกัดทางการค้าต่างๆ เช่น กำหนดโควตาการนำเข้า การห้ามนำเข้าสินค้าบางชนิด เป็นต้น นโยบายเช่นนี้ ส่งผลให้การผลิตสินค้าในประเทศขยายตัว สามารถลดการพึ่งพาสินค้าจากต่างประเทศ ...