รวม 7 สุดยอดซอฟต์แวร์สาย Productivity ที่เราอยากแนะนำให้คุณและองค์กรลองใช้ เพื่อการทำงานในช่วง Work From Home อย่างมีประสิทธิภาพในปี 2021 Show By Pea Tanachote April 20, 2021 Light Dark ส่งต่อเรื่องราวดีๆ Pea Tanachote อดีตนักร้อง ที่ผันตัวมาเขียนคอนเทนต์ ชอบดูฟุตบอลและ Blackpink เป็นชีวิตจิตใจ นักเขียนคอนเทนต์ที่ใคร ๆ ก็ต้องการตัว (โดยเฉพาะตำรวจ) นักเขียน ในช่วงเดือนที่ผ่านมาสถานการณ์ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยกลับมามีตัวเลขที่สูงขึ้นอีกครั้งแตะหลัก 1,000 คน+ ต่อวันจนถ้าเราจะเรียกว่าเป็นการระบาดครั้งนี้คือการระบาดระลอกใหม่ก็คงไม่ผิดอะไร ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้บริษัทส่วนใหญ่ในบ้านเรา ก็ต้องมีการปัดฝุ่นรื้อเอานโยบาย Work From Home หรือ Remote Working กลับมาใช้งานอีกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อของพนักงานในองค์กร เมื่อเราต้องกลับมา Work From Home กันอีกในช่วงนี้ (มีท่าทีว่าจะยาวกว่าปีก่อนด้วย) บางองค์กรก็ต้องเจอกับปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับทำงานเช่นปัญหาของการสื่อสารกันข้ามแผนก, การจัดการการทำงานที่ทำได้ไม่ลื่นไหลเท่าการทำงานที่ออฟฟิศแบบปกติ หรือปัญหาที่เป็นปลีกย่อยเช่น งานเอกสาร การประชุมทีม ซึ่งอาจเป็นปัญหาที่เข้ามาทำให้การทำงานขององค์กรคุณประสบปัญหาตามมาได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าการทำงานแบบ Work From Home จะพบแต่ปัญหาอย่างเดียว.. เพราะถ้าองค์กรของคุณรู้จักการนำเอาซอฟต์แวร์หรือเครื่องมือบางตัวเข้ามาใช้ นอกจากจะช่วยให้ปัญหาต่าง ๆ ที่กล่าวมาหมดไปแล้ว ยังช่วยให้องค์กรของคุณมีการทำงานที่ง่ายขึ้น ลดเวลาและจำนวนคน รวมไปถึงได้กระบวนการใหม่ ๆ ในการสร้างวิธีการทำงานแบบอัตโนมัติเพื่อนำมาปรับใช้กับองค์กรของคุณในอนาคต ในบทความนี้ The Growth Master เลยอยากมาแนะนำ 7 ซอฟต์แวร์สำหรับการทำงานแบบ Work From Home ในปี 2021 ที่องค์กรของคุณควรเลือกนำมาใช้งานเพื่อการทำงานที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ฝ่าวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ จะมีซอฟต์แวร์ตัวไหนบ้าง ไปติดตามกันได้ในบทความ 7 ซอฟต์แวร์สำหรับการทำงานแบบ Work From Home ที่องค์กรของคุณควรเลือกมาใช้ในปี 20211. Clickupเริ่มต้นกันที่ซอฟต์แวร์ด้าน Task Management (การจัดการการทำงาน) กันก่อน เราขอแนะนำไปที่ Clickup ซอฟต์แวร์จัดระเบียบงานที่มาพร้อมลูกเล่นมากมาย ตอบโจทย์ทุกธุรกิจ ทำให้การทำงานของพนักงานทั้งองค์กรลื่นไหล ไม่มีสะดุด การันตีความน่าเชื่อถือจากการใช้ในองค์กรอย่าง Google, Nike, Netflix, Airbnb, Uber นอกจากนั้น ClickUp ยังได้รางวัล Best Software 2019 โดย TaskReport และพึ่งรับเงินทุน $35 ล้านเหรียญจาก Craft Ventures เมื่อปีที่แล้วด้วย สำหรับการทำงานของ Clickup นั้นหน้าที่ของซอฟต์แวร์ตัวนี้ หลัก ๆ คือเรื่องของการจัดการ Task งานของพนักงานแต่ละคน/แต่ละแผนก หรือทั้งองค์กร ซึ่งต้องบอกว่าแต่ละแผนกก็จะมีโปรเจกต์ของใครของมัน และในแต่ละโปรเจกต์ก็จะถูกสับออกเป็นงานชิ้นย่อย ๆ ลงไปอีก การใช้ ClickUp ก็เลยเปรียบเหมือนการให้ Account คือบริษัทของคุณ จากนั้นก็สร้างพื้นที่ในแอคเขาท์ ให้เป็นแผนก เรียกว่า Space และในแต่ละ Space ถูกซอยให้เล็กลงอีกทีให้เป็น Folder แทนโปรเจกต์ของแต่ละแผนก ในแต่โปรเจกต์มีงานที่สร้างขึ้นเป็นลิสต์เรียกว่า “Task” ซึ่งภายใน Task นี่แหละ ที่จะทำให้คุณสามารถ Assign งานนั้น ๆ ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมาย รวมถึงการใส่รายละเอียด (Brief) ว่างานนั้นต้องมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง สามารถแปะไฟล์, เอกสาร ที่ต้องใช้ลงไปใน Task รวมถึงการแสดงความคิดเห็นในช่อง Comment ได้อีกด้วย หรือในกรณีที่ใน Task นั้นมีรายละเอียดของงานที่ต้องทำเยอะ (เช่น Task งานทั้งหมดที่ต้องทำในเดือนเมษายน) คุณก็สามาถซอยให้เล็กลงได้อีกด้วยการสร้าง Subtask ซึ่งก็คือ Task ย่อยใน Task ใหญ่อีกที (หน้าตาเหมือนกันเป๊ะ) เพื่อให้พนักงานแต่ละคนไม่พลาดทุกรายละเอียดของการทำงานนั่นเอง แน่นอนว่า ทุก ๆ โปรเจกต์และงานย่อย เราสามารถแชร์ให้กับคนอื่นในองค์กร โดยกด Add เข้าไปที่ตัวงานว่า ใครเป็นคนรับผิดชอบ หรือ เลือกว่าให้ใครจะสามารถมองเห็นงานนี้ได้บ้าง ฝั่งผู้ที่รับผิดชอบงานนั้นก็สามารถกด Update สถานะของงานได้ด้วยว่าตอนนี้ทำงานคืบหน้าไปแล้วกี่เปอร์เซนต์ ทำให้ทั้งองค์กรสามารถมองภาพเดียวกันได้ว่าตอนนี้แต่ละคนทำงานอะไรอยู่ และมีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว อีกทั้ง Clickup ยังสามารถปรับเปลี่ยนมุมมองได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของ Kanban Board, Calendar (ไว้ดูเป็นแบบปฏิทินแต่ละวัน), Gantt (ลากจุดเชื่อมความเชื่อมโยงแต่ละงาน), มุมมอง Activity (รวบรวมทุกกิจกรรมที่เกิดขึ้นใน ClickUp) , มุมมอง Mind Maping ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความถนัดของผู้ใช้งานแต่ละคน นอกจากนั้น Clickup ยังมีฟีเจอร์การใช้งานอีกมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อการจัดการการทำงานขององค์กรคุณ สำหรับใครที่สนใจใช้งาน Clickup แต่อยากศึกษารายละเอียดให้มากกว่านี้ คุณสามารถอ่านบทความแนะนำการใช้งาน Clickup แบบเต็ม ๆ ได้ที่ บทความนี้ หรือดูวิดีโอรีวิวแนะนำการใช้งานจริงจากรายการ We Need Tool Talk ด้านล่างนี้ได้เลย นอกเหนือจากการเป็นซอฟต์แวร์ด้าน Project Management แล้ว ClickUp ยังถูกเรียกว่าเป็น “All Your Work In One Place” เพราะสามารถ Integrate เข้ากับซอฟต์แวร์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานแบบ Work From Home ของทีมให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่ง ClickUp นั้นสามารถเชื่อมต่อ API เข้ากับซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ที่ใช้ในองค์กรได้ ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการประชุมงานอย่าง Slack หรือ Zoom, ไวท์บอร์ดระดมไอเดียอย่าง Miro, การนัดหมายผ่าน Google Calendars หรือเชื่อมต่อการทำงานแบบอัตโนมัติให้กว้างขึ้นไปอีกด้วย Zapier จึงเป็นเหตุผลที่ทำไม ClickUp จึงเป็นซอฟต์แวร์ที่รู้ใจคนทำงานทุกคน ไม่ใช่เพียงแค่ซอฟต์แวร์ที่กล่าวมาข้างต้นเท่านั้นที่สามารถ Integrate เข้ากับ ClickUp แต่ยังมีแอปพลิเคชันอื่น ๆ หรืออีก 1,000+ ซอฟต์แวร์ ที่สามารถเชื่อมต่อกับสุดยอดโปรแกรม Task Management ตัวนี้ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Trello, GitHub, GitLab, Webhooks, Google Drive, Dropbox, Figma, Tableau, Discord, Airtable และอื่น ๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน และนี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้บริษัทใหญ่ ๆ ทั่วโลกเลือกใช้ ClickUp สามารถดูซอฟต์แวร์ที่สามารถ Integrate กับ ClickUp ได้เพิ่มเติม ที่นี่ สำหรับซอฟแวร์อื่นๆที่ ClickUp ยังไม่มี Integration ให้โดยตรง ClickUp ก็มีตัว Open API ที่ช่วยให้เชื่อมโปรแกรมเข้ากับซอฟต์แวร์อื่นๆ ได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์ทั่ว ๆ ไป หรือซอฟต์แวร์สำหรับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น ซอฟต์แวร์ด้าน ERP อย่างโปรแกรม SAP ที่มีการใช้งานค่อนข้างละเอียดและซับซ้อน และด้วยการทำงานแบบ Work From Home ในช่วงนี้ที่อาจก่อให้เกิดความยากลำบากในการติดตามผลงานหรือดูภาพรวมการทำงานของทีม การเชื่อมต่อ ClickUp เข้ากับ SAP ผ่านการใช้ API ที่เป็นเสมือนท่อรับ-ส่งข้อมูลต่าง ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยทำให้การติดตามการทำงานของ SAP มีประสิทธิภาพและสะดวกยิ่งขึ้นได้อย่างแน่นอน |