Show ข้อแตกต่างระหว่าง IR และ RF หลักการกว้างๆของเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายระหว่างอินฟราเรด (Infrared, IR) และสัญญาณวิทยุ (Radio Frequency, RF) ก็คือการใช้คลื่นที่ความถี่ย่านต่างกันในการสื่อสารแบบไร้สายนั่นเอง ก็ตรงตามชื่อเลยครับ อินฟราเรดใช้คลื่นย่านอินฟราเรดรับส่งข้อมูล โดยส่วนมากก็จะอยู่ที่ราวๆ 38kHz ส่วนคลื่นวิทยุก็ใช้คลื่นวิทยุนั่นเอง แต่จะมีการเอามาใช้คลื่นที่แตกต่างกัน ขึ้นกับการใช้งาน และก็ข้อกำหนดของแต่ละประเทศครับ คลื่นพวกนี้ก็เช่น 315Mhz และ 433Mhz เป็นต้นครับ ยังไงเราไปดูข้อดี/ข้อจำกัดว่าสองคลื่นนี้แตกต่างกันยังไงดีกว่าครับ ข้อดี/ข้อจำกัด รีโมทสัญญาณอินฟราเรด (Infrared, IR) อุปกรณ์/เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้การสื่อสารแบบนี้ก็เช่น ทีวี แอร์ โปรเจคเตอร์และกล่องเคเบิลเป็นต้นครับ สังเกตว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าไหนใช้ IR ก็ให้ดูที่รีโมทจะมีหลอด IR คล้ายๆหลอก LED ที่ใช้สำหรับส่งคลื่นอินฟราเรดนั่นเองครับ ข้อดี
ข้อจำกัด
รีโมทสัญญาณวิทยุ (Radio Frequency, RF) อุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีนี้ก็เช่น รีโมทเปิดปิดประตู รีโมทเปิดปิดม่าน แป้นสวิตซ์ไร้สาย (Broadlink TC2 คลิก) และสวิตซ์เปิดปิด LV (LV-RXD3.8 คลิก หรือ LV-RXD4 คลิก )เป็นต้นครับ ข้อดี
ข้อจำกัด
เรียบเรียงโดย "LivingDewise.com" โดยนายวิรัตน์ ทรงงาม วิศวกรไฟฟ้าชำนาญการพิเศษ ในกระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องใช้พลังงานความร้อนในกระบวนการผลิตเพื่อการแปรรูปสินค้า มีการใช้พลังงานความร้อนที่หลากหลายรูปแบบ ทั้งการหลอม การอบ การต้ม การนึ่ง และรูปแบบอื่นๆ
โดยมีแหล่งกำเนิดความร้อนมาจากเชื้อเพลิงหรือไฟฟ้าทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะงานของแต่ละอุตสาหกรรม สำหรับในกรณีการให้ความร้อนด้วยไฟฟ้าโดยทั่วไปมักจะใช้ตัวกำเนิดความร้อนที่เป็นขดลวดไฟฟ้า (Electric Heater) ซึ่งเป็นการส่งผ่านความร้อนจากแหล่งกำเนิดไปยังวัตถุหรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องอาศัยตัวกลางในการนำความร้อน (Conduction) หรือพาความร้อน (Convection) ปัจจุบันได้มีการพัฒนาตัวกำเนิดความร้อนที่เป็นตัวปล่อยรังสีอินฟราเรด (Infrared Emitter) ซึ่งเป็นการให้ความร้อนโดยการแผ่รังสีความร้อน (Radiation)
ที่ส่งผ่านความร้อนจากแหล่งกำเนิดไปยังวัตถุหรือผลิตภัณฑ์โดยตรงโดยไม่ต้องอาศัยตัวกลาง ทำให้โมเลกุลของวัตถุที่ได้รับรังสีอินฟราเรดเกิดการสั่นสะเทือนและเกิดความร้อนขึ้นจากภายในเนื้อวัตถุ ซึ่งต่างจากการให้ความร้อนโดยการนำความร้อนหรือการพาความร้อนที่เป็นการให้ความร้อนจากพื้นผิวภายนอกของวัตถุและความร้อนจะค่อย ๆ ซึมเข้าไปภายในเนื้อวัตถุ การให้ความร้อนโดยรังสีอินฟราเรดจะมีประสิทธิภาพในการให้ความร้อนสูงกว่า ใช้พลังงานน้อยกว่า ใช้ระยะเวลาสั้นกว่าและมีการสูญเสียความร้อนน้อยกว่า รังสีอินฟราเรดกับการให้ความร้อนในงานอุตสาหกรรม สำหรับปรากฏการณ์ในขณะที่รังสีอินฟราเรดตกกระทบวัตถุมี 3 แบบ คือ ส่งผ่าน (Transmission), ดูดซับ (Absorption) และสะท้อน (Recflection) โดยถ้าเป็นวัตถุหนาความร้อนที่เกิดขึ้นในตัววัตถุจะเป็นปรากฏการณ์การดูดซับ (Apsorption) แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ตามตารางที่ 1 เป็นการแสดงคุณสมบัติ (Characteristic) ของการให้ความร้อนโดยรังสีอินฟราเรด (IR Heating) ที่ช่วงความยาวคลื่นต่างๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่าความยาวคลื่นสั้น (Short Wave) จะสามารถทะลุทะลวงได้ดีที่สุด และให้ความร้อนได้รวดเร็ว แต่สำหรับการให้ความร้อนที่ผิวจะด้อยกว่าความยาวคลื่นปานกลาง (Medium Wave) หรือความยาวคลื่นยาว (Long Wave) ตารางที่ 1 คุณสมบัติของการให้ความร้อนโดยรังสีอินฟราเรดที่ช่วงความยาวคลื่นต่าง ๆ ข้อดีของการให้ความร้อนด้วยรังสีอินฟราเรด
การประยุกต์ใช้งานการให้ความร้อนด้วยรังสีอินฟราเรด
ไฟล์/vdo/ข้อมูล ที่เกี่ยวข้อง: ข้อใดคือข้อเสียของการส่งสัญญาณด้วยระบบอินฟาเรดข้อเสียของอินฟราเรด 1. เครื่องส่ง(Transmitter) และเครื่องรับ (receiver) ต้องอยู่ในแนวเดียวกัน คือต้องเห็นว่าอยู่ในแนวเดียวกัน 2. คลื่นจะถูกกันโดยวัตถุทั่วไปได้ง่ายเช่น คน กำแพง ต้นไม้ ทำให้สื่อสารไม่ได้ 3. ระยะทางการสื่อสารจะน้อย ประสิทธิภาพจะตกลงถ้าระยะทางมากขึ้น
รังสีอินฟราเรดมีอันตรายอย่างไรอันตรายจากรังสีอินฟราเรด
เนื่องจากในแสงแดดนั้น มีรังสีอินฟราเรดซึ่งก่อให้เกิดความร้อนได้สูง ซึ่งสำหรับผู้ที่อยากมีผิวสีแทน แล้วไปอาบแดด อาจจะได้ผิวไหม้มาเป็นของแถม ซึ่งจะทำให้เซลล์ผิวหนังของเราถูกทำลายได้ง่าย
ข้อใดเป็นการใช้ประโยชน์จากรังสีอินฟราเรดรังสีชนิดนี้ถูกใช้ในงานอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ การทหาร การบังคับใช้กฎหมายและการแพทย์ เช่นอุปกรณ์มองเห็นกลางคืนที่ใช้การส่องสว่างที่ใช้งานอยู่ช่วยให้สามารถสังเกตเห็นคนหรือสัตว์ได้ ในทางดาราศาสตร์ใช้กล้องโทรทรรศน์อินฟาเรดที่เพื่อมองทะลุบริเวณที่เต็มไปด้วยฝุ่น เมฆเพื่อมองหาวัตถุเช่นดาวเคราะห์ อีกทั้งกล้องถ่ายภาพความร้อนใช้ ...
อินฟาเรดมีแหล่งกําเนิดจากที่ใดบ้างเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่แผ่มาจากดวงอาทิตย์ ที่มีความถี่ถัดจากความถี่ของแสงสีแดงลงมา ด้วยเหตุนี้จึงเรียกว่า รังสีอินฟราเรด หรือรังสีใต้แดง (infra + red) รังสีอินฟราเรดมีแหล่งกำเนิดมาจากความร้อน มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นแสงอินฟราเรดได้ด้วยตา แต่เมื่อสัมผัสรังสีเราจะรู้สึกถึงความร้อนได้ ไม่ว่าตอนเรารู้สึกร้อนจากแดด ...
|