อินเดีย เป็นประเทศที่มีเสน่ห์หลายๆ อย่าง ทั้งวัฒนธรรม การกินอยู่ และธรรมชาติ ซึ่งด้วยภูมิประเทศที่ค่อนข้างกว้างใหญ่ รัฐหนึ่งอาจมีขนาดพอๆ กับประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ที่เที่ยวอินเดียจึงไปครั้งเดียวก็อาจไม่พอจริงๆ ใครกำลังวางแผนหาที่เที่ยวอินเดียบ้างคะ เชื่อว่าในแต่ละทริปการท่องเที่ยวมักจะมีเรื่องราวสนุกสนาน หรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่ไม่คาดฝัน มาให้ลุ้นระทึกกันบ้าง แม้เราจะเตรียมตัวมาอย่างดีแค่ไหนก็หลีกเลี่ยงได้ยาก ShopBack มีรีวิวเที่ยวอินเดีย Leh Ladakh แบบผจญภัยมาฝากเพื่อนๆ ทุกคน จากกระทู้ของคุณbobbiexx ในพันทิปค่ะ เรื่องราวของทริปเที่ยวต่างประเทศครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันเลยค่ะ Show
มนต์เสน่ห์ของอินเดีย ในฤดูหนาวก่อนจะเริ่มรีวิวขอเกริ่นก่อนว่า ฤดูหนาวประเทศอินเดีย เริ่มในเดือนตุลาคม-มีนาคม มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 10-17 องศาเซลเซียส โดยอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ – 3 องศาเซลเซียส เฉพาะบางเมืองเท่านั้น สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำในช่วงนี้ก็คือ Sonamarg, Yumthang, Shimla, Roopkund และ Leh Ladakh ที่เรากำลังจะรีวิวนั่นเอง ใครที่คิดว่าเที่ยวอินเดียมีแต่อากาศร้อนต้องคิดใหม่ เนื่องจากอินเดียยังมีสถานที่น่าเที่ยวสำหรับคนรักภูเขาและหิมะ สามาถชมหิมะทางเทือกเขาหิมาลัยได้แม้อยู่ในเดือนเมษายน ซึ่งใครที่ชอบเที่ยวต่างประเทศ ต้องลองมาสัมผัสสักครั้ง แต่บางช่วงอาจจะไม่เหมาะสำหรับมือใหม่ ที่ยังไม่ชำนาญการท่องเที่ยวผจญภัยมากนัก เพราะต้องเดินทางไกล พร้อมอุณหภูมิติดลบ 10 องศาเซลเซียส จึงต้องใช้การชำนาญในการเดินทางมากเลยทีเดียว Leh Ladakh แค่ครั้งนึง..คงไม่ถึงตายสวัสดีค่ะ กระทู้นี้จะมารวมเรื่องเล่าความประทับใจ ความสวยงาม และอุปสรรคของเราที่พบเจอ ระหว่างไปเที่ยวที่ Leh ladakh, Indiaในช่วงวันที่ 14 เมษายน – 20 เมษายน 2562 เป็นทั้งเรื่องเล่า ประสบการณ์ มิตรภาพจากเพื่อนร่วมทริปที่เที่ยวอินเดีย และระหว่างทางที่พบเจอ พร้อมแล้ว ไปกันเลย ก่อนเดินทางไป Leh Ladakhช่วงนั้นมีการขัดแย้งระหว่าง ปากีสถาน และอินเดีย ที่ออกข่าวครึกโครม แน่นอนเรา และเพื่อนๆต่างกลัว ภาวนาให้ทั้ง สองประเทศคืนดีกันโดยไว เพื่อให้เราไปเที่ยวอินเดียได้อย่างสงบ เพราะพื้นที่บางแห่งใน Leh ต้องเปิด Permit เพื่อขออนุญาติเข้าสถานที่ ก่อนเดินทางไม่ถึง 1 เดือนเราได้รับ e-mail cancelled flight จากสายการบิน Jet Airway ตอนนั้นยอมรับว่ามืดมนไปหมดเลยค่ะ เพราะโดนเทแบบหน้าหงาย เราและเพื่อนมืดมนมากค่ะ ว่าจะเอายังไงต่อดี ไปหรือไม่ไป สรุปจนได้ใจความว่า มันเป็น Dream List ค่ะที่ทุกคนตั้งใจจะไปที่เที่ยวอินเดีย อีกอย่างทำการจองมัดจำทัวร์ที่นู่นกับเอเจนซี่ไว้ทั้งหมดแล้ว จึงตัดสินใจไป ตอนนั้นก็ทำการจองตั๋วใหม่ และรอทำการ Refund เงินคืน จาก Jet Airway ในใจนี่ภาวนาให้ได้เงินคืนเต็มจำนวน และโชคเข้าข้างเราค่ะ เราได้เงินคืนทั้งหมด คอยหมั่นเช็ค E-Mail และโทรหา Call center เป็นระยะ ช่วงนี้คือทะเลาะกับเพื่อนแทบทุกวันค่ะ ลุ้นเรื่องเอาเงินคืน ผลัดกันโทรหา Call center ปั่นป่วนไปหมด บอกตรงๆว่าท้อไปเลย วันเดินทางเราบินจากกรุงเทพไปลงเดลี และเที่ยวเดลีก่อน 1 วันค่ะ เช้าวันรุ่งขึ้น เตรียมตัวเพื่อจะไปขึ้นเครื่อง สายการบินที่จองไว้ คือ Go Air ค่ะ ไปด้วยความมั่นใจ เพราะฉันอ่านข้อมูลมาแล้วว่ามันขึ้นที่ Termainal 1 ผ่างงงงงง! ผิดค่ะ เราต้องไป Tremanal 2 ค่ะ! ใช่ค่ะ โชคดีที่เราเรียกรถไป 2 คันไปส่งสนามบิน แบ่งกันกับสมาชิก เราเลยอัดกันขึ้นรถอีกคัน เพื่อไป Terminal 2 ให้ทันเวลา ในใจคิดนะ ว่า ฉันจะตกเครื่องไหม สรุปรอดค่ะ ไป Check-in ได้ทันเวลา แต่ แต่ แต่ยัง ผ่านด่านสแกนกระเป๋าสัมภาระถือขึ้นเครื่อง กระเป๋าเราไม่ผ่านค่ะ เทของแล้วเทของอีก เช็คไปเช็คมา เจ้าหน้าที่บอกว่ามันมีบางอย่างในกระเป๋าตังค์ เป็นแท่งๆ เราจึงรื้อในช่องใส่เงินดู แท่น แท่น แท๊นนน.. ของสิ่งนั้นคือ เทพทันใจที่บูชาจากพม่าค่ะ เทพทันใจไม่มีพาสปอร์ตนะค่ะ เลยไม่ได้ไปเที่ยวอินเดียต่อ เล่นเอาเรากับเพื่อนๆ นี่ขำไปเลย หลังจากที่เจอเรื่องทรหดมาเยอะเราถูกต้อนรับบนเครื่องเป็นอย่างดี มองไปข้างนอกหน้าต่างด้วยวิวภูเขาหิมะที่สวย สวยแบบหรูหราหมาเห่ามากค่ะ ภูเขาสีขาว ตัดกับท้องฟ้า เที่ยวต่างประเทศแต่ละครั้ง วิวนี้แหละค่ะทำให้ลืมเรื่องราวที่พบเจอมาได้ชั่วขณะเลย.. วันแรกที่มาถึงเมือง Lehเราเข้า Check-in ที่พักเพื่อพักผ่อนปรับร่างกาย ให้เข้ากับความสูงจากระดับน้ำทะเลที่นี่ ก่อนเดินทาง เราและเพื่อนๆกินยา Diamox เพื่อป้องกันการแพ้ความสูงกันมาแล้ว และยังคงกินต่อในทุกๆวันที่อยู่ที่เมืองนี้.. ช่วงเย็น เราไปเที่ยวที่ Shanti Stupa ที่เที่ยวอินเดียที่มีชื่อเสียง และแล้ว! หนึ่งในผู้ร่วมชะตากรรม มีอาการแพ้ความสูงค่ะ เวียนหัว จะอ้วก เราตัดสินใจกันพาเพื่อนไปโรงพยาบาลในเมืองเลห์ค่ะ คุณหมอและพยาบาลน่ารักมากค่ะ ให้ความช่วยเหลือ อธิบาย และรักษากันแบบเต็มใจและเต็มที่ (อันนี้สัมผัสได้ทุกคน) คุณหมอให้เพื่อนเราอยู่ดมออกซิเจนเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และทานยา เราชื่นชอบพยาบาลที่นี่นะ คือที่เราเห็นในห้องผู้ป่วยมีพยาบาลประมาณ 1-2 คน กับคนไข้หลายเตียง พวกเขาดูทำงานด้วยความตั้งใจ ให้การรักษาอย่างเต็มที่ อธิบายต่อคนไข้ ส่งรอยยิ้มแถมชวนพวกเราคุยด้วย ณ จุดนี้ ประทับใจค่ะ วันที่เดินทางเพื่อจะไป Nubra Valleyเราต้องผ่านถนนที่สูงที่สุดของที่นี่คือ Kradungla Pass ที่มีค่ายทหารอยู่บนเขา ด้วยความที่อากาศเดือนเมษายน ค่อนข้างหนาวมาก หิมะยังมีตกบ้าง ทำให้ถนนบางช่วงมีหิมะปิดทาง บางช่วงต้องรอเคลียร์ทางเพื่อให้เดินรถได้ เราผ่าน Pass นี้มาได้ แต่แล้ว.. ด้วยความที่ถนนแคบและมีรถสวนทาง รถของเราต้องหยุดเพื่อให้รถอีกฝั่งสวนทางมาได้ และรถที่สวนทางมาคือรถทหารค่ะ คันสูงๆ ใหญ่ๆ ได้ชนรถเราค่ะ ชนดังตึ้บ! พวกเราในรถตกใจมากค่ะ ลงไปดูพบว่าไฟท้ายได้หลุดลงมาแล้ว ช็อกมากค่ะ ณ จุดนี้ ถึง Nubra Valleyในแถว Nubra Valley จะมีให้ขี่อูฐ ซึ่งเป็นถือเป็นสัญลักษณ์เมื่อมาถึงที่เที่ยวอินเดียเลย เพื่อนๆ เราก็ไปขี่อูฐกัน ทันใดนั้นค่ะ มันมีพายุกลางทะเลทรายค่ะคุณ คือ ทรายฟุ้งไปตามลมมาก ในอากาศมีแต่ทราย เข้าหู ตา จมูก เสื้อผ้าไปหมด ไป Pangong Lakeที่ Pangong Lake ถ่ายรูปเล่นไปได้สักพัก ตอนนั้นหิมะก็ตกลงมาเลยค่ะ ตื้นเต้นมาก เพราะนี่คือหิมะแรกในชีวิตเลย บอกแล้วข้างต้นว่าที่เที่ยวอินเดียไม่ได้มีเพียงอากาศร้อน รู้สึกตื่นเต้นบวกสนุกด้วย โดยหารู้ไม่ค่ะ หายนะกำลังจะมาในวันต่อไป พักแถว Pangong Lake 1 คืนวันนี้มีแพลนจะกลับเมืองเลห์ค่ะ พวกเราได้รับข่าวแจ้งจากคนขับว่า ไม่ต้องรีบนะ เพราะหิมะปิดทาง Permit ยังไม่เปิดทางให้กลับ เรารอจนถึงเที่ยง หลังจากนั้นก็เดินทางเพื่อจะกลับเมืองเลห์ เราได้ข่าวกันว่า Changla Pass จะเปิด 5โมงเย็นให้รถขึ้นได้ แน่นอนว่ารอค่ะ รอจนถึงเย็น ตรงนี้มีนักท่องเที่ยวคนไทยและคนอินเดียเองหลายคันต่อแถวยาวเพื่อจะกลับเมืองเลห์ และแล้วก็ถึงเวลา 5โมงค่ะ เราได้รับข่าวว่า Pass ไม่เปิด ต้องกลับเข้าไปพักที่เดิมนะ แล้วค่อยกลับพรุ่งนี้.. ไม่ได้จองที่พักไว้แน่นอนว่าตอนกลับไปถึงก็เย็นแล้ว เท่ากับเราต้องไป Walk in โรงแรม แน่นอนว่าเต็มค่ะ! ตอนนั้นคือมืดแล้ว หนาวด้วย น้ำตาแทบร่วงค่ะ จะไปนอนไหน กลับก็ไม่ได้กลับ ที่พักก็ไม่มี โชคดีเข้าข้างค่ะ มีพี่คนไทย พี่คนนึงลงมาบอก Reception ว่า ต้องให้น้องนอนที่นี่ จะให้น้องผู้หญิงไปนอนไหนกัน 5 คน มันอันตรายแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าห้องเต็มแล้วไม่มีห้อง พี่แกไฟท์สุดพลัง จนบอกว่า มีเตียงเสริมผ้าห่มไหม ให้น้องมานอนกันในห้องพี่ นอนด้วยกัน สรุปคืนนั้นเรานอนกันในห้องเล็กๆทั้งหมด 8 คนค่ะ ในความโชคร้ายของเรายังมีความโชคดีอยู่ ขอบคุณพี่เปิ้ลมากๆ (ขออนุญาติเอ่ยนาม) พี่ช่วยพวกเราให้มีที่นอนกันหนาวในคืนนั้นค่ะ น้ำใจของคนไทยในต่างแดนทำเอาพวกเราน้ำตาไหลเลย การไปไกลๆ ที่เที่ยวอินเดีย ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ อินเตอร์เนต ความรู้สึกหมดหนทาง แต่เจอคนไทยที่นี่ มันดีใจ ตื้นตันไปหมด ขอบคุณมากๆค่ะ เที่ยวที่ Changla Passวันนี้เจ้าหน้าที่บอกว่า Changla Pass เปิด สามารถขึ้นได้ พวกเราก็ดีใจมากๆ จะได้เข้าเมืองแล้ว คนขับก็ขับรถไปค่ะ ขับไปได้ระยะหนึ่งต้องชะงักค่ะ เพราะมีหิมะปิดทาง ระหว่างนั้น 11 โมงค่ะ พวกเรารอ รอ จนมีรถมาต่อคิวยาวข้างหลัวเต็มไปหมด อ่อ เราได้คนขับพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ค่ะ การสื่อสารระหว่างเรายากมาก เราอยากรู้ทุกอย่างว่าปัญหาคืออะไร ทำไมไปไม่ได้ เราต้องลงไปคุยกับคันอื่นๆ หาข้อมูล จนได้ความว่า อ่อ ทหารเคลียร์ทางอยู่นะ เดี๋ยวก็ได้ไปแล้ว ที่ที่เราติดคือทางบน Changla Pass ที่ระดับความสูง 5,000 กว่าเมตรจากน้ำทะเล แน่นอนค่ะ ออกซิเจนเบาบางมาก หิวก็หิว น้ำก็ต้องจิบตลอด ปวดฉี่.. แน่นอนว่าฉี่มันข้างทางเลยค่ะ เราติดบน Changla Passระยะเวลาตั้งแต่ 11 โมง จนกระทั้งฟ้ามืด อากาศเริ่มเย็นลง หิว และท้อ กลัวแต่จะไม่ได้กลับบ้าน ตอนนั้นคนขับรถบอกว่าเราต้องเดิน ใช่ค่ะ เราต้องเดินบนทางหิมะ ที่อากาศเย็น -17 องศา (อันนี้ถามมาจากทหาร) แบกเป้ขึ้นบ่าและลากเพื่อนไป เพื่อจะไปที่แคมป์ทหาร ระหว่างเดินเท้าต้องเดิน หยุด เดิน อากาศก็เบาบาง จนมีเพื่อนบางคนวูบไป ตอนนั้นคือ น้ำตาไหลค่ะ ต้องเอาออกซิเจนกระป๋องมาให้เพื่อนดม ได้รับความช่วยเหลือจากลามะที่เดินเท้าหิ้วปีกเพื่อนเราไป ได้รับความช่วยเหลือจากทหารอินเดีย ขอบคุณหลายๆคนที่ทำให้เราและเพื่อนรอดจากเหตุการณ์ตรงนี้ได้ อารมณ์เราคล้ายๆผู้ลี้ภัยในแคมป์ทหาร มีพี่ทหารทำขนมให้กิน มีหมอทหารมาเช็คออกซิเจนในเลือดเป็นระยะ จากเหตุการณ์นี้ เรารอรถจากเอเจนซี่ เพื่อมารับเราที่แคมป์ทหารและลงไปเมืองเลห์ค่ะ ตอนนั้นคือดีใจมากที่เห็นรถมารับอีกฝั่ง ดีใจที่อีกวันจะได้กลับบ้านแล้ว นี่แหละค่ะ เป็นเหตุกาณ์ที่เที่ยวอินเดีย ที่เราได้เจอมาในช่วงเดือนเมษายนคือหนาว มีหิมะ เสี่ยงต่อทางปิดมากๆ แต่วิวข้างทางก็สวยมากเช่นกัน และในเดือนเมษายนก็จะมีดอกแอพพลิคอตบาน คล้ายดอกซากุระ จริงๆมันเป็นเหตุการณ์ที่ต้องแก้ไขตามสถาณการณ์มากๆ ขอบคุณความช่วยเหลือจากพี่คนไทยในต่างแดน หลายคนที่ติดในวันนั้น เราช่วยกันแบ่งที่นอน แบ่งน้ำที่มี แบ่งออกซิเจนกระป๋อง ขอบคุณพี่ๆทหารช่วยเหลือ แบ่งปันฮีทเตอร์หนาวๆ ขอบคุณเพื่อนร่วมทางที่ให้กำลังใจและผ่านเหตุการณ์ในนี้มาได้ ขอบคุณครอบครัวที่ให้ความเข้าใจทำให้การเดินทางสมบูรณ์มากขึ้น ขอบคุณร่างกายตัวเองที่ฝ่าฟันอุปสรรคและปัญหามาได้ เหตุการณ์นี้สอนเรารู้คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ คุณค่าของเวลา ขอบคุณประสบการณ์ที่หาไม่ได้หนังสือเรียน : ) อินเดียควรไปเที่ยวเดือนไหนฤดูที่เหมาะกับการท่องเที่ยวอินเดีย
ฤดูฝน (เดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน) หลังจากฤดูร้อนผ่านไปอากาศก็จะเริ่มเย็นลง อุณหภูมิประมาณ 28 องศา มีฝนตกและมรสุมในบางพื้นที่ เป็นฤดูที่นักท่องเที่ยวยังไม่มากนัก บริเวณสถานที่ท่องเที่ยวหรือที่พักต่างๆ ยังไม่แออัดและไม่ต้องรอคิวนาน
อินเดีย หิมะตกช่วงไหนเที่ยวอินเดียช่วงไหนมีหิมะตก
การมาชมหิมะที่ประเทศอินเดีย ควรมาในช่วงฤดูหนาวเดือนพฤศจิกายน-ปลายเดือนเมษายน ทั้งเมืองจะกลายหิมะปกคลุมไปทุกพื้นที่ โดยอุณหภูมิเฉลี่ยจะอยู่ในระดับ 1-2 องศา หรือถึงติดลบ ทำให้บางพื้นที่มีหิมะตลอดปี
อินเดียหน้าหนาวเดือนไหนฤดูหนาว อยู่ระหว่างเดือนตุลาคม ถึงเดือนมีนาคมอุณหภูมิประมาณ 10-17 องศาฯ โดยมีอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ - 3 องศาฯ เฉพาะบางเมืองเท่านั้น ภาคเหนือ ภาคเหนือของอินเดียอยู่ติดกับเทือกเขาหิมาลัย จะมีสภาพอากาศหนาวเย็นจัด คล้ายยุโรป มีภูมิประเทศที่สูงชัน บางพื้นที่มีหิมะตลอดปี อุณหภูมิอยู่ในระดับ 1-2 องศา หรือถึงติดลบ
ไปอินเดียต้องซื้ออะไร10 ของฝากจากอินเดียน่าซื้อที่คุณอาจไม่เคยรู้จักมาก่อน. ชา Taj Mahal. ... . น้ำกุหลาบสกัด LVCC. ... . ผลิตภัณฑ์จากหิมาลายา (Himalaya) ... . ดินสอเขียนขอบตายี่ห้อ Maybelline รุ่น The Colossal Kajal. ... . น้ำมันกระเทียม Garlic Pearls. ... . ขนม Haldiram's. ... . คุ้กกี้สอดไส้ช็อกโกแลตลาวา Dark Fantasy. ... . ครีมทากันยุง Odomos.. |