การช่วยฟื้นคืนชีพต้องทำภายในกี่นาที

จากโศกนาฏกรรมอิแทวอน เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีคนขาดอากาศหายใจหาย เสียชีวิตจำนวนมาก หนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นคนไทย 1 คน ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า การทำ CPR (Cardiopulmonary resuscitation) ซึ่งเป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ทุกคนควรรู้เอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินเพราะไม่รู้เมื่อไหร่ที่เราจะพบผู้ป่วยฉุกเฉินหรือคนใกล้ตัวที่ต้องการความช่วยเหลืออาทิ ผู้ป่วยหัวใจวาย,ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน,ภาวะหยุดหายใจหรือหัวใจกำลังจะหยุดเต้น คนจมน้ำ ถูกไฟดูดสำลักควันไฟหรือก๊าซพิษ รวมทั้งอุบัติเหตุอื่นๆด้วย

วิธีเอาตัวรอด หนีจากฝูงชนแสนแออัด

ถอดบทเรียนโศกนาฏกรรม 'อิแทวอน' กับอาจารย์ ไพบูลย์ ปีตะเสน

 

การช่วยฟื้นคืนชีพต้องทำภายในกี่นาที

การทำ CPR ไม่ยาก หากรู้และเข้าใจทำได้ถูกวิธีจะสามารถช่วยต่อชีวิตผู้ที่ถูกช่วยเหลืออย่างแน่นอน ก่อนอื่นผู้ช่วยเหลือต้องมีสติ ที่สำคัญการทำ CPR ต้องทำอย่างถูกต้องภายใน 4 นาที เพราะหากสมองขาดออกซิเจนเกิดกว่านั้น สมองอาจเสียหายและเสียชีวิตในที่สุด

ดังนั้นจึงมีการบัญญัติ "ห่วงโซ่แห่งการรอดชีวิต" (Chain of Survival) เพื่อเป็นหลักการช่วยฟื้นคืนชีพแนวทางเดียวกันทั่วโลก

  • ประเมินผู้ป่วยว่ายังรู้สึกตัวอยู่หรือไม่ หากไม่มีสติ คลำหาชีพจรไม่พบ ควรเรียกขอความช่วยเหลือหรือเรียกบริการการแพทย์ฉุกเฉินจากหน่วยงานต่าง ๆ ทันที เช่น ศูนย์เอราวัณ เฉพาะในพื้นที่ กทม.โทร. 1646, สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ โทร. 1669 ทั่วประเทศ
  •  ทำ CPR กดหน้าอกอย่างถูกต้องและทันท่วงที
  • การทำการช็อกไฟฟ้าหัวใจ (AED) ภายใน 3-5 นาที เมื่อมีข้อบ่งชี้
  • การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นสูงอย่างมีประสิทธิภาพ
  • การดูแลภายหลังการช่วยฟื้นคืนชีพ
อาการของผู้บาดเจ็บที่ควร CPR อย่างเร่งด่วน
  • หมดสติ ไม่รู้สึกตัว
  • ไม่หายใจ หรือหายใจเฮือก
  • หัวใจหยุดเต้น 
การช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน (Basic Life Support: BLS) 

แนวทางการปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอนสำคัญ ดับขั้นตอน C-A-B (Chest compression-Airway-Breathing) เนื่องจากการกดหน้าอกก่อนจะทำให้มีเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนสำคัญ เช่น หัวใจและสมอง ซึ่งการทำ CPR ต้องทำจนกว่ากู้ชีพจะมาถึง หรือจนกว่าผู้ป่วยจะรู้สึกตัว

  • กดหน้าอก (C) 30 ครั้ง เปิดทางเดินหายใจ (A) ช่วยหายใจ (B) 2 ครั้ง = 30 : 2

การช่วยฟื้นคืนชีพต้องทำภายในกี่นาที

วิธีปฏิบัติในแต่ละขั้นตอน

  • C : Chest compression คือการกดหน้าอก ปั๊มหัวใจช่วยให้ผู้บาดเจ็บมีการไหลเวียนของเลือดในร่างกายอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้หลักในการปั๊มหัวใจ คือ ต้องกดให้กระดูกหน้าอก (Sternum) ลงไปชิดกับกระดูกสันหลัง ซึ่งจะทำให้หัวใจที่อยู่ระหว่างกระดูกทั้งสองอันถูกกดไปด้วย โดยเป็นการบีบเลือดออกจากหัวใจไปเลี้ยงร่างกาย
    • ให้ผู้บาดเจ็บนอนราบกับพื้นแข็ง ๆ หรือใช้ไม้กระดานรองที่หลังของผู้บาดเจ็บ ผู้ปฐมพยาบาลคุกเข่าลงข้างขวาหรือข้างซ้ายบริเวณหน้าอกผู้บาดเจ็บ คลำหาส่วนล่างสุดของกระดูกอกที่ต่อกับกระดูกซี่โครง โดยใช้นิ้วสัมผัสชายโครงไล่ขึ้นมา (หากคุกเข่าข้างขวาใช้มือขวาคลำเพื่อหากระดูกอก แต่หากคุกเข่าข้างซ้ายให้ใช้มือซ้ายคลำ)
    • วางนิ้วชี้และนิ้วกลางตรงตำแหน่งที่กระดูกซี่โครงต่อกับกระดูกอกส่วนล่างสุด(ระหว่างหัวนมทั้งสองข้าง) วางสันมืออีกข้างบนตำแหน่งถัดจากนิ้วชี้และนิ้วกลางนั้น ซึ่งตำแหน่งของสันมือที่วางอยู่บนกระดูกหน้าอกนี้จะเป็นตำแหน่งที่ถูกต้องในการปั๊มหัวใจต่อไป 
    • วางมือข้างที่ถนัดทับลงบนหลังมือที่วางในตำแหน่งที่ถูกต้อง แล้วเหยียดนิ้วมือตรง จากนั้นเกี่ยวนิ้วมือทั้ง 2 ข้างเข้าด้วยกัน เหยียดแขนตรง โน้มตัวตั้งฉากกับหน้าอกผู้บาดเจ็บ ทิ้งน้ำหนักลงบนแขนขณะกดหน้าอกผู้บาดเจ็บ กดให้ลึกอย่างน้อย 2 นิ้ว (5 เซนติเมตร) สำหรับผู้ใหญ่ ใน เด็กให้กดลงอย่างน้อย 1/3 ของความลึกทรวงอก (ประมาณ 2 นิ้ว หรือ 5 เซนติเมตร) ส่วนในเด็กแรกเกิดหรือเด็กอ่อน การปั๊มหัวใจให้ใช้เพียงนิ้วหัวแม่มือกดกลางกระดูกหน้าอกให้ได้อัตราเร็ว 100–120 ครั้งต่อนาที โดยใช้นิ้วมือโอบรอบทรวงอกสองข้างแล้วใช้หัวแม่มือกดซึ่งต้องให้ ช่วงเวลาการกดแต่ละครั้งคงที่ และจังหวะการสูบฉีดเลือดออกจากหัวใจพอเหมาะกับที่ร่างกายต้องการ ให้ใช้วิธีนับจำนวนครั้งที่กด
      • กดทุกครั้งที่นับตัวเลข และปล่อยตอนคำว่า “และ” สลับกันไป ให้ได้อัตราการกดอย่างน้อย 100 ครั้งต่อนาที (ถ้าน้อยกว่านี้จะไม่ได้ผล) ตัวอย่าง 1 และ2 และ3 และ4 และ5... ทั้งนี้ขณะกดหน้าอกปั๊มหัวใจ ห้ามนำมือออกจากตำแหน่งเดิมและห้ามใช้นิ้วมือกดลงบนกระดูกซี่โครงผู้บาดเจ็บ
    • ควรกดหน้าอก 30 ครั้ง สลับกับการผายปอด 2 ครั้ง และควรมีผู้ช่วยเหลืออย่างน้อย 2 คน เพื่อสลับกันทำเพื่อความต่อเนื่องไปจนกระทั่งเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจมาถึง และพร้อมใช้งาน หรือมีบุคลากรทางการแพทย์เข้ามาดูแลผู้ป่วย

การช่วยฟื้นคืนชีพต้องทำภายในกี่นาที

ข้อควรระวัง
  • ระวังกระดูกซี่โครงผู้ป่วยหัก ต้องวางมือให้อยู่ตรงกลางหน้าอก ไม่ต้องค่อนไปทางซ้าย หรือใกล้หัวใ
  • แม้ต้องกดหน้าอกให้เร็วและแรง ด้วยอัตราความเร็วอย่างน้อย 100 ครั้งต่อนาที  แต่อย่ากระแทก
  • หลังการกดแต่ละครั้งต้องปล่อยให้อกคืนตัวจนสุด เพื่อให้หัวใจรับเลือดสำหรับสูบฉีดครั้งต่อไป หากไม่ปล่อยให้หน้าอกคืนตัวจนสุด จะทำให้เลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายลดลง
  • กดหน้าอกให้ต่อเนื่องให้ได้มากที่สุด โดยสามารถหยุดการกดหน้าอกได้ไม่เกิน 10 วินาที
  • ไม่ควรใช้วิธีช่วยหายใจมากเกินไป
  • บุคคลทั่วไปที่ไม่เคยเข้ารับการอบรมการฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐานมาก่อน ควรทำการกดหน้าอกแต่เพียงอย่างเดียว ไม่ต้องช่วยหายใจ เนื่องจากในช่วงแรกที่ผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้น ระดับออกซิเจนในกระแสเลือดยังเพียงพออยู่อีกระยะหนึ่ง และในขณะที่มีการกดหน้าอกนั้นการขยายของทรวงอกจะทำให้มีการแลกเปลี่ยนก๊าซได้ โดยเน้นให้กดหน้าอกที่แรงและเร็ว ผู้ปฏิบัติการช่วยเหลือชีวิตควรจะทำการกดหน้าอกแต่เพียงอย่างเดียวต่อไปจนกระทั่งเครื่องช็อกไฟฟ้าหัวใจมาถึงและพร้อมใช้งาน หรือมีบุคลากรทางการแพทย์มาดูแลผู้ป่วย
โศกนาฏกรรมอิแทวอน พบนักท่องเที่ยวไทย เสียชีวิต 1 คน

การช่วยฟื้นคืนชีพต้องทำภายในกี่นาที

A “Airway”: เปิดทางเดินหายใจของบุคคลนั้นโดยใช้ท่าเอียงศีรษะและยกคาง วางฝ่ามือบนหน้าผากของบุคคลนั้นแล้วค่อยๆเอียงศีรษะไปด้านหลัง จากนั้นใช้มืออีกข้างค่อยๆยกคางไปข้างหน้าเพื่อเปิดทางเดินหายใจ

B “Breathing”: หายใจเพื่อคน

การช่วยหายใจอาจเป็นการหายใจแบบปากต่อปากหรือการผายปอด หากปากได้รับบาดเจ็บสาหัสหรืออ้าปากไม่ได้ คำแนะนำในปัจจุบันแนะนำให้ทำการช่วยหายใจโดยใช้อุปกรณ์ปิดปากถุงที่มีตัวกรองฝุ่นละอองประสิทธิภาพสูง (HEPA)