อยากมีอะไรกับแฟน เริ่ม ยัง ไง

ตั้งครรภ์ยาก ถือว่าเป็นปัญหาที่พบได้ในคู่รักหลายคู่ แม้ว่าจะพยายามเท่าไหร่ ก็ไม่มีท่าทีว่าจะมีลูกเหมือนครอบครัวอื่นกับเขาสักที สาเหตุส่วนหนึ่งนั่นอาจเป็นเพราะ การตั้งครรภ์เป็นภาวะที่เกิดจากปัจจัยหลายอย่างรวมกัน ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน การใช้ชีวิต ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ รวมไปถึงความพร้อมทางด้านสุขภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากได้

ฉะนั้น สำหรับคู่รักที่อยากจะตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ อยากมีลูกง่ายอย่างใจหวัง เรามีคำแนะนำมาฝาก ซึ่งวิธีเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์กับคู่รักที่ต้องการเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ มาให้ปฏิบัติตามกัน


1. วางแผนตั้งครรภ์ตั้งแต่อายุไม่เกิน 35 ปี เพื่อลดเสี่ยง มีลูกยาก

การวางแผนตั้งครรภ์ตั้งแต่เนิ่นๆ จะทำให้มีโอกาสตั้งครรภง่ายขึ้น ซึ่งช่วงวัยที่เหมาะสมของโอกาสในการตั้งครรภ์สูงคือ ช่วงอายุ 20-30 ปี เนื่องจากช่วงวัยนี้ ร่างกายของฝ่ายหญิงจะมีความสมบูรณ์ แข็งแรงและฮอร์โมนหญิงอยู่ในช่วงเจริญพันธุ์ นอกจากนี้ การตั้งครรภ์ในช่วงวัยนี้ ยังมีโอกาสในการเกิดโรคแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ได้น้อยกว่าช่วงวัยอื่นๆ อีกด้วย


2. ทำความรู้จักวันตกไข่ หรือ วันไข่ตก

ข้อมูลสำคัญที่สุดที่ฝ่ายหญิงต้องรู้หากคุณวางแผนที่จะมีลูก คือ การเข้าใจรอบเดือนของตัวเอง ว่าเวลาใดที่คุณจะมีการตกไข่ เนื่องจากการนับวันตกไข่เป็นหนึ่งในวิธีที่อาจช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ การมีเพศสัมพันธ์ก่อนช่วงตกไข่ประมาณ 1-2 วัน จะทำให้อสุจิเข้าไปรอที่รังไข่เพื่อรอให้ไข่ตกลงมา และทำการปฏิสนธิจนเกิดการตั้งครรภ์ในที่สุด ทั้งนี้วันไข่ตกอาจแตกต่างกันไปในผู้หญิงแต่ละคน โดยปกติแล้วไข่จะตกในช่วงประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนที่ประจำเดือนรอบใหม่จะมา ถ้าผู้หญิงมีรอบเดือนมาสม่ำเสมอและมีรอบเดือนมาทุกๆ 28 วันเสมอ วันไข่ตกก็อยู่ในช่วงวันที่ 14 ของรอบเดือน

วิธีคำนวณวันไข่ตก อับดับแรก จะต้องทำการจดบันทึกวันที่ประจำเดือนมาไว้ทุกเดือนเป็นระยะเวลา 8-12 เดือน แล้วนำมาทำการคำนวณหา ดังนี้

  1. หาความยาวรอบเดือน ให้นับย้อนไป วันแรกที่มีประจำเดือน เดือนล่าสุด ถึง วันแรกที่มีประจำเดือน เดือนที่แล้ว เช่น เดือนล่าสุด คือ วันที่ 8 มี.ค. เดือนที่แล้ว 6 เม.ย. เมื่อนับแล้วมีความยาวรอบเดือน 30 วัน
  2. หาวันตกไข่ โดยนำเอา ความยาวรอบเดือน – ระยะที่ไข่ตก เช่น 30 วัน – 14 วัน = วันไข่ตก คือ วันที่ 16 ของความยาวรอบเดือน จากนั้น นำวันแรกของการมีประจำเดือน เดือนล่าสุด คือ วันที่ 8 มี.ค. แล้วนับไป 16 วัน ก็จะได้วันไข่ตก คือ 23 มี.ค. เมื่อทราบวันไข่ตกแล้ว สามารถเริ่มมีเพศสัมพันธ์ในช่วงก่อนวันตกไข่ และหลังวันตกไข่ได้ประมาณ 2 วัน เพื่อเปิดโอกาสให้ไข่และอสุจิได้มาเจอกันมากที่สุด

3. ความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์

การมีเพศสัมพันธ์แนะนำควรมีวันเว้นวันหรือ 2 วันครั้ง ไม่ควรจะหักโหมมีทุกวัน แม้ว่าการมีทุกวันจะช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้จริง แต่ความเหนื่อยอาจเพิ่มความเครียดและทำให้ปริมาณของอสุจิลดน้อยลง ไม่แข็งแรงได้ รวมทั้งท่าการมีเพศสัมพันธ์ก็มีส่วนช่วยได้อีกทางหนึ่ง โดยท่ามิชชันนารี หรือท่าที่ผู้หญิงนอนหงายอยู่ด้านล่าง ส่วนฝ่ายชายอยู่ด้านบน เป็นท่าที่สามารถมีลูกได้ง่ายที่สุด นอกจากนี้ หลังจากมีเพศสัมพันธ์แนะนำให้ฝ่ายหญิงนอนหงาย โดยเอาหมอนหนุนสะโพกให้ยกสูงขึ้นแล้วค้างเอาไว้อย่างน้อยประมาณ 10-15 นาที เพื่อช่วยให้อสุจิวิ่งไปผสมกับไข่ได้ดียิ่งขึ้น (ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอเกิน 6 เดือน ถือว่ามีบุตรยาก)


4.ปรับเปลี่ยนอาหารการกิน

หากมีการวางแผนตั้งครรภ์แล้ว การบำรุงร่างกายรับประทานอาหารอาหารให้ครบ 5 หมู่และสารอาหารที่มีประโยชน์ จะช่วยให้ฝ่ายหญิงและฝ่ายชายมีสุขภาพร่างกายและระบบสืบพันธุ์ที่แข็งแรง พร้อมที่จะมีลูก โดยอาหารหลายชนิดมีบทบาทสำคัญ เช่น

  • ผักใบเขียวมีโฟเลตและวิตามินบีสูง ช่วยเร่งการตกไข่ของฝ่ายหญิง และทำให้อสุจิของฝ่ายชายแข็งแรงขึ้น
  • รับประทานถั่ว ธัญพืช มากขึ้น เพราะอุดมด้วยโปรตีน และธาตุเหล็ก มีส่วนช่วยให้ฝ่ายหญิงมีมดลูกแข็งแรงและผลิตไข่ที่มีคุณภาพ
  • รับประทานปลามีโปรตีน วิตามินดี และไขมันต่ำ เช่น ปลาทู ปลาแซลมอน เป็นต้น รวมทั้งเพิ่มโปรตีนจากพืชมากกว่าจากเนื้อสัตว์ เช่น เมล็ดถั่ว ถั่วเหลือง หรือ เต้าหู้
  • ควรรับประทานอาหารที่มี สังกะสี แมงกานีส และเบต้าแคโรทีน เช่น แครอทที่จะช่วยเพิ่มปริมาณอสุจิและระดับฮอร์โมนเพศโปรเจสเตอโรน ส่วนแอปริคอตมีสารเบต้าแคโรทีนและแมงกานีสสูง ซึ่งสารอาหารทั้งสองชนิดถูกใช้ในการสร้างฮอร์โมน
  • อาหารที่มีวิตามินบี 12 ซึ่งมีส่วนต่อการสร้างสารสื่อประสาทในสมองที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกทางเพศ
  • รับประทานอาหารที่มีโฟเลต หรือ กรดโฟลิก เช่น ผักใบสีเขียวเข้ม แครอท อาโวคาโด ธัญพืชที่ขัดสีน้อย ขนมปังไม่ขัดสี ผักโขม ถั่ว ฟักทอง มะเขือเทศ ตับ ไข่แดง เป็นต้น

5. ลดความเครียด

ความเครียดจะส่งผลรบกวนการทำงานของฮอร์โมนในระบบสืบพันธุ์ ประจำเดือนมาไม่ปกติ เกิดภาวะไม่ตกไข่ ทำให้ไข่เจริญเติบโตได้ไม่สมบูรณ์ในฝ่ายหญิง ส่วนในฝ่ายชาย ทำให้ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอร์โรน และอสุจิลดต่ำลง


6. งดคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และบุหรี่

เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนจะส่งผลให้มีลูกยากมากขึ้น สำหรับแอลกอฮอล์ และบุหรี่ จะทำให้ปริมาณของอสุจิลดลง ไม่มีคุณภาพ ไม่แข็งแรง ฮอร์โมนผิดปกติ และลดการตกไข่ของฝ่ายหญิง

คำแนะนำเหล่านี้ อาจช่วยให้คู่รักมีโอกาสตั้งครรภ์มีลูกเพิ่มมากขึ้น แต่หากพยายามตั้งครรภ์เป็นเวลานานแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีบุตร เพราะการปรึกษา จะช่วยให้ได้รับข้อมูลและคำตอบเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ที่ถูกต้อง พร้อมตรวจหาสาเหตุของความผิดปกติ และทำการรักษาอย่างเหมาะสมเพื่อให้การตั้งครรภ์ประสบผลสำเร็จ

เคยรู้สึกถึงความกดดันว่าตัวเองกับแฟนมีเซ็กซ์กันน้อยเกินไปหรือเปล่า?

เขาว่ากันว่าเซ็กซ์มีผลดีต่อสุขภาพทั้งกาย ใจ และความสัมพันธ์ พอรู้อย่างนั้นก็เกิดคำถามขึ้นในหัวว่า การไม่มีเซ็กซ์มากพอทำให้รู้สึกว่าคู่ของเรากำลังผิดปกติอะไรอยู่หรือเปล่า? คู่ของเราแปลกแยกมั้ย? เราหรือแฟนกำลังมองข้ามความรับผิดชอบของเราในฐานะคนรักรึเปล่า? บางครั้งมันไปถึงขั้นที่เราวิตกกังวลว่าหรือนี่เป็นสัญญาณบอกว่าเรากับแฟนกำลังเบื่อกันและกันหรือเปล่า

แต่ไม่จำเป็นว่ามันเป็นอย่างนั้น การเหนื่อยเกินจะมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องปกติของผู้ใหญ่ในโลกปัจจุบันอย่างมาก และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใด เพียงแต่ว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่เกี่ยวข้องกับการงาน สุขภาพจิต และตัวตนที่ต้องทำความเข้าใจกัน

การแบกชีวิตผู้ใหญ่มีผลกับความต้องการทางเพศ

ในงานวิจัยเกี่ยวกับความแตกต่างในพฤติกรรมการนอนของคนต่างชาติพันธุ์โดย National Sleep Foundation พบว่าในกลุ่มตัว 1,007 คนจากทุกชาติพันธุ์มีพฤติกรรมการนอนแตกต่างกันออกไป แต่จุดร่วมที่ในทุกกลุ่มมีคือ 25% ของคู่รักที่อยู่ด้วยกันอธิบายเซ็กซ์ไลฟ์ของตัวเองว่า ‘เหนื่อยเกินกว่าจะมีเซ็กซ์’

ในงานวิจัยโดย ดร. เรเชล เลเพราต์ (Rachel Leproult) จาก Université libre de Bruxelles พบว่าการนอนไม่พอทำให้ผู้ชายมีระดับเทสโทสเตอโรนต่ำลง ส่วนในผู้หญิงนั้นคุณภาพการนอนและความต้องการทางเพศเพิ่มและลดพร้อมๆ กัน โดยมีงานวิจัยโดยดร. เดวิด คาล์มบาค (David Kalmbach) นักวิจัยจากศูนย์การแพทย์ Henry Ford บอกว่าผู้หญิงที่นอนดีกว่า เหนื่อยน้อยกว่า จะหลั่งฮอร์โมนเครียดคอร์ติซอลที่ลดเทสโทสเตอร์โรนน้อยกว่า นำไปสู่ความต้องการทางเพศที่มากขึ้น

หากเรามองไปยังชีวิตของตัวเองทุกวันนี้เหนื่อยมากขนาดไหน ไม่ว่าจะการเดินทางในถนนประเทศไทย งานการที่ต้องเจอทุกๆ วัน ไปจนการนอนไม่พอ หรือแม้แต่สภาพแวดล้อมในการนอนที่ทำให้หลับไม่สนิท ทั้งหมดมีผลต่อความต้องการทางเพศของคนคนหนึ่ง

นอกจากปัจจัยภายนอกแล้ว แรงขับทางเพศภายในของแต่ละคนไม่เท่ากันอีกด้วย บางคนสามารถอยู่ได้ด้วยการมีเพศสัมพันธ์เดือนละครั้ง หรือหลายๆ เดือนครั้ง แต่สำหรับหลายๆ คนก็ต้องการทุกวันก็ได้ ฉะนั้นความต้องการมีเซ็กซ์ไม่ได้เชื่อมเพียงกับความใกล้ชิดในความสัมพันธ์เท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อม การงาน ร่างกายและสุขภาพอีกด้วย

อยากมีอะไรกับแฟน เริ่ม ยัง ไง

ถึงจะไม่อยากทำ แต่เซ็กซ์ควรเป็นหน้าที่หรือเปล่า?

คำนิยามของความสัมพันธ์ และขอบเขตว่าหน้าที่ของคู่รักมีอะไรบ้างนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละคู่และแต่ละเพศ แต่เซ็กซ์กับความสัมพันธ์นั้นเป็นสิ่งที่หลายคนมองว่ามาคู่กันในระดับหนึ่ง ‘เราพบว่าถ้าคู่ไหนมีเซ็กซ์ไลฟ์ที่ดี นั่นคือมีเซ็กซ์อย่างสม่ำเสมอและไม่มีปัญหาใหญ่อะไร นั่นเป็นประมาณ 15-20% ของความพึงพอใจในความสัมพันธ์’ ดร. ลอรี่ มินซ์ (Laurie Mintz) นักบำบัดเรื่องเพศกล่าว

แต่ในความสำคัญนั้นคู่รักควรจัดมันเป็นหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติหรือไม่? ยังไงการเติมเต็มคู่รักของตัวเองก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้วจริงไหม? สมมติว่าตัวเราเองต้องการมีเพศสัมพันธ์ แต่คู่รักไม่ต้องการมีไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ถ้ามองว่าความต้องการของทั้งสองฝั่งสำคัญทั้งคู่ เราจะตัดสินใจว่ามีหรือไม่มีเซ็กซ์กันจากอะไร?

หากลองก้าวเท้าถอยออกจากคำว่าความต้องการสักนิด สิ่งที่เราจะเห็นคือผลกระทบของการกระทำ ในกรณีนี้โฟกัสที่ผลกระทบของการมีเซ็กซ์โดยไม่ต้องการคืออะไร?

ดร. ไมเคิล แอรอน (Michael Aaron) นักจิตบำบัดเรื่องเพศจากนิวยอร์กกล่าวกับ New York Post ว่าเซ็กซ์กับคู่รักจะแย่ลงเมื่อมันกลายเป็นหน้าที่ ‘ผู้คนจะหลีกเลี่ยงการมีเซ็กซ์เมื่อมันรู้สึกเซื่องซึมและเป็นข้อบังคับ’ ซึ่งเมคเซนส์ถ้าเราเทียบมันกับการเอาความชอบส่วนตัวมาเป็นงาน เมื่ออะไรก็ตามเปลี่ยนจากความเสน่หาเป็นหน้าที่แล้ว ไม่ว่าขั้นตอนการทำจะสนุกขนาดไหนความรู้สึกว่าเรากำลังแบกรับภาระบางอย่างนั้นไม่อาจเอาออกไปจากหัวได้

อยากมีอะไรกับแฟน เริ่ม ยัง ไง

หากพูดในมิติของเพศในคู่รักหญิงชาย ตามสถิติแล้วผู้หญิงมักมีแรงขับเคลื่อนทางเพศเฉลี่ยต่ำกว่าผู้ชาย ข้อมูลนี้มักถูกลดทอนและเหมารวมเป็นความเชื่อว่า ‘ผู้ชายมีความต้องการทางเพศตลอดเวลา’ ผลคือเมื่อถูกกดดันให้มีเพศสัมพันธ์ สิ่งที่เกิดขึ้นในใจระหว่างเพศชายและหญิงจึงแตกต่างกันออกไป หากเป็นผู้หญิงถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์  ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจึงเป็นความรู้สึกว่า ‘ถูกใช้’ และยอมจำนน เนื่องจากมันถูกทำให้เป็นธรรมชาติของผู้ชายที่ต้องการจะอยากมีเพศสัมพันธ์ตลอดเวลา ตามที่ดร. ลอเรล สไตน์เบิร์ก (Laurel Steinberg) นักเพศศาสตร์ชาวอเมริกันบอก

แต่หากเป็นผู้ชายที่ถูกบังคับล่ะ? ผลของมันตรงกันข้ามเลยทีเดียว จากการเหมารวมที่กล่าวถึงไป ความไม่ต้องการมีเพศสัมพันธ์นั้นสามารถถูกตีความเป็นคำว่า ‘ไม่แมนพอ’ ได้ ทั้งจากคู่รักและจากตัวเอง ‘เรามีการเหมารวมว่าผู้ชายต้องการเซ็กซ์ตลอดเวลา และผู้หญิงเหนื่อยตลอดเวลา…และหากผู้ชายไม่ต้องการมัน ความเป็นชายของเขาจะถูกตั้งคำถาม’ ดร. อเล็กซิส โคเนอสัน (Alexis Coneson) นักจิตวิทยากล่าว

นอกจากคู่รักแล้ว อีกแหล่งความกดดันใหญ่ๆ คือเหล่าคอนเทนต์สุขภาพที่เราพบเห็นแทบจะทุกวันเกี่ยวกับผลพลอยได้แง่บวกของการมีเซ็กซ์ ไม่ว่าจะการเพิ่มความสุข ลดความเครียด หลั่งฮอร์โมนเพิ่มความผ่อนคลาย เพิ่มความเร็วในการเผาผลาญ ฯลฯ คอนเทนต์เหล่านี้มักวาดภาพให้เราเห็นว่าเซ็กซ์คือยารักษาโรคเอนกประสงค์ ที่ช่วยเติมเต็มทุกอย่างที่เราต้องการไม่ว่าจะทางกายหรือใจ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

แม้ว่าข้อมูลเหล่านี้หลายอย่างจะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ แต่อีกสิ่งที่คอนเทนต์เหล่านั้นสร้างขึ้นได้นอกจากความรู้คือความกดดันที่เกิดขึ้นภายใน คำถามที่เราถามตัวเองเช่นถ้าแฟนเหนื่อยมีเซ็กซ์กันแล้วน่าจะหายหรือเปล่า หรือถ้าเราเครียดมีอะไรกันคงหายเครียด ถ้าไม่มีอะไรกันเราจะสูญเสียความสัมพันธ์และโอกาสที่จะได้รับผลพลอยได้ดีๆ พวกนี้รึเปล่า ซึ่งสิ่งที่คอนเทนต์เหล่านี้ไม่ค่อยได้บอกคือผลของการกดดันตัวเองหรือคู่รักมีเพศสัมพันธ์นั้นมีมากกว่าผลแง่บวกเยอะมาก

การบังคับหรือตื้อให้คนที่ไม่อยากทำมามีเพศสัมพันธ์ด้วยนั้นถือเป็นการล่วงละเมิดทางเพศอย่างหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นแฟนหรือคู่สมรสกันก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาความต้องการทางเพศไม่เท่ากันระหว่างคู่รักนั้นคือการเข้าพบนักบำบัดเรื่องเพศหรือคู่สมรสโดยตรง เนื่องจากความแตกต่างระหว่างคู่นั้นทำให้ไม่มีคำตอบเดียวที่จะแก้ปัญหาของทุกคู่ได้

ฉะนั้นจากทุกอย่างที่เล่ามา สิ่งที่ดูจะเป็นหน้าที่ในความสัมพันธ์อาจจะไม่ใช่ตัวเซ็กซ์เอง แต่เป็นการทำความเข้าใจและการเคารพซึ่งขอบเขตของความต้องการทางเพศในกันและกัน เพื่อรักษาสุขภาพของความสัมพันธ์และใจของคู่รักมากกว่า

อ้างอิงข้อมูลจาก

sleepfoundation.org

jamanetwork.com

onlinelibrary.wiley.com

thehealthy.com

abc.net.au

abc.net.au

nypost.com

Illustration by Waragorn Keeranan

You might also like

Share this article