มีเลือดสีน้ำตาลออก จะท้องไหม

Implantation Bleeding หรือ อาการเลือดล้างหน้าเด็ก อาจเป็นสิ่งที่คุณแม่หลายคนไม่คุ้นหูนักนะคะและหากมีอาการแบบนี้ขึ้น อาจทำให้คุณแม่เข้าใจว่าเป็นเลือดประจำเดือนที่มีออกมาเล็กน้อย หรือเป็นเลือดประจำเดือนเก่าที่ค้างอยู่ในร่างกาย แต่แท้จริงแล้วคือเลือดล้างหน้าเด็กหรือ Implantation Bleeding ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณแม่ประมาณ 30% จะสังเกตอาการนี้ได้ โดยอาการนี้จะมีเลือดออกภายหลังการปฏิสนธิระหว่างไข่กับสเปิร์มค่ะ

น้ำล้างหน้าเด็ก หมายถึงอะไร

เมื่อฟังชื่อแล้วคุณแม่หลายคนอาจสงสัยว่าหมายถึงอะไร โดยอาการนี้จะเกิดขึ้นช่วง 2-3 วันแรก ภายหลังการปฏิสนธิ ซึ่งเซลล์ตัวอ่อนในระยะที่เรียกว่า บาสโตซิส อันมีลักษณะเป็นทรงกลมคล้ายลูกบอลจะเติบโตเป็นตัวอ่อนในระยะเอ็มบริโอ จนกลายเป็นเด็กทารกในที่สุด ซึ่งระยะนี้ต้องอาศัยการฝังตัวในผนังมดลูกเพื่อการเติบโตและรับอาหารที่ลำเลียงมาทางเส้นเลือดและเซลล์เนื้อเยื่อในมดลูก ซึ่งบาสโตซิสจะมีการแบ่งตัวตั้งแต่ช่วงที่อยู่ในท่อนำไข่ จากนั้นจะเลื่อนไปจนถึงตำแหน่งสุดท้าย นั่นคือ ผนังมดลูก เพื่อฝังตัวและเติบโตต่ออีก 9 เดือน

 

เนื่องจากผนังมดลูกเป็นจุดที่มีเลือดและสารอาหารที่ดีในการเลี้ยงชีพ การฝังตัวจึงทำให้มีการทำลายผนังมดลูกเล็กน้อยเป็นผลให้มีเลือดออกมา โดยคุณแม่บางคนสามารถสังเกตเห็นได้ว่ามีเลือดจาง ๆ ติดที่ชุดชั้นใน แต่ถึงอย่างนั้นกลับเป็นปริมาณที่น้อยมากจนแทบไม่ได้สังเกต โดยเลือดน้ำล้างหน้าเด็กจะมีลักษณะเป็นสีแดงจาง ๆ ออกเป็นสีชมพูค่อนข้างใสหรือเป็นสีน้ำตาลอ่อนและมักเกิดกับการเข้าห้องน้ำครั้งแรก ๆ ของวัน ทั้งนี้ บางครั้งเลือดอาจมีสีน้ำตาลเข้ม หากมีการตกค้างอยู่บริเวณช่องคลอดหรือปากมดลูกหลายชั่วโมง และอาจทำให้มีอาการเป็นตะคริวของมดลูกร่วมด้วย

ระหว่างการเกิด Implantation Bleeding คุณแม่อาจมีอาการปวดท้อง แต่จะปวดน้อยกว่าการปวดประจำเดือนมาก และจะปวดเฉพาะตำแหน่งมดลูก วิธีบรรเทาอาการปวดคือการพักผ่อน และไม่ควรยกของหนัก หรือเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัว

สำหรับอาการแบบนี้ ต้องบอกว่ายังไม่มีวิธีป้องกันการเกิดขึ้นได้ แต่ทำให้คุณแม่ทราบว่าเป็นสัญญาณบวกและมีการฝังตัวของตัวอ่อนในมดลูกเกิดขึ้นแล้ว

มีเลือดสีน้ำตาลออก จะท้องไหม

เมื่อไหร่จึงเกิดอาการเลือดล้างหน้าเด็ก?

โดยปกติแล้วอาการแบบนี้จะเกิดใกล้ช่วงที่จะมีประจำเดือนหรือประมาณ 6 ถึง 12 วัน หลังจากมีการผสมระหว่างไข่กับสเปิร์ม ซึ่งเลือดล้างหน้าเด็กนี้จะมีระยะเวลาแค่ 1-2 วัน จึงทำให้คุณแม่หลายท่านรู้สึกสับสนว่าเป็นเลือดประจำเดือน บางคนเข้าใจว่าเป็นเลือดประจำเดือนที่ค้างอยู่ ดังนั้น คุณแม่ที่อยากตั้งครรภ์อาจจะรู้สึกผิดหวัง ซึ่งถือเป็นความเข้าใจผิดนะคะ เพราะนี่คือสัญญานการฝังตัวของตัวอ่อน และอาการเลือดล้างหน้าเด็กจะเกิดก่อนที่คุณแม่จะสามารถยืนยันได้จากชุดตรวจครรภ์ ซึ่งจะวัดจากฮอร์โมน hCG ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ใช้ในการบ่งบอกจากปัสสาวะผู้หญิงที่ตั้งท้องได้ว่า กำลังตั้งครรภ์เมื่อเป็นผลบวกนั่นเองค่ะ

นอกจากนี้ ร่างกายของคุณแม่จะไม่ผลิตฮอร์โมนนี้ จนกว่าตัวอ่อนจะฝังตัวอยู่ในมดลูกและเริ่มมีการสร้างรกเพื่อนำอาหารมาเลี้ยงดูตัวอ่อน นั่นจึงทำให้การมีเลือดล้างหน้าเด็กเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ก่อนที่คุณแม่จะรู้ว่ากำลังมีลูกน้อย อีกทั้งการมีเลือดล้างหน้าเด็กอาจทำให้คุณแม่ตีความหมายผิดว่ามีประจำเดือนเร็วกว่าปกติอีกด้วยนะคะ

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นเลือดล้างหน้าเด็ก

การมีเลือดล้างหน้าเด็ก แท้จริงแล้วเป็นสิ่งที่ไม่สามารถป้องกันได้ เว้นเสียแต่ว่าคุณแม่จะรู้สึกปวดท้องและมีเลือดออก และหากได้ทดสอบแล้วพบว่าตั้งครรภ์แน่นอน และผ่านการปฏิสนธิมาแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ ก็ยืนยันได้ว่าเลือดนั้นคือเลือดล้างหน้าเด็ก สำหรับคุณแม่ที่ไม่ทราบว่าตั้งครรภ์ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าเลือดนี้เป็นเลือดจากอะไร แต่ผู้หญิงบางคนอาจรู้สึกถึงอาการตึงหน้าอก คลื่นไส้ หรือมีอาการคล้ายกับผู้หญิงที่เริ่มตั้งครรภ์ ตั้งแต่ช่วงวันที่มีเลือดล้างหน้าเด็กออกมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถยืนยันได้แน่นอนในช่วงนี้ เพราะระดับฮอร์โมน hCG ยังไม่สูงพอที่จะตรวจว่าได้ตั้งครรภ์แล้วนั่นเองค่ะ

 

ควรทำอย่างไรเมื่อมีเลือดล้างหน้าเด็ก

- ทำใจให้สบาย ไม่ตื่นตกใจและสังเกตดูว่ามีเลือดออกมากน้อยแค่ไหน
- หากรู้สึกปวดท้อง มีเลือดออกปริมาณมากหรือมีอาการอย่างอื่นด้วย ควรปรึกษาแพทย์
- ส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงที่มีเลือดล้างหน้าเด็กสามารถทำกิจกรรมได้เหมือนคนทั่วไป หรืออาจพักผ่อน 1-2 วัน ก็สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ
- อย่าลืมเลือกใช้ผ้าอนามัยแบบบางเพื่อเพิ่มความมั่นใจระหว่างทำกิจกรรม

นอกจากนี้ วิธียืนยันที่สามารถทำได้ คือ การตรวจอัลตร้าซาวด์ช่องท้อง เพื่อดูว่ามีตัวอ่อนอยู่ข้างในหรือไม่ หลังจากทดสอบว่าการตั้งครรภ์เป็นบวก เพื่อให้มั่นใจว่าเลือดที่ออกมานั้นมาจากการฝังตัวของตัวอ่อน ไม่ใช่เลือดที่เกิดจากการแท้งค่ะ

คุณแม่สามารถอ่านข้อมูลการตั้งครรภ์ในแต่ละไตรมาสได้ที่นี่ การตั้งครรภ์ไตรมาสแรก การตั้งครรภ์ในไตรมาสที่ 2 และ การตั้งครรภ์ในไตรมาสที่ 3 รวมถึงหัวข้อการตั้งครรภ์อื่น ๆ เพิ่มเติมจากเว็บไซต์ Huggies และหากมีคำถามหรือข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถพูดคุยกับเราได้ที่ Facebook Huggies Thailand และอย่าลืม! กด สมัครสมาชิก เพื่อรับสินค้าทดลอง พร้อมรอรับข่าวสารและอัพเดตเทคนิคดี ๆ จากเรานะคะ

ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เป็นช่วงเวลาสำคัญที่แม่ๆ หลายคนกำลังลุ้นว่า ทุกอย่างจะผ่านไปได้อย่างปลอดภัยหรือไม่? ปัญหาที่แม่ๆ มักจะเจอได้บ่อยๆ คือ มีเลือดออกทางช่องคลอด ซึ่งมักจะทำให้แม่ๆ กังวลไม่น้อย แต่การมีเลือดออกอาจไม่ใช่เรื่องร้ายแรง หรือ ภาวะแท้งเสมอไป แล้วในช่วงไตรมาสแรก สาเหตุที่มีเลือดออกทางช่องคลอดมีอะไรบ้าง? เดี๋ยวไปติดตามกันค่ะ

มีเลือดสีน้ำตาลออก จะท้องไหม

จากข้อมูลการศึกษาในปี 2010 พบว่า กว่า 30% ของคนท้อง อาจมีอาการเลือดออกทางช่องคลอดได้ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์และเลือดที่ออก ไม่ได้ส่งผลเสียต่อการตั้งครรภ์ และสามารถดำเนินการตั้งครรภ์ได้อย่างปกติ แล้วอาการเลือดออกทางช่องคลอดในไตรมาสแรก เกิดจากสาเหตุต่างๆ ต่อไปนี้

1.เลือดล้างหน้าเด็ก (Implantation bleeding)

เลือดล้างหน้าเด็ก เกิดจากการที่ตัวอ่อนฝังตัวที่ผนังมดลูก มักพบวันที่ 6-12 หลังไข่ตก สีจะเป็นสีน้ำตาลหรือชมพูอ่อนๆ และปริมาณไม่มาก ซึ่งเลือดล้างหน้าเด็กเป็นสัญญาณหนึ่งของการตั้งครรภ์ แต่ไม่จำเป็นต้องมีทุกคน (อ่านเพิ่มเติมเรื่องเลือดล้างหน้าเด็ก) หลายคนอาจสับสนกับประจำเดือนได้

2. เลือดออกตามหลังการออกกำลังกายหรือการมีเพศสัมพันธ์

ในช่วงตั้งครรภ์ จะมีเลือดมากเลี้ยงบริเวณปากมดลูกมากขึ้น ทำให้มีโอกาสมีเลือดออกได้ง่ายขึ้น เมื่อมีอะไรไปสัมผัส เช่น การตรวจร่างกายทางช่องคลอด หรือ การมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเลือดที่ออก อาจเป็น สีน้ำตาล หรือ สีแดงอ่อนๆ และจะมีปริมาณไม่มาก และจะหยุดเอง ซึ่งไม่ได้เป็นภาวะที่น่ากังวลแต่อย่างใด

3. ท้องแฝด (Twins)

คุณแม่ที่ตั้งครรภ์แฝด มีโอกาสเพิ่มมากขึ้น ที่จะมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ ซึ่งอาจเป็นภาวะแท้งคุกคาม ที่อาจต้องได้รับการดูแลจากสูตินารีแพทย์ นอกจากนี้ เลือดที่ออกในท้องแฝด อาจเป็นเลือดที่เกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อนได้เช่นกัน

4. ท้องนอกมดลูก (Ectopic pregnancy)

การตั้งท้องนอกมดลูก เกิดจากการที่ตัวอ่อนไปฝังตัวที่ตำแหน่งอื่นนอกมดลูก เช่นท่อนำไข่ ซึ่งพบประมาณ 2.5% ของการตั้งท้องโดยทั่วไป นอกจากอาการเลือดออกทางช่องคลอดแล้ว มักจะมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น

  • อาการปวดท้องน้อยด้านใดด้านหนึ่ง

  • อาการหน้ามืด เป็นลม

  • ความดันต่ำ

ซึ่งภาวะท้องนอกมดลูกนี้ เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการรักษา

5. ครรภ์ไข่ปลาอุก (Molar pregnancy)

ครรภ์ไข่ปลาอุก เกิดจากความผิดปกติของการแบ่งตัวของรก โดยตัวอ่อนอาจเจริญเติบโตหรือไม่ก็ได้ พบได้ประมาณ 1 ใน 1,000 คนของหญิงตั้งครรภ์ อาการที่พบได้คือ

  • เลือดออกทางช่องคลอด อาจเป็นสีแดงหรือน้ำตาล

  • อาการปวดท้อง

  • อาการแพ้ท้องอย่างหนัก

6. ภาวะแท้ง

ภาวะแท้ง อาจมีตั้งแต่ภาวะแท้งคุกคาม หรือ แท้งสมบูรณ์ก็ได้ (อ่านเพิ่มเติมเรื่องภาวะแท้ง) ซึ่งภาวะแท้งจะพบประมาณ 15-20% ของการตั้งครรภ์ ซึ่งหลายครั้งก็ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งภาวะนี้ได้ และมักจะเกิดจากความผิดปกติของโครโมโซมของตัวอ่อน โดยอาการที่อาจบ่งบอกว่าอาจมีภาวะแท้งคือ

  • เลือดออกทางช่องคลอดปริมาณมาก

  • เลือดสีแดงสด

  • ปวดท้องน้อย

  • ปวดหลัง

  • มีถุงตัวอ่อน หรือส่วนประกอบของรกหลุดออกมา

โดยถ้ามีอาการที่น่าสงสัยภาวะแท้ง ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อให้ได้รับการดูแลเพิ่มเติม

เมื่อไหร่ควรปรึกษาแพทย์

แม้ว่า ภาวะเลือดออกทางช่องคลอดจะพบได้บ่อย อย่างไรก็ตาม การมีเลือดออกช่วงตั้งครรภ์ ถือเป็นภาวะที่ต้องระมัดระวัง ควรปรึกษาแพทย์ที่ดูแล เพื่อตรวจเพิ่มเติมว่า อาการเลือดออกนั้น เป็นภาวะผิดปกติที่ต้องได้รับการดูแลหรือไม่ค่ะ

ในช่วงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในไตรมาสแรก คุณแม่ต้องระมัดระวังตัวเองเป็นพิเศษนะคะ ขอให้แม่ๆ ทุกคนมีสุขภาพที่แข็งแรง และตัวน้อยในท้องก็แข็งแรงเช่นกันค่ะ แล้วมาติดตามกันได้ใหม่ในบทความหน้าค่ะ

เขียนโดย

พญ. ทานตะวัน จอมขวัญใจ หมอหน่อย (Tantawan Jomkwanjai. MD) Dr. Noi The Family

#เลือดออกตอนท้อง #เลือดออกทางช่องคลอดตอนท้อง #เลือดสีน้ำตาลทางช่องคลอดตอนท้อง

เลือดออกสีน้ำตาลคืออะไร

เลือดประจำเดือนสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม หรือน้ำตาลดำ มักพบในช่วงวันแรกของประจำเดือนหรือวันท้าย ๆ ของประจำเดือน เนื่องจากเลือดสีแดงปกติและมีปริมาณน้อยถูกขังไว้ในมดลูกหรือช่องคลอดเป็นระยะเวลาหนึ่งจึงเกิดการเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล

เลือดออกเป็นสีน้ำตาลท้องไหม

ประจำเดือนสีน้ำตาลที่ไม่ปกติอาจเกิดจากสาเหตุ ดังนี้ การตั้งครรภ์ การท้องนอกมดลูก หรือการแท้งบุตร เลือดสีน้ำตาลในบางกรณีอาจเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์ หรือเรียกว่า เลือดล้างหน้าเด็ก ควรพบคุณหมอทันทีหากมีอาการเลือดประจำเดือนมาน้อยหรือมีสีน้ำตาล และไม่ได้คุมกำเนิด หรือหากมีตกขาวหรือเลือดเป็นจุดสีน้ำตาลในช่วงตั้งครรภ์

เลือดล้างหน้ามากี่วัน สีอะไร

สีเลือด : สีเลือดล้างหน้าเป็นสีชมพูจางๆ ไม่เป็นสีแดงสด และจะกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีสนิมแบบน้ำตาลอมแดง หรือเป็นสีดำ มีบางครั้งก็อาจเป็นสีแดงสดใสก็ได้ ส่วนเลือดประจำเดือนจะเป็นสีแดงสดใสหรือสีแดงเข้ม ระยะเวลาที่เลือดออก : เลือดล้างหน้าจะอยู่นานแค่ 1 หรือ 2 วัน ขณะที่ประจำเดือนจะเป็นนาน 3-5 วัน แต่ไม่เกิน 7 วัน

เลือดล้างหน้ามีอาการยังไง

เลือดล้างหน้าเด็กจะเกิดขึ้นหลังการปฏิสนธิของไข่และอสุจิประมาณ 7-9 วัน เราจะเห็นได้ว่าภาวะนี้เกิดขึ้นก่อนที่ประจำเดือนจะขาดประมาณ 1 สัปดาห์ เลือดที่ออกมาจะมีลักษณะแตกต่างจากประจำเดือนปกติ คือจะมีลักษณะเป็นสีชมพูออกมาเพียงเล็กน้อย หรืออาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย ซึ่งไม่ได้เกิดกับคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคน ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์บาง ...