ซื่อกินไม่หมด ค ด กินไม่นาน เรียงความ

ความซื่อสัตย์ต้องเริ่มตั้งแต่เรื่องเล็กน้อย

โพสต์23 ส.ค. 2555 21:13โดยศราวุธ ทองมี

ซื่อกินไม่หมด ค ด กินไม่นาน เรียงความ

            ความสื่อสัตย์ต้องเริ่มตั้งแต่เรื่อง ๆ หากเราไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย เราก็จะไม่ซื่อสัตย์เรื่องใหญ่ ๆ ด้วย ไม่ว่าจะกระทำการใด เราควรกระทำด้วยความรับผิดชอบตามกฎระเบียบ หากทำผิดก็ต้องรับผิด อย่าพลิกแพลงหรือแก้ตัว การแก้ตัวนั้นถือได้ว่าเป็นการไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเอง ถึงแม้อาจจะฟังดูดีมีเหตุผล แต่ไม่มีประโยชน์ในการดำเนินชีวิต และกลับยิ่งเป็นการลดคุณค่าตัวเองลงไปด้วย หากเราทำดีมาร้อยครั้ง แต่เมื่อเราทำผิดและแก้ตัว บุคคลอื่นก็จะเริ่มสงสัยไม่ไว้วางใจเรา เริ่มไม่อยากมอบหมายความรับผิดชอบให้กับเรา ดังนั้น เราจึงควรยอมรับความจริงได้แม้เราผิดพลาดไป และดำเนินชีวิตด้วยความมั่นใจว่า ความซื่อสัตย์ที่เราพากเพียรทำไว้นั้นจะสามารถปกป้องเราไว้ได้อย่างแน่นอน

ความซื่อสัตย์

ต้องเริ่มตั้งแต่

เรื่องเล็ก ๆ

หากเราไม่ซื่อสัตย์

ในเรื่องเล็กน้อย

เราก็จะไม่ซื่อสัตย์

ในเรื่องใหญ่ ๆ ด้วย

Dr Kriengsak Chareonwongsak

Senior Fellow, Harvard Kennedy School , Harvard University

, kriengsak.com, drdancando.com

ตระหนักว่าความซื่อสัตย์เป็นบ่อเกิดแห่งความน่าเชื่อถือและความน่าไว้วางใจ

โพสต์19 ส.ค. 2555 23:18โดยศราวุธ ทองมี   [ อัปเดต 19 ส.ค. 2555 23:26 ]

            “ความซื่อสัตย์” เป็นเรื่องที่มีความสำคัญและเป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้เลย และเราควรถือคติพจน์ไทยโบราณที่ว่า “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” คติพจน์นี้คนทั่วไปในปัจจุบันอาจละเลย ไม่สนใจ และมัวแต่มองชื่นชมกันในเรื่องความสามารถ ตำแหน่ง หรือเงินทอง แต่เราควรให้คนประทับใจในลักษณะชีวิตความซื่อสัตย์ของเราด้วยในเส้นทางชีวิตที่ยาวไกล

            ความซื่อสัตย์เป็นเรื่องรากฐาน ที่นำพาบุคคลจำนวนมากมายตลอดประวัติศาสตร์ให้ประสบความสำเร็จที่แท้จริง ภาพเฉลี่ยโดยรวมแล้วบุคคลที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้ จะเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ เป็นผู้ที่ยึดหลักคุณธรรมแห่งความซื่อสัตย์เป็นแกนชีวิต เป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจ มีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ และสิ่งที่ได้รับก็คือ ความอิ่มเอมใจในผลแห่งความซื่อสัตย์ที่ได้พากเพียรกระทำ 

จากหนังสือ ยอดคน

ซื่อกินไม่หมด ค ด กินไม่นาน เรียงความ

                                                                Dr Kriengsak Chareonwongsak

Senior Fellow, Harvard Kennedy School , Harvard University

, kriengsak.com, drdancando.com

การตั้งมั่นอยู่ในความซื่อสัตย์เป็นเรื่องของความจำเป็น

โพสต์17 ส.ค. 2555 01:18โดยศราวุธ ทองมี

ซื่อกินไม่หมด ค ด กินไม่นาน เรียงความ

            ไม่มีใครปรารถนาอยู่ในสังคมที่ปราศจากความฃื่อสัตย์ เพราะจะต้องอยู่อย่างหวาดระแวงและไม่มีความสุข เราต่างก็ปรารถนาความจริงใจจากกันและกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นความซื่อสัตย์จากครอบครัว ชุมชน สังคม ประเทศชาติหรือจากประชาคมโลก ยกตัวอย่างเช่น เราคงไม่ต้องการซื้อสินค้าที่โฆษณาว่าดีเยี่ยม แต่เมื่อนำมาใช้ยังไม่ทันไรก็เสีย เราคงไม่ปรารถนาคู่ชีวิตที่เมื่ออยู่ไปสักพักสิ่งที่หลอกลวงไว้ก็ปรากฏออกมา หรือเราคงไม่ปารถนาผู้บริหารประเทศที่กล่าวนโยบายสวยหรูก่อนการเลือกตั้ง แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็ลืมสิ่งที่ตนกล่าวไว้เสียสิ้น

            ในทางกลับกัน หาเราเป็นบุคคลนั้นที่หลอกลวงขายสินค้าคุณภาพต่ำเพียงเพื่อให้ได้กำไรมาก ๆ หรือแสร้งทำตัวเป็นคนดี เพื่อแต่งงานกับเศรษฐี หรือเป็นรัฐมนตรีเพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม หรือเป็นอะไรก็ตาม ที่กระทำไปโดยไม่มีความซื่อสัตย์ สิ่งนั้นจะปรากฏเป็นความไม่น่าเชื่อถือ และความไม่ไว้วางใจต่อกัน เหมือนเป็นศัตรูกันอย่างลึก ๆ ที่พร้อมจะเผชิญหน้าต่อสู้กัน

            ดังนั้นหากเรามีเป้าหมายที่จะประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนเราต้องปฏิเสธการดำเนินชีวิตที่เห็นเพียงแต่ผลประโยชน์ระยะสั้นเฉกเช่นคนโกงจำนวนมากที่ดำเนินชีวิตอยู่ในสังคม เราจำเป็นต้องตั้งมั่นอยู่ในความซื่อสัตย์ และพัฒนาจิตสำนึกภายในให้มั่นคงโดยยึดหลักแห่งการตัดสินใจที่จะเลือกความซื่อสัตย์อย่างแท้จริงด้วยการตั้งมั่นอยู่ในความซื่อสัตย์ในการดำเนินชีวิตส่วนตัว ในหน้าที่การงาน ซื่อสัตย์ ต่อประเทศชาติ และต่อนานาประเทศ 

Dr Kriengsak Chareonwongsak

Senior Fellow, Harvard Kennedy School , Harvard University

, kriengsak.com, drdancando.com

ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่มาจากใจจริง

โพสต์15 ส.ค. 2555 01:08โดยศราวุธ ทองมี

ซื่อกินไม่หมด ค ด กินไม่นาน เรียงความ

           ความซื่อสัตย์นั้นเป็นสิ่งที่วัดได้ เช่น เมื่อมีคนเอาเงิน “ใต้โต๊ะ” ก้อนโตมาเสนอให้ เพื่อให้เรากระทำในสิ่งที่ไม่ชอบธรรม และให้เราปฏิเสธความซื่อสัตย์นั้น เป็นสิ่งที่วัดได้ เมื่อเราต้องตัดสินใจเลือกยืนหยัดในความซื่อสัตย์ โดยปฏิเสธความร่ำรวย เกียรติยศ ชื่อเสียง หรือแม้กระทั่งสิ่งที่จำเป็นเพื่อประทังความอยู่รอดของชีวิต ความอดทนโดยการดำเนินชีวิตที่ซื่อสัตย์ คือดัชนีชี้นำความสำเร็จที่ยั่งยืนในทุก ๆ คน ไม่ว่าเขาจะดำรงอยู่ในสถานภาพใด

            ความซื่อสัตย์ในสังคมไทย จัดเป็นปัญหาระดับประเทศเริ่มตั้งแต่ตัวบุคคล ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ ข้อเท็จจริงจากการสำรวจของหน่วยงานระหว่างประเทศ ได้สะท้อนถึงสภาพเลวร้ายแห่งความไม่ซื่อสัตย์ก็คือ ปัจจุบันประเทศไทยเราติดหนึ่งในสิบอันดับของประเทศที่มีการคอร์รัปชันมากที่สุดในโลก ภัยร้ายของความไม่ซื่อสัตย์ในสังคมไทยมีมูลเหตุจากค่านิยมในการวัดความสำเร็จจากความมั่งคั่งแห่งอำนาจเงินและวัตถุ ก่อให้เกิดพฤติกรรมการดำเนินชีวิตในลักษณะกอบโกย ฉ้อฉล คดโกง ใช้อิทธิพลขู่บังคับ ให้ได้มาซึ่งความมั่งคั่งให้มากและเร็วที่สุด

            การดำเนินชีวิตที่ไม่ซื่อสัตย์จะกลายป็นความน่าเศร้าในระยะต่อไป บุคคลเหล่านี้อาจจะไม่รู้ว่า ตนเองได้ปิดซ่อนความล้มเหลวไว้ด้วยความหลงผิด เพราะคนเช่นนี้กำลังติดกับดักแห่งความหวาดระแวงว่าคนจะจับได้ ความไม่ซื่อสัตย์เป็นเสมือนหนามเล็ก  ๆ ที่คอยทิ่มแทงใจ เราคงเคยพบว่ามีบางคนที่ร่ำรวยมาก ๆ แต่ต้องตายไปกับความไม่ซื่อสัตย์ และความล้มเหลวในบางด้านของชีวิตที่สาธารณชนอาจจะไม่เห็น ขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ แต่ปรากฏให้เห็นในที่สุด  

ใช้ศักยภาพสูงสุด

โพสต์14 ส.ค. 2555 02:07โดยศราวุธ ทองมี

            คนที่มีวิสัยทัศน์และมีชีวิตอยู่เพื่อสร้างสรรค์แผนการที่ได้วางไว้อย่างรอบคอบ จะสามารถนำผู้ที่ทำงานร่วมกับเขาไปสู่ความสำเร็จได้ ในปัจจุบันองค์กรกิจสมัยใหม่เน้นความสำคัญของทรัพยากรมนุษย์ เพื่อสร้างสรรค์องกรณ์ มิใช่เพื่อเป็นภาระแก่องค์กร สถานที่ทำงานทุกแห่งคงไม่ต้องการรับพนักงานที่เก่งกาจ แต่อยู่ทำงานเพียงไม่กี่เดือนแล้วลาออก พนักงานที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิต ขาดความกระตือรือร้น และขาดลักษณะชีวิตอีกหลายประการที่จำเป็นดังนั้น ลำพังคุณสมบัติทางการศึกษาว่าจบการศึกษามาจากที่ใดเรียนเก่งหรือไม่ หรือมีความสามารถเฉพาะตัว และความสามารถพอเศษด้านใด จึงไม่เพียงพอในการคัดเลือกบุคลากรเข้าทำงาน แต่ต้องการพิจารณาอีกหลายองค์ประกอบในการคัดเลือกบุคลากร ในประเทศญี่ปุ่นแนวคิดในการรับพนักงานเพื่อทำงานตลอดชีวิต ถ้าพนักงานไม่มีเป้าหมาย หรือวิสัยทัศน์ร่วมกับองค์กรตั้งแต่เริ่มต้น หากแต่อยู่กับองค์กรเพียงเพื่อเงินอย่างเดียว เขาคงไม่สามารถเป็นกำลังสำคัญขององค์กรในยามที่องค์กรต้องเผชิญกับภาวะวิกฤตได้

           คนมีวิสัยทัศน์จะสามารถใช้ศักยภาพของเขาได้อย่างเต็มที่ โดยดำเนินชีวิตตามเป้าหมายและความฝันที่ต้องการ ชีวิตก็จะมีความหวังและมีความสุข และท้ายที่สุดก็จะเป็นคนที่สามารถประสบความสำเร็จโดยมีฐานชีวิตที่หนักแน่นรองรับได้

ไม่หวั่นไหวต่อขวากหนาม

โพสต์6 ส.ค. 2555 00:18โดยศราวุธ ทองมี   [ อัปเดต 6 ส.ค. 2555 00:20 ]

         ผู้ที่มีวิสัยทัศน์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีใจหนักแน่นมั่นคงไม่หวั่นไหวง่ายเมื่อพบกับอุปสรรคเขาจะเป็นผู้ที่มองอนาคตอย่างมีความหวังอยู่เสมอ มองอุปสรรคให้เป็นโอกาส เป็นความท้าทาย และไม่ท้อแท้หมดหวังง่าย ๆ แม้ในสถานการณ์ที่ดูเลวร้ายอย่างที่สุดความหวังใจเช่นนี้ คือประตูแห่งความเป็นไปได้ในความคิด และการตัดสินใจอย่างกล้าหาญมีสติคือ ก้าวย่างสู้ความสำเร็จอันเป็นรูปธรรม

            คนที่มีวิสัยทัศน์จะต้องเป็นผู้ที่เรียนรู้จากอดีต และจากประสบการณ์ ทั้งที่เกิดขึ้นกับตนเอง และเกิดขึ้นกับผู้อื่น และหาทางฝ่าฟันไปโดยไม่ย่อท้อแม้มีอุปสรรค คนที่มีวิสัยทัศน์จะเป็นนักสร้างพลัง และเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจได้ดี เป็นผู้เสริมสร้างกำลังใจให้กับคนที่หมดหวัง เป็นผู้ให้พลังกับคนท้อแท้ เป็นเหมือนกับดวงสว่างในความมืดส่องพาคนที่หลงวนเวียนอยู่ในถ้ำลึกออกมาได้

Dr Kriengsak Chareonwongsak

Senior Fellow, Harvard Kennedy School , Harvard University

, kriengsak.com, drdancando.com

วางแผนเพื่อเป้าหมาย

โพสต์26 ก.ค. 2555 20:58โดยศราวุธ ทองมี

ซื่อกินไม่หมด ค ด กินไม่นาน เรียงความ

           วิสัยทัศน์ไม่เพียงทำให้เรามองเห็นความสำเร็จทางความคิดเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เราสามารถมองภาพในอนาคตได้อย่างชัดเจนช่วยให้เกิดความหวัง และแรงบันดาลใจในการทำสิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ เกิดจากการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน และเชื่อมั่นว่าความคิดของเราสามารถเป็นจริงขึ้นได้ สิ่งที่สำคัญประการถัดมาคือ เราต้องสามารถวิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า มีความเข้าใจต่อสภาพเหตุการณ์นั้นอย่างลึกซึ้ง เพื่อการวางแผนที่สมเหตุสมผล และมีความเป็นไปได้สูงสุด มีการกำหนดแผนและเป้าหมายสำหรับปัจจุบัน เพื่อเป็นทางก้าวต่อไปอย่างราบรื่นในอนาคตได้ และรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากที่เราตัดสินใจดำเนินการ

            เราต้องเป็นคนที่สามารถวิเคราะห์ และเรียนรู้สิ่งที่เรากระทำได้ เช่น การเลือกคณะในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในขณะที่เลือกเราต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า เลือกคณะนี้เพราะอะไรและมองเห็นภาพตัวเองอีก   4-5 ปี เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะประกอบอาชีพอะไร จะนำสิ่งที่ร่ำเรียนมาใช้ประโยชน์อย่างไรได้บ้าง โดยประเมินอย่างรอบคอบถึงประโยชน์สูงสุด และความสอดคล้องกับเป้าหมายชีวิตในอนาคต เพื่อไม่ให้สิ่งที่เราเลือกนั้นเป็นเหตุให้ต้องมาเสียใจภายหลัง

เริ่มจากความคิด

โพสต์8 ก.ค. 2555 22:10โดยศราวุธ ทองมี

ซื่อกินไม่หมด ค ด กินไม่นาน เรียงความ

     

           วิสัยทัศน์ นับเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ ในการทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จอย่างมีเป้าหมาย องค์ประกอบสำคัญคือ ต้องมีความเชื่ออย่างมั่นคงว่าความฝันนั้นเป็นไปได้ ความสำเร็จของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ผู้มีชื่อเสียง เกิดจากการที่เขายึดมั่นในแนวคิดที่ว่า “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” ไมเคิล ฟาราเดย์ บิดาแห่งเครื่องกำเนิดกระแสไฟฟ้าก็เช่นเดียวกัน เขาจินตนาการเรื่องกระแสไฟฟ้าในสมองของเขาตลอดเวลา แม้เวลานั้น เขายังไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าขึ้นมาเลย สิ่งที่อยู่ในความคิดของเขานั่นเอง เป็นแรงผลักดันให้เขาดำเนินชีวิตในวิถีทางที่เขาจะประสบความสำเร็จได้

           สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์และการปกครองไทย เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ไทยที่มีวิสัยทัศน์ ซึ่งสามารถช่วยเหลือประเทศได้จนมาถึงทุกวันนี้ พระองค์ทรงห่วงใยเกี่ยวกับการที่ประเทศไทยในสมัยนั้น ต้องพึ่งพาชาวต่างชาติในด้านการศึกษามาก พระองค์ทรงเห็นว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปอาจเกิดอันตรายต่อประเทศได้ จึงได้ทรงดำริการจัดการศึกษาเพื่อทวยราษฎร์ขึ้น เพื่อให้ประชาชนในประเทศได้มีโอกาสรับการศึกษาภาคบังคับ

           หากเปิดบันทึกอัตชีวประวัติบุคคลในประวัติศาสตร์ เราจะพบว่าคนที่มีอิทธิพลมากต่อคนในสังคมแทบทั้งหมด เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ เป็นผู้ที่มองเห็นการณ์ไกลว่าคนอื่น เป็นผู้ที่มีความเชื่อมั่นทำให้เราเล็งเห็นความสำเร็จในอนาคตได้ ทำให้ความคิดที่ว่า “ทำไม่ได้” มลายไป และมีความมั่นใจว่ามีทางออกที่เป็นไปได้

Dr Kriengsak Chareonwongsak

Senior Fellow, Harvard Kennedy School , Harvard University

, kriengsak.com, drdancando.com

บทเรียนของคนขาดวิสัยทัศน์ II

โพสต์1 ก.ค. 2555 23:26โดยศราวุธ ทองมี

ซื่อกินไม่หมด ค ด กินไม่นาน เรียงความ

            

            บทเรียนราคาแพง และประสบการณ์ความยากลำบากในครั้งนั้น ได้สอนให้พวกเขาเรียนรู้ว่า เขาต้องเห็นความสำคัญของการเพาะปลูก และต้องเตรียมพร้อมเพื่ออนาคตอย่างครบถ้วนทุกด้าน ทำให้เขาไม่ยึดเอากำไรและความมั่งคั่งเป็นตัวตั้งสำหรับเป้าหมายในชีวิต แต่เอาความอยู่รอดเป็นตัวตั้ง และวางแผนล่วงหน้าอย่างรอบคอบ ซึ่งต่อมาผู้อพยพที่เป็นสตรีได้เริ่มทำการเพาะปลูกอย่างกว้างขวาง และพบว่าแผ่นดินอเมริกานั้นมีความอุดมสมบูรณ์มาก เมื่อได้ผลผลิตมากยังสามารถนำส่งกลับไปขายยังประเทศ อังกฤษและประเทศอื่น ๆ ในยุโรปได้อีกด้วย

            โดยนัยเดียวกันนี้ ถ้าเราเป็นคนที่ขาดวิสัยทัศน์ในลักษณะชีวิตส่วนตัว ชีวิตเราก็จะประสบความสำเร็จได้ยากยิ่ง เพราะไม่มีใครรู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร หรือสิ่งที่รอคอยอยู่ข้างหน้าคืออะไร หากเราไม่เคยวางแผนว่าจะต้องทำสิ่งใด และปล่อยตัวเองไปเรื่อย ๆ ตามสถานการณ์และภาวะแวดล้อม เมื่อสถานการณ์หรือสภาพแวดล้อมเปลี่ยน เราอาจจะต้องอยู่ในสภาพล้มเหลว จนหมดหวังที่จะดำรงชีวิตอยู่ต่อไปก็เป็นได้

            เราคงต้องยอมรับว่า สังคมไทยนั้นยังขาดการสนับสนุนให้คนในประเทศมีลักษณะนิสัยที่ชอบวางแผนการดำเนินชีวิตล่วงหน้า ส่งผลให้คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอย่างไร้เป้าหมาย ยกตัวอย่างง่าย ๆ ในเรื่องของการศึกษา สังคมเราตีค่าของความสำเร็จผิดไป มองปริญญาบัตรเป็นเป้าหมายหลัก เรียนโดยไม่มีแผนชีวิตมารองรับ หลายคนเข้าเรียนในคณะที่ตนไม่อยากเรียนเพียงเพราะบังเอิญสอบได้ เมื่อเรียนจบ จึงไม่รู้ว่าจะประกอบอาชีพอะไร ที่ไหน เมื่อเวลาหางานก็หาตามที่ลงประกาศสมัครงานในหน้าหนังสือพิมพ์ เมื่อได้งานก็ไปทำโดยไม่ได้คาดหวังว่าอนาคตจะไปถึงจุดใด ทำไปเพื่อแลกกับเงิน ตำแหน่ง ชื่อเสียง ความสุขสบายในชีวิต ซึ่งแท้จริงแล้วแม้ว่าเราจะได้รับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราเป็นผู้ประสบความสำเร็จได้เลย

Dr Kriengsak Chareonwongsak

Senior Fellow, Harvard Kennedy School , Harvard University

, kriengsak.com, drdancando.com

บทเรียนของคนขาดวิสัยทัศน์

โพสต์21 มิ.ย. 2555 00:42โดยศราวุธ ทองมี

ซื่อกินไม่หมด ค ด กินไม่นาน เรียงความ

            แท้จริงแล้วการมีเป้าหมายแต่ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้นั้น ก็ยังดีกว่าการทำบางอย่างได้สำเร็จโดยปราศจากการวางเป้าหมายไว้ก่อน เราคงไม่ปรารถนาให้คนในสังคมของเราพัฒนา และประสบความสำเร็จด้วยความบังเอิญตลอดเวลา แต่เราคงอยากเห็นความสำเร็จที่เกิดจากวิสัยทัศน์แห่งภูมิปัญญา และความคิดสร้างสรรค์ที่ตัวเขาเองเป็นผู้กำหนดขึ้นและบากบั่นไปจนสำเร็จ

            เราอาจกล่าวได้ว่า คนที่ไม่มีวิสัยทัศน์นั้น คือผู้แพ้สำหรับวันนี้ และเป็นผู้ที่ตายแล้วสำหรับวันพรุ่งนี้และวันต่อ ๆ ไป เราควรตระหนักว่าความล้มเหลวโดย “มิได้ตั้งใจ” หลายครั้งได้กลายเป็นนิสัยของผู้ที่ขาดวิสัยทัศน์ มีเหตุการณ์ตัวอย่างจากประวัติศาสตร์ การอพยพของชาวตะวันตกเพื่อขุดทองในทวีปอเมริกาในสมัยแรกนั้น ความตั้งใจของเขาก็คือ มาขุดหาทองคำเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับตนเองมากที่สุด แต่พวกเขาขาดวิสัยทัศน์ในการพิจารณาองค์ประกอบ ที่จำเป็นในอนาคต นั่นคือ อาหาร ขณะที่อาหารที่เตรียมมาจากยุโรปนั้นหมดไปเรื่อย ๆ จนแทบไม่สามารถทำให้เขาดำรงชีวิตอยู่ตลอดไปได้ เขาได้ปฏิเสธข้อเสนอของบางคนที่ให้แบ่งคนมาเพาะปลูกและทำการเกษตร โดยให้เหตุผลว่าการทำการเกษตรได้กำไรน้อยและไม่คุ้มค่ากับการลงทุนข้ามน้ำข้ามทะเลมา เขาเลือกขอการรออาหารที่จะมากับเรือในเที่ยวถัดไป เพราะง่ายและสะดวกกว่าการทำการเกษตร

            สิ่งนี้สะท้อนว่า คนเหล่านี้ขาดการวางแผนล่วงหน้าสำหรับชีวิตในด้านที่สำคัญที่สุด เนื่องจากไม่มีใครสามารถอยู่รอดได้โดยปราศจากปัจจัยสำคัญคือ อาหาร ดังนั้นเมื่ออยู่มาระยะหนึ่ง อาหารที่เตรียมมานั้นได้หมดลง และขณะนั้นไม่มีเรือที่เดินทางมาอเมริกา ทำให้เกิดการขาดแคลนอาหาร ผู้อพยพจำนวนมากต้องล้มตายเพราะความหิวโหย ทรัพย์สมบัติที่เขาขุดมาได้มากมายนั้นก็ไม่สามารถช่วยให้เขารอดพ้นจากความหิวโหยได้ 

Dr Kriengsak Chareonwongsak

Senior Fellow, Harvard Kennedy School , Harvard University

, kriengsak.com, drdancando.com