ติด ฟิล์ม รถ เท่าไหร่ ดี

พราะตัวเลข 40 60 80 เป็นการเรียกความเข้มแบบคร่าวๆเท่านั้น การเรียกความเข้มของฟิล์มเซรามิคที่ถูกต้องนั้นจะต้องพิจารณาค่า%แสงสว่างส่องผ่าน หรือ VLT (ย่อมาจาก Visible Light Transmission) นั่นเอง ซึ่งฟิล์มติดรถยนต์ที่เข้ม 80 เหมือนกันอาจจะมี % แสงส่องผ่านที่ต่างกัน ทำให้ความเข้มจริงๆ ต่างกันก็เป็นไปได้

Show

ค่า Visible light transmission(VLT) คือ ปริมาณแสงส่องผ่านที่ผ่านเข้ามาในฟิล์มกรองแสง  ยิ่งแสงสว่างส่องผ่านน้อย จะทำให้ฟิล์มติดรถยนต์มีสีเข้มมาก ยกตัวอย่างเช่น ฟิล์มติดรถยนต์ที่เข้ม 80% ค่าแสงสว่างส่องผ่าน (VLT) จะอยู่แค่ที่ประมาณ 3-7% ถ้าฟิล์มเข้ม 60% ค่าแสงสว่างส่องผ่าน (VLT)อยู่ที่ประมาณ 20% ซึ่งมีค่าแสงสว่างส่องผ่านเยอะกว่า ทำให้ฟิล์มเข้มน้อยกว่า เป็นต้น

หลายคนยังสนใจบทความนี้ : ติดฟิล์มเข้ม 80 ผิดกฏหมายไหม?

ติดฟิล์มรถยนต์ความเข้ม 40/60/80 นอกจากความเข้มแล้ว ควรคำนึงถึงอะไรอีกบ้าง?

โดยก่อนที่จะเลือกติดฟิล์มความเข้ม 40/60/80 ควรคำนึงถึง 4 ประการใหญ่ ได้แก่

1. ปัจจัยเรื่องความสามารถในการกันร้อน

ยิ่งฟิล์มกรองแสงที่มีค่าแสงสว่างส่องผ่านน้อยก็ยิ่งช่วยกันความร้อนได้มากขึ้น เนื่องจากลดความร้อนจากแสง Visible light ได้มาก และป้องกันรังสี UV ที่เข้ามาในตัวรถ

2. ปัจจัยด้านความสวยงามของรถ

แต่นอกเหนือจากความสามารถในการกันร้อนแล้ว ฟิล์มที่มีสีเข้มเอง ก็ส่งผลต่อความสวยงาม ลูกค้าบางคนก็มีความต้องการคงรูปแบบของรถให้ไม่ต่างจากเดิม กระจกไม่ดูดำมืดจนเกินไป ซึ่งก็ควรเลือกฟิล์มกรองแสงที่มีค่าแสงสว่างส่องผ่านมาก เป็นต้น

3. ปัจจัยด้านความเป็นส่วนตัว

นอกเหนือจากความสวยงามแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงคือการใช้งานรถของแต่ละคน บางคนต้องการความเป็นส่วนตัวในระหว่างการใช้รถยนต์ การเลือกติดฟิล์มเซรามิคที่มีความเข้มมาก ก็จะช่วยให้ป้องกันสายตาจากบุคคลภายนอก

ซึ่งข้อดีของของฟิล์มเซรามิคคือ แม้ว่าด้านนอกจะดูมืดจนมองไม่เห้นแต่ด้านในยังคงความใสเหมือนกับไม่ได้ติดฟิล์ม และที่สำคัญคือช่วยกันร้อนและรังสี UV ได้ดี ช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีกว่าการติดฟิล์มกรองแสงทั่วๆ ไป

4. ปัจจัยด้านความสายตาและการใช้งาน

การจะเลือกฟิล์มเข้มเท่าไรนั้น สายตาของแต่ละบุคคลเป็นสิ่งสำคัญ รวมไปถึงอายุผู้ขับขี่ด้วย ถ้าสายตาไม่ดีมาก เราก็ควรจะเลือกฟิล์มความเข้มน้อยๆเพื่อความปลอดภัยก่อน

อีก 1 ประเด็นคือ เราต้องดูว่าเราขับรถตอนกลางวัน หรือ ตอนกลางคืนมากกว่ากัน อีกทั้ง ขับไปต่างจังหวัดบ่อยมากน้อยแค่ไหน มีแสงว่างมากน้อยแค่ไหน เป็นต้น

ติด ฟิล์ม รถ เท่าไหร่ ดี

ความเข้มของฟิล์มเซรามิคแต่ละชนิดต่างกันอย่างไร

ฟิล์มติดรถยนต์เข้ม 40 คือฟิล์มที่ยอมให้แสงส่องผ่าน ( VLT ) ได้ประมาณ 40-50 % หากเป็นฟิล์มSolarFX จะเป็นรุ่น FXtreme30 , FXtreme40

ฟิล์มติดรถยนต์เข้ม 60 คือฟิล์มที่ยอมให้แสงส่องผ่าน ( VLT ) ได้ประมาณ 20 % หากเป็นฟิล์มSolarFX จะเป็นรุ่น FXtreme20

ฟิล์มติดรถยนต์เข้ม 80 คือฟิล์มที่ยอมให้แสงส่องผ่าน ( VLT ) ได้ประมาณ 5 % หากเป็นฟิล์มSolarFX จะเป็นรุ่น FXtreme05

เลือกติดฟิล์มรถยนต์ ความเข้มเท่าไรดี?

การเลือกฟิล์มเซรามิคสำหรับติดรถยนต์รถยนต์กี่เปอร์เซ็นต์ดี? สามารถเลือกความเข้มสำหรับรอบคันหรือว่าแยกติดเฉพาะกระจกบางส่วนก็ได้ เช่น 

โดยจะเลือกติดฟิล์มเซรามิค 60 รอบคันไปเลย หรือว่าจะเลือกฟิล์มเซรามิค 60 เฉพาะสามบานหน้าและเป็น 80 สำหรับสามบานท้ายก็ได้ หรือจะเลือกฟิล์มเซรามิค 60 เฉพาะบานหน้าเพียงอย่างเดียว และ รอบคันที่เหลือ 80 ก็สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของผู้ใช้รถ

แต่ทางที่ดีที่สุดก็อยากให้ทุกท่านได้มาทดลองดูตัวอย่างของความเข้มของฟิล์มเซรามิคจริงๆก่อนติดตั้ง ไม่ว่าจะเป็นฟิล์มเซรามิคเข้ม 40/60/80 เพราะถ้าได้มาเลือกจากของจริงด้วยตัวเองแล้ว รับรองว่าจะสามารถเลือกความเข้มของฟิล์มติดรถยนต์ได้ถูกใจมากที่สุดอย่างแน่นอน

ติดฟิล์มรถยนต์ 60 80 ดีไหม?

ติดฟิล์มรถยนต์ 60 80 คือ ติดบานหน้า 60 รอบคัน 80 ดีและเป็นที่นิยมสำหรับคนชอบความดำเข้ม ความเป็นส่วนตัวสูง ข้างนอกมองเข้ามาแทบจะไม่เห็น และที่สำคัญกันความร้อนได้สูงสุดอีกด้วย ถ้าขับกลางวันจะสบายตา ไม่แสบแขน

ข้อเสียของการติดฟิล์ม 60/80 อย่างไรก็ตามความเข้มระดับนี้ 60 80 นี้ อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนขับรถกลางคืนบ่อยๆ หรือขับออกต่างจังหวัดบ่อยๆที่มีแสงน้อย เพราะจะค่อนข้างมืด ถึงแม้จะเป็นเกรดฟิล์มเซรามิคก็ตาม ก็ยังรู้สึกมืด เพราะฉะนั้น ถ้าจะขับต่างจังหวัด อาจจะแนะนำเป็น ครึ่งหน้า 60 ครึ่งหลัง 80 จะขับสบายตากว่าครับ

ตัวอย่างการติดฟิล์มรถยนต์ ความเข้ม 60/80

ติด ฟิล์ม รถ เท่าไหร่ ดี

ติดฟิล์มรถยนต์ 40 รอบคันดีไหม? มืดไปไหม?

ติดฟิล์มรถยนต์ 40 รอบคัน ถ้าถามว่าติดฟิล์ม 40 รอบคันมืดไหม? ต้องบอกได้เลยว่า ไม่มืดครับ เป็นความเข้มที่ต้องบอกว่า ขับได้สบายๆทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ต้องกังวลเรื่องถนนมืด หรือกลัวจะมองทางไม่เห็น เหมาะสำหรับคนสูงอายุ หรือสายตาไม่ดี เน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก

ข้อเสียของฟิล์ม 40 รอบคัน คือ ความร้อนจะเข้ามามาก เนื่องจากแสงสว่างนำพาความร้อนเข้ามาด้วย ทางที่ดี ถ้าอยากป้องกันความร้อนได้สูง แนะนำเป็น ติดฟิล์มรถยนต์ 40/60 คือ 40 บานหน้า 60 รอบคัน ทางร้านไม่แนะนำให้ติดฟิล์มเข้ม 40/80 คือ บานหน้า40 รอบคัน 80 เนื่องจากความเข้มบานหน้ากับบานข้างจะแตกต่างกันมากเกินไป ทำให้ปวดตาเวลาขับได้ครับ 

ตัวอย่างการติดฟิล์มรถยนต์ 40 รอบคัน

ติด ฟิล์ม รถ เท่าไหร่ ดี

ติดฟิล์มรถยนต์ 60 รอบคันดีไหม?

ฟิล์มรถยนต์ 60 รอบคัน ติดดีครับ เป็นความเข้มกลางๆที่เป็นที่นิยมมาก ไม่ว่าจะขับกลางวันหรือกลางคืนก็สบายตา อย่างไรก็ตาม ต้องดูค่าแสงสว่างส่องผ่านของฟิล์ม60 ให้ดีว่ามีค่าแสงสว่างส่องผ่าน (VLT) กี่ % ซึ่งถ้าจะขับกลางคืนสบาย ผมแนะนำให้ติดค่าแสงสว่างส่องผ่าน 20% ขึ้นไป หรือถ้าดูรหัสฟิล์ม ก็จะเป็นฟิล์มที่รหัสลงท้ายด้วย 20 (ถ้า VLT15% หรือรหัสฟิล์มที่ลงท้ายด้วย15 ไม่แนะนำครับ เนื่องจากกลางคืนจะมืดไป)

ข้อเสียของฟิล์มรถยนต์ 60 รอบคัน ข้อควรระวัง ฟิล์มกรองแสง 60% บางรุ่น บางยี่ห้อ แสงส่องผ่านจะน้อย คือประมาณ 10-15% จะทำให้ขับกลางคืนลำบาก ซึ่งอาจจะรู้สึกมืดไปบ้าง ต่างกับฟิล์ม 60% ที่แสงส่องผ่าน 20%ขึ้นไป นั่นจะทำให้สามารถขับรถได้อย่างสบายตาครับ

ตัวอย่างการติดฟิล์มรถยนต์ 60 รอบคัน

ติดฟิล์มรถยนต์ 80 รอบคันดีไหม?

ฟิล์มรถยนต์ 80 รอบคัน ส่วนตัวแล้วไม่แนะนำครับ ต่อให้เป็นฟิล์มเซรามิค 80 ติดบานหน้า ยังไงก็ยังมืดอยู่ ถ้าชอบเข้มจริงๆ แนะนำว่าบานหน้า ควรจะติดฟิล์มที่มีแสงสว่างส่องผ่าน VLT น้อยสุด 10% ครับ ถ้าต่ำกว่านี้ 3-5% ส่วนมากไม่รอดแน่นอน 90% ต้องลอกเปลี่ยนใหม่ครับ

ตัวอย่างการติดฟิล์มรถยนต์ 80 รอบคัน

ติด ฟิล์ม รถ เท่าไหร่ ดี

ติดฟิล์มรถยนต์เซรามิคใสกันร้อน ดีไหม?

ฟิล์มใสกันร้อนรอบคัน เป็นความเข้มที่ไม่ค่อยนิยมมากซักเท่าไรนัก เนื่องจากความร้อนจากแสงสว่างจะเข้ามาในตัวรถมาก ทำให้รู้สึกร้อนกว่าปกติ แต่ก็มีคนส่วนน้อยที่ชอบติดฟิล์มใส ก็มักจะชอบโชว์ภายในตัวรถ คนขับ หรือเป็นแนวรถแต่งก็จะมีบ้างครับ ถ้าจะติดฟิล์มใส ต้องเน้นการป้องกันอินฟราเรดสูงหน่อยนะครับ ไม่งั้นรถลุกเป็นไฟแน่

ตัวอย่างการติดฟิล์มรถยนต์เซรามิคใส รอบคัน

หมายเหตุ สีความเข้มของฟิล์มในรูป อาจจะต่างจากความเป็นจริงบ้าง เนื่องจากกล้องถ่ายรูปจะมีการชดเชยแสงที่มืดให้สว่างขึ้น เพราะฉะนั้น ทางที่ดีที่สุด ควรจะดูด้วยตาตัวเอง จะแม่นยำที่สุด

สนใจติดตั้งฟิล์มรถยนต์ ฟิล์มติดอาคาร ฟิล์มเซรามิคราคาถูก

ติด ฟิล์ม รถ เท่าไหร่ ดี
โทรเลย.

095-952-7917, 02-003-3583

ติด ฟิล์ม รถ เท่าไหร่ ดี
  Line:@SolarFX

ติด ฟิล์ม รถ เท่าไหร่ ดี

ติด ฟิล์ม รถ เท่าไหร่ ดี

ติดฟิล์มรถยนต์ 40/60 ราคาเท่าไร? ติด 60 รอบคัน ราคาเท่าไร?

หลายคนอยากทราบราคาติดฟิล์มรถยนต์ 40/60 หรือ ติด 60 รอบคันราคาเท่าไร? ซึ่งจริงๆแล้วราคาติดฟิล์มรถยนต์ไม่ว่าจะติดความเข้มเท่าไรก็ตาม 40/60 หรือ 60/80 หรือ 60 รอบคัน ราคาจะเท่ากันทั้งหมด

ยกเว้นฟิล์มกรองแสงบางยี่ห้อ จะคิดราคาฟิล์มเข้ม 80% แพงกว่าความเข้มอื่นๆ ต้องลองสอบถามรายละเอียดจากร้านติดฟิล์มดีๆ

ราคาติดฟิล์มรถยนต์จะขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลักๆ ได้แก่ 

  1. ขนาดของกระจกรถยนต์ – ซึ่งถ้ารถยนต์มีกระจกเป็นจำนวนมาก ขนาดใหญ่ ย่อมแพงกว่า
  2. ยี่ห้อของฟิล์มกรองแสง – ฟิล์มกรองแสงยี่ห้อดัง ย่อมราคาแพงกว่า 
  3. รุ่นของฟิล์ม – คุณภาพของฟิล์มที่ดี ฟิล์มเกรดเซรามิค ราคาย่อมสูงกว่า เป็นต้น

ประสบการของช่างก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน ช่างที่ประสบการณ์มากกว่า ย่อมมีค่าตัว ค่าฝีมือแพงกว่า ติดเนียนกว่าด้วย

หากต้องการทราบราคาติดฟิล์มรถยนต์ความเข้มต่างๆ 40 60 80 อย่างละเอียด แนะนำให้อ่านบทความนี้: ราคาติดฟิล์มรถยนต์ คิดอย่างไร?

คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับความเข้มฟิล์มรถยนต์ 

SolarFX ได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อย จากเว็บไซต์ Pantip และ จากประสบการณ์ติดฟิล์มรถยนต์หน้าร้าน มาฝากทุกคน เพื่อเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจครับ

  1. Q: ติดฟิล์มความเข้มแบบไหน เป็นที่นิยมมากที่สุด? 

    A: ความเข้มฟิล์มกรองแสงที่นิยมมากที่สุด จากประสบการณ์ต้องบอกเลยว่า บานหน้า 60 รอบคัน 80 หรือที่เราเรียกย่อๆว่า ติดฟิล์มรถยนต์ 60/80 เป็นที่นิยมที่สุด ด้วยความที่ว่าให้ความเป็นส่วนตัวและกันร้อนได้สูงนั่นเอง
  2. Q: ติดฟิล์มบานหน้า+รอบคัน 80%  จะมืดไปไหม?

    A: มืดไปครับ ถ้าอยากติด ติดได้ แต่ไม่แนะนำ เชื่อมั้ยครับว่าลูกค้าที่ติดบานหน้า 80 แทบจะทุกราย ต้องมาลอกเปลี่ยนเหลือแค่ความเข้ม 70 หรือ 60 เท่านั้น เพราะ ฟิล์มรถยนต์บานหน้า 80 ไม่เหมาะกับประเทศไทย ที่ถนนบางแห่งจะมีแสงสว่างน้อย ไม่เพียงพอ และ ฟิล์มบานหน้าเข้มมากเกินไปส่งผลให้เกิดอันตรายแก่ผู้ขับขี่อื่นๆได้ครับ 
    ทางร้านแนะนำว่า ถ้าอยากติดฟิล์มบานหน้า 80 จริงๆ ต้องถามลูกค้าว่าเคยใช้ฟิล์มบานหน้า 80 มาก่อนหรือเปล่า ถ้าเคยก็สามารถติดได้ครับ
    ที่มา: https://pantip.com/topic/33569493
  3. Q: ฟิล์มเซรามิค 60 รอบคัน มืดไปไหมคะ? 

    A: คำถามนี้ตอบได้ยาก เพราะคำว่ามืดไปของแต่ละคนนั้น ไม่เหมือนกัน ถ้าคนเคยติดฟิล์มรถยนต์ 40 มาทั้งชีวิต แล้วมาเปลี่ยนเป็นเบอร์ 60 ก็จะต้องมืดไปอย่างแน่นอน แต่ถ้าใช้ฟิล์มธรรมดา 60 แล้วเปลี่ยนมาเป็นฟิล์มเซรามิค 60 ยังไงก็จะรู้สึกใส เคลีย สบายตากว่าเดิมแน่ เพราะฉะนั้น คำถามว่า ติดฟิล์มเซรามิค 60 มืดไปมั้ย อันนี้ ขึ้นอยู่กับบุคคลครับ
    โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่า ฟิล์มเข้ม 60 ที่แสงสว่างส่องผ่านไม่ต่ำกว่า 20% (VLT>20%) จะไม่มืดไปครับ
    ที่มา : https://pantip.com/topic/37187676
  4. Q: เน้นขับรถกลางคืนควรเลือกฟิล์มรถยนต์ความเข้มเท่าไรดี ?

    A: แนะนำให้ติดเพียง บานหน้า 40 รอบคัน 60 พอครับ โดยเฉพาะคนที่ขับต่างจังหวัดบ่อยๆ เพราะในบางครั้ง แสงสว่างจะไม่เพียงพอ ทำให้ต้องลำบากในการเพ่งสายตาในเวลากลางคืนครับ

    แต่ถ้าขับกลางวันบ่อยกว่า แนะนำความเข้มประมาณ 60 รอบคัน จะตอบโจทย์ได้ดีครับ

  5. Q: อยากติดฟิล์มที่กันร้อนได้สูงสุด ควรติดความเข้มเท่าไรดี ?

    A: ถ้ากันร้อนสูงสุด ต้องติดฟิล์มบานหน้า 60 รอบคัน 80 เท่านั้นครับ เพราะยิ่งแสงส่องผ่านน้อย ความร้อนก็จะเข้ามาตัวรถน้อยด้วยเช่นกัน

    ฟิล์มรถ ควรติดแบบไหน

    ติดฟิล์มกรองแสงแบบ 40:60 หมายความว่าติดฟิล์มที่กระจกบานหน้าและหลัง 40% รอบคัน 60% เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบทัศนวิสัยการมองเห็นที่เคลียร์ชัด หรือขับรถในเวลากลางคืนบ่อย ติดฟิล์มกรองแสงแบบ 60:80 หมายความว่าติดฟิล์มที่กระจกบานหน้าและหลัง 60% รอบคัน 80% เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หรือขับรถในช่วงเวลากลางวันเป็นหลัก

    ติดฟิล์ม รถ60 80 ดี ไหม

    ติดฟิล์มรถยนต์ 60 80 ดีไหม? ติดฟิล์มรถยนต์ 60 80 คือ ติดบานหน้า 60 รอบคัน 80 ดีและเป็นที่นิยมสำหรับคนชอบความดำเข้ม ความเป็นส่วนตัวสูง ข้างนอกมองเข้ามาแทบจะไม่เห็น และที่สำคัญกันความร้อนได้สูงสุดอีกด้วย ถ้าขับกลางวันจะสบายตา ไม่แสบแขน

    ฟิล์มติดรถยนต์มีกี่เปอร์เซ็นต์

    ในระดับการป้องกันความร้อนของฟิล์มติดรถยนต์ จะมีการคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ โดยจะมีระดับเปอร์เซ็นต์ทั่วไปอยู่ที่ 40, 60, และ 80 ยิ่งระดับเปอร์เซ็นต์สูง นั่นหมายถึงประสิทธิภาพป้องกันความร้อนที่มากขึ้น โดยในแต่ละยี่ห้อจะมีค่ากำหนดที่แตกต่างกันไปตามแต่ละบริษัทผู้ผลิตจะกำหนดมา ซึ่งมาตรฐานแล้ว แต่ละระดับมีคุณสมบัติดังนี้