ตรวจสภาพรถมอเตอร์ไซค์กี่บาท

สำหรับคนที่ใช้รถใหม่ การตรวจสภาพรถยนต์อาจไม่ใช่เรื่องที่คุณคุ้นเคยหรือจำเป็นเท่าไหร่ แต่สำหรับผู้ที่ใช้รถเริ่มเก่าแล้ว จะต้องทำการตรวจสภาพรถยนต์ประจำปี ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ รถจะต้องมีสภาพมั่นคง แข็งแรง มีลักษณะ ขนาด และเครื่องอุปกรณ์ส่วนควบของรถ ถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับรถ, ผู้โดยสาร, ผู้ขับขี่รถคันอื่น ๆ และคนเดินถนน มาดูกันว่ารถกี่ปีต้องตรวจสภาพ แล้วเราจะเสียเงินเท่าไหร่

ตรวจสภาพรถ กี่ปีต้องตรวจ นับยังไง

ตามกฎหมายได้กำหนดให้รถทุกคันที่มีอายุรถเกิน 5-7 ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก จะต้องทำการตรวจสภาพรถ ก่อนต่อภาษีรถยนต์ โดยแบ่งออกตามประเภทคือ

ตรวจสภาพรถมอเตอร์ไซค์กี่บาท
ตรวจสภาพรถมอเตอร์ไซค์กี่บาท

  • ตรวจสภาพรถมอเตอร์ไซค์ ที่อายุเกิน 5 ปีขึ้นไป
  • รถยนต์ อายุเกิน 7 ปีขึ้นไป
  • รถบรรทุก อายุเกิน 7 ปีขึ้นไป
  • ตรวจสภาพรถก่อนภาษีประจำปีหมดอายุได้ 3 เดือนล่วงหน้า

แล้วนับปีอย่างไร?

  • มอเตอร์ไซค์ที่จดทะเบียนปี 2560 ต้องตรวจสภาพรถตั้งแต่ปี 2565
  • รถยนต์ รถบรรทุกที่จดทะเบียนปี 2558 ต้องตรวจสภาพรถตั้งแต่ปี 2565

ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ทุกคันต้องต่อภาษี และมีป้ายวงกลม (ป้ายภาษี) มาแปะที่รถ ดังนั้นถ้าไม่ตรวจสภาพรถ ก็จะไม่สามารถต่อภาษีได้ (ข้อมูลรถส่วนบุคคล)

ตรวจสภาพรถที่ไหน ราคาเท่าไหร่

การตรวจสภาพรถสามารถทำได้ทุกที่ ที่มีสัญลักษณ์ ตรอ. (ยกเว้นรถดัดแปลงต้องไปกรมขนส่ง) ใช้เวลาไม่นานถ้าไม่มีคิวก็ประมาณ 10-20 นาทีก็ตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีเรทราคาเท่ากันทั่วประเทศคือ

ตรวจสภาพรถมอเตอร์ไซค์กี่บาท
ตรวจสภาพรถมอเตอร์ไซค์กี่บาท

  • ตรวจสภาพรถมอเตอร์ไซค์ ราคา 60 บาท
  • รถยนต์น้ำหนักไม่เกิน 1600 กิโลกรัม 150 บาท
  • รถยนต์น้ำหนักเกิน 1600 กิโลกรัม 200 บาท

อย่างไรก็ตามทางกรมการขนส่งทางบกได้ประกาศว่าจะเปิดตรวจสภาพรถฟรีกว่า 20 รายการ ตั้งแต่ วันนี้ จนถึง 15 เม.ย. 2565 เนื่องในโอกาสของเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งหลายคนอาจเดินทางไกลและมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน การตรวจสภาพรถจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อความปลอดภัยตลอดการเดินทางในช่วงเทศกาล

ตรวจสภาพรถแล้ว ต่อภาษีที่ไหน เท่าไหร่

เมื่อตรวจสภาพผ่านแล้ว ก็จะสามารถนำผลตรวจไปขอต่อภาษีกับกรมขนส่งได้เลย เช่นที่ จตุจักร / สวนผัก / กรมขนส่งจังหวัด หรือไปต่อภาษีวันเสาร์อาทิตย์ที่บิ๊กซี หรือเสียเงินฝากตัวแทนต่อภาษีก็ได้

อัพเดท: ล่าสุดจ่ายภาษีรถออนไลน์ได้แล้วที่ eservice.dlt.go.th หลังตรวจสภาพรถผ่าน 

ตรวจสภาพรถมอเตอร์ไซค์กี่บาท
ตรวจสภาพรถมอเตอร์ไซค์กี่บาท

ตรวจสภาพรถมอเตอร์ไซค์กี่บาท
ตรวจสภาพรถมอเตอร์ไซค์กี่บาท

  • ต่อภาษีรถยนต์เสาร์อาทิตย์ที่ไหนได้บ้าง

โดยตามกฎหมาย พ.ร.บ.รถยนต์ ปี พ.ศ. 2522 กำหนดค่าภาษีรถจักรยานยนต์ตามประเภทและการใช้งานไว้ดังนี้

  1. รถจักรยานยนต์ (มอเตอร์ไซค์) ส่วนบุคคล ภาษีรถจักรยานยนต์ คันละ 100 บาท
  2. รถจักรยารนตอร์ (มอเตอร์ไซค์) สาธารณะ ภาษีรถจักรยานยนต์ คันละ 100 บาท
  3. รถพ่วงของรถมอเตอร์ไซค์ส่วนบุคคล ภาษีรถมอเตอร์ไซค์ คันละ 50 บาท
  4. รถพ่วงนอกเหนือจากข้อ 3. ภาษีรถมอเตอร์ไซค์ คันละ 100 บาท
  • ต่อพรบ รถจักรยานยนต์ ราคาเท่าไหร่

ตรวจสภาพรถไม่ผ่าน ไม่ต่อภาษีได้ไหม

ไม่ได้ หากคุณไม่ต่อภาษีและถูกจับจะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ตามมาตรา 11 ที่ให้รถทุกคันแสดงแผ่นป้ายครบถ้วน ให้นำไปแก้ไขและกลับมาตรวจที่เดิมได้

ราคาค่าบริการ ตรวจสภาพรถก่อนต่อภาษี (ตรอ.) ราคา พ.ร.บ. และราคาค่าบริการฝากต่อภาษี หรือเสียภาษี ของ ตรอ.ทรัพย์ไพศาล
(ในกรณีที่ฝากให้เราต่อภาษีให้) ซึ่งราคาค่าตรวจสภาพรถ และค่า พ.ร.บ. เป็นราคามาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด
ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการเพียงแค่อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เช่น จะตรวจสภาพอย่างเดียว หรือทำพ.ร.บ. อย่างเดียวก็ได้
ไม่ว่ารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ จำเป็นจะต้องได้รับการตรวจสภาพรถทุกครั้งก่อนเสียภาษีประจำปี ทำไมจะต้องนำรถไปตรวจสภาพ ตรวจสภาพรถใช้อะไรบ้าง มีค่าใช้จ่ายในการตรวจสภาพรถกี่บาท ตรวจสภาพรถได้ที่ไหนบ้าง เป็นเรื่องที่คนมีรถต้องรู้ วันนี้เรามีคำแนะนำมาฝากกันค่ะ

ตรวจสภาพรถใช้อะไรบ้าง

ทุกปีสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของรถทุกคนจะต้องมีการนำรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ของคุณไปต่อภาษี จะต้องนำรถของตนไปตรวจสภาพรถก่อนทำการเสียภาษีรถ รถที่จะนำไปตรวจสภาพจะต้องเป็นรถยนต์ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป และรถจักรยานยนต์ที่มีอายุใช้งานครบ 5 ปีขึ้นไป แต่สำหรับคนที่เพิ่งที่มีรถอายุใช้งานครบตามที่กำหนด อาจจะสงสัยว่าจะ ตรวจสภาพรถใช้อะไรบ้าง  สำหรับการตรวจสภาพรถใช้อะไรบ้าง นั้นมีอยู่ 3 อย่างด้วยกัน

สิ่งที่ต้องเตรียมในการตรวจสภาพรถใช้อะไรบ้าง ได้แก่

1.สมุดทะเบียนรถ หรือสำหรับผู้ที่เอารถเข้าไฟแนนซ์อยู่ หรือรถที่กำลังผ่อนอยู่ จะไม่มีสมุดทะเบียนรถ ก็สามารถนำสำเนาทะเบียนรถใช้ในการตรวจสภาพรถได้

2.รถที่จะนำไปตรวจสภาพ

3.ค่าตรวจสภาพรถ โดยรถจักรยานยนต์ คันละ 60 บาท รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 2,000 กิโลกรัม คันละ 200 บาท รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 2,000 บาท กิโลกรัม คันละ 300 บาท เท่านี้ จะเห็นว่าเอกสารที่ใช้สำหรับเตรียมตรวจสภาพรถใช้อะไรบ้างนั้นไม่ยุ่งยากเลย หลังจากที่ทราบแล้วว่าตรวจสภาพรถใช้อะไรบ้างแล้วนั้น สงสัยกันหรือไม่ว่าทำไมต้องนำรถไปตรวจสภาพรถประจำปีก่อนเสียภาษี ไปติดตามกันต่อค่ะ

ทำไมต้องนำรถไปตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษี

ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ได้มีบัญญัติว่า รถที่มีอายุการใช้งานครบ 7 ปี โดยนับตั้งแต่วันจดทะเบียนครั้งแรก จนถึงวันสิ้นสุดอายุภาษีประจำปี เช่น หากรถเก๋งของคุณจดทะเบียนปี พ.ศ.2565 เมื่อครบ 7 ปี จะต้องเข้ารับตรวจสภาพรถปี พ.ศ.2572 ทั้งนี้การตรวจสภาพรถก็เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร คนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่น และสภาพแวดล้อมด้วย ซึ่งรถที่นำมาใช้บนท้องถนน ต้องมีสภาพมั่นคง แข็งแรง มีลักษณะ ขนาด และเครื่องอุปกรณ์ส่วนควบของรถ ถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง โดยรถที่ต้องตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษีประจำปีนั้น ได้แก่

1.รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป

2.รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป

3.รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่มีอายุการใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป

4.รถจักรยานยนต์ ที่มีอายุการใช้งานครบ 5 ปีขึ้นไป

ทั้งนี้คุณสามารถนำรถไปตรวจสภาพรถล่วงหน้าได้ไม่เกิน 3 เดือน ก่อนถึงวันสิ้นอายุภาษีประจำปี โดยนำเอกสารเข้าไปตรวจสภาพที่ตรอ. หากผลการตรวจสภาพรถผ่าน สถานตรวจสภาพรถจะออกใบรับรองการตรวจสภาพรถตามแบบที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด แต่หากพบว่ารถไม่ผ่านเกณฑ์การตรวจสภาพ สถานตรวจสภาพจะแจ้งให้เจ้าของรถทราบ เพื่อนำรถไปแก้ไขข้อบกพร่องก่อน แล้วจึงนำรถมาตรวจสภาพรถใหม่ที่ตรอ.เดิมอีกครั้งภายใน 15 วัน แต่จะเสียค่าตรวจสภาพในอัตราครึ่งหนึ่งของค่าบริการเดิม แต่หากเกิน 15 วัน หรือนำรถไปตรวจสภาพที่ตรอ.อื่น จะเสียค่าบริการตรวจสภาพรถเต็มอัตราเหมือนเดิม

ตรวจสภาพรถมอเตอร์ไซค์กี่บาท
ตรวจสภาพรถมอเตอร์ไซค์กี่บาท

รถที่ไม่สามารถนำไปตรวจสภาพรถที่ตรอ.ได้

โดยปกติแล้ว หลายคนเลือกให้บริการตรอ.เพื่อตรวจสภาพรถและฝากต่อภาษี แต่มีรถบางลักษณะที่ต้องนำไปให้นายทะเบียนตรวจสภาพที่หน่วยงานของกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น คือรถที่ดัดแปลงสภาพผิดไปจากที่ได้จดทะเบียนไว้ ดังนี้

1.รถที่เปลี่ยนสี หรือเปลี่ยนแปลงตัวรถหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ในสมัครคู่มือทะเบียนรถ ยกตัวอย่างเช่น รถเคยยกเครื่องแล้วเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ใส่แทน เปลี่ยนลักษณะรถผิดไปจากเดิม เป็นต้น

2.รถที่ไม่สามารถตรวจสอบเลขตัวรถหรือเลขเครื่องยนต์ได้ ซึ่งอาจจะมีการแก้ไขเลข ขูด ลบ หรือไม่ชัดเจน ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้

3.รถที่เจ้าของแจ้งไม่ใช่รถชั่วคราว หรือไม่ใช้ตลอดไปไว้

4.รถเก่าที่มีเลขทะเบียนเป็นเลขทะเบียนรุ่นเก่า เช่น กท-00001,กทจ-0001 จึงต้องเปลี่ยนทะเบียนรถใหม่เมื่อนำมาเสียภาษีประจำปี

5.รถที่มีปัญหาเคยถูกขโมยแล้วได้คืน

6.รถที่ขาดต่อทะเบียนเกิน 1 ปี

ตรวจสภาพรถ ตรวจอะไรบ้าง

การตรวจสภาพรถเบื้องต้น จะต้องมีการตรวจสอบให้ตรงกับข้อมูลในคู่มือจดทะเบียนรถของรถคันนั้น และตรวจสอบตัวรถดังนี้

1.ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลรถ เช่น แผ่นป้ายทะเบียนรถ ลักษณะรถ หมายเลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์

2.ตรวจสภาพของตัวรถ ตัวถัง สี อุปกรณ์ด้านความปลอดภัยว่าพร้อมใช้งานมากน้อยเพียงใด เช่น  พวงมาลัย ที่ปัดน้ำฝน เป็นต้น

3.ตรวจสอบการทำงานของระบบบังคับเลี้ยว ระบบเบรก ว่าสามารถงานได้ปกติหรือไม่

4.ทดสอบการทำงานและประสิทธิภาพของระบบเบรกทุกชิ้น ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน

5.ตรวจสอบวัดโคมไฟหน้า ทิศทางการเบี่ยงเบนของแสง และวัดค่าความเข้มของแสง

6.ตรวจสอบวัดค่า CO ก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ HC ก๊าซไฮโดรคาร์บอน สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง

7.การตรวจวัดเสียงรถต้องไม่เกิน 100 เดซิเบล

8.รถยนต์เครื่องดีเซล ต้องตรวจควันดำ ระบบการกรองต้องไม่เกินร้อยละ 50 และระบบความทึบแสงต้องไม่เกินร้อยละ 45

9.รถยนต์ที่ติดแก๊ส ต้องมีการตรวจ ทดสอบ เช็คตามข้อ ตลอดจนท่อและอุปกรณ์แก๊สทั้งระบบว่าสมบูรณ์พร้อมใช้งานหรือไม่ โดยถังแก๊สต้องมีอายุไม่เกิน 10 ปี แต่หากถังแก๊สมีอายุการใช้งานเกิน 10 ปี จะต้องตรวจสอบ พิจารณาความพร้อมของอุปกรณ์ติดตั้งว่ายังสมบูรณ์พร้อมใช้งานต่อได้หรือไม่ มากน้อยแค่ไหน ถ้าหากตรวจสอบแล้วจะมีการออกใบรับรองเพื่อยืดอายุการใช้งานต่อได้อีก 5 ปีตามกฎหมาย

ตรวจสภาพรถที่ไหนได้บ้าง?

หลายคนมักจะเคยชินกับการนำรถไปตรวจสภาพที่ตรอ.และฝากต่อภาษีในคราวเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วปกติจะต้องนำรถไปตรวจสภาพรถและต่อภาษีรถที่กรมการขนส่งทางบก หรือขนส่งจังหวัด แต่เพื่อความสะดวกในการนำรถไปตรวจสภาพ จึงได้มี สถานตรวจสภาพรถเอกชน หรือ ตรอ. เป็นสถานที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก ให้สามารถดำเนินการตรวจสภาพรถให้ตรงตามข้อกำหนดของกรมการขนส่งทางบกได้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่มีรถไม่ต้องเสียเวลาไปกรมการขนส่งทางบกเพื่อตรวจสภาพรถ ซึ่งสามารถเข้า google หรือ google maps เพื่อค้นหาตรวจสภาพรถ ตรอ.ใกล้บ้านได้ไม่ยาก หรือมองหาสถานตรวจสภาพรถที่มีสัญลักษณ์ ตรอ.ได้ใกล้บ้านคุณ

ตรวจสภาพรถแล้ว อย่าลืมซื้อ พ.ร.บ. ก่อนต่อภาษี

หลังจากที่ตรวจสภาพรถเรียบร้อยแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยก่อนที่จะต่อภาษีรถคือ การซื้อพ.ร.บ.เพื่อเป็นการทำประกันภัยให้แก้ผู้ประสบภัยจากรถในกรณีที่รถยนต์ประสบอุบัติเหตุ โดยคุ้มครองทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และคู่กรณีหรือบุคคลภายนอก หากไม่ต่อพ.ร.บ.ก็จะไม่สามารถต่อภาษีรถได้ จึงจำเป็นจะต้องซื้อพ.ร.บ.ทุกปี โดยจะได้รับความคุ้มครองเป็นค่าเสียหายเบื้องต้น และค่าสินไหมทดแทนดังนี้

ค่ารักษาพยาบาลตามจริงคนละไม่เกิน 80,000 บาท

ค่าสินไหมทดแทน กรณี สูญเสียอวัยวะ*/ทุพพลภาพอย่างถาวรหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง สูงสุดคนละ 500,000 บาท  

ค่าสินไหมทดแทนกรณีเสียชีวิต สูงสุดคนละ 500,000 บาท

เงินชดเชยกรณีรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในสถานพยาบาล วันละ 200 บาท ไม่เกิน 20 วัน

หมายเหตุ *กรณีสูญเสียอวัยวะ เป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ

พ.ร.บ.จะจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยจากรถที่ได้รับความเสียหายต่อชีวิต ร่างกายภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่บริษัท พ.ร.บ.ได้รับคำร้องขอ โดยไม่รอการพิสูจน์ความรับผิด ดังนี้

ค่ารักษาพยาบาลตามจริง คนละไม่เกิน 30,000 บาท

ค่าเสียหายเบื้องต้น กรณีผู้ประสบภัยสูญเสียอวัยวะ/ทุพพลภาพอย่างถาวร   คนละไม่เกิน 35,000 บาท

ค่าปลงศพ ไม่เกิน 35,000 บาท

หากเกิดความเสียหาย หลายกรณีรวมกัน จะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นรวมกันแล้วไม่เกินคนละ 65,000 บาท

หมายเหตุ :กรณี ผู้ประสบภัยเป็นผู้ขับขี่รถคันที่เอาประกัน  จะได้รับความคุ้มครองไม่เกินค่าเสียหายเบื้องต้นเท่านั้น

หลังจากที่ซื้อพ.ร.บ.เรียบร้อยแล้วก็สามารถต่อภาษีรถได้ โดยสามารถศึกษาขั้นตอนการต่อภาษีเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก (link ไปที่บทความ ต่อภาษีรถยนต์ )

อย่าสับสน พ.ร.บ.กับป้ายภาษี ไม่เหมือนกัน

เชื่อว่าหลายคนมักเกิดความสับสนและเข้าใจผิด หรือเรียกผิดเรียกถูกระหว่างป้ายภาษีและพ.ร.บ. เพราะทั้งสองมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

พ.ร.บ.คือประกันภัยภาคบังคับ ที่รถทุกคันต้องมี หากไม่ต่อพ.ร.บ.ก็จะไม่สามารถต่อภาษีได้ เป็นเอกสาร A4 ที่ออกโดยบริษัทประกันภัย

ป้ายภาษี คือเอกสารที่ติดบนกระจกรถ แสดงให้เห็นว่ารถคันนี้ได้เสียภาษีเรียบร้อยแล้ว  หากขาดต่อภาษีอาจจะทำให้ทะเบียนรถถูกระงับ ในกรณีขาดต่อภาษีเกิน 3 ปี ต้องจดทะเบียนเล่มใหม่และเสียค่าปรับร้อยละ 1 ต่อเดือน

ทราบกันไปแล้วนะคะว่า จะต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนเอารถไปตรวจสภาพ  ตรวจสภาพรถใช้อะไรบ้าง ตรวจสภาพรถได้ที่ไหน และมีค่าใช้จ่ายประมาณกี่บาท ทั้งนี้การนำรถไปตรวจสภาพรถประจำปีจะต้องทำก่อนเสียภาษีรถทุกครั้ง จึงเป็นเรื่องที่เจ้าของรถทุกคนควรรู้ เพราะอย่างน้อยการนำรถไปตรวจสภาพ ก็ช่วยให้คุณสามารถนำรถไปใช้ขับขี่บนท้องถนนได้อย่างสบายใจ ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และเพื่อนร่วมทางที่ใช้รถใช้ถนนอีกด้วย  หากรถที่อยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมใช้งานก็จะตรวจสภาพรถไม่ผ่าน แต่ยังสามารถนำรถไปตรวจสภาพรถใหม่อีกครั้งหนึ่งได้ หลังจากที่คุณได้ทำการแก้ไขจุดบกพร่องที่เป็นเหตุทำให้การตรวจสภาพรถไม่ผ่านได้อีกด้วย ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนค่ะ นอกจากนี้การเพิ่มความอุ่นใจในการใช้รถด้วยการเลือกทำประกันภัยรถยนต์ติดไว้สักตัว ก็เป็นอีกทางเลือกในการคุ้มครองการขับขี่รถมากยิ่งขึ้น สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก

 

Heng Call center : โทร 1361

คุยกับเจ้าหน้าที่ของเราแบบ real – time ได้ แถมยังสามารถ ปรึกษา สอบถามข้อมูล ได้ทันที ไม่ต้องรอนาน กดเลย

ทักแชทกับเจ้าหน้าที่ผ่าน FB:Hengleasing และ Line:@Hengleasing ของเรา แล้วรอการติดต่อกลับจากเจ้าหน้าที่

ตรวจเช็คสภาพรถกี่บาท

ราคาการตรวจสภาพรถ ตรอ. จะแบ่งออกตามประเภทรถ ดังนี้ ตรวจสภาพรถจักรยานยนต์ คันละ 60 บาท ตรวจสภาพรถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 1,600 กิโลกรัม คันละ 160 บาท ตรวจรถยนต์ที่มีน้ำหนักเปล่าเกิน 1,600 กิโลกรัม คันละ 250 บาท

รถมอเตอร์ไซค์กี่ปีถึงจะตรวจสภาพ

Ad. ตามกฎหมายรถทุกคันที่อายุถึงปีที่กำหนด ต้องตรวจสภาพรถก่อนต่อภาษีประจำปีทุกครั้ง หากไม่ได้ตรวจสภาพรถ ก็จะไม่สามารถต่อภาษีได้ โดยรถยนต์ที่มีอายุ 7 ปีขึ้นไป, รถจักรยานยนต์ที่มีอายุ 5 ปีขึ้นไป (รถมอเตอร์ไซค์) ต้องตรวจสภาพรถด้วยทุกปี และรถทุกชนิดที่ภาษีขาดเกิน 1 ปี ก็ต้องตรวจสภาพด้วย โดยไม่สนใจอายุรถ

ตรวจสภาพรถกระบะราคากี่บาท

ราคาค่าตรวจสภาพรถ ที่ ตรอ. (1) รถยนต์ (รถเก๋ง รถกระบะ รถตู้) ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 2,000 กิโลกรัม คันละ 200 บาท (2) รถยนต์ (รถเก๋ง รถกระบะ รถตู้) ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 2,000 กิโลกรัม คันละ 300 บาท (3) รถจักรยานยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ บิ๊กไบค์ Big Bike คันละ 60 บาท

ตรวจสภาพรถตรวจอะไรบ้าง มอไซค์

ตรวจสภาพรถจักรยานยนต์ ตรวจอะไรบ้าง ?.
ตรวจสอบสภาพโดยรวมของรถ ชุดสี ชุดแฟริ่ง กระจกมองหลัง ว่ายังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ปกติหรือไม่.
เช็กระบบไฟส่องสว่าง ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก และไฟเลี้ยว ต้องไม่มีหลอดไฟขาด สามารถส่องสว่างและใช้งานได้ทุกดวง.
ระบบเสียงแตร เวลากดต้องมีเสียงแตรดังออกมา.