ระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดให้บุคคลใช้สิทธิดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น สิทธิร้องทุกข์ สิทธิฟ้องร้องดำเนินคดี เป็นต้น ตัวอย่างคดีแพ่ง อายุความในการฟ้องร้องดำเนินคดีในมูลละเมิดคือ ผู้เสียหายต้องฟ้องคดีแพ่งภายในกำหนดอายุความ ๑ ปี นับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดที่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือ ภายในกำหนดอายุความ ๑๐ ปี นับแต่วันทำละเมิด ตัวอย่างคดีอาญาที่เป็นความผิดอันยอมความได้ ผู้เสียหายจะต้องแจ้งความร้องทุกข์ต่อตำรวจภายในกำหนดอายุความ ๓ เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด หากผู้เสียหายไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดดังกล่าว ผู้เสียหายย่อมหมดสิทธิที่จะดำเนินการดังกล่าวและจะยกขึ้นอ้างเพื่อเรียกร้องให้ดำเนินการอีกไม่ได้ เช่นนี้เรียกว่า “ขาดอายุความ” อย่างไรก็ตาม ในคดีแพ่งแม้สิทธิเรียกร้องขาดอายุความตามกฎหมายแล้ว แต่สิทธินั้นยังคงอยู่ กล่าวคือ หากลูกหนี้ชำระหนี้ เจ้าหนี้ก็มีสิทธิรับชำระได้ Show อายุความ (อังกฤษ: prescription หรือ limitation) คือระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดให้ใช้สิทธิเรียกร้อง สิทธิฟ้อง หรือสิทธิร้องทุกข์ หากปล่อยเนิ่นนานไปจนล่วงระยะเวลาดังกล่าวแล้ว สิทธิเช่นว่าจะเป็นอันยกขึ้นอ้างอีกมิได้ ซึ่งเรียกว่า “การขาดอายุความ” เช่น สิทธิเรียกร้องขาดอายุความ คดีขาดอายุความ หนี้ขาดอายุความ เป็นต้น เหตุผลของอายุความ การที่กฎหมายกำหนดอายุความไว้นั้นมีเหตุผลสามประการ ดังต่อไปนี้ 1. เป็นนิตินโยบายของรัฐเพื่อดำรงความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงในการอ้างสิทธิของบุคคล อันเป็นการห้ามปรามมิให้มีการนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาเนิ่นนานแล้วมาเรียกร้องต่อกัน เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาเนิ่นนานแล้วนั้นย่อมยุ่งยากสำหรับผู้เกี่ยวข้องในการหาพยานหลักฐานมาพิสูจน์แก่กัน พยานหลักฐานอาจสูญหาย เสื่อมสภาพ บกพร่อง หรือคลาดเคลื่อนไปตามกาลเวลาได้ ซึ่งจะส่งผลให้การวินิจฉัยข้อพิพาทนั้นไม่อาจเป็นธรรมได้อย่างแท้จริง 2. เป็นโทษสำหรับเจ้าหนี้ที่ปล่อยปละละเลยไม่ใช้สิทธิเรียกร้องของตนเสียที จนกระทั่งล่วงเลยอายุความที่กำหนดไว้ ซึ่งส่งผลให้ลูกหนี้เกิดมี “สิทธิปฏิเสธ” (อังกฤษ: right of refusal) ขึ้นสามารถปฏิเสธการเรียกร้องของเจ้าหนี้ที่เพิ่งมากระทำเมื่อล่วงเลยอายุความไปแล้วได้ ดังนั้น อายุความจึงเป็นเครื่องกระตุ้นให้เจ้าหนี้ระแวดระวังในการใช้สิทธิของตนมากขึ้น 3. เป็นการช่วยปลดเปลื้องภาระของลูกหนี้ในอันที่จะต้องเก็บรักษาหลักฐานในการชำระหนี้ไว้ ไม่ต้องคอยพะวงรักษาสิ่งเหล่านั้นไว้จนชั่วชีวิต เพราะเมื่อล่วงอายุความไปแล้ว ลูกหนี้ก็สามารถปฏิเสธการชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้ได้โดยเพียงต่อสู้ว่าหนี้ขาดอายุความแล้วเท่านั้น
จำนวนคนดู 20,031 แชร์ข้อมูลได้ที่นี่
|