หลังจากผ่านช่วงวิกฤตวิด-19 ทำให้มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ ต้องมีการวางแผนทางการเงินที่มากขึ้นอย่างเท่าตัว เคยรู้กันไหมว่า การที่คุณจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนประกันสังคม นอกจากคุณจะได้รับสิทธิประโยชน์กรณีเจ็บป่วย ทุพพลภาพ คลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ว่างงานหรือเสียชีวีตแล้ว ในกรณีเกษียณอายุ คุณมีโอกาสได้รับเงินเกษียณคืนจากกองทุนประกันสังคมในรูปเงินบำเหน็จ (เงินก้อน) หรือเงินบำนาญ (เงินรายเดือน) ด้วยเช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ส่วนหนึ่งไว้ใช้หลังเกษียณ รายละเอียดการได้รับเงินส่วนนี้จะเป็นอย่างไร เรามาทำความเข้าใจข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับกองทุนประกันสังคมกันก่อนครับ มาดูกันว่ามนุษย์เงินเดือน จะได้เงินเกษียณจากกองทุนประกันสังคมกันเท่าไร? Show
กองทุนประกันสังคมคืออะไร เกี่ยวข้องกับมนุษย์เงินเดือนอย่างไรกองทุนประกันสังคม คือ กองทุนที่ผู้ประกันตน (มนุษย์เงินเดือน) ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์และไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ที่มีรายได้ จ่ายเงินสมทบเข้ามาทุกเดือน เพื่อเป็นหลักประกันในการดำเนินชีวิต ตัวอย่างหลักประกันเช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าเลี้ยงดูบุตร เงินชดเชยกรณีว่างงาน เงินบำเหน็จหรือเงินบำนาญ เป็นต้น คุณมีหน้าที่จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมทุกเดือน โดยหักจากเงินเดือนในอัตรา 5% เช่น หากคุณได้รับเงินเดือน 10,000 บาท ก็จะถูกหัก 500 บาทเข้ากองทุน แต่จะหักได้สูงสุดไม่เกิน 750 บาทต่อเดือน แล้วเราจะได้รับเงินคืนจากประกันสังคมเมื่อไหร่ อย่างไรการได้รับเงินคืนจากประกันสังคมขึ้นอยู่กับจำนวนเดือนที่จ่ายเงินสมทบ อายุ และสถานะความเป็นผู้ประกันตน ซึ่งรูปแบบการได้รับเงินเกษียณคืนจากกองทุนประกันสังคมมี 3 กรณี ดังต่อไปนี้ กรณีที่ 1: ผู้ประกันตนจ่ายเงินเข้ากองทุนประกันสังคมเกิน 180 เดือน และมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ เมื่อความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง จะได้รับเงินเกษียณอายุจากกองทุนประกันสังคมเป็นเงินรายเดือนใช้ตลอดชีวิต โดยจะได้รับเท่าไร สามารถคำนวณตามได้จากคำอธิบายนี้เลย การคำนวณเงินเกษียณอายุประกันสังคมหรือเงินบำนาญชราภาพจะขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ส่งเงินสมทบ และค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย แต่สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท จาก 5 ปี เป็น 15 ปี พอดิบพอดี จะได้เงินบำนาญรายเดือนเท่ากับ 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย (ไม่เกิน 15,000 บาท) แต่ถ้าจ่ายเงินสมทบมากกว่า 180 เดือน จะได้รับเงินเกษียณจากกองทุนประกันสังคมเพิ่มอีก 1.5% ต่อระยะเวลาการจ่ายเงินสมทบทุก 12 เดือน (ถ้ามีเศษเกินจะถูกปัดทิ้ง เช่น ถ้าสะสมมา 16 ปี 2 เดือน ก็คิดแค่ 16 ปี) อธิบายเรียบร้อยแล้ว สรุปมาให้เป็นตาราง เพื่อช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้น ระยะเวลาที่จ่ายเงินสมทบ (ปี)เงินบำนาญที่ได้รับร้อยละของค่าจ้างเดือนสุดท้ายจำนวนเงิน (บาท/เดือน)15203,0002027.54,12525355,2503042.56,37535507,500 กรณีที่ 2: จ่ายเงินสมทบมากกว่า 12 เดือน แต่ไม่เกิน 180 เดือนและมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ เมื่อความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง จะได้รับเงินบำเหน็จเท่ากับจำนวนเงินสมทบของตนเอง + เงินสมทบในส่วนของนายจ้างและรัฐบาล + ผลประโยชน์ตอบแทน (ผลกำไรจากกองทุนประกันสังคมนำเงินไปลงทุน) กรณีที่ 3: จ่ายเงินสมทบไม่ถึง 12 เดือนและมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ เมื่อความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง จะได้รับเงินเกษียณจากกองทุนประกันสังคมเป็นเงินบำเหน็จ (เงินก้อนครั้งเดียว) เท่ากับจำนวนเงินที่จ่ายสมทบกองทุนประกันสังคม ตัวอย่างเช่น ผู้ประกันตนท่านหนึ่ง จ่ายเงินสมทบของตนเอง 450 บาท/เดือน เป็นเวลารวม 11 เดือน ดังนั้นผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำเหน็จเท่ากับ 450*11 หรือ 4,590 บาท กรณี 2 และ 3 สามารถอธิบายด้วยรูปภาพด้านล่าง เพื่อความเข้าใจที่ง่ายยิ่งขึ้น หากต้องการข้อมูลเกี่ยวกับเงินเกษียณกองทุนประกันสังคมเพิ่มเติม เช่น ข้อมูลการส่งเงินสมทบ และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ สามารถตรวจสอบได้ที่ www.sso.go.th ในส่วนของผู้ประกันตน ท่านต้องสมัครสมาชิกก่อน แล้วจึงจะสามารถตรวจสอบข้อมูลการส่งเงินสมทบและการรับเงินเกษียณจากกองทุนประกันสังคมได้ หากมีข้อสงสัย ต้องการปรึกษาเพิ่มเติมว่าเงินประกันตนที่ออมได้จะนำไปออมต่อหรือลงทุนในรูปแบบไหนดีที่เหมาะกับคุณ สามารถโทร. 1572 กด 5 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00 – 17.00 น. เพื่อรับคำแนะนำแบบส่วนบุคคลจากเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินได้เลย ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น หรือเข้าไปอ่านบทความเพิ่มเติมได้ด้วยตัวเองที่เว็บไซต์ KRUNGSRI The COACH คุณสามารถเลือกให้ทางสำนักงานประกันสังคม จ่ายเป็นเงินสด หรือเช็ค โดยที่คุณมารับด้วยตัวเอง หรือจะมอบอำนาจให้กับบุคคลอื่นมารับแทนก็สามารถทำได้ ทั้งนี้ เงินบำนาญชราภาพทางประกันสังคมจะจ่ายให้คุณเป็นรายเดือน และเงินบำเหน็จชราภาพทางประกันสังคมจะจ่ายให้คุณเพียงครั้งเดียว ประโยชน์ทดแทนกรณีบำเหน็จชราภาพ (สำหรับผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบกรณีชราภาพไม่ถึง 180 เดือน)
ยกตัวอย่าง ผู้ประกันตนมีอายุ 55 ปี (เงินเดือน 15,000 บาท หักประกันสังคม 2% เท่ากับ 300 บาท) และสิ้นสุดสภาพการเป็นลูกจ้าง ขณะส่งเงินสมทบได้ 10 เดือน ประโยชน์ทดแทนที่คุณจะได้ก็เท่ากับ 300 x 10 = 3,000 บาท
ยกตัวอย่าง ผู้ประกันตนอายุ 55 ปี สิ้นสุดสภาพการเป็นลูกจ้างวันที่ 28 พฤศจิกายน 2558 ยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทน ในวันที่ 10 ธันวาคม 2558 เจ้าหน้าที่วินิจฉัยในวันเดียวกัน โดยมีรายการนำส่งเงินสมทบ กรณีชราภาพของผู้ประกันตนดังนี้ วิธีการคำนวณผลประโยชน์ตอบแทน หมายเหตุ : 11/12 หมายถึง ผู้ประกันตนนำส่งเงินสมทบมาแค่ 11 เดือนภายใน 1 ปีสรุปยอด คุณจะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพและผลประโยชน์ตอบแทนที่ผู้ประกันตนจะได้รับ (29,600 + 3,395.27 = 32,995.27) เท่ากับว่า คุณได้รับผลตอบแทนทั้งหมดเป็นจำนวนเงิน 32,995.27 บาทประโยชน์ทดแทนกรณีบำนาญชราภาพ (สำหรับผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบ)
ยกตัวอย่าง 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย ค่าจ้างเฉลี่ยอยู่ที่ 13,000 บาท วิธีการคำนวณ : 13,000 x 20 / 100 = 2,600 ผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำนาญชราภาพเดือนละ 2,600 บาท ไปจนตลอดชีวิต (การหาค่าเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย คือ การนำค่าจ้าง 60 เดือนสุดท้าย มารวมกัน แล้วหารด้วย 60) คุณจะได้ค่าจ้างเฉลี่ย = ผลรวมของค่าจ้าง 60 เดือน จำนวนเดือน (60 เดือน)
ยกตัวอย่าง หากคุณทำงานได้รับเงินค่าจ้างเดือนละ 15,000 บาท มาตลอด และส่งเงินสมทบมาแล้ว 20 ปี อายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง จะได้รับเงินบำนาญชราภาพเดือนละเท่าใด และหากเสียชีวิตภายใน 5 ปี จะได้รับเงินหรือไม่อย่างไร
= 15ปี (แรก) ได้อัตราเงินบำนาญ 20% = 5 ปี (หลัง) ได้อัตราเงินบำนาญ (ปรับเพิ่ม 1.5% x 5 ปี) = 7.5% รวมอัตราเงินบำนาญ 20 ปี = 20% + 7.5% เท่ากับ 27.5% ผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำนาญรายเดือน (15,000 x 27.5%) เท่ากับ 4,125 บาท ต่อเดือนจนตลอดชีวิต
|