สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่าน คำนวณวัตต์ที่ใช้ในPSU (Power supply) หลายๆคนอาจกำลังจะหาซื้อหรือ กำลังจัดคอมตัวใหม่กันอยู่ และสงสัยกันว่าจะคำนวณการใช้พลังงานของคอมที่เราจะซื้อได้อย่างไร ให้เพียงพอต่อการกินไฟของ PSU เพื่อความคุ้มค่าของเงินที่จ่ายออกไป และจะได้ไม่เลือกซื้อ PSU ตัวที่แพงเกินจากความต้องกาของคอมพิวเตอร์ของเราครับ Show
คำนวณวัตต์ที่ใช้ในPSU (Power supply)วิธีการคำนวนหาค่าพลังงาน(Watt) ที่ใช้ในเครื่องของเรากันครับ สามารถเข้าไปคำนวนได้ที่ริ้งค์เว็บด้านล่างนี้เลยครับ > คำนวน Watt PSU: OuterVision Power Supply Calculator < ในเว็บจะมีให้เลือกการวัดค่าแบบ Expert และ Basic เหมือนในตัวอย่างของภาพด้านบนครับ สำหรับใครที่กำลังเลือกซื้อคอมกันอยู่น่าจะรู้ spec คอมอย่างชัดเจน ลองเล่นในหมวด Expert ดูเลยครับ ส่วนใคร ที่อาจยังไม่ชำนาญมาก ลองในหมวด Basic ดูครับ ทางเว็บจะให้เลือก spec ไม่กี่อย่าง ง่ายๆเลยลองเล่นกันดูครับ และใครที่ยังไม่รู้ว่า spec เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราคือรุ่นอะไรบ้าง หรือยังไม่รู้บางตัว ลองทำตามคำแนะนำในบทความ วิธีการดูสเปคคอม เบื้องต้นแบบง่ายๆ และวิธีใช้งานผ่านโปรแกรม CPU-Z ได้เลยครับ ในบทความนี้จะอธิบายวิธีดู spec คอมพิวเตอร์ทั้งแบบง่าย และแบบละเอียดให้เข้าใจง่ายๆเลยครับ ส่วนผู้อ่านที่รู้ spec คอมพิวเตอร์กันแล้วว่าคืออะไรบ้าง เรามาเริ่มกันเลยครับ ตัวอย่าง ด้านล่างเป็น spec ของหมีคอมที่ใส่เป็นตัวอย่างให้ดูครับ CPUAMD Ryzen 5 1600xRAMCORSAIR Vengeance LED DDR4 16GB 3000 (8GBx2) RedMainboardASROCK Fatal1ty AB350 Gaming K4 ATXVGA GardMSI GTX1070 GAMING XHarddiskWESTERN DIGITAL Blue 1TBSSDKINGSTON SSDNow UV400 120GBFanFAN CASE THERMALTAKE 120mm (3 fans)CPU CoolingCORSAIR H110iKeyboardCORSAIR STRAFE RED LEDMouseCORSAIR KATAR OPTICALMonitorBENQ GL2450HMใช้งานทั่วไปวันละ 2 ชม.เล่นเกมวันละ 2 ชม.ผลลัพธ์หลังจากที่คำนวนได้ค่ามาแล้วตามภาพด้านล่างเลยครับ Load Wattage: 340 W หลังที่หมีคอมได้ลองป้อนข้อมูล และกดให้โปรแกรมคำนวณแล้ว เราจะเห็นได้ว่าคอมเรานั้นกินไฟไม่ได้เยอะมากอย่างที่คิดไว้เลยครับ ของหมีคอมอยู่ที่ 340 Watt และจากที่เว็บแนะนำว่า spec ของหมีคอมควรซื้อ psu ขนาดอย่างน้อย 390 Watt ในเว็บนั้นเขาได้เพื่อการใช้ไฟของเราไว้แล้ว ฉะนั้นคอมเรามีไฟใช้เพียงพอหายห่วงครับ ฉะนั้นเราก็สามารถหาซื้อ psu ในท้องตลาดสัก 450-500 Watt ก็เหลือเฟื่อแล้วครับ ส่วนอนาคตใครสนใจอยากจะฮาร์ดิส อีกสักลูกสองลูกก็สบายครับ ส่วนใครที่จะเพิ่มการ์ดจออีก 1 ตัวเพื่อนำมา SLI หรือ Crossfire ในอนาคตแนะนำว่าควรคำนวณเพื่อกันไว้ด้วยนะครับ เพราะเจ้าการ์ดจอนั้นค่อนข้างกินไฟ ถ้าไม่เพื่อไว้และซื้อมาแล้วไฟไม่พอ จะทำให้ต้องเสียเงินเพื่อซื้อ PSU ตัวใหม่อีกครับ และก็อย่าลืมเลือกซื้อ psu ที่มีคุณภาพกันด้วยนะครับ โดยเฉพาะ psu มาตราฐาน 80 plus สามารถอ่านวิธีการดู psu 80 plus ได้ที่บทความ 80 PLUS หรือ 80+ บน POWER SUPPLY UNIT (PSU) คืออะไร? นี้เลยครับ ในส่วนของ Recommened UPS rating ทางเว็บไซค์ได้แนะนำว่าเราควรซื้อ UPS ที่ขนาด 750 VA ครับ ถ้าผู้อ่านสนใจที่อยากรู้วิธีการเลือกซื้อ UPS (เครื่องสำรองไฟ)และวิธีคำนวน สามารถศึกษากันต่อได้ที่บทความ UPS (Uninterruptible Power Suppy) เครื่องสำรองไฟ ที่คอมทุกเครื่องควรมี กันได้เลยครับ สรุปคร่าวนี้หลายท่านก็จะมีความรู้ความเข้าใจกันมากขึ้นแล้วครับ ในการไปเลือกซื้อ PSU จะได้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในกระเป๋า แถมป้องกันบางร้านที่ชอบให้เราเพื่อ PSU ไว้สูงๆ ทำให้เหล่าลูกค้าหลายท่านต้องเสียเงินเสียทองกัน เอาเงินส่วนนั้นไปเพิ่มในอุปกรณ์ส่วนอื่นๆดีกว่ากันเยอะครับ และเรายังสามารถวางแผนล่วงหน้าได้อีกด้วยว่าในอนาคตเราจะเพิ่มหรือเปลี่ยนอุปกรณ์อะไรใหม่หรือไม่ จะได้ซื้อ PSU เพื่อไว้ล่วงหน้าสะเลย ถ้าใครชอบบทความของหมีคอม ช่วยกด แชร์ บทความ หรือ Like Fan Page Bearcoms เพื่อเป็นกำลังใจให้หมีคอมหน่อยนะครับ ถ้าจะประกอบพีซีสักเครื่อง Power Supply ถือเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมาก เพราะเป็นแหล่งพลังงานเดียวที่จ่ายไฟให้พีซีทั้งเครื่อง ดังนั้นตอนถามว่า Power Supply ยี่ห้อไหนดีก็ควรใส่ใจเป็นพิเศษไม่แพ้หน้าจอเกมมิ่งหรือ M.2 SSD สเปคแรง ๆ เลย ถ้าเป็นไปได้ก็ควรลงทุนเลือกแบรนด์คุณภาพระดับสากลไม่ใช่แบรนด์บ้าน ๆ ทั่วไปที่ไหนก็ได้มาใช้ นั่นเพราะถ้าเราผ่าตัว Power Supply ออกมาแล้วเราจะเห็นว่าชิ้นส่วนในแบรนด์ระดับสากลนั้นเป็นของคุณภาพดี ทำให้จ่ายไฟได้นิ่งและเสถียรทีเดียว ดังนั้นเวลาประกอบพีซีมาใช้สักเครื่อง โดยเฉพาะเกมมิ่งพีซี ก็ควรลงทุนกับ Power Supply คุณภาพสูงสักรุ่นมาติดตั้งในเครื่อง จะได้ไม่ต้องกังวลหรือเจอปัญหา “แต๊บ” หรือจ่ายไฟให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่พอจนเครื่องดับกลางคันให้เสียอารมณ์อีกด้วย แต่ถ้าไม่แน่ใจว่า Power Supply ดี ๆ ต้องเลือกอย่างไรก็สามารถอ่านวิธีการเลือกในบทความนี้ได้เลย Advertisement เปลี่ยนคำถามจาก Power Supply ยี่ห้อไหนดี เป็นสเปคไหนดีกว่า!ผ่าไส้แบรนด์ดังแล้ว จะเห็นว่าชิ้นส่วนข้างในใส่แต่ของคุณภาพแถมงานประกอบเรียบร้อยด้วยหากพูดถึงเรื่องไฟฟ้าและพาวเวอร์ซัพพลาย เชื่อว่าเกมเมอร์อย่างเรา ๆ ก็คงจะส่ายหน้ากันเป็นแถว ๆ ยิ่งถ้าไม่ได้เรียนสายช่างไฟฟ้าหรือมีพ่อเป็นช่างไฟ อ่านสเปคไปแค่ไหนก็ไม่เก็ทอย่างแน่นอน เพราะมีทั้งเรื่องกระแส, แอมแปร์, ค่าความสูญเสียในภาคจ่ายไฟ (Heat loss) ฯลฯ อีกมากมายจนพลอยจะเบื่อเอา ดังนั้นเราจะปล่อยเรื่องของไฟฟ้าทิ้งไว้แล้วใช้วิธีการเลือกพาวเวอร์ซัพพลายแบบง่าย ๆ แทน ซึ่งสามารถใช้งานได้ตลอดและได้พาวเวอร์ซัพพลายคุณภาพดีไปใช้งานอย่างแน่นอน โดยวิธีการมีดังนี้ เข้าใจเรื่องมาตรฐาน 80 Plus กันก่อนหลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องพาวเวอร์ซัพพลายแบบ 80+ (แปดสิบบวก) จากเพื่อนหรือคนรอบตัวที่ชอบจัดสเปคประกอบคอมกันอย่างแน่นอน ซึ่งสิ่งที่คนใกล้ตัวพูดกันนั้นคือเรื่องมาตรฐาน 80 Plus ไว้ใช้บอกเรื่องการประหยัดพลังงานของ PSU ลูกนั้น ๆ กล่าวคือ PSU ลูกนั้น ๆ จะสูญเสียพลังงานไม่เกิน 20% โดยมีสูตรคำนวนคือ effciency = Output/input โดยคิดจากไฟขาเข้าสู่ขาออก ตัวอย่างเช่นถ้าเข้ามา 143 วัตต์ AC ออกเป็น 100 วัตต์ DC ก็จะไม่ถึงมาตรฐาน 80 Plus เพราะมีค่า effciency ไม่ถึง แต่กลับกัน ถ้าขาเข้า 125 วัตต์ AC ออกมาเป็น 100 วัตต์ DC ก็จะได้ที่ 80% พอดี (effciency = 100/125 = 0.8) เท่ากับ PSU นั้นเสียพลังงานจากขาเข้าไป 25 วัตต์เท่านั้น เท่ากับว่า PSU นั้นใช้พลังงานได้มีประสิทธิภาพนั่นเอง เริ่มต้นจะเป็น 80 Plus ที่ไม่มีชื่อของโลหะตามท้าย บางคนอาจจะเรียก 80+ ขาว ซึ่งก่อนหน้านี้บางคนอาจจะเข้าใจว่าเป็นโลโก้ปลอม แต่จริง ๆ แล้วเป็นมาตรฐานการันตีว่าตัว PSU นั้นทำงานที่โหลดทั้ง 3 ช่วงที่ 20%, 50%, 100% ได้โหลด 0.8 ก็เป็น 80% efficiency โดยการทดสอบ 80 Plus จะทดสอบที่ไฟ AC 110V เท่านั้น ส่วนของมาตรฐานที่สูงกว่า 80 Plus แล้วจะเป็นมาตรฐานที่มีชื่อโลหะตามหลัง โดยไล่ขึ้นไปตามลำดับดังนี้
ประเภทพาวเวอร์ซัพพลายและวิธีคำนวนเลือก PSUหลายคนอาจจะเห็น Power Supply หลัก ๆ เป็นแบบที่ถอดสายได้หมดหรือถอดสายไม่ได้เลย แต่จริง ๆ แล้วพาวเวอร์ซัพพลายนั้นจะมีถึง 3 แบบ คือ Non-modular, Semi-Modular และ Modular ซึ่งในโจทย์ Power Supply ยี่ห้อไหนดี ก็ควรโฟกัสเรื่องดีไซน์ของ Power Supply ด้วย โดยแต่ละแบบจะมีข้อดีและข้อแตกต่างดังนี้
ซึ่งถ้าผู้อ่านคนไหนเข้าหน้าจัดสเปคคอมของทาง Notebookspec อยู่เป็นประจำ จะเห็นว่ามีช่องให้ติ๊กเลือกทั้ง 80+ และ Modular อยู่แล้ว ซึ่งผู้เขียนแนะนำว่าถ้าจัดสเปคทุกครั้ง อย่างน้อยควรกดเลือกที่ 80+ เอาไว้ ระบบจะกรองเอาแต่ Power Supply คุณภาพดีจากแบรนด์ที่ไว้ใจได้มาให้เลือกใช้ ตอบคำถามว่าจะซื้อ Power Supply ยี่ห้อไหนดีได้ง่าย ๆ แต่ Power Supply นั้นจะเป็นระดับไหนก็ต้องสังเกตที่ชื่อและคลิกดูในสเปคด้วยตัวเอง ส่วนการคำนวนว่าสเปคของเกมมิ่งพีซีของเราเหมาะกับ Power Supply กี่วัตต์ดี ผู้เขียนแนะนำให้นำสเปคพีซีของตัวเองไปคำนวนที่เว็บไซต์ OuterVision และเมื่อได้ค่าวัตต์ของพาวเวอร์ซัพพลายแล้ว แนะนำให้ซื้อเผื่อวัตต์ไว้อีกหน่อยเพื่อรองรับการอัพเกรดเปลี่ยนการ์ดจอหรือซีพียูในอนาคต เช่น ถ้าเว็บไซต์แนะนำที่ 450 วัตต์ ให้ขยับไป 650-700 วัตต์ จะดีที่สุด แนะนำ Power Supply 700 วัตต์ 9 รุ่นแบรนด์คุณภาพใช้ได้สบายใจ!เมื่อรู้วิธีแล้วว่าจะเลือก Power Supply ยี่ห้อไหนดีมาเป็นหัวใจหลักให้พีซีของเราให้ทำงานได้โดยไม่มีปัญหา และถ้าเป็นเกมมิ่งพีซีก็รองรับการอัพเกรดในอนาคตได้ด้วย ซึ่งถ้าเราประกอบเครื่องและใช้การ์ดจอตัวเดียวเพื่อเล่นเกมล่ะก็ Power Supply แบบ 700 วัตต์ นั้นถือว่ามากเพียงพอจะจ่ายไฟเลี้ยงทั้งระบบแน่นอน และถ้าราคาการ์ดจอกลับมาอยู่ในระดับปกติก็สามารถจ่ายไฟให้ตัวแรงอย่าง GEFORCE RTX 3080 หรือ Radeon RX 6800 XT ได้แน่นอน สำหรับพาวเวอร์ซัพพลายที่เลือกมาแนะนำในบทความนี้ นอกจากจะติดอันดับในชาร์ต PSU Ranking ของทางเว็บไซต์แล้ว จะมีคละกันตั้งแต่ 80 Plus ธรรมดา, 80 Plus Bronze และ 80 Plus Gold โดยมีรุ่นแนะนำดังนี้ 1. SILVERSTONE ST70F-ES230 700W 80+ (1,660 บาท)SILVERSTONE ST70F-ES230 700W เป็น Power Supply แบบ 80 Plus ตัวแรกที่ราคาไม่แพงมากและมีคุณภาพมาอย่างยาวนานจากไต้หวัน ถ้างบประมาณประกอบเกมมิ่งพีซีมีจำกัดก็สามารถเลือกซื้อจากแบรนด์นี้ได้เลย โดย ST70F-ES230 มีอายุใช้งาน 100,000 ชั่วโมงขึ้นไป เป็นพาวเวอร์ซัพพลายขนาด ATX แบบ Non-Modular หรือถอดสายไม่ได้ สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ตลอดเวลาและอุณหภูมิจะเสถียรอยู่ที่ 40 องศาตลอดการทำงาน ส่วน Power density อยู่ที่ 388W per litr สเปคของ SILVERSTONE ST70F-ES230 700W 80+
2. COOLERMASTER MWE 700 White V2 |