คำถามน่ารู้ เกี่ยวกับ "สุนทรภู่" Show ข้อ 1. วันสุนทรภู่ ตรงกับ วัน และเดือนอะไรของทุกปี ? --------------------------------------------------------------------------------- ข้อ 2. สุนทรภู่ เกิดในสมัยรัชกาลใด ? -------------------------------------------------------------------------------- ข้อ 3. อนุสาวรีย์ของสุนทรภู่ อยู่ที่จังหวัดใด ? ---------------------------------------------------------------------------------- ข้อ 4. บรรดาศักดิ์ ที่สุนทรภู่ได้รับ ก่อน ถึงแก่กรรม คืออะไร ? --------------------------------------------------------------------------------- ข้อ 5. นิราศที่เป็นผลงานของสุนทรภู่ มีกี่เรื่อง อะไรบ้าง ? >> มี 9 เรื่อง คือ นิราศเมืองแกลง, นิราศพระบาท, นิราศภูเขาทอง, นิราศวัดเจ้าฟ้า, นิราศอิเหนา, นิราศสุพรรณ, นิราศพระประธม, นิราศเมืองเพชร, รำพันพิลาป << --------------------------------------------------------------------------------- ข้อ 6. นิทานที่เป็นผลงานของสุนทรภู่ มี่กี่เรื่อง อะไรบ้าง ? >> มี 5 เรื่อง คือ โคบุตร, พระอภัยมณี, พระไชยสุริยา, ลักษณวงศ์, สิงหไตรภพ << ----------------------------------------------------------------------------------- ข้อ 7. สุภาษิต ที่เป็นผลงานของสุนทรภู่ มีกี่เรื่อง อะไรบ้าง ? >> มี 3 เรื่อง คือ สวัสดิรักษา, สุภาษิตสอนหญิง, เพลงยาวถวายโอวาท << ------------------------------------------------------------------------------------- ข้อ 8. บทละคร ที่เป็นผลงาน ของสุนทรภู่ มีกี่เรื่อง อะไรบ้าง ? >> มี 1 เรื่อง คือ อภัยนุราช << ----------------------------------------------------------------------------------- ข้อ 9. บทเสภา ที่เป็นผลงานของสุนทรภู่ มีกี่เรื่อง อะไรบ้าง ? >> มี 2 เรื่อง คือ ขุนช้างขุนแผน (กำเนิดพลายงาม) พระราชพงศาวดาร << --------------------------------------------------------------------------------- ข้อ 10. บทเหกล่อม ที่เป็นผลงานของสุนทรภู่ มีกี่เรื่อง อะไรบ้าง ? >> มี 4 เรื่อง เห่เรื่องพระอภัยมณี, เห่เรื่องโคบุตร, เห่เรื่องจับระบำ, เห่เรื่องกากี << ------------------------------------------------------------------------------- บทความน่าอ่านเกี่ยวกับประวัติวันสุนทรภู่เหตุที่พระอภัยมณีโด่งดังเป็นที่สุด น่าจะมาจากความแปลกแหวกแนวของท่านสุนทรภู่นั่นเอง แม้พระเอกของเรื่องจะยังเป็นโอรสเจ้าเมืองเหมือนนิทานจักรๆ วงศ์ๆ เรื่องอื่น แต่แทนที่พระเอกคนนี้จะไปเรียนวิชากษัตริย์ วิชานักรบ กลับไปเรียนดนตรี การออกผจญภัยของพระเอกคนนี้ก็ไม่ได้เจอแค่ยักษ์หรือเทวดาอย่างเรื่องอื่นๆ แต่มีทั้งผีเสื้อสมุทร นางเงือก โจรสลัด แขก ฝรั่ง อาหรับ จีน ฮินดู ฤาษี ชีเปลือย ฯลฯ แล้วยังฉากหลังของเนื้อเรื่องที่เป็นดินแดนผจญภัยอีกเล่า กลับไปอยู่นอกสมุทรอ่าวไทยเสียนี่ !! ความพิสดารของเนื้อเรื่องประกอบกับความสามารถในเชิงการประพันธ์ของท่านสุนทรภู่ทำให้นิทานเรื่องนี้โดดเด่นมาเป็นร้อยๆ ปีอย่างไม่มีเรื่องใดเทียบได้ พระอภัยมณี เป็นกลอนนิทานที่มีความยาวมากถึง ๙๕ เล่มสมุดไทย แบ่งเป็น ๖๔ ตอน ยังไม่สามารถระบุได้ว่า ท่านสุนทรภู่แต่งตอนใด เมื่อใด ให้ใคร มีกล่าวกันหลายลักษณะ บ้างก็ว่าท่านแต่งเมื่อครั้งตกยากหรือต้องจำคุก บ้างก็ว่าท่านแต่งถวายเจ้านายที่ให้ความอุปการะ เช่นพระองค์เจ้าลักขณานุคุณบ้าง กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพบ้าง ดังนี้ การเล่าเรื่องพระอภัยมณีในที่นี้ ผู้จัดทำยังไม่มีเวลาเสาะหาต้นฉบับที่เป็นกลอนนิทานสมบูรณ์ทั้งเรื่อง จึงจำเป็นต้องจับความจากหนังสือหลายเล่ม เพื่อรวบรวมเนื้อหาส่วนที่เป็นกลอนให้ได้มากที่สุด ส่วนที่ไม่มีกลอน จึงจะเล่าพรรณนาด้วยโวหารธรรมดา แม้จะยังไม่สามารถแสดงกลอนนิทานได้ครบทั้งเรื่อง แต่อัจฉริยภาพของท่านสุนทรภู่ก็ไม่ได้ถูกบดบังหรือลดทอนไปเลยแม้แต่น้อย
"นิทาน" พระอภัยมณี เรื่องย่อ มีความรู้อยู่กับตัวกลัวอะไร ชีวิตไม่ปลดปลงคงได้ดี พระอภัยมณีและศรีสุวรรณเดินทางผ่านป่าเขาลำเนาไพรมาจนถึงชายทะเลแห่งหนึ่ง ในกลอนกล่าวถึง
ผ่านสมบัติรัตนานามธานี
ประนมหัตถ์อภิวันท์ด้วยหรรษา
เข้าดอนด่านแดนไพรพอไก่ขัน
๏ วันนั้นพระอภัยมณีศรีสุวรรณ ถึงตำบลบ้านหนึ่งใหญ่หนักหนา จรจรัลเข้ามาถึงหน้าบ้าน
๏ ฝ่ายพราหมณ์พรหมโบราณอาจารย์เฒ่า ๏ หน่อกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ทรงสดับ จึงยิ้มแย้มเยื้อนตอบพระเชษฐา เป็นพงศ์เผ่าพฤฒามหาศาล น้อมคำนับเล่าแจ้งแถลงไข
๏ ฝ่ายครูเฒ่าพินทพราหมณ์รามราช ๏ หน่อกษัตริย์โสมนัสด้วยสมนึก ๏ ฝ่ายว่านฤบดีศรีสุวรรณ ก็เข้าหาอาจารย์ที่ดีดสี แสนสวาทรักใคร่มิได้หมอง จดจารึกคำท่านอาจารย์สอน ก็เข้มข้นกลศึกที่ฝึกฝน
๏ พระพี่น้องสององค์ทรงสวัสดิ์ ๏ ท้าวสุทัศน์ฟังอรรถโอรสราช ๏ แสนสงสารพี่น้องสองกษัตริย์ เห็นโอรสยินดีจะมีไหน ประสานหัตถ์น้อมประณตบทศรี บรมนาถขัดข้องให้หมองศรี บิดาตรัสโกรธาไม่ปราศรัย
๏ พระอนุชาว่าพี่นี้ขี้ขลาด ๏ พระเชษฐาว่าจริงแล้วน้องรัก อย่าอยู่เลยเรามาไปไพรระหง เป็นชายชาติช้างงาไม่กล้าหาญ เจ้าแหลมหลักตักเตือนสติพี่
๏ พระฟังความถามทักเห็นรักใคร่ ได้มาพบคบเล่นเป็นสหาย จึงขานไขความจริงทุกสิ่งสรรพ์
๏ พระฟังความพราหมณ์น้อยสนองถาม ๏ ในเพลงปี่ว่าสามพี่พราหมณ์เอ๋ย ว่ากษัตริย์สุริย์วงศ์ไม่สงสัย จึงเล่าความจะแจ้งแถลงไข ยังไม่เคยชมชิดพิสมัย
ครั้งนั้น ยังมีนางผีเสื้อน้ำตนหนึ่ง อาศัยอยู่ในทะเล เที่ยวหาปลาและสัตว์น้ำกินเป็นอาหาร ระหว่างที่พระอภัยมณีเป่าปี่บวงสรวงพระไทรอยู่นั้น นางผีเสื้อน้ำกำลังออกหากิน และได้ยินเสียงปี่แว่วมา จึงเดินทางมาตามเสียง เมื่อได้เห็นพระอภัยมณี ก็นึกรักทันที ใคร่จะได้มาเป็นสามี จึงใช้กำลังเข้าลักพาตัวพระอภัยมณีไปยังถ้ำของตน พระอภัยมณีตกใจจนสิ้นสติ เมื่อฟื้นคืนมาพบตัวเองอยู่ในถ้ำ และมีหญิงสาวสวยงามปรนนิบัติอยู่ข้างๆ ทรงรู้ทันทีว่า หญิงนี้คือนางยักษ์ ด้วยไม่มีแววตา ทรงหว่านล้อมขอให้ปล่อยตัวพระองค์ไป แต่นางผีเสื้อน้ำไม่ยินยอม ทั้งเกลี้ยกล่อมและใช้ กำลัง จะให้พระอภัยมณียอมเป็นสามีตนให้ได้ พระอภัยเห็นว่าไม่มีทางหนี จึงให้นางยักษ์สาบานว่าจะไม่ทำร้าย แล้วจึงจะ ยอมเป็นสามี นางยักษ์ก็ยอมสาบาน พระอภัยมณีจึงจำต้องอยู่ด้วยนางยักษ์แต่นั้นมา โดยนางออกไปหาผลไม้มาถวาย พระอภัยมณีทุกๆ วัน
๏ แสนสงสารพระอภัยใจจะขาด ๏ อสุรีผีเสื้อแสนสวาท อยู่ท้องถ้ำวังวนชลสาย กลัวอำนาจนางยักขินีศรี เห็นภูวนาถนิ่งไปก็ใจหาย
๏ อสุรีผีเสื้อสดับเสียง ๏ พระสุดแสนแค้นเคืองรำคาญจิต ๏ อีนางยักษ์กลับปลอบไม่ตอบโกรธ ในฤทัยหมกมุ่นให้ขุ่นหมอง เพราะสำเนียงเสนาะในฤทัยหวน มิได้คิดอินังชังน้ำหน้า พระจงโปรดเกล้าน้องอย่าหมองศรี
๏ อีนางยักษ์ฟังสะอื้นค่อยชื่นจิต ๏ พระแค้นคำซ้ำด่าอีหน้าด้าน ๏ อีนางยักษ์ควักค้อนแล้วย้อนว่า ๏ พระสุดแสนแค้นเคืองรำคาญจิต จนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยสองพระหัตถา สำคัญคิดแว่วว่าพระปราศรัย ใครจะร่านเหมือนเช่นนี้ไม่มีถึง ส่วนร่ำด่ากระนั้นได้เขาไม่ถือ เป็นสุดคิดสุดที่จะหนีหาย บ้านเพคาบาน่า 206/1-2 หมู่ 3 ต.แกลง อ.แกลง โทร. 02-6730966, 02-6733322 ราคาห้องพักเริ่มต้นที่ 1,700 - 2,300 บาท + อาหารเช้าBaan Siri on Seaเปิดใหม่ ติดหาดแม่รำพึงราคา 2,300 - 3,000 บาทมีสระว่ายน้ำ 2 สระระยองชาเล่ต์4/32 หมู่ 3 ถ.เพ-แกลง-กร่ำ ต.ชากพง อ.แกลง โทร. 02-2119654ระยองออคิด011 ซ.ราษฎร์บำรุง ถ.สุขุมวิท ต.เนินพระ กรุงเทพฯ โทร. 02-2119654 จำนวน 150 ห้อง ราคา 1,200-2,800 บาททรายแก้วบีชหมู่ 4 ต.เพ โทร. 02-6730966 จำนวน 38 ห้อง ราคา 2900-7600 บาทโนโวเทลริมเพ ระยอง4/5 หมู่ 3 ถ.เพ-แกลง-กร่ำ ต.ซากพง อ.แกลง โทร. 02-2119654จำนวน 189 ห้อง ราคา 3,061-6,356 บาท โอฮาน่า รีสอร์ท 45/7 หมู่ 10, ตะพง, อ.เมือง, ระยอง 21000 โทร. 02-1641001 To 6 ราคา 3,360 บาทภูริมาศ บีช โฮเต็ล34 ถ.พยูน-น้ำริน กรุงเทพฯ โทร. 02-2119654 จำนวน 79 ห้อง ราคา 2,560-5,200 บาท
ท่านสุนทรภู่แต่งขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๓๘๓ - ๒๓๘๕ ขณะที่บวชเป็นพระอยู่ทีวัดเทพธิดาราม ท่านแต่งเป็นกาพย์ซึ่งแทรกความรู้เกี่ยวกับภาษาไทย ในเรื่องของมาตราตัวสะกดแม่ต่าง ๆ เช่น แม่กก กง กน กด กบ และเกย เป็นต้น นอกจากนั้นยังสอดแทรกคติธรรมต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์อีกด้วย ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสให้พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) แต่งตำราภาษาไทยขึ้น ท่านได้นำกาพย์พระไชยสุริยามาแทรกไว้ในหนังสือมูลบท บรรพกิจ ซึ่งเป็นแบบเรียนเล่มแรกในทั้งหมด ๖ เล่ม พระไชยสุริยาเป็นเรื่องราวของพระไชยสุริยากษัตริย์ครองเมืองด้วยความสงบเรียบร้อยมาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งมีน้ำท่วมจนบ้านเมืองล่มสลายไป พระไชยสุริยาพร้อมกับนางสุมาลีพระมเหสีและนางกำนัลหนีลงเรือ แต่ก็ถูกพายุพัดจนเรือแตก คลื่นซัดพระไชยสุริยากับพระนางสุมาลีเข้าฝั่ง ทั้งสองต้องเดินทางอยู่กลางป่าจนพบกับฤาษีตนหนึ่ง ฤาษีได้บอกถึงสาเหตุที่ทำให้บ้านเมืองพังพินาศว่า ด้วยข้าราชสำนักทั้งหลายประพฤติชั่ว รับสินบนไม่รักษาความยุติธรรม ฟ้าดินจึงลงโทษให้ได้รับความเดือดร้อน ฤาษีได้แนะนำให้พระไชยสุริยา และพระนางสุมาลีรักษาศีลปฏิบัติธรรม ต่อมาทั้งสองพระองค์ได้ออกบวชและบำเพ็ญธรรมจนสิ้นพระชนม์ชีพ ดังจะคัดมาเป็นตอนของแม่กงมาให้อ่าน ดังต่อไปนี้ กลางไพรไก่ขันบรรเลงฟังเสียงเพียงเพลงซอเจ้งจำเรียงเวียงวัง ยูงทองร้องกระโต้งโห่งดังเพียงฆ้องกลองระฆังแตรสังข์สังสดาลขานเสียง กะลิงกะลางนางนวลนอนเรียงพระยาลอคลอเคียงแอ่นเอี้ยงอีโก้งโทงเทง ค้อนทองเสียงร้องป๋องเป๋งเพลินฟังวังเวงอีเก้งเริงร้องลองเชิง ฝูงละมั่งฝังดินกินเพลิงคางแข็งแรงเริงยืนเบิ่งบึ้งหน้าตาโพลง ป่าสูงยูงยางช้างโขลงอึงคะนึงผึงโผงโยงกันเล่นน้ำคล่ำไป
เป็นนิทานคำกลอนเป็นเรื่องของ ลักษณวงศ์พระโอรสของท้าวพรหมทัต และนางสุวรรณอำภา ครั้งหนึ่งทั้งสามได้ออกประพาสป่า ขณะที่ทั้งสามกำลังบรรทมอยู่นั้น มีนางยักษ์ตนหนึ่งมาพบท้าวพรหมทัตและเกิดหลงรัก จึงแปลงตนเป็นสาวงามทำให้ท้าวพรหมทัตหลงใหล จนสั่งให้ประหารนางสุวรรณอำภาและลักษณวงศ์ แต่เพชรฆาตสงสารจึงปล่อยตัวทั้งสองไป ต่อจากนั้นเป็นเรื่องการผจญภัยของลักษณวงศ์และของนางทิพย์เกสร ดังที่จะคัดมาตอนหนึ่ง ดังต่อไปนี้ พอสิ้นแสงสุริยาในอากาศก็โอภาสจันทร์แจ่มจำรัสฉาย น้ำค้างโรยโปรยปรายกระจายพรายพระพายชายพัดเชยรำเพยพาน เสาวคนธ์หล่นโรยมารื่นรื่นเจ้าพลิกฟื้นวรองค์น่าสงสาร ไม่เห็นองค์มารดายุพาพาลยิ่งแดดาลเดือดดิ้นอยู่โดยเดียว5.นิทานสิงหไกรภพ ท่านสุนทรภู่เริ่มแต่งตอนต้นเรื่องประมาณต้นรัชกาลที่ ๒ และแต่งต่อในตอนท้ายขณะที่บวชอยู่ ณ วัดเทพธิดาราม เพื่อถวายเจ้าฟ้าอาภรณ์ตอนหนึ่ง และถวายกรมหมื่นอัปสรเทพสุดา ฯ อีกตอนหนึ่งสิงหไตรภพเป็นนิทานพื้นบ้านอีกเรื่องหนึ่งของท่านสุนทรภู่ เป็นเรื่องราวของ สิงหไตรภพซึ่งเป็นโอรสของท้าวอินณุมาศ เจ้าเมืองโกญจา และนางจันทร์แก้วกัลยาณี พระมเหสี ทั้งสองได้รับบุตรจอมโจรสลัดมาเลี้ยงเป็นโอรสบุญธรรมชื่อว่า คงคาประลัย คงคาประลัยเป็นคนพาลตามนิสัยของบิดา วันหนึ่งคงคาประลัยได้ก่อกบฏยึดอำนาจภายในเมือง เนื่องจากเกดความโกรธแค้นที่พ่อถูกฆ่าตาย และอิจฉาพระโอรสที่อยู่ในครรภ์ของนางจันทร์แก้วกัลยาณี ทำให้กษัตริย์ทั้งสองต้องหนีออกจากเมืองไปอาศัยอยู่ในป่าและให้กำเนิดพระโอรสในป่า ต่อมาพราหมณ์เทพจินดาได้ลักพาตัวสิงหไตรภพไป ด้วยพราหมณ์เทพจินดาผู้เป็นบุตรของพราหมณ์วิรุณฉาย ซึ่งสามารถทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ทราบว่าจะมีผู้มีบุญลงมาเกิด ก่อนตายได้สั่งพราหมณ์เทพจินดาบุตรชายให้ตามหาเด็กชายที่มีลักษณะตามตำรา วันหนึ่งพราหมณ์เทพจินดาและสิงหไตรภพได้พบยักษ์ชื่อพินทุมาร และอาศัยอยู่กับพินทุมารจนโต เมื่อสิงหไตรภพเติบโตจึงได้ขโมยใบไม้วิเศษที่เมื่อกินเข้าไปแล้ว สามารถแปลงกายเป็นสัตว์ได้ ต่อจากนั้นเป็นเรื่องราวของการผจญภัยของสิงหไตรภพ ดังที่จะคัดมาตอนหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ซึ่งสัจจังที่ตั้งเมตตาจิตมิได้คิดแสร้งเสกอุเบกษา ด้วยเลี้ยงคงคาประลัยจนใหญ่มาทั้งเวลากินนอนไม่ร้อนรน มันกลับขวิดคิดร้ายทำลายล้างฆ่าผู้สร้างสืบสายฝ่ายกุศล เสียชีวิตก็เพราะคิดเมตตาคนทั้งสากลจงเห็นเป็นพยานประเภทสุภาษิต แยกออกเป็น ดังนี้ 1.สุภาษิตสอนหญิง ๏ประนมหัตถ์นมัสการขึ้นเหนือเศียร ๏ ขอเจริญเรื่องตำรับฉบับสอน ๏ จะนุ่งห่มดูพอสมศักดิ์สงวน ๏ ประการหนึ่งซึ่งจะเดินดำเนินนาด ดังประทีปส่องทั่วทุกทิศา สู่มหาห้องนิพพานสำราญรมย์ ขอประคองคุณใส่ไว้เหนือผม โดยอารมณ์ดำริรักชักภิปราย ชาวประชาราษฎรสิ้นทั้งหลาย ให้สมควรรับพักตร์ตามศักดิ์ศรี ค่อยเยื้องยาตรยกย่องไปกลางสนาม ๏ อันที่จริงหญิงชายย่อมหมายรัก ๏ คิดถึงตัวหาผัวนี้หายาก มิใช่จักตัดทางที่สร้างสม อย่ารักชมนอกหน้าเป็นราคี เขยื้อนโยกก็แต่กิ่งไม่ทิ้งที่ เหมือนจามรีรู้จักรักษากาย พึงประเวศผุดพ้นชลสาย มิได้วายภุมรินถวิลปอง ก็นิราศแรมจรัลผันผยอง ดูทำนองใจชายก็คล้ายกัน ให้รู้จักเชิงชายที่หมายมั่น เขาว่ารักรักนั้นประการใด อย่าทำแต่ใจเร็วจะเหลวไหล มันมักไพล่เพลงขุมเป็นหลุมพลาง สารพัดเขาจะพูดนี้สุดอย่าง มาอวดอ้างให้อนงค์หลงอาลัย จะคาดหน้าแน่ลงที่ตรงไหน อย่าควรให้ตามคำเขารำพัน สุดสังเกตเท็จจริงทุกสิ่งสรรพ์ คนทุกวันเชื่อมันยากปากมันโกง ใครบนบานเข้าสักหน่อยก็พลอยโผง มันชักโยงอยากกินแต่สินบน ต้องกำสรดโศกร้างอยู่กลางหน สืบยุบลเสียให้แน่อย่าแร่ไป มันชั่วมากนะอนงค์อย่าหลงไหล ลงจนสองสามจืดไม่ยืดยาว ถ้าคนดีมิได้ช้ำระยำยับ คงมีผู้ชูช่วยประคับประคอง ถ้าแม้นตัวชั่วช้ำระยำแล้ว เหมือนทองแดงแฝงเฝ้าเป็นราคี จงรักตัวอย่าให้มัวราคีหมอง อย่าเอาผิดมาเป็นชอบประกอบใจ แม้นรู้จักรักร่างเป็นอย่างยิ่ง จงกำหนดอุตส่าห์รักษาทรง อันคำคมลมบุรุษนั้นสุดกล้า จงระวังตั้งมั่นในสันดาน เขารักจริงให้สู่ขอกับพ่อแม่ เขาไม่เลี้ยงไล่ขับจะอับอาย ข้างพ่อแม่ก็จะโกรธพิโรธร่ำ ด้วยท่านอายขายหน้าประชาชน ถ้าปะว่าแม่พ่อใจคอร้าย แม้นชายจนคนขัดพลัดเข้าตัว จะขึ้งโกรธโทษผู้ใหญ่ว่าไม่รัก ชั้นพ่อแม่ของตัวไม่กลัวเกรง ท่านเลี้ยงมาจะให้เป็นหอห้อง ครั้นลูกตัวชั่วถ่อยน้อยอารมณ์ แม้นลูกดีก็จะมีศรีสง่า ถึงเพื่อนบ้านฐานถิ่นที่ใกล้ไกล จะดีชั่วก็ยังกำลังสาว จะกลับหลังอย่างสาวสิเต็มตรอง ถึงขัดสนจนทรัพย์ไม่เศร้าหมอง เปรียบเหมือนทองธรรมดาราคามี จะปัดแผ้วถางฝืนไม่คืนที่ ยากจะมีผู้ประสงค์จำนงใน ถือทำนองแบบโบราณท่านขานไข จงอยู่ในโอวาทญาติวงศ์ จะเพริศพริ้งสมสวาทเป็นราชหงส์ อย่าลุ่มหลงด้วยอุบายของชายพาล เขาย่อมว่ารสลิ้นนี้กินหวาน อย่าลนลานหลงละเลิงด้วยเชิงชาย อย่าวิ่งแร่หลงงามไปตามง่าย ต้องเป็นม่ายอยู่กับบ้านประจานตน จะจองจำตีโบยออกโหยหน ไม่รักตนเราจึงต้องมาหมองมัว กลับซื้อขายคิดเอากับเจ้าผัว เราทำชั่วก็ต้องขายกายเราเอง เพราะเราคิดผิดนักไม่เหมาะเหม็ง ใจตัวเองพาหลงไปลงตม หมายจะกองทุนสินกินขนม จึงตรอมตรมโกรธบุตรนี้สุดใจ ญาติวงศ์พงศาก็ผ่องใส ก็มีใจสรรเสริญเจริญพร ๏ จงรักนวลสงวนนามห้ามใจไว้ คิดถึงหน้าบิดาและมารดร เมื่อสุกงอมหอมหวานจึงควรหล่น อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี อย่าคิดเลยคู่เชยคงหาได้ อย่าเกียจคร้านงานสตรีจงนิยม ถ้าแม้นทำสิ่งใดให้ตลอด เขม้นขะมักรักงานการของตน เมื่อเหนื่อยอ่อนนอนหลับอยู่กับบ้าน อะไรฉาวกราวเกรียวอย่าเหลียวแล ระวังดูเรือนเหย้าแลข้าวของ เห็นไม่มีแล้วอย่าอ้างว่าช่างมัน มีสลึงพึงประจบให้ครบบาท จงมักน้อยกินน้อยค่อยบรรจง ไม่ควรซื้อก็อย่าไปพิไรซื้อ เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่าชรากาล ด้วยชนกชนนีนั้นมีคุณ อุ้มอุทรป้อนข้าวเป็นเท่าไร ถ้าเราดีมีจิตคิดอุปถัมถ์ จะปรากฎยศยิ่งสิ่งทั้งปวง เทพไทในห้องสิบหกชั้น ว่าสตรีนี้เป็นยอดยุพาพาล ๏ ที่บางนางนั้นก็ทำทุจริต อย่าหลงใหลจำคำที่ร่ำสอน อย่ารีบร้อนเร็วนักมักไม่ดี อยู่กับต้นอย่าให้พรากไปจากที่ เมื่อบุญมีคงจะมาอย่างปรารมภ์ อุตส่าห์ทำลำไพ่เก็บประสม จะอุดมสินทรัพย์ไม่อับจน อย่าทิ้งทอดเที่ยวไปไม่ได้ผล อย่าซุกซนคบเพื่อนไพล่เชือนแช อย่าเที่ยวพล่านพูดผลอประจ๋อประแจ๋ ฟังให้แน่เนื้อความค่อยถามกัน จะบกพร่องอะไรที่ไหนนั่น จงผ่อนผันเก็บเล็มให้เต็มลง อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์ อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน ให้เป็นมื้อเป็นคราวทั้งคาวหวาน จงเลี้ยงท่านอย่าให้อดระทดใจ ได้การุณเลี้ยงรักษามาจนใหญ่ หมายจะได้พึ่งพาธิดาดวง กุศลล้ำเลิศเท่าภูเขาหลวง กว่าจะล่วงลุถึงซึ่งพิมาน จะชวนกันสรรเสริญเจริญสาร ได้เลี้ยงท่านชนกชนนี มิได้คิดคุณท่านเท่าเกศี ให้ผันผ่อนเหมือนหนึ่งนอนในห่วงรุม อย่าทำนอกลักษณะจะเป็นโทษ ถึงจะรักรักให้ยืดอย่าจืดจาง จะพูดจาปราศรัยกับใครนั้น ไม่ควรพูดอื้ออึงขึ้นมึงกู แม้จะเรียนวิชาทางค้าขาย จึงซื้อง่ายขายดีมีกำไร เป็นมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปาก แม้นพูดดีมีคนเขาเมตตา ถึงชายใดเขาพอใจมาพูดเกี้ยว เมื่อไม่ชอบก็อย่าตอบเนื้อความตาม ถึงจะไปในพิภพให้จบทั่ว จงอุตส่าห์ปกปิดให้มิดเม้น เมื่อจะจรนอนเดินดำเนินนั่ง อย่าเหม่อเมินเดินให้ดีมีอาฌา เห็นผู้ใหญ่หรือใครเขานั่งแน่น ค่อยวอนว่าข้าขอจรดล แม้นสมรจะไปนอนที่เรือนไหน ใครเห็นเข้าเขาจะเล่านินทานาง ถ้าจะนั่งก็นั่งระวังผ้า ยามสำรวลก็อย่าสรวลให้เมามัว เมื่อยามยิ้มก็ยิ้มไว้แต่ในพักตร์ อย่าเท้าแขนเท้าคางให้ห่างกาย จะแต่งตัวก็อย่ามัวแต่การแต่ง ใช่บ้านนอกขอกนามาแต่เยิง ให้พ้นคาวข่าวชั่วมามั่วสุม จงสุขุมคิดแบ่งให้เบาบาง ตัดประโยชน์พี่น้องเขาหมองหมาง จะไว้วางกริยาให้น่าดู อย่าตะคั้นตะคอกให้เคืองหู คนจะหลู่ล่วงลามไม่ขามใจ อย่าปากร้ายพูดจาอัชฌาสัย ด้วยเขาไม่เคืองจิตระอิดระอา จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา จะพูดจาจงพิเคราะห์ให้เหมาะความ อย่าโกรธเกรี้ยวโกรธาว่าหยาบหยาม มันจะลามเล่นเลยเหมือนเคยเป็น แต่ความชั่วอย่าให้ผู้ใดเห็น จึงจะเป็นคนดีมีปัญญา จงระวังในจิตขนิษฐา แม้นพลั้งพลาดบาทาจะอายคน อย่าไกวแขนปัดเช่นไม่เห็นหน นั่นแหละคนจึงจะมีปรานีนาง อย่าหลับไหลลืมกายจนสายสาง ความกระจ่างออกกระจายเพราะกายตัว ไม่อาฌาเขาจะพากันยิ้มหัว แม้นจะหัวหัวร่อพอสบาย อย่ายิ้มนักเสียสง่าพาสลาย อย่ากรีดกรายกรอมเพลาะเที่ยวเราะเริง อย่าทาแป้งจับกระเหม่าเข้าจนเหลิง ทำเซาะเซิงเขาจะโห่วิ่งโร่ไป ๏ เมื่อยามตรุษยามสงกรานต์มีงานหลวง ครั้นสิ้นเขตเทศกาลทำงานไป เมื่อไปเป็นชาววังจึงนั่งแต่ง ด้วยสำราญการอะไรนั้นไม่มี อยู่สถานบ้านช่องนั้นต้องคิด เผื่อมีผัวพลเรือนเหมือนกันนา รู้วิชาก็ให้รู้เป็นครูเขา มีข้าไทใช้สอยค่อยสบาย การวิชาหาประดับสำหรับร่าง การมิดีมีชั่วมันกลัวเกรง คิดแต่ยากแต่จนเร่งขวนขวาย พออิ่มเช้าอิ่มเย็นไม่เป็นไร ค่อยเสงี่ยมเจียมตนจนเสียก่อน อย่าเป้อเย้อพกใหญ่ออกให้เกิน อย่าอวดดีมีทรัพย์เที่ยวจับแจก ใครจะช่วยตัวเราก็เปล่าดาย เห็นผู้ดีมีทรัพย์ประดับแต่ง ของตัวน้อยก็จะถอยไปทุกวัน จงนุ่งเจียมห่มเจียมเสงี่ยมหงิม อย่านุ่งลายกรายกรุยทำฉุยไป แต่งให้งามตามกระทรวงหาว่าไม่ อย่าร่ำไรผัดหน้าทั้งตาปี แต่พอแจ้งเข้าก็จับกระจกหวี จะหาคู่ดูแต่ที่เจ้าพระยา ให้รู้กิจการหญิงทุกสิ่งสา จะได้หาเลี้ยงกันจนวันตาย จึงจะเบาแรงตนเร่งขวนขวาย ตัวเป็นนายโง่เง่าบ่าวไม่เกรง อย่าเอาอย่างหญิงโกงมันโฉงเฉง อย่าครื้นเครงขับร้องคะนองใจ อย่าให้กายตกยากลำบากได้ อย่าพอใจเชื่อช้ำเขาก้ำเกิน ค่อยผันผ่อนทีหลังเขาสรรเสริญ ละเมิดเมินหมิ่นนักมักจะอาย ทำเกี่ยวแฝกมุงป่าพาฉิบหาย อย่ามักง่ายเงินทองของสำคัญ อย่าทำแข่งวาสนากระยาหงัน เหมือนตัดบั่นต้นทุนสูญกำไร อย่ากระหยิ่มยศถาอัชฌาสัย ตัวมิใช่ชาววังไม่บังควร๏ อย่าคบพวกหญิงพาลสันดานชั่ว สุริย์ฉายบ่ายคล้อยเที่ยวลอยนวล พอรุ่งเช้าเฝ้าแต่มองส่องเกศี ตรงการงานขี้คร้านเป็นกังวล ครั้นได้ยินเสียงกลองมาก้องหู วันนี้มีละครใครที่ไหนมา นั่งพินิจพิศโฉมประโลมหลง บ้างก็เห็นว่างามเลยตามไป บ้างก็รักข้างนักเลงเล่นเครงครื้น ห่มเพลาะดำทำปลอมออกกรอมกาย ครั้นไปไปใจแตกลงแหกคอก ควาญหมอรอไม่ติดเห็นผิดเชิง ใครจะห้ามปรามไว้ก็ไม่ฟัง ถือว่าตนเปรื่องฉลาดปราชญ์ประเปรียว พูดก็มากปากก็บอนแสนงอนนัก เที่ยวรอนราญจนเพื่อนบ้านเขาระอา ที่ส่วนตัวถึงจะชั่วออกล้นพ้น ไม่ทำมาหากินจนสิ้นแกน หญิงเช่นนี้เห็นไม่มีเจริญแล้ว ลงสูบฝิ่นกินเหล้าอยู่เมามาย มือก็ไวใจก็กล้าหน้าก็ด้าน แต่ผ้าขาดก็ไม่ปรารถนาเย็บ อันการเหย้าไม่เอาเป็นธุระ คบกันได้แต่นิสัยพวกแชเชือน ชั้นจะยืมของใครเขาไม่เชื่อ ปากก็หวานเหมือนน้ำตาลเพชรบุรี แม้นใครไปสมทบเข้าคบค้า มีแต่ภัยให้ระยำทุกค่ำคืน หญิงไม่ดีนั้นก็มีอยู่หลายพวก ที่คนดีจะได้ดูให้รู้ครบ ที่แต่งตัวไว้จริตผิดกระสวน เป็นเชิงชวนพวกเจ้าชู้เขารู้กล ให้เวียนหวีได้วันละพันหน แต่งแต่ตนมิได้เว้นสักเวลา ยังไม่รู้เนื้อความเที่ยวถามหา แม้นรู้ว่าเจ้ากรับเต้นหรับไป ดูจนปลงกรรมฐานเหงื่อกาฬไหล ช่างกระไรหนอขนิษฐ์ไม่คิดอาย เที่ยวกลางคืนคบเพื่อนเดือนหงายหงาย พวกผู้ชายชักพาเที่ยวร่าเริง ปะแตกปลอกต้ำผางวางจนเหลิง จะเปิดเปิงเข้าป่าไปท่าเดียว ทำส่งเสียงเถียงดังให้กราดเกรี้ยว ประจบเที่ยวรู้จักทุกพักตรา เห็นเขารักกันไม่ได้ใจอิจฉา นั่งที่ไหนให้นินทาเขาเป็นแดน สู้ปิดปากยกตนนี่สุดแสน ก็เลยแล่นเข้าบ่อนนอนสบาย ให้แว่วแว่วอยู่ข้างทางฉิบหาย ไม่เสียดายอินทรีย์เท่าขี้เล็บ จะเอาขวานไปถากไม่อยากเจ็บ ขี้เกียจเก็บพลัดวางได้กลางเรือน คิดแต่จะเที่ยวตลบไปคบเพื่อน จะคบคนพลเรือนก็เต็มที ด้วยตัวเหลือโป้ปดสบถถี่ ข้าวของมีให้ไปไม่ได้คืน จนชั้นผ้าไม่ติดตัวแต่สักผืน ใครจะชื่นชมชิดไปคิดคบ จำจะบวกบอกใส่เสียให้จบ หล่อนจะได้ไม่คบพวกคนพาล ๏ หญิงพวกหนึ่งนั้นขันทำปั้นเจ๋อ ไม่เจียมจนเลยว่าตนต่ำสันดาน ล้วนคุณลุงคุณปู่อยู่ทุกแห่ง พวกผู้ดีไม่นึกตรึกเจรจา ช่างพูดได้ไม่อายแก่ปลายลิ้น ถึงพูดไปใครเขาจะเห็นจริง ถึงจะอวดอ้างไปที่ไหนนั่น ถ้าสันดานการผู้ดีคงมีรอย อันตัวต่ำแล้วอย่าทำให้เกินศักดิ์ เปรียบเหมือนเกลือเจือปนกับชลธี ที่บางคนจนยากไม่อยากทุกข์ อุตส่าห์แต่งแป้งขมิ้นไม่สิ้นคราว ทำไมแก่เงินทองของทั้งหลาย ถือว่ารูปกูงามไม่คร้ามจน สุภาษิตท่านประดิษฐ์ประดับไว้ ถึงเป็นองค์สุริย์วงศ์พระจักรี ทุกวันนี้มีทรัพย์เขานับหน้า ถึงงามพักตร์เขาจะรักเจ้าเพียงไร เฝ้าเป้อเย้อหยิ่งเกินกับภูมิฐาน เห็นที่ท่านเป็นขุนนางอ้างเข้ามา เที่ยวแอบแฝงพิงพาดวาสนา เป็นพี่น้องร่วมฟ้านั้นเห็นจริง เป็นคนสิ้นความคิดผิดผู้หญิง เขาว่าหยิ่งยกยศเหมือนมดตะนอย เขารู้ทันอยู่ว่าเช่นเจ้าเป็นหอย ไม่กล่าวถ้อยเขาก็รู้ว่าผู้ดี เขาจะมักเหม็นปากเหมือนซากผี มันก็มีแต่จะจืดไม่ยืดยาว ถือว่าสุขอยู่แก่ตาข้าเป็นสาว ไม่สร้อยเศร้าสู้ตาประชาชน เห็นหาง่ายสารพัดไม่ขัดสน ลงแต่งตนขายกินจนสิ้นดี ว่าผู้ใดงามพักตร์สมศักดิ์ศรี แม้นไม่มีสินทรัพย์ก็ลับไป อย่าถือว่าตนงามตามวิสัย เขาคาดใจเสียว่าเจ้าขี้เกียจการ ๏ ที่บางคนเห็นที่ท่านมีทรัพย์ ประกอบผูกลูกสะกดสร้อยสังวาลย์ เจ้าคนจนมันให้ร่ำจะทำบ้าง แต่ตัวจนอ้นอั้นตันในคอ หาทองแท้แก้ไขมันไม่คล่อง แต่ล้วนเนื้อสิบน้ำทองคำทวาย แพงไม่เบาเขายังกล้าอุตส่าห์ซื้อ ถึงจนยากอยากบำรุงให้รุ่งเรือง ก็สาสมกับอารมณ์ไม่เจียมศักดิ์ ผู้ดีว่าแล้วขี้ข้าก็พลอยตาม เขาจึงว่าหน้าสดปรากฎอยู่ เมื่อน้ำตื้นขืนจะพายไปฝ่ายเดียว เหมือนหิ่งห้อยน้อยสีหรี่หรุบรู่ เห็นไม่ถึงดอกอย่าโกยไปโดยแรง ๏ ยังมีพวกหนึ่งนั้นขยันยิ่ง เที่ยวยักย้ายร่ายชมภิรมย์รส จะรักไหนก็ไม่รักสมัครมั่น ชู้ต่อชู้รู้เรื่องเคืองระคาง เพราะนารีมิได้ตรงจำนงหมาย เหมือนพวกนางโมราวิลาวัณย์ โอ้ใจนางอย่างนี้ก็มีมั่ง เพราะนิสัยใจขนิษฐ์เล่นปลิดโยน ต่างคนต่างก็เชือนออกเบือนเบื่อ อันผัวดีที่จะได้อย่าหมายเลยแต่งประดับผิวพรรณในสัณฐาน แลละลานล้วนสุวรรณอันลออ เอาเยี่ยงอย่างอยากได้น้ำลายสอ ลงเที่ยวผลอไพล่เผลเพทุบาย ต้องเอาทองเสาชิงช้าน่าใจหาย สายสร้อยสายหนึ่งก็ถึงสลึงเฟื้อง ผูกข้อมือแลงามอร่ามเหลือง จนทองเหลืองไม่ละจะกละงาม ทรลักษณ์เหลือตัวชั่วส่ำสาม ไม่มีความอายจิตสักนิดเดียว สมกับผู้ที่ไม่ตรึกนึกเฉลียว ไม่ถึงเลี้ยวก็จะล่มไปจมแปลง จะแข่งสู้สุริยาอันกล้าแข็ง เขาจะแสร้งสรวลว่าเป็นบ้ายศ เป็นผู้หญิงสองใจไม่กำหนด ใครมาจดโผจับรับตะกาง เล่นประชันเชิงลองทั้งสองข้าง ก็ขัดขวางหึงสาจะฆ่าฟัน ทำให้ชายเคืองแค้นแสนกระสัน ยื่นพระขรรค์ผัวให้กับไอ้โจร จนลือดังข่าวก้องดังกลองโขน จนมาโดนกันกระดากไม่อยากเชย ต้องเป็นเรือขึ้นคานอยู่เฉยเฉย ด้วยมากเชยหลายชู้เขารู้กล ๏ บ้างลอบเล่นเพลงยาวเมื่อคราวขัด ที่ไม่สู้รู้กลอนยังร้อนรน บ้างก็เล่นปริศนาเที่ยวหาของ ครั้นห่อเสร็จส่งให้กับชายชาญ ครั้นคิดคิดปริศนานั้นช้าเนิ่น ทำดื้อด้านหาญหักไม่รักงาม ชนิดนางอย่างนี้มีชุมนัก ต้องกินยาเข้าสุราพริกไทยปน รักสนุกครั้นได้ทุกข์แล้วถอยคิด เทพเจ้าท่านไม่เข้าด้วยคนร้าย ครั้นคิดล้างอย่างไรก็ไม่สูญ ทำอย่างไรมันก็ไม่มรณา ถ้ารู้ถึงพ่อแม่ต้องแก้ไข แล้วหาผัวตัวประจำเป็นสำเนา ที่ชายโหดโฉดเขลาเข้าไปรับ ดังแผ่นดินสิ้นหญ้าสุธาแพลง ไม่คิดอายขายหน้านิจจาเอ๋ย ลูกของเขาเอาเป็นสิทธิ์เฝ้าชิดเชื้อ เหมือนเช่นเราเขาจะให้ก็ไม่รัก ถึงรูปร่างอย่างยุพินกินรี เป็นขนิษฐ์ชอบแต่คิดให้เป็นหนึ่ง เอ่ยว่ารักแล้วให้ได้ร่วมเรียง ท่านเปรียบมาเหมือนหนึ่งตราราชสีห์ เป็นอนงค์แล้วก็คงจะเป็นเมีย ที่เกิดมาเป็นนารีไม่มีค่า เหมือนกรวดทรายปรายเล่นไม่เว้นวาง เมื่อไม่ถือตราภูมิไว้คุ้มห้าม แม้นรู้จักรักษาถือตราไว้ อย่าจับปลาสองหัตถ์จะพลัดพลาด จึงนับว่าคนดีไม่มีมัว เป็นผู้หญิงสิ่งใดจะล้ำเลิศ ถึงรูปทรงนงคราญจะพาลคลาย ๏ บ้างมีผัวตัวอยู่เป็นคู่ชื่น ฝีปากจัดตอบต่อข้อนุสนธิ์ เที่ยววานคนแต่งให้พอได้การ ให้ถูกต้องตามอารมณ์ประสมประสาน บอกอาการเรื่องรักประจักษ์ความ ชวนกันเดินหลีกออกนอกสนาม จนเลยลามลืมบ้านสถานตน เป็นโรครักเกิดมารศีรษะขน หมายประจญจะให้ดับที่อับอาย จะปกปิดเปลวไฟไม่เห็นหาย คงก่อกายขึ้นให้เห็นไว้เป็นตรา ก็อาดูรพูนเกิดสหัสสา เป็นเวราบาปนั้นไม่บรรเทา เอาลูกไปมุ่งหมกยกให้เขา พอปัดเป่าความอายให้หายแคลง มันช่างหลับตาสนิทไม่คิดแหนง มาแอบแฝงเอามันเป็นว่านเครือ เหมือนไม่เคยพบปะจะกละเหลือ นึกว่าเนื้อบุญธรรมกรรมไม่มี มันขายพักตร์สารพัดจะบัดสี แต่เช่นนี้แล้วไม่ปองประคองเคียง ไม่ควรถึงอย่าให้ถึงกับปากเสียง เป็นคู่เคียงของตัวว่าผัวเมีย ไม่พอที่เสียนวลไม่ควรเสีย ย่อมมีเบี้ยปรับไหมวิสัยนาง จะเกิดมาทำไมให้หมองหมาง จะเอาอย่างนางโมราหรือว่าไป คนจึงลามเลยลวนมากวนได้ จะคุ้มภัยให้พ้นมีคนกลัว จับให้คงลงให้ขาดว่าเป็นผัว ถ้าชายชั่วร้างไปมิใช่ชาย สุดประเสริฐก็แต่ใจไม่เสื่อมสลาย ก็จะกลายส่งสวยด้วยใจงาม ยังหาอื่นเข้าประคองเป็นสองสาม อันความดีมีอยู่ดูจำไว้ จะมีคู่ก็ให้รู้ปรนนิบัติ อย่าคิดร้ายย้ายแยกทำแปลกปลอม อย่าคบชู้สู่สมนิยมหวัง เขารักหลอกหยอกเล่นดอกเช่นนี้ ธุระอะไรจะให้มันเสียของ เพราะเชื่อใจภรรยายิ่งกว่าเกลอ จะมีจิตพิศวาสไม่คลาดเคลื่อน แม้นนอกจิตคิดร้ายหมายประจญ จงกันภัยในเล่ห์เสน่หา เอาความสัตย์ตัดตั้งปฏิญาณ จงซื่อต่อภัสดาสวามี อย่าให้มีราคินที่กินใจ ถึงที่สุดทดลองก็ทองแท้ หญิงเดี๋ยวนี้แม้นมีสัตยา ๏ แม้นเขารักแล้วอย่าดื้อทำถือจิต จะปลูกรักเรรวนหาควรไม่ อย่าพอใจรักชั่วให้มัวมอม จงซื่อสัตย์สุจริตคิดถนอม มโนน้อมเสน่หาต่อสามี ไม่จีรังกาลดอกบอกโฉมศรี ถ้าแม้นมีข้าวของต้องบำเรอ อันเงินทองผัวสิทำสน่ำเสนอ ควรบำเรอลูกผัวของตัวตน เพราะแม่เรือนร่วมใจจึงได้ผล จะพาตนยากยับอัประมาณ อย่าให้มาปนปะจงประหาร ถึงเกิดการยากเข็ญไม่เป็นไร จนชีวีศรีสวัสดิ์เจ้าตัดษัย อุปไมยเหมือนอนงค์องค์สีดา ด้วยนางแน่อยู่ในสัจอธิษฐาน์ ภัสดาก็ยิ่งรักขึ้นหนักครัน เร่งเกรงผิดกลัวใจใหญ่มหันต์ ทั้งล่วมปัดจัดแจงแต่งให้ดี อุตส่าห์ทำบำเรอเสนอสนอง ปรนนิบัติภัสดาอย่าราคิน ๏ เกิดเป็นหญิงให้เห็นว่าเป็นหญิง ๏ แม้นพิโรธโกรธขึ้งกับภัสดา ๏ บางนารีที่เป็นนางใจร้ายกาจ ๑___สุภาษิตซึ่งประดิษฐ์มาไว้นี้ เคยเข้าเฝ้าสู่วังนรังศรี หมากบุหรี่หาใส่ให้ไปกิน ตามทำนองมิ่งมิตรเป็นนิจสิน จึงจะภิญโญยศปรากฎไป อย่าทอดทิ้งกริยาอัชฌาสัย อย่านินทาว่าผัวตัวลับหลัง หมิ่นประมาททุ่มเถียงส่งเสียงแข็ง ล้วนแต่มีเยี่ยงอย่างดังเสกสรร 2.สุภาษิตสวัสดิรักษา ๏สุนทรทำคำสวัสดิรักษาถวายพระหน่อบพิตรอิศรา เป็นของคู่ผู้มีมีอิสริยยศ สืบอายุสุริย์วงศ์พงศ์ประยูร อย่าลืมหลงจงอุตส่าห์รักษาสิริ ว่าเช้าตรู่สุริโยอโณทัย ผินพักตร์สู่บูรพ์ทิศแลทักษิณ ที่นับถือคือพระไตรสรณา แล้วเอื้อนอรรถตรัสความที่ดีก่อน ด้วยราศีที่ชะลอนรลักษณ์ ยามกลางวันนั้นว่าพระราศี พระอุระประสุคนธ์วิมลมาลย์ ครั้นพลบค่ำคล้ำฟ้าสุธาวาส จงรดน้ำชำระซึ่งราคี เสวยนั้นผันพระพักตร์ไปบูรพ์ทิศ แม้นผินพักตร์ทักษิณถิ่นมณฑล ทิศประจิมอิ่มเอมเกษมสุข แต่ทิศเหนือเหลือร้ายวายชีวา ตามพระบาลีเฉลิมให้เพิ่มพูน ผินพักตร์สู่อุดรประจิมดี แล้วสรงน้ำชำระพระนลาฏ เสด็จไหนให้สรงชลธาร ๏ อนึ่งพระองค์ทรงเจริญเพลินถนอม ๏ อนึ่งวันชำระสระพระเกล้า ๏ อนึ่งภูษาผ้าทรงณรงค์รา ๏ อนึ่งว่าถ้าจะลงสรงสนาน ๏ อนึ่งวิชาอาคมถมถนำ ๏ อนึ่งสุนัขมักเฝ้าแต่เห่าหอน อย่าบ้วนน้ำลายพาเสียราศี ไม่ต้องผีคุณไสยพ้นภัยพาล จึงผุดผาดผิวพรรณในสัณฐาน เป็นฤกษ์พารลูบไล้แล้วไคลคลา ฯ อย่าให้หม่อมห้ามหลับทับหัตถา อังคารเสาร์สิ้นวิบัติปัดไถม ให้มีครบเครื่องเสร็จทั้งเจ็ดสี ทุกห้วยธารเถื่อนถ้ำแลน้ำไหล เวลาค่ำควรคิดเป็นนิจศีล อย่าขู่ค่อนด่าว่าอัชฌาสัย อนึ่งอย่าไปใต้ช่องคลองตะพาน ทั้งไม้ลำค้ำเรือนแลเขื่อนคอก ถึงฤทธิ์เดชเวทมนตร์ดลจะดี อนึ่งไปไหนได้พบอสภซาก ให้สรงน้ำชำระพระพักตรา ๏ อนึ่งเครื่องผูกลูกสะกดตระกรุดคาด ๏ อนึ่งนั้นวันกำเนิดเกิดสวัสดิ์ ๏ ขอพระองค์จงจำไว้สำเหนียก กันเขี้ยวงาจระเข้เดรัจฉาน อย่าลอดร้านฟักแฟงแรงราคี ใครลอดออกอัปลักษณ์เสียศักดิ์ศรี ตัวอัปรีย์แปรกลับให้อัปรา อย่าออกปากทักทายร้ายนักหนา ตามตำราแก้กันอันตราย ฯ เข้าไสยาสน์ยามหลับทับฉลาย อย่าฆ่าสัตว์เสียสง่าทั้งราศี ดังนี้เรียกเรื่องสวัสดิรักษา 3.สุภาษิตเพลงยาวถวายโอวาท ๏ควรมิควรจนจะพรากจากสถาน เหมือนผัดพักตร์ผิวหน้าเป็นราศี ดังวารีรดซาบอาบละออง ถวายพระวรองค์จำนงสนอง พระหน่อสองสุริย์วงศ์ทรงศักดา จะนิราศแรมไปไพรพฤกษา พระยอดฟ้าสององค์จงเจริญ พระยศยืนยอดมนุษย์สุดสรรเสริญ จะต้องเหินห่างเหทุกเวลา ทั้งอาลัยองค์น้อยละห้อยหา จะใส่บ่าแบกวางข้างละองค์ เมืองมนุษย์นกไม้ไพรระหง จึงจะส่งเสด็จให้เข้าในวัง ใจจะขาดคิดหมายไม่วายหวัง จะเวียนบังคมบาทไม่ขาดปี จะรองบาทบงกชบทศรี ด้วยภักดีได้จริงทุกสิ่งอัน ช่วยฉัดชักชุบย้อมกระหม่อมฉัน เป็นคืนวันเที่ยงธรรมไม่ลำเอียงฯ ๏ นิจจาเอ๋ยเคยรองละอองบาท แสนละม่อมน้อมพระองค์ดำรงเรียง จงอยู่ดีศรีสวัสดิ์พิพัฒน์ผล ได้สืบวงศ์พงศ์มกุฏอยุธยา เหมือนสององค์ทรงนามพระรามลักษณ์ ประจามิตรคิดร้ายวายชีวัน จะไปจากสมเด็จพระเชษฐา พระองค์น้อยคอยประณตนิ่งอดออม อุตส่าห์เรียนเขียนอ่านบุราณราช ลำดับศักดิ์จักพรรดิขัตติย์วงศ์ ด้วยพระองค์ทรงสยมบรมนาถ กรมศักดิ์หลักชัยพระอัยการ อนึ่งให้รู้สุภาษิตบัณฑิตพระร่วง ราชาศัพท์รับสั่งให้บังควร ทั้งพุทธไสยไตรดาทวายุค พระยศศักดิ์จักเฉลิมให้เพิ่มพูน แม้นออกวังตั้งใจจะไปอยู่ ขอพึ่งบุญพูนสวัสดิ์เหม์อนฉัตรธง แต่ยามนี้มีกรรมจะจำจาก เพราะพระเจ้าเยาว์นักต้องรักเร้น ขอพระองค์จงเอ็นดูอย่ารู้ร้าง อย่าหลงลิ้นหินชาติขาดอาลัย ถึงร้อยปีมิได้มาก็อย่าแปลก เช่นงางอกออกไปมิได้คืน ของพระองค์ทรงยศเหมือนคชบาท ระมัดโอษฐ์โปรดให้พระทัยจำ โปรดประภาษไพเราะเสนาะเสียง ดังเดือนเคียงแข่งคู่กับสุริยา ให้พระชนม์ยั่งยืนหมื่นพรรษา บำรุงราษฎร์ศาสนาถึงห้าพัน เป็นปิ่นปักปกเกศทุกเขตขัณฑ์ เสวยชั้นฉัตรเฉลิมเป็นเจิมจอม จงรักพระอนุชาอุตส่าห์ถนอม ทูลกระหม่อมครอบครองกันสององค์ ไสยศาสตร์สงครามตามประสงค์ อุตส่าห์ทรงจดจำให้ชำนาญ บังคับราชการสิ้นทุกถิ่นฐาน มนเทียรบาลพระบัญญัติตัดสำนวน โคลงเพชรพวงผิดชอบทรงสอบสวน ทราบให้ถ้วนถี่ไว้จะได้ทูล ให้ทราบทุกที่ถวิลบดินทร์สูร ได้พึ่งทูลกระหม่อมของฉันสององค์ สำหรับปูเสื่อสาดคอยกวาดผง ได้ดำรงร่มเกล้าทั้งเช้าเย็น ด้วยแสนยากยังไม่มีที่จะเห็น จึงจำเป็นจำพรากจำจากไป ให้เหมือนอย่างเมรุมาศไม่หวาดไหว น้ำพระทัยทูลเกล้าจงยาวยืน ให้เหมือนแรกเริ่มตรัสไม่ขัดขืน จึงจักยืนยืดยาวดังกล่าวคำ อย่าให้พลาดพลั้งเท้าก้าวถลำ จะเลิศล้ำลอยฟ้าสุราลัย ฯ ๏ หนึ่งนักปราชญ์ราชครูซึ่งรู้หลัก อุตส่าห์ถามตามประสงค์จำนงใน หนึ่งบรรดาข้าไทที่ใจซื่อ หนึ่งคนมนต์ขลังช่างชำนาญ เขาทำชอบปลอบให้นำใจชื่น ปรารถนาสารพัดในปัฐพี คำบุราณท่านว่าเหล็กแข็งกระด้าง จงทราบไว้ใต้ละอองทั้งสององค์ แต่คนร้ายหลายลิ้นย่อมปลิ้นปลอก อย่าพานพบคบค้าเป็นราคี อันคนดีมีสัตย์สันทัดเที่ยง เอาไว้ใช้ใกล้ชิดไม่คิดร้าย อันโซ่ตรวนพรวนพันมันไม่อยู่ แม้นผูกใจไว้ด้วยปากไม่จากองค์ อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก แม้นเจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย จะรักชังทั้งสิ้นเพราะลิ้นพลอด อันช่างปากยากที่จะมีใคร จงโอบอ้อมถ่อมถดพระยศศักดิ์ ครั้นต่ำนักมักจะผิดคิดรำพึง อย่าถือศักดิ์สนทนาอัชฌาสัย จึงจักได้รู้รอบประกอบการ จงนับถือถ่อมศักดิ์สมัครสมาน แม้พบพานผูกไว้เป็นไมตรี จึงเริงรื่นรักแรงไม่แหนงหนี เอาไมตรีแลกได้ดังใจจง เอาเงินง้างอ่อนตามความประสงค์ อุตส่าห์ทรงสืบสร้างทางไมตรี เลี้ยงมันหลอกหลอนเล่นเหมือนเช่นผี เหมือนพาลีหลายหน้าระอาอาย ช่วยชุบเลี้ยงชูเชิดให้เฉิดฉาย เขารักตายด้วยได้ด้วยใจตรง คงหนีสู้ซ่อนหมุนในฝุ่นผง อุตส่าห์ทรงทราบแบบที่แยบคาย แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย เจ็บจนตายนั้นเพราะเหน็บให้เจ็บใจ เป็นอย่างยอดแล้วพระองค์อย่าสงสัย เขาชอบใช้ช่างมือออกอื้ออึง ถ้าสูงนักแล้วก็เขาเข้าไม่ถึง พอก้ำกึ่งกลางนั้นขยันนัก ฯ ๏ อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ สงวนคมสมนึกในฮึกฮัก จับให้หมั้นคั้นหมายให้วายวอด ตัดให้ขาดปรารถนาหาสิ่งใด ธรรมดาว่ากษัตริย์อัติเรก เสียงสังหารผลาญสัตว์ในปัฐพี เหมือนหน่อเนื้อเชื้อวงศ์ที่องอาจ ผู้ใหญ่น้อยพลอยมาสวามิภักดิ์ ถ้าคร้านเกียจเกียรติยศก็ถดถอย ต้องเศร้าสร้อยน้อยหน้าทั้งตาปี ด้วยไหนไหนก็มาสวามิภักดิ์ จึงทูลความตามจริงทุกสิ่งอัน ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย ช่วยให้รอดรักให้ชิดพิสมัย เพียรจงได้ดังประสงค์ที่ตรงตี เป็นองค์เอกอำนาจดังราชสีห์ เหตุเพราะมีลมปากนั้นมากนัก ย่อมเปรื่องปราดปรากฏเพราะยศศักดิ์ ได้พร้อมพรักทั้งปัญญาบารมี ข้าไทพลอยแพลงพลิกออกหลีกหนี ทูลดังนี้กลัวจะเป็นเหมือนเช่นนั้น หมายจะรักพระไปกว่าจะอาสัญ ล้วนสำคัญขออย่าให้ผู้ใดดูฯ ๏ พระผ่านเกล้าเจ้าฟ้าบรรดาศักดิ์ ซึ่งยศศักดิ์จักประกอบจำรอบรู้ อันเผ่าพงศ์วงศาสุรารักษ์ ที่สิ่งไรไม่ทราบได้กราบทูล ประเพณีที่บำรุงกรุงกษัตริย์ ต่างพระทัยนัยน์เนตรสังเกตการ จงพากเพียรเรียนไว้จะได้ทราบ หนึ่งแข็งอ่อนผ่อนผันให้สันทัด อนึ่งแยบยลกลความสงครามศึก เร่งฝึกฝนกลการผลาญไพริน อันข้าไทได้พึ่งเขาจึงรัก เขาหน่ายหนีมิได้อยู่คู่ชีวา แม้นไม่รักษายศจะอดสู ได้เชิดชูช่วยเฉลิมให้เพิ่มพูน สามิภักดิ์พึ่งปิ่นบดินทร์สูร จึงเพิ่มพูนภาคหน้าปรีชาชาญ ปฏิพัทธิ์ผ่อนผันความบรรหาร ตามบุราณเรื่องราชานุวัตร ทั้งกลอนกาพย์การกลปรนนิบัติ ตามกษัตริย์สุริย์วงศ์ดำรงดิน ย่อมเหลือลึกล้ำมหาชลาสินธุ์ ให้รู้สิ้นรู้ให้มั่นกันนินทา แม้นถอยศักดิ์สิ้นอำนาจวาสนา แต่วิชาช่วยกายจนวายปราณฯ ๏ ซึ่งเปรียบปรายหมายเหมือนเตือนพระบาท แม้นหากฝ่าละอองไม่ต้องการ ด้วยรักใคร่ได้มาเป็นข้าบาท เป็นห่วงหลังหวังใจให้เจริญ พระมีคุณอุ่นอกเมื่อตกยาก จะจำไปไพรพนมด้วยตรมตรอม พระองค์น้อยเนตรซ้ายไม่หมายร้าง ความรักใคร่ไม่ลืมปลื้มวิญญาณ์ สามิภักดิ์รักใคร่จะไปเฝ้า จะสั่งใครไปเล่าเขาก็ลวง ครั้นหาของต้องประสงค์ส่งถวาย ทุกค่ำเช้าเศร้าจิตคิดรำพึง จะร่ำลักษณ์อักษรเป็นกลอนกาพย์ กตัญญูสู้อุตส่าห์พยายาม ถึงลับหลังยังช่วยอวยสวัสดิ์ คอยถามข่าวชาววังฟังอาการ พลอยยินดีปรีดาประสายาก ไม่หายรักมักรำลึกนึกจำนง จึงพากเพียรเขียนความตามสุภาพ จะได้วางข้างพระแท่นแทนสุนทร ซึ่งทูลเตือนเหมือนจะชูให้รู้รอบ อย่าฟังฟ้องสองโสตจงโปรดปราน ถึงแม้นมาตรขาดเด็ดไม่เมตตา ให้เปรื่องปราดปรีชาศักดาหาญ โปรดประทานโทษกรณ์ที่สอนเกิน จะบำราศแรมร้างไม่ห่างเหิน ใช่จะเชิญชวนชั่วให้มัวมอม ถึงตัวจากแต่จิตสนิทสนอม ทูลกระหม่อมเหมือนแก้วแววนัยนา พระองค์กลางอยู่เกศเหมือนเนตรขวา ได้พึ่งพาพบเห็นค่อยเย็นทรวง พระทูลเกล้าก็ยังอยู่ที่วังหลวง ต้องนิ่งง่วงเหงาอกตกตะลึง ก็สูญหายเสียมิได้เข้าไปถึง ด้วยลึกซึ้งสุดจิตจะติดตาม ทูลให้ทราบสิ้นเสร็จก็เข็ดขาม ไม่ลืมความรักใคร่อาลัยลาน ให้สมบูรณ์พูนสวัสดิ์พัสถาน ได้ทราบสารว่าเป็นสุขทุกพระองค์ เหมือนกาฝากฝ่าพระบาทดังราชหงส์ ไม่เห็นองค์เห็นแต่ฟ้าก็อาวรณ์ หวังให้ทราบเรื่องลักษณ์ในอักษร ที่จากจรแต่ใจอาลัยลาน ขอความชอบตราบกัลปาวสาน ด้วยลมพาลพานพัดอยู่อัตรา กรุณาแต่หนังสืออย่าถือความฯ ๏ อนึ่งคำนำถวายหมายว่าชอบ อย่าเฉียวฉุนหุนหวนว่าลวนลาม แม้นเห็นจริงสิ่งสวัสดิ์อย่าผัดเพี้ยน ดูดินฟ้าหน้าหนาวหรือคราวร้อน ซึ่งประโยชน์โพธิญาณเป็นการเนิ่น ถือที่ข้ออรหัตวิปัสสนา ข้างฝ่ายไสยไตรเพทวิเศษนัก สืบตระกูลพูนสวัสดิ์ในปัฐพี แม้นทรงสอบเสียวทราบว่าหยาบหยาม เห็นแก่ความรักโปรดซึ่งโทษกรณ์ เร่งร่ำเรียนตามคำที่พร่ำสอน เร่งผันผ่อนพากเพียรเรียนวิชา พอจำเริญรู้ธรรมคำคาถา เป็นวิชาฝ่ายพุทธ์นี้สุดดี ให้ยศศักดิ์สูงสง่าเป็นราศี ได้เป็นที่พึ่งพาเหล่าข้าไทฯ ๏ ซึ่งทูลความตามซื่ออย่าถือโทษ ด้วยวันออกนอกพรรษาขอลาไป เคยฉันของสองพระองค์ส่งถวาย จะแลลับดับเหมือนดังเดือนดวง ถึงมาเฝ้าเล่าที่ไหนจะได้เห็น จะตั้งแต่แลลับอัประมาณ ต่อโสกันต์วันพระองค์ทรงสิกขา ให้ใช้สอยคอยเฝ้าทุกเช้าเย็น ด้วยเหตุว่าฝ่าพระบาทได้ขาดเสร็จ ทูลกระหม่อมยอมในพระทัยปลง ในวันนั้นวันอังคารพยานอยู่ ขอละอองสองพระองค์จงทรงจำ อย่างหม่อมฉันอันที่ดีแลชั่ว เป็นอาลักษณ์นักเลงทำเพลงยาว แผ่นดินหลังครั้งพระโกศก็โปรดเกศ สิ้นแผ่นดินสิ้นบุญของสุนทร หากสมเด็จเมตตาว่าข้าเก่า ไม่ลืมคุณทูลกระหม่อมเหมือนจอมเจิม เผื่อข้าไทไม่มีถึงที่ขัด สองพระองค์จงอุตส่าห์พยายาม รักษาพระยศอุตส่าห์รักษาสัตย์ เห็นห้วยหนองคลองน้อยอย่าลอยลง สกุลกาสาธารณ์ถึงพานพบ เหมือนชายโฉดโหดไร้ที่ไม่ควร อันนักปราชญ์ราชครูเหมือนคูหา จงสิงสู่อยู่แต่ห้องทองประจง ขึ้นร่อนเร่เวหนให้คนเห็น ได้ปรากฏยศยงตามวงศ์วาน ควรมิควรส่วนผลาอานิสงส์ ให้สี่องค์ทรงมหาสถาวร ถ้ากริ้วโกรธตรัสถามตามสงสัย เหลืออาลัยทูลกระหม่อมให้ตรอมทรวง มิได้วายเว้นหน้าท่านข้าหลวง ที่แลล่วงลับฟ้าสุธาธาร ด้วยว่าเป็นขอบเขตนิเวศน์สถาน เห็นเนิ่นนานนึกน่าน้ำตากระเด็น จะได้มานอบนบได้พบเห็น มิให้เต้นโลดคะนองทั้งสององค์ โดยสมเด็จประทานตามความประสงค์ ถวายองค์อนุญาตเป็นขาดคำ ปีฉลูเอกศกแรมห้าค่ำ อย่าเชื่อคำคนอื่นไม่ยืนยาว ถึงลับตัวก็แต่ชื่อเขาลือฉาว เขมรลาวลือเลื่องถึงเมืองนคร ฝากพระเชษฐานั้นให้ฉันสอน ฟ้าอาภรณ์แปลกพักตร์อาลักษณ์เดิม ประทานเจ้าครอกฟ้าบูชาเฉลิม จะขอเพิ่มพูนพระยศให้งดงาม กับหนูพัดหนูตาบจะหาบหาม ประพฤติตามแต่พระบาทมาตุรงค์ พูนสวัสดิ์สังวาสตามราชหงส์ จะเสียทรงสีทองละอองนวล อย่าควรคบคิดรักศักดิ์สงวน อย่าชักชวนชิดใช้ให้ใกล้องค์ เป็นที่อาศัยสกุลประยูรหงส์ กว่าจะทรงปีกกล้าถาทะยาน ว่าชาติเช่นหงสาศักดาหาญ พระทรงสารศรีเศวตเกศกุญชร ซึ่งรูปทรงสังวรรัตน์ประภัสสร ถวายพรพันวสาขอลาเอยฯ แนะนำที่พักที่น่าสนใจ (2) เกาะมันนอกรีสอร์ท โทร./โทรสาร 02-2119654สำรองที่พักกรุงเทพฯ บังกาโล 26 ห้อง(แพคเกจ) 2 วัน 1 คืน 2,590 บาท ต่อคน ถ้า 3 วัน 2 คืน 4,990 บาทต่อคน ราคาแพคเกจ รวมค่าอาหาร ที่พัก และประกันภัย (ถ้าจองที่นี่) รับประกันถูกที่สุด...พี.เอ็ม.วาย.บีชรีสอร์ท147/394 ถ.เลียบชายฝั่ง ซอย 3 ต.เนินพระ กรุงเทพฯ โทร. 02-2119654 จำนวน 215 ห้อง ราคา 1,400-3,900 บาทPalmeraie 177 หมู่ 1 บ้านเพ ระยอง โทร สำนักงานไทยทัวร์ 02-6733322 ราคา1690++-6030++บาทปารดี รีสอร์ท76 หมู่ 4 ตำบลเพ อำเภอเมือง แกลง ระยอง เกาะเสม็ด ราคา 11,600 - 19,000 บาท โทรสายด่วน 02- 2119654 (เจ้าของเดียวกับ เลอวิมาน)villa bali resort เลอวิมาน 40/11 หมู่ 4, ต.เพ, อ.เมือง จ.ระยอง 21160 โทร.02-2119654 ราคา 4,700-5,300 บาทมาลิบูการ์เด้นรีสอร์ท77 หมู่ 4 ต.เพ โทร. 02 6733322(สนง ไทยทัวร์ กทม) บังกะโล 24 หลัง ราคา 800-2,200 บาท มีสระว่ายน้ำประเภทบทละคร มีดังนี้ - บทละคร อภัยนุราช บทละคร อภัยนุราช ท่านสุนทรภู่ได้แต่งบทละครเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น คือ เรื่องอภัยนุราช เพื่อถวายพระองค์เจ้า ดวงประภา พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นเรื่องของท้าวอภัยนุราช กษัตริย์ครองเมืองรมเยศร ครั้งหนึ่งทรงต้องการออกประพาสป่า แต่ไม่ยอมเซ่นสังเวยแสดงความเคารพต่อผีป่าเสียก่อน และได้กล่าวลบหลู่ดูถูก ผีป่าจึงดลบันดาลให้ท้าวอภัยนุราชต้องเสียบ้านเสียเมือง พร้อมทั้งพระนางทิพยมาลีพระมเหสี พระอนันต์พระโอรส และวรรณาพระธิดา ดังที่จะคัดมาตอนหนึ่ง ดังต่อไปนี้ เหมือนเขาเปรียบเทียบความเมื่อยามรักน้ำผักต้มขมก็ชมหวาน เมื่อจืดจางห่างเหินเนิ่นนานน้ำตาลว่าเปรี้ยวไม่เหลียวดู ประเภทบทเสภา มีดังนี้1. บทเสภา ขุนช้างขุนแผน ตอน กำเนิดพลายงาม 2. บทเสภา พระราชพงศาวดาร 1.บทเสภา ขุนช้างขุนแผน ตอน กำเนิดพลายงาม เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯ ให้ชำระเสภาขุนช้างขุนแผน ได้ทรงประชุมกวีเอกสมัยนั้นช่วยกันแต่งคนละตอนสองตอน สุนทรภู่ก็ได้รับมอบหมายให้ร่วมแต่งด้วย และท่านคงต้องแต่งอย่างสุดฝีมือ เพราะถือเป็นการประกวด ประขันฝีปากกันอย่างเต็มความสามารถ เรื่องขุนช้างขุนแผนนี้ ถือว่าเป็นเพชรเม็ดงามเม็ดหนึ่งของวรรณกรรมไทย ด้วยอุดมไปด้วย คุณค่าทางวรรณศิลป์อย่างครบถ้วน ทั้งความประณีตบรรจงในการแต่ง กระบวนกลอนเล่นสัมผัสอย่างไพเราะและมีเนื้อความดีตลอดเรื่อง สอดแทรกแง่คิดเกี่ยวกับชีวิต และสามารถสร้างอารมณ์สะเทือนใจแก่ผู้อ่านให้เห็นภาพและซาบซึ้งไปกับตัวละครได้อย่างดีเยี่ยม จังหรีดร้องก้องเสียงเคียงเรไร ดุเหว่าร้องมองเมียงเสียงว่าแม่ อยู่นี่แน่แม่จ๋าจงมารับไม่แกว่งกวัดก้านกิ่งประวิงไหว ทั้งลองไนเรื่อยแร่แวแววับ ยืนชะแง้แลดูเงี่ยหูตรับ วิ่งกระสับกระสนวนเวียนไป
ออกนอกรั้วตัวคนเดียวเที่ยวเดินไป เห็นคุ่มคุ่มพุ่มไม้ใจจะขาด เจ้าไปไหนไม่มาหาแม่เลย ฤาล้มตายควายขวิดงูพิษขบ ยิ่งเย็นย่ำค่ำคลุ้มชอุ่มมัว เสียงซ้อแซ้แกกาผวาว่อน จักจั่นเจื้อยร้องริมลองไน ทั้งเป็ดผีปี่แก้วแว่วแว่วหวีด นางวันทองมองหาละล้าละลัง จะบนหมูสุราร่ำว่าครบ แล้วลดเลี้ยวเที่ยวแลชะแง้เงย ตะโกนเรียกพลายงามทรามสวาท สะอื้นโอ้โพล้เพล้เดินเอกา เห็นฝูงนกกกบุตรยิ่งสุดเศร้า ชะนีโหวยโหยหวนรัญจวนใจ พอแว่วแว่วแจ้วเสียงสำเนียงเรียก ตรงเซิงซุ้มคุ่มเคียงนางเมียงมอง ความดีใจไปกอดเอาลูกแก้ว เป็นไรไม่ไปเรือนเที่ยวเชือนแชโอ้อาลัยเหลียวแลชะแง้เงย พ่อพลายงามทรามสวาทของแม่เอ๋ย ที่โคกเคยวิ่งเล่นไม่เห็นตัว ไฉนศพสาบสูญพ่อทูนหัว ยิ่งเริ่มรัวเรียกร่ำระกำใจ จิ้งจอกหอนโหยหาที่อาศัย เสียงเรไรหริ่งหริ่งที่กิ่งรัง เสียงจังหรีดกรีดแซ่ดังแตรสังข์ ฤาผีบังซ่อนเร้นไม่เห็นเลย ขอให้พบลูกตัวทูนหัวเอ๋ย โอ้ทรามเชยหลากแล้วพ่อแก้วตา ใจจะขาดคนเดียวเที่ยวตามหา สกุณานอนรังสะพรั่งไพร โอ้ลูกเราไม่รู้ว่าอยู่ไหน ยิ่งอาลัยแลหาน้ำตานอง นึกสำเหนียกหลายหนขนสยอง เห็นลูกร้องไห้สะอื้นยืนเหลียวแล แม่มาแล้วอย่ากลัวทูนหัวแม่ แม่ตามแต่ตะวันบ่ายเห็นหายไป
แล้วพากันดั้นดัดไปวัดเขา แล้วเล่าความตามจริงทุกสิ่งไป เอาลูกอ่อนซ่อนไว้เสียในห้อง ท่านขรัวครูผู้เฒ่าว่าเอาวะแม่จะพาเจ้าไปฝากขรัวนาคไว้ เห็นสมภารคลานเข้าไปกราบไหว้ เจ้าคุณได้โปรดด้วยช่วยธุระ เผื่อพวกพ้องเขามาหาอย่าให้ปะ ไว้ธุระเถิดอย่ากลัวที่ผัวเลย
แล้วสมภารท่านก็หลับระงับเงียบ เพราะแม่ลูกผูกจิตคิดถึงกัน ดุเหว่าร้องซ้องเสียงสำเนียงแจ้ว สะดุ้งในไหววับทั้งหลับตา ครั้นรู้สึกนึกได้ให้ละห้อย จนเคาะระฆังหงั่งเหง่งเสียงเครงครื้นยิ่งเย็นเยียบเยือกใจเมื่อไก่ขัน เฝ้าใฝ่ฝันเฟือนแลเห็นแม่มา ให้แว่วแว่วว่าวันทองร้องเรียกหา ร้องขานขาสุดเสียงแต่เที่ยงคืน เจ้าพลายน้อยนิ่งนอนถอนสะอื้น สมภารตื่นเตือนชีต้นสวมมนต์เกน วันรุ่งขึ้น นางวันทองจัดของไปรับลูกที่วัด แล้วพาไปส่งที่ท่าเกวียน ให้พลายงามเดินทางไปหาย่าทองประศรี ที่เมืองกาญจนบุรี เพราะลำพังนางวันทองคงไม่สามารถคุ้มครองลูกจากขุนช้างได้ สองแม่ลูกอำลากันอย่างเศร้าสร้อย เจ้าพลายงามความแสนสงสารแม่ แล้วกราบกรานมารดาด้วยอาลัย แต่ครั้งนี้มีกรรมจะจำจาก เที่ยวหาพ่อขอให้ปะเดชะบุญ แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือน แม่วันทองของลูกจงกลับบ้าน จะก้มหน้าลาไปมิได้กลัว นางกอดจูบลูบหลังแล้วสั่งสอน พ่อไปดีศรีสวัสดิ์กำจัดภัย ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ แล้วพาลูกออกมาข้างท่าเกวียน ลูกก็แลดูแม่แม่ดูลูก สะอื้นร่ำอำลาด้วยอาลัย เหลียวหลังยังเห็นแม่แลเขม้น แต่เหลียวเหลียวเลี้ยวลับวับวิญญาณ์ชำเลืองแลดูหน้าน้ำตาไหล ลูกเติบใหญ่คงจะมาหาแม่คุณ ต้องพลัดพรากแม่ไปเพราะไอ้ขุน ไม่ลืมคุณมารดาจะมาเยือน คนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน จะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว เขาจะพาลว้าวุ่นแม่ทูนหัว แม่อย่ามัวหมองนักจงหักใจ อำนวยพรพลายน้อยละห้อยไห้ จนเติบใหญ่ยิ่งยวดได้บวชเรียน เจ้าจงอตส่าห์ทำสม่ำเสมียน จะจากเจียนใจขาดอนาถใจ ต่างพันผูกเพียงว่าเลือดตาไหล แล้วแข็งใจจากนางตามทางมา แม่ก็เห็นลูกน้อยละห้อยหา โอ้เปล่าตาต่างสะอื้นยืนตะลึง
ลูกเห็นแต่แม่คุณค่อยอุ่นใจ ช่วยสอนให้พลายงามเรียนความรู้ลูกเก็บจัดแจงไว้ที่ในตู้
ทั้งขอมไทยได้สิ้นก็ยินดี ปัถมังตั้งตัวนะปัดตลอด หัวใจกริดอิทธิเจเสน่ห์กล เข้าในห้องลองวิชาประสาเด็ก มหาทะมื่นยืนยงคงกระพัน แล้วทำตัวหัวใจอิติปิโส สะกดคนมนต์จังงังกำบังกาย ทั้งเรียนธรรมกรรมฐานนิพพานสูตร ผูกพยนต์หุ่นหญ้าเข้าราวีค่อยเรียบร้อยเรียนรู้ครูทองประศรี เรียนคัมภีร์พุทธเพทพระเวทมนต์ แล้วถอนถอดถูกต้องเป็นล่องหน แล้วเล่ามนต์เสกขมิ้นกินน้ำมัน แทงจนเหล็กแหลมลู่ยู่ขยั้น ทั้งเลขยันต์ลากเหมือนไม่เคลื่อนคลาย สะเดาะโซ่ตรวนได้ดังใจหมาย เมฆฉายสูรย์จันทร์ขยันดี ร้องเรียกภูตพรายปราบกำราบผี ทองประศรีสอนหลานชำนาญมา
พอพิณพาทย์คาดตระสะธุการ นั่งสวดมนต์จนจบพอพลบค่ำ อยู่วัดเขาชนไก่ใกล้กับบ้าน ท่านสมภารพาสงฆ์สิบองค์มา ก็ซัดน้ำมนต์สาดเสียงฉาดฉ่า
จะเป็นข้าจอมนรินทร์ปิ่นนคร พระกำหนดกฎหมายมีหลายเล่ม กรมศักดิ์หลักชัยพระอัยการ แล้วให้รู้สุภาษิตบัณฑิตพระร่วง ราชาศัพท์รับสั่งให้บังควร ที่ไม่สู่รู้อะไรผู้ใหญ่เด็ก เสียตระกูลสูญลับอัประมาณ นี่ตัวเจ้าเหล่ากอทั้งพ่อแม่ แล้วจัดแจงห้องหับให้หลับนอน เรียกพลายงามทรามสวาดิมาสั่งสอน อย่านั่งนอนเปล่าเปล่าไม่เข้าการ เก็บไว้เต็มตู้ใหญ่ไขออกอ่าน มณเฑียรบาลพระบัญญัติตัดสำนวน ตามกระทรวงผิดชอบคิดสอบสวน รู้จงถ้วนถี่ไว้จึงได้การ มหาดเล็กสามต่อพ่อลูกหลาน เพราะเกียจคร้านคร่ำคร่าเหมือนพร้ามอญ อย่าเชือนแชอุตส่าห์จำเอาคำสอน ไม่อาวรณ์เธอช่วยเลี้ยงเป็นเที่ยงธรรม
เธอเข้าเฝ้าเจ้าก็นั่งบังไม้ดัด ค่อยรู้ก่อนผิดชอบรอบคอบไป ครั้นอยู่บ้านอ่านคำพระธรรมศาสตร์ทุกคืนวันตามหลังเข้าวังใน คอยฟังตรัสตรึกตราอัชฌาสัย ด้วยมิได้คบเพื่อนเที่ยวเชือนแช ตำรับราชสงครามตามกระแส
ขอเดชะพระกรุณาฝ่าละออง บุตรขุนแผนแสนสท้านหลานทองประศรีจะขอรองมุลิกาพยายาม ครานั้นสมเด็จพระพันวษา จะออกโอษฐ์โปรดขุนแผนแสนสะท้านให้เคลิ้มพระองค์ทรงกลอนละครนอกลืมประภาษราชกิจที่คิดไว้อภิวาทบาทมูลทูลฉลอง ดอกไม้ธูปเทียนทองของพลายงาม ความรู้มีเรียบราบไม่หยาบหยาม พลางกราบสามทีสดับตรับโองการ เหลือบเห็นหน้าพลายงามความสงสาร แต่กรรมนั้นบันดาลดลพระทัย นึกไม่ออกเวียนวงให้หลงใหล กลับเข้าในแท่นที่ศรีไสยา
แนะนำที่พักที่น่าสนใจ (3) ระยองรีสอร์ท 186 หมู่ 1 ต.เพ กรุงเทพฯ โทร 02-6730966 จำนวน 167 ห้อง ราคา 3,933-12,000 บาทBari Lamaiเพิ่งเปิด ปี 51บูติครีสอร์ท ติดชายหาด 124/2 หมุ่.6 แหลมแม่พิมพ์ อ.แกลงเสม็ดคลิฟ100 หมู่ 4 ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง 21160 โทร. 02-2119654 บังกะโล 24 หลัง ราคา 1,500-2,500 บาทหมู่บ้านทะเล1/8 หมู่ 4 ต.เพ โทร.02-6730966 บังกะโล มีสระว่ายน้ำ ราคา 3,500-5,000 บาท มีบริการเรือรับส่งทรายแก้วบีชหมู่ 4 ต.เพ โทร. 02-6730966 จำนวน 38 ห้อง ราคา 2900-7600 บาททรายแก้ววิลล่า59 หมู่ 4 ตำบลเพ โทร.02-6733322, 02-6730966 จำนวน 100 ห้อง ราคา 700-4,900 บาท หินสวยน้ำใส รีสอร์ท 250 หมู่ 2 ต.ซากพง อ.แกลง กรุงเทพฯ โทร. 02-2119654 จำนวน 62 ห้อง ราคา 2,590-14,214 บาทเสม็ดคลับ รีสอร์ท25 หมู่ 4 ต.เพ อ.เมือง เกาะเสม็ด ระยอง 21160 ราคา 2,000 - 3,300 บาท รวมอาหารเช้า 2 ท่าน และค่าเรือไป-กลับ, กิจกรรม อาทิ, พายเรือคยัค, สระว่ายน้ำ สำรองห้องพัก โทร. 02-2119654, 02-6733322, 02-6730966.2.บทเสภา พระราชพงศาวดาร
ประเภทบทเห่กล่อม มีดังนี้ 1.บทเห่กล่อมเรื่องพระอภัยมณี ช่วงที่ ๑
พระสุริยันสนธยา ถึงแก้วเกษรา ยังติดตาทุกนาฑี ของอนงค์องค์บุตรี อยู่ในที่ไสยา เห็นเดือนสว่างในเวหา เหมือนนวลหน้าพระน้องนวล ให้ละห้อยโหยหวน เลิศล้วนลักขณา พิศเพียงบาดนัยนา ดังกลีบผกาโกมล ดังงอนรถพระสุริยน พิศเพียงผลลูกจันทน์ ดังอัปสรสาวสวรรค์ ไม่เทียมถันประทุมา เมื่อยามยิ้มดังเลขา ดังสายฟ้ามาฟาดทรวง ยิ่งกว่ายกภูเขาหลวง มาแนบทรวงไสยา เหมือนเนื้อทองธรรมดา ลงเภตรากางใบ จะชมชิมให้อิ่มใจ แล่นไปในนที ขึ้นนั่งบนท้ายบาหลี จะชวนชี้ให้ชมปลา ทั้งจรเข้เหรา เคลื่อนคลาอยู่ตามกัน สลับสลอนหลายพรรณ ปลาอำพันตะเพียนทอง ผุดฟู่พ่นฟอง ลอยล่องชโลธร ฉนากฉลามสลับสลอน ในสาครรายเรียง เป็นพุ่มพุ่มเคียงเคียง พิศเพียงจะเพลินใจ ถอนสะอื้นอาลัย อยู่ในห้องไสยา เอยฯ ช่วงที่ ๒
ถึงพระดาวบศนี บวชด้วยมีศรัทธา อรุณราชนัดดา ออกนั่งหน้ากุฎี ให้องค์อรุณรัศมี แต่ล้วนมีศรัทธา พึมพำภาวนา พระสุริยาเย็นรอนรอน วิเวกโหวยวิงวอน นกนอนรังเรียง คลอแคลกรีดเสียง แอ่นเอี้ยงแอบอิง ลูกพลอดวอนวิง จับที่กิ่งไทรทอง กับหน่อกษัตริย์ทั้งสอง เดือนส่องสว่างตา สาวหยุดมะลิลา แย้มผกากลิ่นขจร พระพายพัดมาอ่อนอ่อน เชยเกสรสุมาลี อุตส่าห์รักษาอารมณ์ ตามเพศพรหมจรรย์ เอยฯ ช่วงที่ ๓ เห่เอยพระราชบุตร นั่งอยู่ที่หน้าชาลา นั่งฉันน้ำชา กับน้องยานารี เรืองจรัสรัศมี มาตรงที่แกลทอง จะเหาะไปประคอง มาไว้ในห้องไสยา ลืมรำลึกภาวนา จนหลงว่าขึ้นดังดัง ขี่ม้าเทศจะไปท้ายวัง จะแทงฝรั่งลังกา ชักประคำภาวนา ดังจินดาดวงดาว บ้างเขียวเหลืองแวววาว อร่ามราวเพชรพลอย เผาะเผาะผอยผอย จะเลื่อนลอยลับตา พระพายพัดรำเพยพา แต่น้องยานั้นหลับไป จะแข่งเคียงแขไข งามวิไลลักขณา ดังดวงเนตรของเชษฐา ไม่โสภาเทียมนวล จะรักสุดแสนสงวน ให้รัญจวนใจชาย ละม้ายเหมือนกับเดือนหงาย พฤกษาพรายโพยมมาล เสนาะก้องกังวาน วิเวกหวานวังเวง ดังพาทย์ฆ้องประโคมเพลง เสียงเหง่งเหง่งวังเวงใจ หอมระรื่นหฤทัย ในที่ไสยา เอยฯ ช่วงที่ ๔
นางอรุณรัศมี กับฤๅษีพี่ยา ว่าพระเจ้าป้าจ๋า เขาแปลว่าอันใด จะมานีมนต์ไป หรือจะไปตามคำ สมาบัติบริกรรม ชักประคำภาวนา ด้วยหอมกลิ่นบุปผา มะลิลาลมโชย กลิ่นนางแย้มยมโดย ร่วงโรยกำลัง จะได้เข้าไปในวัง ฟังฟังยิ่งวังเวง ดังบัณเฑาะว์ดีดเพลง ให้วังเวงวิญญา พร้อยพร่างพฤกษา ชื่นวิญญาเย็น เอยฯ ช่วงที่ ๕
ทรงอาชามากลางไพร พนมเนินพนาลัย วิเวกในดงตาล มฤคราชแรดฟาน เสียงสะท้านสะเทือนดัง แนวเนินพนมวัง จนม้าที่นั่งก็อ่อนแรง ก็เบี่ยงบ่ายชายแสง ไม่รู้แห่งหนทาง ข้างซ้ายขัดภูเขาขวาง ไปตามหว่างศีขรินทร์ หุบละหานเหวหิน บ้างโผบินร่อนเรียง ฉอดฉอดฉ่ำเสียง เค้าโมงเมียงมองแล กระจิบกระจาบจอแจ เสียงซ้อแซ้สนั่นไพร เสนาะสำเนียงนกตะไน จับกิ่งไม้มองเมียง ขันจ้อแจ้วเสียง กะเรียนเรียงรังนาน กระเต็นกระตั้วหัวขวาน บ้างบินผ่านโผจร นกขมิ้นเหลืองอ่อน นางนวลนอนแนบนาง บ้างซุกไซ้ปีกหาง วิเวกวางเวงใจ กระเวนกระแวนระวังไพร ไล่ลูกไก่เวียนวง แต่ล้วนฝูงเหมหงส์ ประสานส่งสำเนียง เหมือนละครรำเรียง ประสานเสียงสนั่นดัง นกโนรีเรียงรัง พระเนตรหลั่งหล่อชล เคราะห์เผอิญอับจน ไม่เห็นหนทางไป สะพรั่งพฤกษาไสว ดอกไม้ไพรพนม นางเด็ดแซมมวยผม ทั้งสุกรมยมโดย บ้างหล่นร่วงกลีบโรย เกสรโปรยปรายมา กะลำพันกฤษณา จนสุริยาเย็นรอนรอน เขาอังกาศสิงขร ในดงดอนดูมืดมัว ละห้อยโหยหาผัว แลเห็นตัวอยู่ไรไร ที่ไสยาอาศัย เข้านั่งใต้ไทรทอง พระวรพักตร์หม่นหมอง นางปูรองกายา พระเศียรพาดแผ่นผา นิ่งนิทราตรอมใจ หริ่งหริ่งเรไร ใต้ต้นไทรทอง เอยฯ ช่วงที่ ๖
เดินรถในราตรี นั่งที่ท้ายรถทรง เห็นรางรางรูปทรง เห็นแต่วงพักตรา วิลาศเลิศลักขณา สุดปัญญาสุดอาลัย รื้อระทดหฤทัย ทำกระไรจะรู้ความ เวลาก็สักสองยาม ให้ขามขามในวิญญา จะเคืองคิดโกรธา เลียบไปหน้ารถชัย พระชนนีเป็นไฉน ขึ้นยืนอยู่ใกล้แกลทอง ก็คิดคิดเขม้นมอง นึกว่าน้องจำนรรจา เป็นไรนะแม่วัณฬา จะรับรักษาทรามวัย ได้ยินแต่เสียงเรไร มิได้ใกล้เคียงองค์ อยู่ที่ท้ายรถทรง ต้นรังรงร่มครึม หึ่งหึ่งระหึม ให้เศร้าซึมโศกา ก็มิได้ช่วยรักษา สวรรคาลัยไป จะตายด้วยแม่ดวงใจ วิเวกในดงดอน พระพายพัดมาอ่อนอ่อน หอมเกสรสุมาลี ทั้งอินจันทน์จำปี มลุลีหลายพรรณ ระรื่นกลิ่นมลิวัลย์ สะอื้นอั้นอาลัย จะได้เชยให้ชื่นใจ มาจนใกล้กัลยา ให้เสียวเสียวเสน่หา จะใคร่เห็นหน้าพระน้อง เอยฯ
โฉมลเวงวัณฬา จนล่วงมากลางดง เที่ยวเลียบไต่รถทรง คิดก็สงสารเธอ ไม่มีใครจะเสมอ ช่างไม่เก้อแก่ใจ สู้ทอดทิ้งทัพชัย ครั้นพูดไปจะเป็นทาง สะอื้นอายอางขนาง จึงถามนางลาลีวัน แม่หลับมาแต่สายัณห์ จักรจั่นจับใจ จะลุกยังไม่ไหว เจ็บไข้ก็ไม่เคย หนาวสาหัสแล้วลูกเอ๋ย จะให้เขนยหนุนนอน ใจจะขาดลงรอนรอน จะได้นอนให้อุ่นทรวง ช่างดัดดั้นไปลับดวง ไม่โชติช่วงชัชวาลย์ ช่างมืดมนอนธการ จะได้สำราญฤทัย ให้เพราะจับจิตใจ ให้สร่างในทรวง เอยฯ ช่วงที่ ๘ เห่เอยธิดา ขึ้นนั่งบนชั้นเกรินทอง ขับลำนำทำนอง ให้มัวหมองในวิญญา ไม่ถนัดนัยนา มืดทั้งฟ้าดินดง ช่างลอยร่อนรถทรง ส่องที่ตรงแกลทอง จะส่างโศกเศร้าหมอง มณฑาทองที่ต้องใจ มาเชยสร้อยสุมาลัย เที่ยวเลียบไต่ตอมดวง ให้เศร้าสร้อยโศกทรวง ไม่โรยร่วงรสสุคนธ์ ทั้งเทวดาเดินหน ให้อุบลแบ่งบาน หอมกระถินพิมาน มาซาบซ่านทรวงเย็น แลก็ไม่ใคร่เห็น ยะเยือกเย็นพะยอมไพร หนาวน้ำฟ้าจะผิงไฟ เศร้าฤทัยระทวยทรง ไม่เหมือนอุ้มแอบองค์ ไม่เหมือนทรงสุคนธา ไม่หอมชื่นในนาสา เหมือนได้เห็นหน้าพระน้อง เอยฯ ท่านสุนทรภู่แต่งบทเห่กล่อมนี้ เพื่อถวายสำหรับกล่อมหม่อมเจ้าในพระองค์เจ้าลักขณานุคุณ กับพระเจ้าลูกเธอในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
เป็นนิทานเรื่องแรกที่ท่านสุนทรภู่แต่งขึ้นเมื่อยังหนุ่ม ท่านได้นำตอนที่โคบุตรส่งสารรักถึงนางอำพันมาแต่งเป็นบทเห่ เป็นเรื่องที่สร้างความเพลิดเพลินอย่างมากแก่เด็ก และทำให้เด็กอยากรู้เรื่องราวในตอนต่อไปจนต้องหาหนังสือมาอ่านต่อ หรือให้ผู้ใหญ่เล่าให้ฟัง ดังจะคัดมาตอนหนึ่ง ดังต่อไปนี้ เห่เอยเห่ถวาย ถึงเรื่องนิยายแต่ปางหลังให้พระองค์ทรงฟัง เมื่อแรกตั้งโลกามีพระมิ่งมงกุฎ ชื่อโคบุตรสุริยาได้ข่าวพระธิดา ตรึกตราตรอมใจ
บทเห่จับระบำมีเนื้อเรื่องแบ่งออกเป็น ๓ ตอน ได้แก่ ตอนแรกเป็นเรื่องราวของนางฟ้า และเทวดาพากันร่ายรำ ท่ามกลางสายฝนบนวิมานเขาไกรลาส ตอนที่ ๒ เป็นเรื่องของนางเมขลา นางฟ้าที่มีหน้าที่เฝ้ามหาสมุทรกำลังร่ายรำพร้อมกับนางฟ้าทั้งหลาย ตอนที่ ๓ เป็นเรื่องของนางเมขลามาเจอกกับรามสูร รามสูรนั้นมีขวานเป็นอาวุธ ทั้งสองได้มาเจอกันรามสูรได้ขว้างขวานใส่นางเมขลา แต่ด้วยฤทธิ์ของแก้วมณีทำให้พลาดไป ทำให้เกิดเป็นตำนานฟ้าแลบฟ้าร้อง บทเห่จับระบำนี้มีเนื้อหาเรื่องราวที่สนุกสนานเป็นที่ชื่นชอบของเด็กที่ได้ฟัง เนื่องจากเป็นเรื่องการต่อสู้ระหว่างยักษ์กับนางฟ้า เมื่อเด็กได้ฟังก็จะตื่นเต้นไปกับเนื้อเรื่องด้วย ดังจะคัดส่วนหนึ่งของตอนแรกมา ดังต่อไปนี้ บทละครที่เป็นผลงานของสุนทรภู่มีกี่เรื่องบทละคร มีการประพันธ์ไว้เพียงเรื่องเดียวคือ อภัยนุราช ซึ่งเขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เพื่อถวายพระองค์เจ้าดวงประภา พระธิดาในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
สุภาษิต ที่เป็นผลงานของสุนทรภู่ มีกี่เรื่อง อะไรบ้าง มี 3 เรื่องสุภาษิต ที่เป็นผลงานของสุนทรภู่ มีกี่เรื่อง อะไรบ้าง มี 3 เรื่อง คือ สวัสดิรักษา , สุภาษิตสอนหญิง , เพลงยาวถวายโอวาท บทละคร ที่เป็นผลงาน ของสุนทรภู่ มีกี่เรื่อง อะไรบ้าง มี 1 เรื่อง คือ อภัยนุราช
สุภาษิตข้อใดที่เป็นผลงานของสุนทรภู่สุภาษิตของสุนทรภู่. สุภาษิตสอนหญิง. สุภาษิตสวัสดิรักษา. สุภาษิตเพลงยาวถวายโอวาท. สุนทรภู่ได้แต่งวรรณกรรมรวมกี่เรื่อง *บทละคร บทเสภา บทเห่กล่อม รวมวรรณกรรมของสุนทรภู่ ทั้งหมด ๒๔ เรื่อง
|