สร้างบ้านทั้งที เจ้าของบ้านส่วนใหญ่ก็อยากจะรอบคอบทั้งเรื่องแบบ การทำงาน และการคำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆ เอาไว้ก่อน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการจัดสรรงบประมาณไว้แต่เนิ่นๆ และป้องกันงบบานปลายเกินเหตุที่อาจตามมาภายหลัง Show
วิธีการตีราคาค่าก่อสร้างอย่างง่ายหลักการตีราคาค่าก่อสร้างอย่างง่ายสำหรับเจ้าของบ้าน มี 2 วิธีหลักๆ คือ
ตัวอย่างการตีราคาหลังคา ‘เมทัลชีท’เพื่อให้เข้าใจชัดเจนขึ้น เรามาลองดูตัวอย่างการคำนวณงบประมาณด้วยตัวเองสำหรับวัสดุประเภท ‘เมทัลชีท’ กัน สังเกตง่ายๆ ว่า บ้านหรือสิ่งปลูกสร้าง จะมีลักษณะของความเป็นแผ่นมาประกอบกัน เช่นแผ่นหลังคา แผ่นผนัง แผ่นพื้น แผ่นเพดาน เมทัลชีทเองก็เช่นกัน วิธีการคำนวณจึงเริ่มจากการหาความกว้างและความยาวของขนาดหลังคาเมทัลชีท ที่เราต้องการคำนวณ ยกตัวอย่างหลังคาจั่วที่มีขนาดความยาวของสันจั่ว หรือความยาวด้านกว้างของหลังคา 10 เมตร และมีความระยะยาวของแนวลาดหลังคาลงมาที่ หรือความยาวหลังคา 5 เมตรเท่ากันทั้ง 2 ด้าน หากตีราคาด้วยวิธีที่ 1 ก็คือนำพื้นที่ทั้งหมด (10×5) x 2 = 100 ตร.ม. แล้วเปิดดูราคากลางค่าวัสดุและค่าแรงต่อตารางเมตรของหลังคาเหล็กรีดลอน คูณกับพื้นที่ 100 ตร.ม. ก็จะได้ราคาเบื้องต้นออกมา ซึ่งหน้างานจริงก็อาจมีค่าใช้จ่าย บวก-ลบ ขึ้นอยู่กับวัสดุที่เลือกใช้และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ณ ขณะนั้นอีกที การตีราคาด้วยวิธีที่ 2 คำนวณราคาหลังคาเมทัลชีทตามความยาวเมตร เราจะต้องใช้ขนาดของเมทัลชีทมาประกอบการคำนวณ ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้ขนาดความยาวด้านกว้างของเมทัลชีทลอนมาตรฐาน 760 ที่ 0.76 เมตร ซึ่งเป็นความกว้างต่อแผ่นรวมระยะลอนประกบแล้วที่ โดยนำความยาวด้านกว้างของหลังคาตั้ง แล้วหารด้วย 0.76 เมตร ซึ่งจากตัวอย่างนี้ก็คือ 10 เมตร จะใช้แผ่นเมทัลชีทจำนวน 10÷0.76 = 13.517… ซึ่งในการสั่งซื้อแผ่นหลังคา ต้องสั่งทั้งแผ่น จึงปัดขึ้นเป็น 14 แผ่น และขนาดหลังคาเมทัลชีทมีความยาว 5 เมตร ต้องใช้ความยาวแผ่นละ 5 เมตร (ทั้งนี้ควรพิจารณาระยะยื่นชายแผ่นหลังคาโดยประมาณที่ 10-15 เซนติเมตร และกรณีหลังคามีความยาวมากและต้องเผื่อระยะซ้อนทับประมาณ 30 เซนติเมตร) เป็นเมทัลชีทจำนวน 14 แผ่นต่อด้าน และอย่าลืมว่าแผ่นหลังคามี 2 ด้าน ดังนั้นเมื่อรวมกันแล้วจึงสรุปได้ว่า 14 แผ่น x 2 ด้าน = 28 แผ่น โดยเมื่อคิดเป็นความยาวรวมทั้งหมดจะได้ 28 แผ่น x 5 เมตร = 140 เมตร เมื่อได้ระยะความยาวของแผ่นเมทัลชีททั้งหมดแล้ว ให้สำรวจราคาต่อเมตรกับผู้จำหน่าย ซึ่งจะมีราคาที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับสเปค รูปลอน ยี่ห้อ เกรด คุณภาพของเมทัลชีทนั้นๆ จากนั้นนำความยาวที่ได้ไปคูณกับราคาที่หามา ก็จะได้ค่าใช้จ่ายในส่วนของแผ่นเมทัลชีททั้งหมด
ราคาหลังคาเมทัลชีทขึ้นอยู่กับรายละเอียด และคุณภาพวัสดุที่คุณต้องการจากตัวอย่างจะเห็นว่าการคำนวณเฉพาะส่วนของขนาดหลังคาแผ่นเมทัลชีท ทำให้เราทราบจำนวนแผ่นวัสดุที่เราต้องใช้ ช่วยให้ตัดสินใจสั่งของได้ในปริมาณที่เหมาะสม แต่ในภาพรวมของการประเมินราคาทั้งหมดของการทำหลังคา ยังมีส่วนของน็อตยึดแผ่น อุปกรณ์ครอบสันและครอบข้างหลังคา ค่าแรงช่าง และรวมไปถึงโครงสร้างหลังคาที่ต้องนำมาบวกเพิ่ม ซึ่งก็สามารถนำแนวทางที่ได้เสนอไว้นี้ไปคำนวนเพิ่มเติมได้ ปัจจุบันมีแผ่นเมทัลชีทให้เลือกหลากหลายทั้งคุณภาพ ความหนา สารเคลือบ และรวมไปถึงประเภทที่มีการบุฉนวนกันความร้อน ซึ่งราคาก็ปรับไปตามคุณสมบัติที่เพิ่มขึ้น หากแต่การตัดสินใจเลือกใช้นั้นไม่จำเป็นจะต้องใช้ราคาเป็นเกณฑ์ ควรพิจารณาจากคุณภาพและสเปคของผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับโครงสร้างและการใช้งานที่ต้องการเป็นสำคัญ เพื่อให้ได้สิ่งที่คุ้มค่าอย่างแท้จริงในระยะยาว ส่วนการคำนวณก่อนตัดสินใจนั้นก็จะช่วยให้เรามีโอกาสเปรียบเทียบและประเมินทั้งคุณสมบัติและราคาของวัสดุก่อนที่เราจะสั่ง ทำให้เลือกของได้ตามความต้องการในปริมาณที่เหมาะสมและยังอยู่ในงบประมาณที่กำหนดไว้ ก่อนอื่นลูกค้าต้องทราบวัตถุประสงค์ในการนำเมทัลชีทไปใช้งานก่อน ว่าต้องการนำไปใช้ในงานอะไร เช่น โกดังโรงงานขนาดใหญ่ หลังคาบ้าน หลังคาโรงจอดรถ งานต่อเติม รั้ว หลังคากันสาด เพื่อนำไปตัดสินใจเลือกหลังคาที่เหมาะสมต่อการใช้งานมากที่สุด2. ทราบปริมาณงานต้องทราบพื้นที่ปริมาณงานความกว้างและความยาวของหลังคาเท่าไหร่ เช่น หลังคาบ้านหน้ากว้าง 20 เมตร ยาว 30 เมตร เป็นต้น ซึ่งหน้ากว้างของเมทัลชีทเสริมไทเมื่อรวมซ้อนทับแล้วอยู่ที่ 76 เซนติเมตร และความยาวของเมทัลชีทสามารถผลิตได้เท่าไหร่ก็ได้ แต่หากเป็น 12 เมตรจะทำให้ง่ายต่อการขนส่ง 3. รูปลอนหลังคาเมทัลชีทเลือกรูปลอนหลังคาเมทัลชีทที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งลอนของเสริมไทที่มีคือลอนมาตรฐาน 4. เลือกสีและความหนาแผ่นเมทัลชีทเมื่อทราบวัตถุประสงค์ในการนำเมทัลชีทไปใช้งาน เราก็จะรู้ว่าควรเลือกเมทัลชีทความหนาเท่าไหร่ดี ซึ่งทางเสริมไท มีสีและความหนาให้เลือกตามการใช้งานที่แตกต่างกัน เมทัลชีทสีอลูซิงค์มีความหนาให้เลือกตั้งแต่ 0.23, 0.30, 0.35, 0.40, 0.47 เมทัลชีทสีต่างๆ เช่น เขียว เหลือง แดง จะมีความหนาให้เลือกคือ 0.35 5. เลือกชนิดโฟมและความหนาโฟมโฟมก็คือฉนวนกันความร้อนค่ะ สำหรับท่านที่อยากติดเพื่อลดความร้อน และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของหลังคาก็สามารถเลือกได้ เสริมไทมีโฟมให้เลือกสองแบบที่มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป
6. เลือกวัสดุปิดทับหากลูกค้าเลือกฉนวนกันความร้อนแบบพียูโฟม ท้องพียูโฟมก็จะมีวัสดุปิดทับที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับหลังคาและช่วยป้องกันการหลุดร่อนของเนื้อโฟมได้ ซึ่งจะมี 2 แบบให้เลือกค่ะ
หากท่านที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้โดยตรงที่เบอร์ 083 445 6554 / 033 590 699 หรือ inbox มาสอบถามได้ทาง @sermthaiccs หรือทาง facebook fanpage : หลังคาเหล็ก เสริมไท พียูโฟม - ฉะเชิงเทรา
|