กำหนดภาระงานสอนขั้นต่ำ ของข้าราชการครู กศน. ก.ค.ศ. ได้กำหนดภาระงานสอนขั้นต่ำของ ขรก.ครู กศน. ไว้เมื่อปี 2553 โดยกำหนดจำนวนชั่วโมง “ภาระงานสอน” ไว้ว่า ไม่ต่ำกว่า 18 ชั่วโมง/สัปดาห์
แต่ภาะงานสอนนี้ ไม่จำเป็นต้องเป็น “การสอน” อย่างเดียว แต่แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ
ข้อ 2) กับ 3) จะเป็นกี่ชั่วโมงก็ได้ แต่เมื่อรวมกับ 1) แล้ว ต้องไม่ต่ำกว่า 18 ชั่วโมง/สัปดาห์ ซึ่ง แม้แต่ ข้อ 1) ชั่วโมงสอนตามตารางสอน ก็ไม่ได้หมายถึงเฉพาะการสอนในห้องเรียนเท่านั้น แต่หมายถึงการสอนทั้งหมดที่มีตารางกำหนดเวลา เช่น การสอน การฝึกอบรม การสาธิต การเป็นวิทยากรในการจัดประชุมสัมมนาที่เกี่ยวกับการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย การจัดนิทรรศการ
การจัดรายการวิทยุ-โทรทัศน์ การเผยแพร่ความรู้ การแนะแนว การพัฒนาเครือข่ายการเรียนรู้ การส่งเสริมสนับสนุนเพื่อจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในศูนย์การเรียนและแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ และการนิเทศติดตามผลการปฏิบัติงาน คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.) ที่มี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เป็นประธาน ได้เห็นชอบหลักเกณฑ์ตามกรอบแนวทางการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการให้ ข้าราชการครูมีและเลื่อนวิทยฐานะ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่ครูและบุคลากรทางการศึกษาให้ความสนใจ แม้บางท่านอาจจะพอทราบแล้ว แต่คงมีอีกหลายท่านที่ยังไม่ทราบ เพื่อให้ท่านที่ยังไม่ส่ง วฐ.1 (รุ่นสุดท้ายนี้) ได้ทราบจะได้เปรียบเทียบกับหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินที่ผ่านมา (แม้ตอนนี้วิธีการประเมินและเครื่องมือประเมินในรายละเอียดตามแนวทางใหม่ยังไม่ออกมาก็ตาม)โดยมีสาระสำคัญที่ควรทำความเข้าใจดังนี้ 1. ด้านคุณสมบัติผู้ขอรับการประเมิน 1.1 ไม่กำหนดคุณสมบัติด้านเงินเดือนขั้นต่ำของผู้ขอรับการประเมิน 1.2 กำหนดภาระงานของผู้ขอรับการประเมินสายงานการสอน กำหนด 18 ชั่วโมง/สัปดาห์ สำหรับสายงานบริหารและสายงานนิเทศการศึกษาต้องปฏิบัติงานเต็มเวลา ทั้งนี้ การนับจำนวนชั่วโมงสอน 18 ชั่วโมง/คาบต่อสัปดาห์ เฉพาะในปีการศึกษา 2551 ให้สามารถนับชั่วโมงปฏิบัติการสอนไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมง/คาบต่อสัปดาห์ และ ชั่วโมงปฏิบัติงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอนตามที่ผู้บริหารสถานศึกษามอบหมายอีก 6 ชั่วโมง/คาบต่อสัปดาห์ รวมเป็น 18 ชั่วโมง/คาบต่อสัปดาห์ ได้ 1.3 ประสบการณ์ในการดำรงตำแหน่งสายงานการสอนซึ่งผันแปรตามคุณวุฒิ กำหนดคงเดิม และให้สามารถนำประสบการณ์ความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับการสอนทั้งในสายงานการศึกษาของรัฐและเอกชนมานับรวมได้ หากประสบการณ์การดำรงตำแหน่งครูไม่ครบตามหลักเกณฑ์ มีการปรับประสบการณ์ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งผู้ที่ขอเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการเป็น 2 ปีเท่ากันทุกสายงาน ยกเว้นสายงานการสอนคงเดิมคือ · ปริญญาตรี 6 ปี ปริญญาโท 4 ปี และปริญญาเอก 2 ปีให้สอดรับกับผลงานย้อนหลัง 2 ปีติดต่อกัน ณ วันที่ยื่นคำขอ(เดิมกำหนด 1 ปี) · วิทยฐานะชำนาญการเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ กำหนด 2 ปี · วิทยฐานะชำนาญการพิเศษเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ กำหนด 3 ปี เพื่อให้สอดรับกับตำแหน่งวิชาการ ในตำแหน่งรองศาตราจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาและ · วิทยฐานะเชี่ยวชาญเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ กำหนด 2 ปี 2.กำหนดการประเมิน 3 ด้าน 2.1 การประเมินด้านวินัย คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ ห้ามผู้ที่ ขอรับการประเมินที่มีผลการพิจารณาโทษทางวินัยหรือจรรยาบรรณวิชาชีพถึงที่สุดแล้วถูกลงโทษหนักกว่าโทษภาคทัณฑ์ ขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะ เว้นแต่ได้พ้นจากระยะเวลาที่โทษกำหนดไว้จะประเมินพิจารณาจากการตรวจสอบข้อมูลทะเบียนประวัติ(ก.พ.7) ข้อมูลจากฐานข้อมูลสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.) หรือส่วนราชการ สำนักงานก.ค.ศ. และสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา(เมื่อผ่านการประเมินด้านที่ 1 แล้วจึงประเมินด้านที่ 2 และด้านที่ 3) 2.2 การประเมินด้านคุณภาพการปฏิบัติงานแต่ละสายงานจะพิจารณาจากประจักษ์พยานและรายงานการประเมินตนเอง (SAR : Self Assessment Report) ด้านการเรียนการสอน หรือด้านการบริหารสถานศึกษา หรือด้านการบริหารเขตพื้นที่การศึกษา หรือด้านการนิเทศการศึกษา โดยผู้ขอรับประเมินทุกวิทยฐานะต้องจัดส่งเอกสารดังกล่าว 2.3 การประเมินด้านผลที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่จะเน้นผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนในเชิงพัฒนาการเป็นสำคัญ รวมทั้งผลที่เกิดขึ้นต่อคุณภาพการศึกษา ผลต่อการพัฒนาวิชาการและวิชาชีพ ผลต่อชุมชนและสังคม โดยพิจารณาจากผลการประเมินคุณภาพภายในของสถานศึกษาผลการประเมินคุณภาพภายนอก ของสถานศึกษา ผลการทดสอบระดับชาติ O-net, A-net, NT ผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนรายบุคคล กรณีหน่วยงานการศึกษาที่ไม่มีการทดสอบ O-net, A-net, NT ให้ใช้ผลการทดสอบมาตรฐานวิชาชีพหรือมาตรฐานการศึกษาตามที่ส่วนราชการ หรือหน่วยงานการศึกษานั้นกำหนด อาทิ ผลการทดสอบของสถาบันการพลศึกษา กรมศิลปากร สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ และสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย นอกจากนี้ พิจารณาจากเอกสารรายงานการวิจัยปฏิบัติการสำหรับสายผู้สอน หรือรายงานที่ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ปกติที่ได้นำไปใช้แล้ว โดยกำหนดให้จัดส่งตั้งแต่วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ สำหรับวิทยฐานะเชี่ยวชาญต้องเสนอรายงานการวิจัยและนวัตกรรม และรายงานการพัฒนานวัตกรรมที่นำไปใช้แล้วจนเกิดผลดี เป็นแบบอย่างได้สำหรับวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ ต้องเป็นรายงานวิจัยและนวัตกรรม รายงานการพัฒนานวัตกรรมที่นำไปใช้แล้วจนเกิดผลดียิ่ง เป็นความรู้ใหม่ และเป็นแบบอย่างได้ ในกรณีที่มีการโอนหรือย้ายผลที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเดิม สามารถนำมาใช้ในการประเมินใหม่ได้ ยกเว้นกรณีการเปลี่ยนสายงาน 3.วิธีการประเมิน กำหนดเป็น 2 วิธีคือ · การประเมินด้วยวิธีปกติ มีกรรมการประเมิน 3 คน เป็นกรรมการจากบุคคล ภายใน 1 คน กรรมการจากบุคคลภายนอก 2 คนและ · การประเมินด้วยวิธีพิเศษมีการประเมิน 5 คน เป็นกรรมการจากบุคคลภายนอก ทั้งหมด ในการประเมินด้วยวิธีพิเศษ จะทำให้ผู้มีความรู้ ความสามารถได้มีความก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด (Fast Track)กำหนดให้เริ่มขอรับการประเมินได้เมื่อมีวิทยฐานะไม่ต่ำกว่าวิทยฐานะชำนาญการแล้ว สำหรับผู้ที่มีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ก.ค.ศ. กำหนด แต่มีผลงานดีเด่นเป็นพิเศษและเป็นที่ยอมรับเพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ สำหรับผู้มีความรู้ ความสามารถและมีผลงานดี รวมทั้งดึงดูดคนที่มีความสามารถเข้าสู่วิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา ทั้งนี้สามารถจะขอประเมินข้ามวิทยฐานะและหรือไม่ข้ามวิทยฐานะก็ได้ ประเมินโดย ก.ค.ศ. เป็นผู้พิจารณาและตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการประเมินจำนวน 5 คน 4.เกณฑ์ผ่านการประเมินแต่ละวิทยฐานะต้องเป็นเอกฉันท์ในแต่ละด้าน ดังนี้ ด้านวินัย คุณธรรม จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ · วิทยฐานะชำนาญการ และวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ อยู่ในเกณฑ์ผ่าน · วิทยฐานะเชี่ยวชาญและเชี่ยวชาญพิเศษ อยู่ในเกณฑ์ผ่านและเป็นแบบอย่างที่ดี ด้านคุณภาพการปฏิบัติงาน · วิทยฐานะชำนาญการ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 65 · วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 · วิทยฐานะเชี่ยวชาญ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 · วิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ด้านผลที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ · วิทยฐานะชำนาญการ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 65 · วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 · วิทยฐานะเชี่ยวชาญ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 · วิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 5.เงื่อนไขการพัฒนาก่อนการแต่งตั้ง กำหนดเฉพาะวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โดยให้ไปเข้ารับการพัฒนาตามหลักสูตรที่ ก.ค.ศ.กำหนด เพื่อพัฒนางานในหน้าที่ ไม่น้อยกว่า 20 ชั่วโมง หรือจำนวนหน่วยการพัฒนาที่กำหนดตามหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรง ครูต้องสอนกี่คาบต่อสัปดาห์จำนวนชั่วโมงสอนในวิชาแกนหลักสอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมง/สัปดาห์ ได้หรือไม่ ไม่ได้ ตามเกณฑ์ของมาตรฐานที่คุรุสภากำหนดเทียบกับการศึกษาในวุฒิปริญญาทางการศึกษาต้องสอนไม่น้อยกว่า 7 ชั่วโมง/สัปดาห์ เพื่อที่จะได้เพียงพอต่อการสอน 210 ชั่วโมง/ปี โดยเฉลี่ย
เป็นครูสอนกี่คาบจำนวนชั่วโมงสอนในรายวิชาที่กำหนดไว้ตามหลักสูตร การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ กิจกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เรียน ใช้ชั่วโมงตามตารางสอน ไม่น้อยกว่าจำนวน 15 คาบ/ สัปดาห์ (ชั่วโมงสอนรายวิชาพื้นฐานและรายวิชา เพิ่มเติม, กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและการสอนซ่อมเสริม กิจกรรมลูกเสือ, กิจกรรมชุมนุม) งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้
การสอนปฐมวัยกี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ชั่วโมงการปฏิบัติงานของครู จำแนกเป็น ๓.๑ ชั่วโมงสอนตามตารางสอน ระดับปฐมวัย ไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง/สัปดาห์ ระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษา ไม่ต่ำกว่า ๑๒ ชั่วโมง/สัปดาห์ ๓.
ผอ สอนกี่คาบ#ผอ. รอง ผอ. ต้องมีชั่วโมงสอน ว23/2563 เกณฑ์อัตรากำลังข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยกำหนดให้ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา ปฏิบัติการสอนไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง/สัปดาห์ และตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษา ปฏิบัติการสอนไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง/สัปดาห์
|