-การใช้ประโยชน์จาก Big Data การใช้ประโยชน์จาก Big Data ในปัจจุบันนี้ การนำ Big Data มาใช้ในภาครัฐ เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนและลดความเหลื่อมล้ำ โดยนำข้อมูลในระบบราชการจากหลายหน่วยงาน เช่น ข้อมูลสาธารณสุข ทะเบียนราษฎ์ ที่ตั้งของธุรกิจ โรงพยาบาล สถานบำบัด สถานการณ์จ้างงานฯ มาวิเคราะห์และการเชื่อมโยงกัน เกิดเป็นข้อมูลขนาดใหญ่ Big Data ของภาครัฐ ผ่านกระบวนการวิเคราะห์เชื่อมโยงเพื่อตอบการให้บริการของภาครัฐ ตัวอย่างเช่น รัฐบาลต้องการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย แต่แทนที่จะช่วยเหลือโดยให้เงินอุดหนุนที่เท่าๆ กันแบบปูพรมทั้งประเทศ ก็นำ Big Data ซึ่งเป็นข้อมูลจากแหล่งต่างๆมาใช้ชี้จำเพาะว่าบุคคลใดที่ถือว่ามีรายได้น้อย พร้อมทั้งกำหนดระดับและลักษณะความช่วยเหลือที่แตกต่างกัน เช่น ผู้มีรายได้น้อยที่สูงอายุ เป็นผู้พิการ อยู่กับบ้าน ให้ลูกหลานดูแล รัฐอาจช่วยโดยสนับสนุนขาเทียม ให้คูปองเข้ารับการทำกายภาพบำบัด พร้อมทั้งเลือกอาชีพที่เหมาะสมกับกายภาพของผู้สูงอายุ การฝึกอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้ ให้กับผู้มีรายได้น้อย พร้อมทั้งจับคู่กับแหล่งงานที่อยู่ใกล้เคียงกับที่พักอาศัย อีกทั้งยังติดตามและเสนอโอกาสฝึกอาชีพใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อให้มีรายได้ที่สูงขึ้นและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ซึ่งถ้าวิเคราะห์ดูจะเห็นว่า ข้อมูลจำนวนมากเกิดการบูรณาการและวิเคราะห์ เพื่อใช้สำหรับการตัดสินใจในการให้บริการของภาครัฐได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย โดยในปัจจุบันนี้ จะเห็นได้จากการใช้บัตรประชาชนเพียงบัตรเดียวก็สามารถเข้าถึงบริการภาครัฐได้มากขึ้น Big Data สำหรับภาคเอกชนที่นำมาใช้ประโยชน์ เช่น เว็บไซต์อี-คอมเมิร์ช ที่จัดเก็บข้อมูลพฤติกรรมการซื้อสินค้าของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และมีระบบที่ทำหน้าที่คัดเลือกสินค้าอื่นๆ ที่คาดว่าลูกค้าจะต้องการเพิ่มเติม แล้วนำเสนอขึ้นมาให้โดยอัตโนมัติบนหน้าเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ชของลูกค้ารายนั้นๆ ทั้งนี้ ลูกค้าแต่ละคน ไม่จำเป็นต้องนำเสนอสินค้าเดียวกัน จากการสังเกตพฤติกรรมการซื้อสินค้า พบว่าภาคเอกชนจะมีการเก็บข้อมูล ชื่อ ที่อยู่ เพศ เชื้อชาติ อายุ ประวัติการซื้อสินค้า ชนิดสินค้า เวลาที่ซื้อ มูลค่าสินค้า นำมาวิเคราะห์จับคู่กับสินค้าอื่นที่มีศักยภาพ ทั้งนี้ เงื่อนไขหรือสูตรการจับคู่อาจแตกต่างกันไป ตามกลุ่มลูกค้าหรือประชากรในแต่ละประเทศ หรือตามกลุ่มสังคมหรือวัฒนธรรม นอกจากนั้น ภาคเอกชนได้นำข้อมูล Big Data มาใช้ประโยชน์ เพื่อยกระดับธุรกิจ ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีแชทบอท Chatbot ที่สามารถรับมือกับความต้องการข้อมูลของลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาจำนวนมหาศาลผ่าน Messaging Application ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ฉับไว พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง และนี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญของการให้บริการที่จะเข้ามาใช้งานแทนคน (Agent) การนำข้อมูลขนาดใหญ่ไปใช้งานจริงๆ ยังมีไม่มากนัก ทั้งนี้ด้วยข้อจำกัดในเรื่องของเทคโนโลยีและจำนวนบุคลากรที่มีความสามารถ ซึ่งทางสมาคม PIKOM ของมาเลเซียได้ทำรายงานเรื่อง Global Business Services Outlook Report 2015 ชี้ให้เห็นผลกระทบของเทคโนโลยีด้าน Big Data ในประเทศกลุ่ม APAC และอุตสาหกรรมต่างๆ โดยสรุปมาเป็นตารางดังนี้ ตารางที่ 1 ระดับผลกระทบของเทคโนโลยี Big Data [แหล่งข้อมูลจาก
PIKOM] ซึ่งจะเห็นได้ว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่มีผลกระทบต่อการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Big Data อย่างมากคือ อุตสาหกรรมด้านการเงินการธนาคาร (BFSI) ด้านโทรคมนาคม ด้านค้าปลีกรวมถึงพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce) และด้านสุขภาพ ส่วนกลุ่มภาครัฐบาลและกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตมีผลกระทบปานกลาง สำหรับประเทศที่มีการประยุกต์ใช้ Big Data อย่างมากคือสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร โดยประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และออสเตรเลียมีผลกระทบการประยุกต์ใช้งานปานกลาง ส่วนประเทศไทยอยู่ในกลุ่มที่เหลือที่ยังมีการประยุกต์ใช้งานน้อย สำหรับตัวอย่างของการนำเทคโนโลยี Big Data มาใช้งานในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ มีดังนี้
การประยุกต์ใช้งาน Big Data ในภาครัฐสำหรับตัวอย่างการใช้ประยุกต์ใช้งาน Big Data ในภาครัฐสามารถนำมาใช้งานได้ในหลายๆ หน่วยงานเช่น ด้านสาธารณสุข ด้านวิทยาศาสตร์ ด้านความมั่นคง ด้านการเงิน ด้านการบริการประชาชน ด้านเกษตรกรรม ด้านสาธารณูปโภค หรือด้านคมนาคม อาทิเช่น
ข้อดีของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Big Data ในภาครัฐสามารถสรุปได้ดังนี้
อย่างไรก็ตามความท้าทายของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Big Data ยังอยู่ที่ความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ โดยอาจสรุปปัญหาต่างๆ ที่ควรแก้ไขดังนี้
ดังนั้นสิ่งที่ภาครัฐควรจะต้องเร่งทำเพื่อให้มีการประยุกต์ใช้ Big Data ในองค์กรคือ
ธนชาติ นุ่มนนท์ IMC Institute มิถุนายน 2559 เมนูนำทาง เรื่อง |