ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *

กิจการที่ต้องการแก้ไขปัญหาสังคม โดยใช้ธุรกิจเป็นตัวขับเคลื่อน คือนิยามขนาดยาวที่เราใช้อธิบายถึงเรื่องนี้

ในฐานะที่เป็นคนเฝ้ามองวงการนี้อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ มาตลอด 5 ปี เห็นความตั้งใจของธุรกิจเพื่อสังคมยุคแรก เห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ของธุรกิจเพื่อสังคมมาไม่น้อย

สารภาพเลยว่า เราเฝ้ารอวันนี้มาตลอด

ที่ผ่านมา มีกลุ่มคนเล็กๆ พยายามจะสื่อสารปัญหาสังคมในแนวทางของตัวเองมากมาย ซึ่งไม่ว่าจะนิยามตัวเองในชื่อเรียกแบบไหน เราก็เอาใจช่วยใจอยู่เสมอ

แต่ใจอย่างเดียวนั้นไม่พอ

ในวันที่ภาครัฐ ภาคเอกชน คนจากภาคส่วนต่างๆ ให้ความสนใจ ผลักดันให้เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ สนับสนุนให้กลไกนี้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและประเทศไทย อย่างที่เกิดขึ้นแล้วในหลายๆ ประเทศใหญ่ๆ ทั่วโลกอย่างอังกฤษ อเมริกา ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ แม้จะใช้เวลาล่วงเลยมาระยะหนึ่ง แต่ก็เพียงพอที่ทำให้เห็นธรรมชาติของธุรกิจเพื่อสังคมแบบฉบับไทยๆ และการร่วมมือที่ตรงจุดกว่าที่เคย

The Cloud มีโอกาสพูดคุยกับ 3 ตัวแทน ทั้งจากธุรกิจเพื่อสังคม บริษัทจดทะเบียน และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงการรวมพลคนทำงานเพื่อผลลัพธ์ทางสังคม ที่มาในจังหวะและเวลาที่เหมาะสม

ธุรกิจเพื่อสังคมในวันนี้คิดอะไรอยู่ บทเรียนในโลกความเป็นจริงสร้างความแข็งแกร่งให้มากน้อยแค่ไหน ภาคเอกชนทำอะไรได้มากกว่าการจัดกิจกรรมเพื่อสังคมหรือมองเรื่องนี้เป็นแค่เครื่องมือการตลาดอย่างไร อะไรคือจุดตรงกลางของการทำเพื่อสังคมและการทำธุรกิจ การทำหน้าที่เชื่อมโยงภาคธุรกิจและภาคสังคมของตลาดหลักทรัพย์ฯ จับธุรกิจเพื่อสังคมและบริษัทจดทะเบียนมาเจอกัน เป็นกุศโลบายพัฒนาคุณภาพธุรกิจผ่านการเรียนรู้กันและกันอย่างไร

ฟังบทเรียนทางรอดธุรกิจเพื่อสังคมจาก คุณตุ๊ก-เสาวลักษณ์ ประทุมทอง ผู้จัดการร้านคนจับปลา คุณทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) และ คุณนพเก้า สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาเพื่อสังคมและสื่อสารองค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็น 3 ตัวแทนพันธมิตรที่ร่วมสร้างผลลัพธ์ทางสังคมให้แข็งแรงและไปไกลกว่าที่เคย

คุณเองก็ร่วมเป็นหนึ่งคนที่สนับสนุนเรื่องนี้ได้จาก 12 บทเรียนต่อไปนี้

ธุรกิจเพื่อสังคม

คนจับปลา

คนจับปลา หรือ Fisherfolk เป็นธุรกิจเพื่อสังคมที่อยากช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวประมงพื้นบ้านให้ดีขึ้น สร้างระบบซื้อขายสัตว์น้ำที่เป็นธรรม และส่งตรงผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภคในเมือง

ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *
ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *

1 พบปัญหาที่อยากแก้ปัญหา

จุดเริ่มต้นจากปัญหาขาดงบประมาณสนับสนุนสมาคมรักษ์ทะเลไทย กับภารกิจการฟื้นฟูทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางทะเล ด้วยการส่งเสริมให้ชาวประมงพื้นบ้านจับสัตว์น้ำด้วยเครื่องมือที่ถูกต้อง ทำให้สาวนักพัฒนาอย่างตุ๊กเริ่มคิดทำธุรกิจเพื่อจุนเจืองานในส่วนพัฒนาชุมชนต่อไป

เมื่อชาวบ้านใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง ปลาและสัตว์น้ำตามฤดูกาลก็กลับคืน และเพื่อทำให้ชีวิตชาวประมงดีขึ้นด้วยการรับซื้อในราคาที่สูงและเป็นธรรม ตุ๊กจึงเป็นคนกลางรวมกลุ่มสมาคมและชาวประมงพื้นบ้านสร้างแบรนด์ ‘คนจับปลา’ พร้อมกับเปิดหน้าร้านริมทางที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่เพราะราคาที่สูงกว่าตลาดปลาท้องถิ่น คนจับปลาจึงเลือกเริ่มจับตลาดสุขภาพคนเมืองและเริ่มช่องทางออนไลน์

แม้จะมีราคาสูงกว่าสินค้าชนิดใกล้เคียงกัน แต่ตุ๊กยืนยันว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผลกับคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย ผู้บริโภคตรวจสอบย้อนกลับได้ว่าปลาตัวนี้มาจากจังหวัดไหน เรือลำไหนของชาวประมงคนไหน

“ปลา 1 ตัวที่เรากินทำให้เกิดอะไรบ้าง ทั้งต่อตัวเราเอง สิ่งแวดล้อม และเพื่อนมนุษย์คนอื่น” ผู้จัดการร้านคนจับปลาชวนคนเมืองอย่างเราตั้งคำถาม

2 ตั้งมั่นในเป้าหมายแรก

การเป็นธุรกิจเพื่อสังคม (SE) ที่มาจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (NGO) ทำให้ตุ๊กมีวิธีคิดและระบบการทำงานเปลี่ยนจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

“จากเดิมที่ทำงานกับชุมชนและหมู่บ้าน แม้จะทำงานไม่ประสบผลสำเร็จ เราจะสรุปกับตัวเองว่าเราทำดีที่สุดแล้ว แต่กับการทำธุรกิจ เราทำแบบนั้นไม่ได้”

การตั้งราคา คือสิ่งที่ตุ๊กกลัวมากที่สุด เพราะหากคิดต้นทุนทั้งหมด นั่นแปลว่าสินค้าจะต้องแพงขึ้นตามและจะยิ่งเห็นตัวเลขติดลบชัดเจน

“เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันเสมอระหว่างภายในองค์กรและ NGO อื่นๆ ว่าหากเราตั้งราคาสูงเกินไป ชาวบ้านที่มีรายได้น้อยก็จะไม่มีโอกาสเข้าถึง เป็นโจทย์ใหญ่ในใจของเราเหมือนกัน เราย้อนกลับมาถามตัวเองว่าสิ่งที่ทำอยู่เพื่ออะไร เราทำงานเพื่อให้คนที่ด้อยโอกาสกว่ามีสิทธิมีเสียงในสังคม แต่การทำธุรกิจเพื่อสังคมซึ่งขายของแพงมาก เราเองยังซื้อกินไม่ได้” ตุ๊กเล่าถึงคำถามที่เธอมักจะได้รับในช่วงปีแรกๆ ของการทำร้าน

แต่สุดท้าย สิ่งที่ตุ๊กทำก็คือ การตั้งมั่นในเป้าหมายแรก

“เรามีเป้าหมายที่ชัดแล้ว ถ้าเราหวั่นไหวเราก็จะเดินไปไม่ถึงเป้าหมาย เรากำลังทำให้ชาวประมงพื้นบ้านได้ประโยชน์ เพราะฉะนั้นเราต้องมั่นใจว่าถึงแม้ชาวบ้านทั่วไปจะไม่มีโอกาสซื้อ เราก็ต้องหาช่องทางหรือทำโครงการอื่นที่จะทำให้เขาได้กินปลาที่มีคุณภาพเหมือนกัน”

ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *
ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *

3 โมเดลธุรกิจที่ไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน

ผู้เชี่ยวชาญและคนทำงานทั้งภาคธุรกิจและสังคม ต่างแนะนำให้ตุ๊กพยายามลดต้นทุนการรับซื้อปลาจากชาวประมงเพื่อให้ธุรกิจมีกำไร ซึ่งเธอรู้ดีว่าการทำอย่างนั้นผิดวัตถุประสงค์ตั้งต้น สิ่งที่ทำได้จึงได้แก่การขยายตลาด

“เราเข้าใจคนที่หวังดีอยากให้เราได้กำไรเยอะๆ และอยู่ได้ แต่เราก็รู้ดีว่ากำไรที่พอดีของเราคือแค่ไหน พอให้หล่อเลี้ยงคนทำงานก็ถือว่ามีกำไรแล้ว”

นอกจากโมเดลธุรกิจจะซับซ้อนไม่เหมือนธุรกิจเพื่อสังคมทั่วไปแล้ว โครงสร้างการบริหารและการจัดการก็มีเอกลักษณ์ เจ้าของคนจับปลาประกอบด้วย สมาคมสมาพันธ์ประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย เครือข่ายชาวประมงทั้งประเทศที่เป็นเจ้าของ และชาวประมงในพื้นที่ที่ร่วมลงหุ้นทำหน้าร้านเล็กๆ ของตัวเอง

“เดิมระบบการทำงานของ NGO เป็นอาสาสมัครที่ใช้ใจ พอมาเป็น SE ที่มีระบบร้าน เราคุยกันว่าใครทำงานก็ควรได้ผลตอบแทน ไม่ควรลงแรงมาช่วยกันอีกต่อไป โลกมันเปลี่ยนแล้ว การมาช่วยกันไม่ได้ทำให้ยั่งยืนและยังถือว่าไม่เป็นธรรมแก่คนใช้แรงงานด้วย นั่นคือ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมอะไรก็ตามที่ก่อให้เกิดรายได้ เราถือว่าต้องจ่ายค่าแรง”

4 ของมันต้องดี ของมันต้องมี

“เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ทำอยู่ เขาเรียกว่า SE แต่เรารู้ว่าเราตั้งใจจะทำแบบนี้ เราอยากเห็นธุรกิจของชาวบ้านจริงๆ ไม่ใช่ในนาม NGO

“ที่ผ่านมา NGO อาจจะทำธุรกิจไม่เป็น หรือไม่หาแนวทางใหม่ๆ ในการระดมทุน จึงเลือกทำเสื้อออกมาขายทุกครั้ง แต่เมื่อแบบทรงหรือลวดลายไม่ทันสมัย ก็ขายไม่ได้ เราอยากหลุดจากกรอบความคิดเดิมว่า ‘เราเป็นคนดี เราทำเพื่อสังคม คุณต้องช่วยเรา’ 

“ถ้าเราอยากจะทำสินค้าพรีเมียม ของมันต้องดีตอบโจทย์เขา นี่เป็นการแลกเปลี่ยนกัน”

แม้ต้องใช้พลังและแรงกับการทำธุรกิจ แต่ตุ๊กก็ยืนยันว่าคุ้มค่าเพราะทำให้เธอมองโลกเปลี่ยนไป

การเติบโตแบบ NGO ทำให้ตุ๊กเติบโตมามีหัวใจแบบหนึ่ง ผนวกกับวิธีคิดแบบการตลาด ซึ่งไม่ได้ทำให้สิ่งที่เชื่อมา 20 ปีหายไป แต่ทำให้เธอแหลมคมทะลุทะลวงกว่าเดิม

“เรามั่นคงกับวิธีคิดว่าเราจะไม่เอาเปรียบคนอื่น สิ่งที่ทำอยู่พิสูจน์ให้เราเชื่อว่าการทำธุรกิจที่ไม่เอาเปรียบคนอื่นมีอยู่จริง พิสูจน์ให้ทั้งภาคธุรกิจ ภาคกลุ่มคนทำงานเพื่อสังคมเห็นว่าโมเดลแบบนี้เกิดขึ้นได้”

5 เงินทุนสนับสนุน เงินจากการขาย

แม้ใครจะมองว่าตุ๊กถูกโลกทุนนิยมกลืนไปแล้วเพราะคิดทำอย่างธุรกิจ เธอบอกว่าไม่ได้คิดแบ่งแยก SE หรือ NGO แต่มองว่า SE คือเครื่องมือใหม่ของ NGO เพราะอนาคตไม่มีใครให้เงินกันง่ายๆ อีกต่อไปแล้ว

ช่วงแรกคนจับปลาได้รับเงินสนับสนุนเพื่อพัฒนาระบบการทำธุรกิจจากโครงการต่างๆ มากมาย ก่อนจะตั้งมั่นและพิสูจน์ให้เห็นว่าคนจับปลายืดหยัดเป็นธุรกิจที่มีรายได้จากการขายและอยู่ได้จริง โดยเริ่มมีพาร์ทเนอร์จากภาคธุรกิจและสังคมที่คอยให้คำปรึกษาทำให้คนจับปลาเพิ่มช่องทางการขาย รวมถึงต่อยอดธุรกิจร่วมกันได้

“มาถึงจุดหนึ่ง คนจับปลาเราคิดร่วมกันว่าเราไม่อยากได้เงินสนับสนุนโครงการอีกแล้ว แต่อยากได้เงินลงทุน นั่นคือถ้ามีคนอยากนำเงินมาให้เรา เราอยากให้เขาเป็นพาร์ทเนอร์กันมากกว่า ตั้งแต่ธันวาคมปีที่แล้วเป็นต้นมาจนถึงวันนี้ พูดได้เต็มปากเลยว่าคนจับปลาเราอยู่ด้วยรายได้จากการค้าขาย แม้จะยังไม่เห็นกำไรมากนักในวันนี้ แต่ก็คิดว่าน่าจะไปต่อได้”

ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *
ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *

บริษัทจดทะเบียน

บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน)

คุณทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) เล่าว่า เมื่อครั้งที่บริษัทจดทะเบียน เริ่มคุยเรื่องธุรกิจเพื่อสังคม ไม่ได้ให้นิยามที่แน่นอน ดังนั้นแต่ละคนจะตีความคำว่าสังคมแตกต่างกันไป

“เดิมในบริษัทจดทะเบียน เข้าใจคำว่าธุรกิจเพื่อสังคมในความหมายที่หนักไปทางเพื่อสังคม ก่อนจะเข้าใจชัดเจนว่าคือกิจการที่มีเป้าหมายทางสังคม ทำให้คิดถึงตอนที่เห็นเอสเอ็มอีเมื่อ 20 ปีก่อน หรือสตาร์ทอัพเมื่อ 4 ปีก่อน”

ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *
ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *

6 สำคัญที่ความจริงจังของผู้ประกอบการทางสังคมและฝ่ายสนับสนุน

ด้วยความเป็นเถ้าแก่ชำนาญการที่เข้าใจความคิดผู้ประกอบการ ผู้ซึ่งลงมือทำทุกอย่างกับมือจริงๆ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จึงชวน ผู้บริหารจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai (แหล่งระดมทุนสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) มาเป็นโค้ช ร่วมลงสนามจริงไปพร้อมกับ SE ในโครงการ “SET Social Impact Gym” ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์การประกอบธุรกิจเพื่อพัฒนาศักยภาพ SE

“ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเจออะไรบ้าง อย่าว่าแต่น้องๆ เลย วันนี้สถานการณ์เปลี่ยน หลายบริษัทใหญ่ๆ เริ่มคิดหนักแล้วว่าจะใช้โมเดลแบบไหนรับมือสิ่งที่เกิดขึ้น สนามจริงไม่ได้สวยเหมือนในตารางเอ็กเซลหรือใน Business Model Canvas ความท้าทายก็คือการลงมือทำจริง”

มากกว่าความเข้าใจที่ถูกต้อง ทรงพลย้ำว่า สำคัญที่ความจริงจังของคนที่ทำและคนที่สนับสนุน

7 All You Need is Passion

“SE ส่วนใหญ่ไม่ได้เริ่มจากการเป็นผู้ประกอบการ แต่เริ่มจากความตั้งใจที่อยากจะช่วยให้คนอื่นมีชีวิตที่ดีขึ้นด้วยสารพัดวิธี” ทรงพลเล่าความประทับใจ ก่อนเปรียบเทียบผลจากแพสชันที่แตกต่างกันระหว่างธุรกิจเอสเอ็มอีและ SE ให้ฟังว่า

แพสชันในธุรกิจเอสเอ็มอี เวลารักธุรกิจนี้และอยากทำให้สำเร็จ พอทำไปถึงจุดหนึ่งแล้วไม่สำเร็จอย่างที่หวัง เขาจะเข้าใจ ขณะที่ SE มีแพสชันที่รุนแรงกว่า เพราะไม่ใช่การทำเพื่อตัวเอง

“เวลาที่ใครทำอะไรให้คนอื่นมักจะมีนัยสำคัญ มีความผูกพันที่รุนแรงกว่า ยิ่งเมื่อมีบริบทบางอย่างสนับสนุน เช่น มีคนหรือเงินทุนมาช่วยให้พอไปต่อได้ จึงประทับใจและน่าเป็นห่วงไปพร้อมกัน เพราะเวลาเราหลงรักสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนเกินพอดี มันจะไม่เห็นข้อเสีย หลายครั้งผมประทับใจความดื้นรันของบางธุรกิจมากเลยนะ ว่าทำไมยังไม่เลิกอีก”

ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *
ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *

8 ธุรกิจเพื่อสังคมไม่ได้ยั่งยืนด้วยคอนเซปต์ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของตัวเลข

สิ่งแรกที่โค้ชทุกคนพยายามทำคือ การเข้าไปนั่งในใจของผู้ประกอบการสังคมเหล่านี้ให้ได้ จากนั้นแต่ละคนจะมีวิธีการโค้ชที่แตกต่างกัน

“สิ่งที่ผมสอนเสมอคือ การชวนให้เขาเห็นว่าความจริงคืออะไร SE ที่ผมดูแลทำธุรกิจรีฟิล ตั้งเป้าหมายจะลดพลาสติกให้ได้ 1 ล้านชิ้น ด้วยวิธีการทำรถเคลื่อนที่ให้บริการเติมแชมพู สบู่เหลว ข้าว และอื่นๆ ผมมานั่งไล่ตัวเลขกับเขา คำนวณออกมาแล้วพบว่าสิ่งนี้จะทำให้ขยะหายไปเพียง 2 แสนชิ้นเท่านั้น ถ้าคุณอยากจะเป็น SE ที่ยั่งยืน เหล่านี้ต้องวัดด้วยตัวเลขได้ทั้งหมด ถ้าเราเข้าใจตัวเลข ที่เหลือไม่ยากเลย เราจะตอบได้หมดเลยว่าเราจะทำอะไร อย่างไร ที่ไหน กับใคร และเมื่อไหร่”

สำคัญคือ เราทุกคนต้องทำความเข้าใจให้ได้ว่า ความยั่งยืน หรือ Sustainable ไม่ได้เกิดจากคอนเซปต์ แต่เกิดจากสิ่งที่ทำ ซึ่งถ้าสิ่งนั้นไม่ก่อให้เกิดกำไร เราจะอยู่ไม่ได้

“ออกซิเจนสำคัญ เราต้องหายใจ ถ้าเราไม่มีออกซิเจนเราจะตาย แต่ถามว่าเราอยู่เพื่อหายใจมั้ย คำตอบคือไม่ เรามีเหตุผลมากมายในการมีชีวิตอยู่ แต่เราต้องหายใจ ออกซิเจนก็เหมือนกำไร บริษัทหรือธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ต้องทำกำไรเพื่อจะอยู่ให้ได้ แต่เราไม่ได้อยู่เพื่อกำไร เป็นคนละเรื่องกัน”

ถ้าเราเริ่มต้นด้วยความตั้งใจที่ดี แต่ตัวเราไม่รอด เราก็ช่วยอะไรใครไม่ได้

จริงอยู่มีคนช่วยเหลือบริจาค แต่ใครจะบริจาคทั้งชีวิต

“อย่าคิดเยอะ อยากทำให้ลงมือทำ ในวันที่ลงมือทำ คุณจะเจอ ‘ทำสำเร็จ’ กับ ‘ทำไม่สำเร็จ’ ทำไมทำไม่สำเร็จ เพราะมีปัญหา มีอุปสรรค เพราะฉะนั้น ต้องทำยังไง แก้ปัญหาใช่ไหม แก้ปัญหาหนึ่งก็จะเกิดอีกปัญหาหนึ่ง ไม่เป็นไร แก้อีก แก้ไปเรื่อย จนพบว่าวันหนึ่งปัญหาที่มีหมดลง และคุณมีธุรกิจ แต่ถ้านั่งคิดมันก็จะได้แค่คิด ผู้ประกอบการที่เจ๋งๆ คือคนที่แก้ปัญหามาเยอะๆ เจอประสบการณ์เยอะๆ มีบทเรียน มีความทนทานต่อทุกอย่าง” ทรงพลทิ้งท้ายคำแนะนำสำหรับ SE หรือคนรุ่นใหม่ที่สนใจทำธุรกิจ

ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *
ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

SET Social Impact

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้

นอกจาก SET จะเป็นองค์กรหลักในกลุ่มตลาดทุน มองหาและพัฒนาธุรกิจที่มีศักยภาพเข้าระดมทุน พัฒนาคุณภาพของธุรกิจ และผู้ประกอบการ อีกบทบาทที่ SET มีส่วนเกี่ยวข้องคือการพัฒนามนุษย์เชิงคุณภาพ

จากวิกฤตเศรษฐกิจ เมื่อปี 2540 ตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่าความรู้ทางการเงินและการลงทุนเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยใครหรือหน่วยงานใดทำเรื่องนี้อย่างจริงจังมาก่อน จึงเป็นที่มาของกิจกรรมส่งเสริมความรู้มากมายที่ทำมาตลอด 20 ปี ก่อนจะตามมาด้วยบทบาทในภาคสังคม ทั้งส่วนของจรรยาบรรณบริษัทและส่งเสริมกิจกรรมทางสังคมที่ทำมามากมาย จนพบว่า Social Enterprise คือคำตอบ

ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *
ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *

9 สร้างแหล่งรวมพลคนทำงานเพื่อผลลัพธ์ทางสังคม

“เรามองหาแนวทางการทำงานเพื่อขยายผลลัพธ์ทางสังคม ที่ไม่ใช่การจ่ายเงินอุดหนุน แต่เป็นการทำงานร่วมกัน ซึ่งต่างจากการช่วยเหลือภาคสังคมที่ผ่านมา ซึ่งทำในลักษณะบริจาคหรือให้เงินทุนระยะสั้น เรามองเห็นความยั่งยืนจากการใช้ธุรกิจเป็นตัวขับเคลื่อน นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราสนใจ Social Enterprise หรือธุรกิจที่ต้องการแก้ไขปัญหาสังคม โดยใช้กระบวนการทางธุรกิจขับเคลื่อน จนเกิดเป็นระบบ และวัดผลได้ชัดเจน” นพเก้า สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เล่าที่มา

สิ่งที่น่าสนใจคือเมื่อพูดถึงภาคสังคม อะไรคือสิ่งที่ตลาดทุนพอจะช่วยได้

SET เริ่มจากสร้างดิจิทัลแพลตฟอร์ม “SET Social Impact” ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมโยงภาคธุรกิจและภาคสังคม เพื่อร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงและขยายผลลัพธ์ที่ดีทางสังคมให้เกิดเป็นรูปธรรม

10 คนแปลกหน้าที่อยากเจอ

“เราเป็นคนแปลกหน้าในวงการนี้นะ ไม่แปลกที่คนภาคสังคมจะตั้งคำถามกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ‘คุณมาทำอะไรที่นี่’ เรามาด้วยความตั้งใจแรกที่เราอยากเห็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนจริงๆ เราอยากเป็นตัวอย่างการทำงานร่วมกันระหว่างภาคธุรกิจและภาคสังคม”

แม้จะคุ้นเคยกับภาคธุรกิจมามากมาย แต่การทำงานกับ SE ไม่ใช่เรื่องง่าย

“ปัญหาสังคมมีเยอะมาก สิ่งที่เราทำ เราไม่ได้ให้คำจำกัดความหรือตัดสินความตั้งใจของเขา แต่สนใจในแง่การประกอบธุรกิจ เขาอาจจะช่วยชุมชน เกษตรกร ชาวประมง หรืออะไรก็ตาม แต่เขาต้องมีกลไกทางธุรกิจ ลงมือทำจริง สร้างผลลัพธ์ที่ดีทางสังคมจริง ต่อยอดได้จริง”

นั่นคือ S: Social ต้องมาจากตัวตนของผู้ประกอบการทางสังคม ประกอบด้วย

หนึ่งคือ ความตั้งใจมั่นของผู้ก่อตั้ง

สองคือ วิธีการตีโจทย์ปัญหา เทคนิค และวิธีการแก้ไข รวมถึงการใช้กระบวนการทางธุรกิจมีความเป็นไปได้หรือเปล่า

“เช่น คุณมีความตั้งใจอยากช่วยเด็กพิเศษ สิ่งที่ถนัดและทำได้คือซื้อผ้าฝีมือเด็กมาออกแบบกระเป๋าขาย พอมาคุยกับเราซึ่งเห็นความเป็นไปได้ทางธุรกิจ เราก็แนะนำว่าน่าจะสร้างจุดแข็งด้วยการทำโครงการวิจัยที่พิสูจน์ว่ากิจกรรมผ้าทอบำบัดจะช่วยให้น้องๆ เด็กพิเศษมีพัฒนาการทางด้านอารมณ์และสังคมที่ดีขึ้น”

สิ่งที่ SET ช่วยคือ E: Enterprise

ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *
ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *

11 ความจริงของโลกวันนี้

ที่ผ่านมามีหน่วยงานและองค์กรสนับสนุน SE ด้วยเงินทุนตั้งต้นมากมาย และกว่า 4 ปีที่เราเฝ้ามองความเป็นไปของธุรกิจเพื่อสังคม เราพบว่าสิ่งสำคัญคือ ทักษะผู้ประกอบการและการยอมรับความจริงของโลก ซึ่งไม่ใช่เรื่องคิดการใหญ่ เพราะการคิดทำอย่างธุรกิจ อาจจะเริ่มจากคำถามง่ายๆ อย่าง คนซื้อสินค้าและบริการเพราะสงสารหรือเพราะเป็นของมีคุณภาพน่าอุดหนุนและบอกต่อ

“การทำงานครั้งนี้เราต้องจูนกันระดับหนึ่งเลยนะ ทั้งฝั่งเราที่มีจอมยุทธ์ผู้ประกอบการจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และฝั่งสังคมมีกลุ่มคนทำงานที่มีหัวใจเพื่อสังคม เขาอาจจะคิดว่า “ฉันทำดีขนาดนี้ ทำไมมาบอกว่าธุรกิจฉันจะอยู่รอดปลอดภัยไม่ได้” โลกเขายิ่งใหญ่มากจริงๆ ให้เราย้อนเวลาไปตอนอายุเท่าพวกเขา เรานึกไม่ออกหรอกว่าเราจะทำอย่างนั้นได้หรือเปล่า ขณะที่ผู้ใหญ่ที่มาช่วยงานเราทุกคนยังอ้าปากค้างเลยว่าเด็กพวกนี้คิดและลงมือทำแบบนี้ได้ยังไง เขารู้สึกทึ่งนะ” นพเก้าเล่าปฏิกิริยาเมื่อจับทุกฝ่ายมาเจอกัน

ในการทำงานร่วมกัน นพเก้าเล่าว่าเธอจะฉายภาพภาพหนึ่งให้ทุกคนดูก่อนเสมอ ซึ่งคือภาพที่มองมุมหนึ่งเห็นเป็นเป็ด มองอีกมุมเห็นเป็นกระต่าย

“เราต้องการสื่อว่า มุมไหนก็ไม่ผิด คุณเห็นภาพแตกต่างกันได้ แต่คุณมีเป้าหมายเดียวกัน หลักใหญ่ใจความก็คือคุณต้องเปิดใจ ในโครงการ ‘SET Social Impact Gym’ เราไม่ได้ตัดสินว่าธุรกิจใดผิด ธุรกิจใดถูก แต่เราจะทำให้ SE มี journey ของความคิดที่เข้าใจการประกอบธุรกิจ ขณะเดียวกันผู้บริหารในบริษัทจดทะเบียนก็เรียนรู้ความกล้าที่จะสร้างนวัตกรรมจากผู้ประกอบการทางสังคม

“ธุรกิจเล็กๆ เหล่านี้เขาคิดเพื่อคนอื่นก่อน นั่นทำให้ทุกคนอยากมาช่วยเพื่อให้เขายั่งยืน เมื่อมองกลับมาที่บริษัทของคุณเองล่ะ มีใครอยากมาช่วยแบบนั้นมั้ย” ช่างเป็นกุศโลบายการจับยักษ์ใหญ่มาเจอยักษ์เล็กที่ต่างสอนบทเรียนแก่กัน

12 รางวัลแด่คนช่างฝัน

ก่อนหน้านี้ SET เริ่มสนับสนุน SE จากระบบซื้อมาขายไป เพื่อสื่อสารกับผู้ประกอบการในตลาดทุน ให้รู้จักสินค้าและบริการทางเลือกที่มาจากความตั้งใจดี เช่น ปากกาที่มีนวัตกรรมย่อยสลาย หรือชวนให้รู้จักการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่มีส่วนช่วยสนับสนุนชุมชนไปพร้อมกัน

ก่อนจะเริ่มจับคู่บริษัทจดทะเบียนและเครือข่ายเพื่อสังคมหาแนวทางร่วมกัน เช่น บมจ. เอ็ม บี เค สนับสนุนการจัดงาน ‘ผ้าเปลี่ยนโลก’ โดยให้พื้นที่ออกร้านแก่ 16 ธุรกิจเพื่อสังคมที่ทำงานผ้าชุมชน ไปจนถึงการพัฒนาธุรกิจร่วมกัน ตัวอย่างเช่น ชุมชนผาปัง ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าไผ่ที่มี R&D การเผาไผ่ให้มี Activated Carbon ซึ่งเป็นตัวกรองของเสียในโรงงานช่วยลดต้นทุนและลดการปล่อยมลพิษจากโรงงาน โดย SET นำเรื่องนี้ไปเล่าต่อจนทำให้ผู้บริหารทุกคนถึงกับอยากรู้และเดินทางไปดูถึงชุมชน

นพเก้าเล่าว่า “ปลายทางที่ SET และทุกคนที่เกี่ยวข้องอยากเห็นที่สุด คือ Co-creation หรือการทำงานร่วมกันซึ่งจะช่วยสร้างผลลัพธ์ที่ดีทางสังคมให้มากขึ้นไปอีก”

ตัวอย่างเช่น การที่ ‘คนจับปลา’ เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์ม SET Social Impact เพิ่มโอกาสจับคู่ธุรกิจกับบริษัทจดทะเบียน เพื่อต่อยอดธุรกิจร่วมกัน สร้างโอกาสและขยายช่องทางการขายมากขึ้น

ในอนาคตจะสร้างพื้นที่พัฒนาต้นแบบหรือ Prototype Lab เปิดโอกาสให้ทดสอบไอเดียตั้งต้น หรือทดลองตลาดก่อนเข้าสู่กระบวนการธุรกิจจริง จะได้ไม่ไขว้เขวจนท้อแท้อย่างที่แล้วมา

“ที่พูดมาทั้งหมดอาจจะฟังดูโลกสวย แต่เราบอกทั้ง SE และ Expert ที่มาช่วยกันเสมอนะว่าอะไรก็เปลี่ยนแปลงได้ หากวันนี้ SE ที่มาเข้าร่วมจะเลิกเป็น SE แล้วไปประกอบธุรกิจในตลาดปกติก็ไม่ผิดอะไร เพราะชุดความคิดที่อยากสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อคนอื่นก็ยังคงมีอยู่เสมอ สุดท้ายแล้วคุณเป็น Good Business เราก็โอเคแล้ว” นพเก้าทิ้งท้าย

ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *
ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *

SET กิจการเพื่อสังคม ตลาดหลักทรัพย์ ธุรกิจเพื่อสังคม

Home /Art & Culture/Scoop

28 ธันวาคม 2565

Share on

  • Facebook iconFacebook
  • Twitter iconTwitter
  • LINE iconLine

เคยไหม เล่นโทรศัพท์แล้ว แอปพลิเคชันค้าง บางครั้งล่ม ไม่ก็ขึ้นอัปเดตบ่อย

เคยไหม เวลาคุยกับเพื่อนเรื่องอาหาร โฆษณาอาหารก็ขึ้นมาทันใจเหมือนนั่งฟังอยู่ในห้องเดียวกัน

ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้งาน การจัดการข้อมูลหลังบ้าน ระบบรักษาความปลอดภัย รวมไปถึงความร่วมมือทางธุรกิจ และการจัดการความยั่งยืนในองค์กร

ฟังดูเหมือนเรื่องไกลตัวและยังไม่เข้าใจ แต่ถ้าคุณประสบปัญหาด้านบน รับรองว่าเรื่องนี้ไม่ไกลอย่างที่คิด ทั้งยังเป็นสิ่งสำคัญที่ควรจับตาในปี 2023 เพื่อเตรียมปรับตัวและเตรียมตัวให้ทันโลกสากล

ครั้งนี้ The Cloud มาหาคำตอบและความเชื่อมโยงผ่านบทสนทนากับ สวัสดิ์ อัศดารณ Managing Director ของ IBM ประเทศไทย และ Managing Partner ของ IBM Consulting เพื่ออัปเดต 5 เทรนด์น่าสนใจที่อยากให้คนรู้จักก่อนก้าวไปสู่ปีใหม่อย่างเป็นทางการ

ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *
ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *

2022

ปีแห่งการ ‘เร่ง’ การเติบโตของการใช้ดิจิทัลในประเทศไทย

ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้เกิดการเว้นระยะห่างทางสังคม มีการเปิดตัวแอปพลิเคชันมากมายเพื่อตอบสนองความต้องการและความตื่นตัวของผู้คน แต่ไม่ใช่ทุกแอปฯ ที่เสถียร ปราศจากการล่ม และไม่ใช่ทุกคนที่อ้าแขนรับสิ่งใหม่

ผู้ใหญ่ในหลายครอบครัวก็เช่นกัน ข้อจำกัดด้านอายุส่งผลต่อศักยภาพของสายตา ไหนจะความกังวลเรื่องข้อมูลรั่วไหลและความลำบากในการเรียนรู้ แต่หลังจากได้ลอง ปู่ย่ากลับซื้อของออนไลน์ไม่หยุด ใครจะคิดว่าจะเกิดสิ่งนี้

เหมือนที่เราไม่เคยคิดว่า ชีวิตหนึ่ง พนักงานทั้งหมดจะถูกบอกให้ Work from Home และนักเรียนไทยจะได้เรียนหนังสือออนไลน์แบบ 100 เปอร์เซ็นต์

ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จึงถือเป็นการทลายกำแพง ‘อย่างรุนแรง’ และเป็นการเปิดโอกาสครั้งใหญ่ให้ทุกวงการ

ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *
ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *

2023

ปีแห่งการ ‘ตอบสนอง’ ตัวเร่ง

ปี 2022 หลายองค์กรทำงานแบบเผชิญหน้า ต้องพุ่งชนปัญหา แต่ปีถัดไปจะเป็นการทำงานอย่างมีแบบแผน และต้องทำให้เกิดความยั่งยืนต่อไปในอนาคต

สวัสดิ์ยกตัวอย่างว่า สมัยก่อนเมื่อไปธนาคาร ธุรกรรมที่เกิดขึ้นในธนาคารนับเป็นหนึ่งครั้ง เราคาดการณ์ได้ว่าธุรกรรมจะเกิดขึ้นเยอะช่วงปลายเดือนเนื่องจากมีการจ่ายเงินเดือน แต่ตอนนี้ ธุรกรรมเกิดตามความต้องการนับไม่ถ้วนจนคาดการณ์ไม่ได้ แม้กระทั่งโปรโมชัน 11.11 หรือ 12.12 ก็ทำให้เงินสะพัดมากกว่าที่คิด

“เมื่อก่อนเหมือนน้ำขึ้นน้ำลงที่พอทำนายได้ แต่ตอนนี้มันคือน้ำท่วมหลังบ้าน ถ้าบริษัทไหนจัดการข้อมูลได้ทันก็มีโอกาสมหาศาล ระบบหลังบ้านติดขัดก็ให้บริการได้ไม่ทันใจ เรื่องนี้จะเชื่อมโยงกับเทรนด์ที่ 1 คือ Automation (การใช้เทคโนโลยีทำงาน) และ AI”

ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *
ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *

5

01 Pervasive Organization-wide Automation
การเชื่อมกระบวนการหลังบ้านรับโอกาสใหม่

ถึงเวลาในการกลับมาดูหลังบ้านอย่างจริงจังเพื่อปรับกระบวนการ ซึ่งไม่ใช่แค่ย้ายจากงานเอกสารมาสู่แพลตฟอร์มดิจิทัล เพราะถ้ากระบวนการบางส่วนยังซับซ้อน และซ้ำซ้อนหลายขั้นตอนโดยไม่จำเป็น 

ทำไมต้องคงไว้

“เราเอา Customer Journey เป็นที่ตั้ง ถ้าจะทำให้เวิร์กมันต้องสมบูรณ์ทุกระดับ สมมติมี 7 ขั้นตอน ไม่ต้องคงไว้ทั้งหมด อะไรไม่จำเป็นก็ตัดทิ้ง จากนั้นค่อยนำเทคโนโลยีมาจับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ยกตัวอย่าง IBM เราใช้ AI ช่วยคำนวณเงินเดือน ช่วงแรกงงมาก แต่เพราะเราจัดการข้อมูลเป็นระบบ และสอน AI จนเก่งจึงใช้งานได้จริง

“ปีหน้าจะถึงเวลาที่องค์กรต้องกลับมาดูเรื่อง Process Reinvention และไม่ใช่การปรับทีละกระบวนการ แต่ต้องดูภาพใหญ่ ปรับทั้งองค์กร Automate เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดขั้นตอน ลดงานซ้ำ ๆ ที่ใช้ AI ทำแทนได้ และที่สำคัญ ระบบเหล่านี้ต้องเชื่อมโยงกัน ระบบบัญชี การขาย การตลาด ต้องเชื่อมกัน ต้องมีการ Governance

“บางคนอาจกดยอมรับให้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวด้วยความรีบ ในอดีตเราอ่านสัญญาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ตอนนี้รีบกดให้ผ่าน ๆ ไป นั่นแปลว่าข้อมูลของเราไหลเข้าระบบไปแล้ว แต่ถ้าองค์กรไม่รู้จะทำอย่างไรกับข้อมูล มันก็เปลืองที่เก็บเปล่า ๆ เทรนด์ที่ 2 จึงเป็นการจัดการข้อมูลให้เป็นระเบียบและใช้ประโยชน์ได้จริง”

02 AI and Trust on Data 
ข้อมูลหลังบ้านกับการจัดการให้มีประโยชน์

AI ไม่ลา ไม่ป่วย ไม่พัก และไม่งอน มันดูจะเป็นเครื่องมือที่เพอร์เฟกต์ แต่ถึงอย่างนั้น มนุษย์ยังคงต้องสอน และ AI ยังต้องเรียนรู้ เพื่อจัดการข้อมูลอย่างถูกต้องและน่าเชื่อถือ 

สวัสดิ์เล่าว่า ข้อมูลในอดีตค่อนข้างเป็น Structured Data และไม่เรียลไทม์ ขณะที่ปัจจุบันเป็นการอัปเดตพฤติกรรมทันที ไม่ว่าจะเราเดินเข้าห้าง เปิดแผนที่นำทาง หรือค้นหาข้อมูลในโทรศัพท์ บางทีก็ถูกบันทึกอายุหรือความชอบโดยไม่รู้ตัว 

การเก็บข้อมูลเหล่านี้ไม่ว่าจะธุรกิจใด ร้านค้าปลีกหรือร้านค้าส่งก็เปลี่ยนมันเป็นแคมเปญหรือโปรโมชัน เพื่อตอบสนองความต้องการให้ตรงจุดได้

แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าข้อมูลเหล่านั้นไม่มี Bias ไม่มี Bad Data เราอาจเคยได้ยินกรณีที่ AI แนะนำให้ปล่อยกู้ผู้ชายมากกว่าผู้หญิง หรือเลือกคนจากมหาวิทยาลัย A มากกว่าที่อื่น แล้วลองคิดต่อว่า หากหนึ่งใน resume ที่ไม่ได้รับเลือกนั้นเป็นของเรา หรือคนที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อคือเรา

“กลับมาในมุมองค์กร ถ้าเราเชื่อข้อมูลที่เรามีไม่ได้ แล้วถ้าข้อมูลนั้นคือตัวแปรการตัดสินใจสำคัญที่อาจพลิกอนาคตบริษัท สิ่งที่องค์กรต้องทำคือหาจุดบอดของข้อมูลให้เจอหรือ Data Observability เพื่อให้ AI ประมวลผลบนพื้นฐานของข้อมูลที่มีคุณภาพ ผลลัพธ์ก็จะแม่นยำไปด้วย”

ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *
ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *

03 Embedded and Connected Security
ความปลอดภัยที่ต้องอาศัยทั้งเทคโนโลยีและคน

“แก๊งคอลเซนเตอร์โทรมา ข้อมูลผู้บริโภครั่ว ระดับองค์กรก็มีโอกาสโดนโจมตีเหมือนกัน วันนี้เอเชียเป็นเป้าโจมตีทางไซเบอร์อันดับหนึ่ง ทุกที่จึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้”

แต่ระบบหลังบ้านขององค์กรที่ไม่เชื่อมต่อ คือช่องโหว่ของการโจมตี ที่ยิ่งนับวันยิ่งโตเท่าทวี ทางเดียวที่ทำได้คือใช้เทคโนโลยีช่วยมอนิเตอร์ จับแพทเทิร์น ชูธงแจ้งเมื่อพบความผิดปกติ ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญที่วิเคราะห์ภาพการณ์และหาแนวทางรับมือต่อไป

“เรื่อง Cybersecurity คือเรื่องที่ต้องอยู่ในจิตสำนึกของทุกคนในองค์กร ไม่ว่าจะเป็น HR Marketing หรือฝ่ายขาย ทุกคนต้องเรียน ต้องรู้ว่าเมลแบบไหนคือสแปม เจอแล้วต้องทำยังไง หรือหากโดนโจมตี สิ่งที่ต้องทำอันดับ 1, 2, 3 คืออะไร เพราะยิ่งแก้ได้เร็ว หยุดได้เร็ว ยิ่งสูญเสียน้อย”

วันนี้ปัญหาคือเราขาดบุคลากรที่ดูแล Cybersecurity ไม่ใช่เฉพาะไทย แต่เป็นทั่วโลก องค์กรใหญ่เปิดรับบุคลากรใหม่หลายร้อยตำแหน่ง แต่พวกเขาจะหาบุคลากรจำนวนมากจากไหน เรื่องนี้เชื่อมไปถึงการศึกษา ซึ่ง IBM ได้พัฒนาหลักสูตรออนไลน์ให้พนักงานอยู่แล้ว พวกเขาจึงขยายผลความร่วมมือไปสู่ระดับมหาวิทยาลัย โดยเพิ่มช่องทางในการสร้างคนรุ่นใหม่เข้าวงการ หนึ่งในนั้นคือหลักสูตร Global University Programs

“คำว่า ความยั่งยืน ในทางเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วและเปลี่ยนเรื่อย ๆ จึงต้องคอยติดตามอยู่เสมอ บ้านเราเป็น Fast Adopter ที่รับเร็ว ไม่ว่าจะเป็น Blockchain Cryptocurrency NFT หรือ Quantum Computing ความต้องการด้านนี้จึงมาแน่นอนในอนาคตทั้งในแง่เทคโนโลยีและคน”

ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *
ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *

04 Partnership and Ecosystem
ความร่วมมือเพื่อสร้างอนาคต

เมื่อเข้าสู่โลกแห่งความเร็ว องค์กรไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างขึ้นใหม่ หรือทำด้วยตัวเอง แต่วันนี้คือโลกของการพาร์ทเนอร์กัน โลกของ Business Model Reinvention

เช่นเดียวกับระบบไอทีที่รองรับ วันนี้องค์กรไม่จำเป็นต้องสร้างโปรแกรมขึ้นใหม่เสมอไป แต่ใช้การเชื่อมโยงกับธุรกิจอื่นที่มีโปรแกรมหรือดำเนินการอยู่แล้วผ่านระบบ API (Application Programming Interface) เปรียบเสมือนการนำหัวอะแดปเตอร์ไปเสียบในรางปลั๊กที่มีหลายรู ใครต้องการเซอร์วิสอะไรก็เสียบปลั๊กนั้นได้ทันที

“เมื่อก่อนถ้าต้องการเชื่อมสององค์กรต้องเขียนโปรแกรมขึ้นมาใหม่ ให้สองทีมคุยกัน ร่วมพัฒนาแอปฯ ต่อเชื่อม ซึ่งใช้เวลานาน แต่ตอนนี้ สมมติใช้แอปฯ ซื้อของออนไลน์ เราจะเห็นว่ามีธนาคารที่ใช้จ่ายเงินให้เลือกเยอะขึ้น นั่นคือการร่วมมือกันทำ Open API เพื่อรองรับการต่อเชื่อมระหว่างองค์กร 

“ที่เห็นชัดคือการใช้จ่าย การเชื่อม wallet หรือการปล่อยกู้ การกู้เงินซื้อคอนโดอาจใช้เอกสารเยอะ มีหลายขั้นตอน แต่ตอนนี้เหมือนเรามีรางปลั๊กไว้รอ บริษัทพร็อพเพอร์ตี้เสียบปลั๊กเชื่อมต่อกับธนาคาร หรือแอพรีเทลเองก็เชื่อมต่อกับธนาคารหรือแม้แต่ค่ายมือถือ ปรับตามเทศกาลหรือปัจจัยที่มากระทบได้ทันที นี่คืออีโคซิสเต็ม เทคโนโลยีทำให้ทุกอย่างเร็วขึ้น ในอนาคตอาจเกิดโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ที่ร่วมมือกันก็ได้”

05 Sustainability Mandate 
ความยั่งยืนกับข้อมูลมหาศาลที่ต้องวัดผลได้

ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยพูดเรื่องความยั่งยืนอย่างกว้างขวาง และในอนาคตเรื่องนี้จะกลายเป็นรายงานสากลที่ทุกองค์กรต้องกางให้เห็น 

IBM มีโปรแกรมเก็บสถิติและจัดการข้อมูลหลังบ้านจำนวนมหาศาลให้เป็นระบบระเบียบ ทั้งยังละเอียดชนิดที่เห็นว่า องค์กรใช้ไฟฟ้าไปกี่หน่วย ปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาเท่าไหร่ สร้างขยะไปกี่กิโลกรัม ใช้น้ำกี่ลิตร โดย AI ตัวนี้มีชื่อว่า Envizi

“ในอนาคต เราอาจต้องดูว่าอาหารหนึ่งจานสร้างปริมาณคาร์บอนเท่าไหร่ หรืออย่างเราดูภาพยนตร์ผ่านแล็ปท็อปสักเครื่อง ลองเอาวางไว้บนตัก เราจะรู้ได้ว่ามันร้อนมาก นั่นคือพลังงานที่ถูกปล่อยออกมา ดังนั้น Data Center ใหญ่ ๆ ในองค์กรขนาดยักษ์จึงปล่อยความร้อนสูงมาก” เขาเล่าให้เห็นผลกระทบ

IBM ในฐานะองค์กรแนวหน้าของโลกเรื่องคอมพิวเตอร์ทำรายงานสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ปีแรกที่สวัสดิ์เข้าทำงานคือปี 1990 ต่อมาในปี 2000 ได้ออกเป้าหมายแรกในการลดคาร์บอน ผ่านไปอีก 10 ปี มีการออกข้อตกลงร่วมกันว่า องค์กรที่ร่วมงานกับ IBM จะต้องมีการเปิดเผยรายงานการปล่อยคาร์บอนด้วย

ส่วนปี 2030 พวกเขามีเป้าหมายใหญ่คือ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) โดยใช้เทคโนโลยีช่วยลดการปล่อยก๊าซในปริมาณที่เท่ากันหรือมากกว่าคาร์บอนที่ปล่อยไป ตั้งเป้าไว้ที่ 350,000 เมตริกตัน หรือน้อยกว่านั้น

จะเห็นได้ว่าเป้าหมายของ IBM ขยับขึ้นทุกปี พร้อมด้วยการพัฒนา Green IT ทั้งในรูปแบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ยกตัวอย่าง การวิจัยชิปขนาด 2 นาโนเมตร เพื่อให้การใช้พลังงานใน Data Center ในอนาคตลดน้อยลง ไม่แน่ว่าอีกหน่อย แบตเตอรี่โทรศัพท์อาจใช้ได้นานถึง 4 วัน ด้วยชิปตัวนี้

“IBM ทำงานวิจัย มีเรื่องเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมเยอะมาก ยกตัวอย่าง แบตเตอรี่ที่เราใช้ในปัจจุบันทำจากลิเธียมและนิกเกิล แต่มันมีราคาสูงและเริ่มหายาก ขณะที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้ากำลังมาและยังต้องการแบตเตอรี่ เราจึงต้องมองไปยังอนาคตที่ไกลกว่าว่า จะหาแร่อะไรมาทดแทนลิเธียมและนิกเกิลได้บ้าง”

ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *
ธุรกิจสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไร *

ข้อมูลจาก International Energy Agency ประมาณการณ์ว่า ทุกวันนี้ 1 เปอร์เซ็นต์ของไฟฟ้าทั่วโลกถูกใช้ไปกับ Data Center และภายในปี 2025 Data Center จะใช้ 1 ใน 5 ของพลังงานไฟฟ้าทั่วโลก

ส่วน United Nations Environment Programme ประเมินว่าอาคารต่าง ๆ ใช้พลังงาน 40 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานทั่วโลก 25 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณน้ำทั่วโลก และ 40 เปอร์เซ็นต์ของทรัพยากรโลก ซึ่งนำไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 30 เปอร์เซ็นต์

ฟังจากสถิติดังกล่าว สวัสดิ์บอกทันทีว่า อีกหน่อยเรื่องเหล่านี้จะไม่ใช่เรื่องของการตลาด การปลูกต้นไม้ หรือการประหยัดไฟอีกต่อไป แต่เป็นความจริงจัง กลายเป็นการแข่งขันที่ผู้บริโภคต้องดูฉลากก่อนซื้อสินค้าว่า โรงงานปล่อยคาร์บอนไปมากน้อยแค่ไหน หากประเทศไทยต้องการทำงานกับต่างชาติคงหลีกหนีข้อตกลงเรื่องนี้ไม่ได้

การเตรียมตัวเดินทางสู่อนาคต

สวัสดิ์บอกเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตรียมตัวเดินทางสู่อนาคตผ่านสิ่งสำคัญ 5 อย่าง หรือ 5S คือ Speed, Smart, Simplify, Scale และ Security ซึ่งเกี่ยวพันตั้งแต่การใช้เทคโนโลยีเข้ามาจัดการและการใช้ AI ให้เกิดประโยชน์

(Speed) เมื่อคนใจร้อน แอปฯ โหลดนาน องค์กรจึงต้องหันมาจัดการข้อมูลหลังบ้านใหม่ ลดกระบวนการที่ซับซ้อน (Simplify) และร่วมมือกับองค์กรอื่นที่ทำงานด้านนั้น ๆ เพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วแก่ผู้ใช้บริการ

ตัวอย่างคือ การปล่อยเงินกู้ที่ในอดีตต้องผ่านหลายขั้นตอน มีการให้ Credit Scoring ซึ่งช่วยแจกแจงข้อมูลให้เห็นว่า สถานะทางบ้านของผู้กู้เป็นอย่างไร ทำงานอะไร รายได้เท่าไหร่ เพื่อนำมาคำนวณปริมาณเงินกู้ที่ควรปล่อยให้ ขณะที่ปัจจุบัน มีการนำ AI เข้ามาทำ Cognitive Scoring จึงรู้ผลลัพธ์ได้เร็วกว่าเดิม (Smart)

“สำหรับเด็กที่โตมาพร้อมเทคโนโลยี เป็น Digital Native ก็ต้องทำความเข้าใจหลังบ้านสักหน่อย เพื่อให้ตามทันและเกิดความระมัดระวัง ระวังทั้งตนเองและระวังเผื่อพ่อแม่

“ส่วนคนเจน Y, X และ Baby Boomer ก็ต้องปรับตัว อัปสกิลล์ เพื่อใช้สิ่งเทคโนโลยีอย่างเข้าใจ เรื่องนี้ควรเริ่มต้นที่บ้าน พอมาเจอที่ทำงาน ซึ่งเป็นแบบไฮบริดมีคนหลายช่วงวัย สุดท้ายเราจะเชื่อมเข้าหากันได้อย่างราบรื่น เพราะยังไงโลกก็ยังต้องอยู่ด้วยคนหลากหลายเจนเนอเรชันแบบนี้ต่อไป” สวัสดิ์ทิ้งท้าย

เทรนด์เหล่านี้มีไว้ให้องค์กรใหญ่ดูกระแสโลกและปรับตัว แต่ในอีกทางก็มีไว้ให้ผู้บริโภคเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับโทรศัพท์และชีวิตของพวกท่านเช่นกัน

อย่างน้อยหลังอ่านบทความนี้จบ ท่านอาจทำใจให้สุขุมและอ่านข้อความขอความยินยอมเข้าถึงข้อมูลอย่างถี่ถ้วนกว่านี้