ต้นไม้กับกล้วยไม้มีความสัมพันธ์ในรูปแบบของการอิงอาศัยหรือภาวะเกื้อกูลกัน กล้วยไม้นั้นเหมือนเพื่อนที่มาขอติดรถกลับบ้านด้วย เราก็ให้ขึ้นรถโดยไปส่งที่ป้ายรถเมล์ทางผ่าน เพื่อนไม่ต้องจ่ายค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง แต่เราก็ไม่ได้เสียหายอะไรเพราะยังไงก็ต้องขับรถกลับบ้านอยู่แล้ว เป็นการเกื้อกูลเพื่อนไปในตัว แต่ตัวเพื่อนนั้นได้กำไรด้วยการประหยัดเงินไปเต็ม ๆ Show
ความสัมพันธ์ระหว่างต้นไม้กับกล้วยไม้กล้วยไม้จะยึดเกาะอยู่ที่ลำต้นหรือกิ่งของต้นไม้ซึ่งได้รับความชื้นและแร่ธาตุจากต้นไม้ โดยที่ต้นไม้ไม่ได้รับประโยชน์อะไร แต่กล้วยไม้ก็ไม่ได้ชอนไชรากเข้าไปทำอันตรายกับลำต้นของต้นไม้ ดังนั้นผู้ให้อาศัยก็ไม่เสียประโยชน์ กาฝากกับต้นไม้ใหญ่ ภาวะ ปรสิต กาฝากกับต้นไม้ใหญ่ ภาวะ ที่อธิบายความสัมพันธ์ ระหว่าง กาฝาก กับ ต้นไม้ใหญ่นั้น เรียกได้ว่าเหมือนกับภาวะปรสิต เนื่องจากแท้จริงแล้ว ต้นไม้ใหญ่ต้องเสียผลประโยชน์ ในการ ได้รับสารอาหารด้วยนั่นเอง กล้วยไม้ กับ กาฝาก เกาะต้นไม้ กล้วยไม้ กับ กาฝาก นั้น มีที่อยู่อาศัยเหมือนกัน คือต้องเกาะต้นไม้ใหญ่ เป็นที่อิงอาศัย แต่กาฝากจะทำการชอนไชเพื่อรับสารอาหารจากต้นไม้ใหญ่ แตกต่างจาก กล้วยไม้ที่ไม่ได้ดึงสารอาหารใด ๆ จากต้นไม้ใหญ่ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศสามารถแบ่งออกเป็น 6 รูปแบบ ดังนี้
กล้วยไม้เป็นไม้เลื้อย ยึดเกาะตามต้นไม้ใหญ่เพื่อการเจริญเติบโต กล้วยไม้สกุลหวาย dendrobium รากศัพท์ที่หมายถึง สิ่งมีชีวิตที่อาศัยบนต้นไม้อื่น กล้วยไม้เพื่อนรัก กาฝากเพื่อนร้ายกาฝากกับกล้วยไม้ พืชทั้งสองชนิดต่างก็เป็นพืชที่อาศัยเกาะอยู่ตามต้นไม้ใหญ่เหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่กาฝากเป็นพืชเบียน มีความสัมพันธ์กับต้นไม้ใหญ่แบบสภาวะปรสิต เพราะกาฝากจะแทรกรากเข้าไปในต้นไม้ใหญ่เพื่อแย่งอาหาร ส่วนกล้วยไม้เป็นพืชอิงอาศัย มีความสัมพันธ์กับต้นไม้ใหญ่แบบสภาวะอิงอาศัย กล้วยไม้จะไม่แทรกรากเข้าไปในต้นไม้ใหญ่เพื่อแย่งอาหาร เพียงแต่แค่เกาะอาศัยอยู่เท่านั้น ต้นไม้กับกล้วยไม้เป็นการอิงอาศัยและเกื้อกูลกันโดยไม่ทำร้ายกัน ต้นไม้คือผู้มีบุญคุณต่อกล้วยไม้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้การทำบุญนั้นเสียเวลาหรือเสียเงินแต่อย่างใด กล้วยไม้เองก็เพียงแต่ขอบคุณ โดยไม่ได้หักหลังหรือเสียอะไรไปให้ผู้มีบุญคุณ ซึ่งถือเป็นความสัมพันธ์ที่ดี ��к������ �������������ҵص�ҧ� �ж١��ع���¹�ѹ���������ҷ��������� ����դ�������� ��觡ѹ��Сѹǹ���¹�ѹ���ѯ�ѡ÷�����¡��� �ѯ�ѡâͧ���� (matter cycling) ������º��������Ӥѭ ���������§�����ҧ������о�ѧ�ҹ�ҡ�����ҵ��������ժ��Ե���Ƕ��·ʹ��ѧ�ҹ��ٻẺ�ͧ��áԹ��͡ѹ�繷ʹ� ���ش�����Ѯ�ѡè�����㹢�鹵�����ش�¼���������¡�Ѻ��������ҵ� �ѯ�ѡâͧ���÷���դ����Ӥѭ�������Ţͧ�к������ ���� �Ѯ�ѡâͧ��� �Ѯ�ѡâͧ���ਹ �Ѯ�ѡâͧ������� �Ѯ�ѡâͧ��ʿ���� • ภาวะการได้ประโยชน์ร่วมกัน ( Protocooperation ) คือ การอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิด โดยจะได้รับประโยชน์ซึ่งกันและกัน แม้แยกกันอยู่ก็สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติได้แก่แมลงกับดอกไม้ นกเอี้ยงกับควาย มดดำกับเพลี้ยประเทศแคนาดา เป็นประเทศอันกว้างใหญ่นี้มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายแบบ ซึ่งที่เที่ยวของแคนาดาแต่ละที่ก็ล้วนแต่ติดอันดับต้น ๆ ที่เที่ยวที่สวยที่สุดในโลกทั้งนั้น หากใครกำลังมองหาที่เที่ยวต่างประเทศที่คุ้มค่าต่อการไปเยือนอยู่ บอกเลยว่าการไปเที่ยวแคนาดาสักครั้งจะทำให้คุณได้ทั้งความประทับใจและนอนตายตาหลับ วันนี้เราจึงได้รวบรวม 10 ที่เที่ยวแคนาดามาฝากกันค่ะ จะมีที่ไหนบ้างนั้น ไปดูกัน 1.เทือกเขาร็อกกี้ (Rocky Mountains)Rocky Mountains เป็นเทือกเขาที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่มากที่สุดในประเทศแคนาดา ช่วงฤดูร้อนของประเทศแคนาดา กิจกรรมการท่องเที่ยวในแถบเทือกเขาสูงจะมีความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่เป็นมรดกโลกอย่างเทือกเขาร็อกกี้ จะอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ (Banff National Park) และอุทยานแห่งชาติแจสเปอร์ (Jasper National Park) รัฐแอลเบอร์ตา (Alberta) ซึ่งมีเส้นทางขับรถชมยอดเขาที่สวยงามมาก ๆ โดยเฉพาะบนเส้นทาง Icefields Parkway และ Trans-Canada Highway ช่วงเมือง Jasper 2. อุทยานแห่งชาติแบมฟ์ (Banff National Park)อุทยานแห่งชาติแบมฟ์ เป็นอุทยานที่เก่าแก่ที่สุดของแคนาดา ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อปี ค.ศ. 1885 อยู่ในเขตเทือกเขา Rocky Mountain ภายในอุทยานมีธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ อุทยานมีทิวทัศน์ที่สวยงาม มีน้ำพุร้อน มีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ และสัตว์ต่างๆ เช่น อินทรีย์สีทอง หมีกริซซ์ลี และ หมีดำ กวางมูส แพะภูเขา ทะเลสาบก็ไม่น้อยหน้า มีความงดงามติดอันดับต้น ๆ ของโลกเลยทีเดียว จึงทำให้อุทยานแห่งชาติแบมฟ์มีสมญานามว่า “อัญมณีแห่งเทือกเขาร็อกกี้” 3. Lake LouiseLake Louise ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดอันดับต้น ๆ ของโลก ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ (Banff National Park) รัฐแอลเบอร์ตา (Alberta) มีลักษณะเป็นทะเลสาบสีฟ้าเขียวมรกตสวยใส รายล้อมไปด้วยเทือกเขาสีเขียวสูงใหญ่ ที่เราจะสามารถมองเห็นหิมะที่ปกคลุมอยู่บนยอดเขาประปราย เป็นทัศนียภาพที่งดงามมาก ๆ เหมือนกับดินแดนในเทพนิยายเลยเชียว 4. Columbia IcefieldColumbia Icefield เป็นธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดในเทือกเขา Canadian Rocky ตั้งอยู่ระหว่างเขตติดต่อของรัฐบริติชโคลัมเบีย และรัฐแอลเบอร์ตา โดยแผ่นน้ำแข็งนี้วางตัวทอดยาวอยู่ทางด้านใต้ของอุทยานแห่งชาติแจสเปอร์ (Jasper National Park) และทางด้านเหนือของอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ (Banff National Park) มีพื้นที่ทั้งหมดราว ๆ 325 ตารางกิโลเมตร Columbia Icefields เป็นธารน้ำแข็งที่พิเศษ เพราะมีความลึกถึง 1,000 เมตร แม้กระทั่งหน้าร้อน ธารน้ำแข็งก็จะไม่ละลาย กิจกรรมไฮไลท์ของที่นี่ คือคุณสามารถเดินบนลานน้ำแข็งแห่งนี้ได้ราวกับเป็นพื้นถนน พร้อมถ่ายภาพสวยๆ เป็นที่ระลึก หรือจะขึ้นไปชมนิทรรศการเกี่ยวกับ Glacier ภายใน Icefield Center นักท่องเที่ยวก็สามารถนั่งรถขับเคลื่อนหกล้อขนาดใหญ่เพื่อเข้าไปถ่ายรูปกลาง Icefields ได้เลย 5. สแตนลีย์ ปาร์ค (Stanley Park) และเมืองแวนคูเวอร์ (Vancouver)สแตนลีย์ ปาร์ค สวนสาธารณะที่อยู่ใกล้ดาวน์ทาวน์เมืองแวนคูเวอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย เป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตที่ไม่ว่าใครได้มาเยือนเมืองนี้จะต้องแวะไปเที่ยวชม เพราะสวนสาธารณะแห่งนี้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ราว ๆ 400 เฮกตาร์ จึงเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามหลากหลายแบบทั้งป่าเขาและชายหาด มีจุดชมวิวเมืองแวนคูเวอร์ที่สวยงาม มีเส้นทางปั่นจักรยานสุดชิล มีร้านอาหารทะเลพร้อมวิวสวยปังของอ่าวและเมืองแวนคูเวอร์ให้ได้ไปสัมผัส อีกทั้งยังมีพื้นที่กิจกรรมให้เลือกทำอย่างครบรส เมืองแวนคูเวอร์ เป็นเมืองที่เจริญมากที่สุดเมืองหนึ่งทางฝั่งตะวันตกของแคนาดา มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรม โดยเฉพาะชาวเอเชีย เมื่อวัฒนธรรมแบบเอเชีย หล่อหลอมรวมกับสภาพอากาศที่อบอุ่นของเมืองแวนคูเวอร์ ทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกเลยล่ะ สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดเมื่อไปเยือนแวนคูเวอร์ อาทิ Capilano Suspension Bridge, Vancouver Lookout, Yaletown, Steam Clock in Gas Town, Dr. Sun Yat-Sen Classical Chinese Garden, Science World, Grouse Mountain, English Bay, Queen Elizabeth Park, Lynn Canyon Suspension Bridge เป็นต้น 6. The Butchart Gardensถ้าถามหาสวนดอกไม้ที่สวยงามมากที่สุดในโลก เชื่อได้เลยว่าจะต้องมีชื่อของ The Butchart Gardens เมือง Brentwood Bay รัฐบริติชโคลัมเบีย รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน ที่นี่เป็นสวนดอกไม้ที่มีประวัติยาวนาน ภายในสวนเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ ที่ผลัดกันออกดอกบานสะพรั่งตลอดทั้งปี ซึ่งจะมีการแบ่งเป็นโซนต่าง ๆ พร้อมทั้งจัดสวนในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป อาทิ Sunken Garden, Rose Garden, Concert Lawn Walk, Japanese Garden, Italian Garden และ Mediterranean Garden นอกจากนี้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนยังเหมาะแก่การสัมผัสประสบการณ์พิเศษอย่าง English Tradition of Afternoon Tea ที่นี่อีกด้วย 7.น้ำตกไนแอการา (Naigara Falls)น้ำตกไนแอการา (Niagara Falls) ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในน้ำตกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ระหว่างชายแดนรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และรัฐออนตาริโอ ประเทศแคนาดา ซึ่งน้ำตกแห่งนี้จะประกอบด้วย 3 น้ำตกด้วยกัน คือน้ำตกเกือกม้า (Horseshoe Falls) อยู่ทางฝั่งแคนาดา, น้ำตกอเมริกา (American Falls) อยู่ทางฝั่งสหรัฐอเมริกา และน้ำตก Bridal Veil อยู่ทางฝั่งอเมริกาเช่นกัน ซึ่งถ้าอยากเห็นน้ำตกทั้ง 3 แห่งในมุมสูง สามารถที่จะขึ้นหอคอยชมวิวได้จากทางฝั่งแคนาดา และทางฝั่งนี้ยังสามารถมองเห็นน้ำตกไนแอการาในวิวพาโนรามาได้แบบสวยสุด ๆ อีกด้วย หากใครมาเที่ยวชมในช่วงหน้าหนาว ก็จะเห็นน้ำตกกลายเป็นน้ำแข็ง ยามค่ำคืนจะมีการแสดงแสงไฟอร่ามตาไปที่น้ำตก ถือได้ว่าที่นี่เป็น The Must ของแคนาดา 8. เมืองวิกตอเรีย (Victoria)เมืองวิกตอเรีย ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแคนาดา อยู่บนเกาะแวนคูเวอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย เป็นเมืองท่าสุดเก่าแก่และมีความสวยงามมาก ๆ อีกแห่งหนึ่ง เป็นเมืองประวัติศาสตร์ เพราะเคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเมืองหลวงของแคนาดาในช่วงปี ค.ศ. 1871 และเป็นเมืองที่ที่มีอากาศอบอุ่นที่สุดในประเทศ และมีวันที่อากาศแจ่มใสบ่อยกว่าเมืองแวนคูเวอร์บนแผ่นดินใหญ่ ในเมืองที่อากาศดีเช่นนี้ คุณจะสนุกกับกิจกรรมกลางแจ้งที่มีให้เลือกมากมายในวิกตอเรียได้สบายๆ สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดของเมืองวิกตอเรีย อาทิ Craigdarroch Castle Historic House Museum, Whale Watching Tours, Hatley Park National Historic Site, Abkhazi Garden, Fort Rodd Hill & Fisgard Lighthouse, Bastion Square, Fairmont Empress, 9. เมืองควิเบก (Quebec City)เมืองควิเบก เป็นเมืองเอกของรัฐควิเบก ที่นี่ได้ฉายาว่ายุโรปแห่งอเมริกาเหนือ เพราะอาคารบ้านเรือนจะมีลักษณะศิลปะแบบยุโรปเสียส่วนใหญ่ เป็นเมืองที่มีอากาศหนาวตลอดทั้งปี และผู้คนส่วนมากจะพูดภาษาฝรั่งเศส จึงทำให้บรรยากาศของเมืองควิเบกคล้ายคลึงกับยุโรปเลยทีเดียว และนั่นจึงทำให้ที่นี่เป็นเมืองที่โรแมนติกมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สถานที่ท่องเที่ยวควิเบกที่ห้ามพลาด อาทิ Chateau Frontenac, Musee de la Civilisation, Citadelle of Quebec, Parliament Hill, Notre Dame de Quebec, Ramparts of Quebec City, Plains of Abraham 10. เมืองเยลโลไนฟ์ (Yellowknife)เมืองเยลโลไนฟ์ (Yellowknife) ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของประเทศแคนาดา ติดกับทะเลสาบ Great Slave Lake ในนอร์ทเวสต์เทอร์ริทอรีส์ (Northwest Territories) มีลักษณะเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่ก็ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคแถบนี้ และแน่นอนว่าเมืองเยลโลไนฟ์จะต้องมีอากาศที่หนาวเย็นมาก โดยเฉพาะหน้าหนาวที่บางปีอากาศจะติดลบลงไปถึง -50 องศาเซลเซียส บอกเลยว่าที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ชมแสงเหนือ (Aurora) ที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในหน้าหนาวนักท่องเที่ยวจะแห่มาเยือนที่นี่กันมากมาย เพื่อชมความสวยงามของแสงเต้นระบำบนฟากฟ้า ใครอยากมีประสบการณ์สุดพิเศษที่ไม่เหมือนใคร อย่าได้พลาดเมืองนี้ไปเป็นอันขาด ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเสี้ยวส่วนหนึ่งของที่เที่ยวแคนาดาเท่านั้น ประเทศทางตอนเหนือของอเมริกาเหนือแห่งนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวเด็ด ๆ ให้ไปค้นหากันอีกเพียบ แต่จะมีอะไรบ้างนั้น คงต้องแพ็กกระเป๋าออกสำรวจด้วยตัวเองน่าจะดีกว่า 🙂 กล้วยไม้กับต้นไม้ใหญ่มีความสัมพันธ์กันแบบใดภาวะอิงอาศัย,ภาวะเกื้อกูล ( Commensalism ) ได้แก่พลูด่างกับต้นไม้ใหญ่ กล้วยไม้กับต้นไม้
รังนกบนต้นไม้เป็นความสัมพันธ์แบบใด3. ภาวะอิงอาศัยหรือภาวะเกื้อกูล เป็นความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิดที่อยู่ร่วมกัน โดยที่ฝ่ายหนึ่งได้รับประโยชน์ ส่วนอีกฝ่ายไม่ได้และไม่เสียประโยชน์ใดๆ เช่น นกกับต้นไม้ใหญ่ นกจะทำรังบนต้นไม้ใหญ่ ทำให้ได้ที่อยู่อาศัย ส่วนต้นไม้นั้นไม่เสียประโยชน์
ต้นฝอยทองกับต้นไม้ใหญ่มีความสัมพันธ์แบบใดข. ภาวะปรสิต (parasitism) เป็นความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตที่มีฝ่ายหนึ่งเป็นผู้เบียดเบียน เรียกว่า ปรสิต (parasite) และอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเจ้าของบ้าน (host) ต้นกาฝากเช่น ฝอยทองที่ขึ้นอยู่บนต้นไม้ใหญ่ จะดูดน้ำและอาหารจากต้นไม้ใหญ่
กล้วยไม้ป่าที่เกาะอยู่บนต้นไม้ใหญ่มีความสัมพันธ์ในระบบนิเวศแบบใด *- พืชอิงอาศัย (epiphyte) บนต้นไม้ใหญ่ เช่น กล้วยไม้ที่อยู่บนต้นมะม่วง - นก ต่อ แตน ผึ้ง ทำรังบนต้นไม้ ความสัมพันธ์แบบปรสิต (Parasitism : + , -) หมายถึง การอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิด โดยฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์ เรียกว่า ปรสิต (parasite) อีกฝ่ายหนึ่งเสียประโยชน์เรียกว่าผู้ถูกอาศัย (host) เช่น
|