ทัศนคติ ที่ ดี ต่อ องค์กร

คุกกี้พื้นฐานที่จำเป็น เพื่อช่วยให้การทำงานหลักของเว็บไซต์ใช้งานได้ รวมถึงการเข้าถึงพื้นที่ที่ปลอดภัยต่าง ๆ ของเว็บไซต์ หากไม่มีคุกกี้นี้เว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้อย่างเหมาะสม และจะใช้งานได้โดยการตั้งค่าเริ่มต้น โดยไม่สามารถปิดการใช้งานได้


คุกกี้ในส่วนวิเคราะห์ จะช่วยให้เว็บไซต์เข้าใจรูปแบบการใช้งานของผู้เข้าชมและจะช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลและรายงานผลการใช้งานของผู้ใช้งาน


คุกกี้ในส่วนการตลาด ใช้เพื่อติดตามพฤติกรรมผู้เข้าชมเว็บไซต์เพื่อแสดงโฆษณาที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้งานแต่ละรายและเพื่อเพิ่มประสิทธิผลการโฆษณาสำหรับผู้เผยแพร่และผู้โฆษณาสำหรับบุคคลที่สาม

มีคำว่ากล่าวว่าทัศนคติสำคัญกว่าความสามารถ คุณเห็นด้วยกับคำกล่าวนี้ไหมคะ? ทัศนคติถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่สามารถทำให้เราประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวในการทำงานได้ เพราะคนที่เก่งมากๆ หากมีทัศนคติที่แย่ สุดท้ายแล้วก็อาจต้องเจอกับความล้มเหลวได้ ในทางกลับกันคนที่มีทัศนคติที่ดี แม้อาจไม่เก่งมากนัก พวกเขาก็จะพยายามปรับปรุงและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอจนก้าวสู่ความสำเร็จได้ ทัศนคติจึงเป็นหนึ่งในเกณฑ์วัดที่ HR นิยมใช้ในการคัดเลือกผู้สมัครเข้าทำงานในองค์กรเสมอมา

จากการทำวิจัยของ Adecco ที่ได้ศึกษาและเก็บข้อมูลผ่านการสัมภาษณ์และคัดเลือกคนไปทำงานในบริษัทต่างๆ พบว่า ส่วนใหญ่แล้วคนที่ประสบความสำเร็จในการทำงานจะมีทัศนคติที่เป็นองค์ประกอบอยู่ 4 ด้านด้วยกัน ซึ่งองค์ประกอบต่างๆเหล่านี้ จะสะท้อนถึง มุมมอง ทัศนคติ รวมไปถึงพฤติกรรม ที่ส่งผลให้ทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมาย และมีสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ร่วมงาน

1. มุ่งมั่นตั้งใจทำงาน

สิ่งที่จะวัดว่าเราจะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่ที่ทัศนคติด้านนี้ค่ะ เพราะในการทำงานย่อมมีอุปสรรคและความท้าทายต่างๆ บางคนเจอปัญหาแล้วก็อาจท้อแท้ ล้มเลิกไปกลางคัน แต่คนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ จะมีเป้าหมายในใจที่ชัดเจน มีความเพียรพยายามที่จะหาหนทางแก้ไขปัญหาและทำงานให้สำเร็จตามเป้าหมาย แม้ว่าอาจจะต้องยอมเสียสละความสบายไป ก็พร้อมทุ่มเททำงานเพื่อให้งานสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้

2. อดทนต่อสถานการณ์ที่กดดัน

การทำงานบางครั้งต้องเจอสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับงานหนัก แรงกดดัน หรือปัญหาต่างๆ การ
มีทัศนคติที่ดีและอดทนต่อสถานการณ์ต่างๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้สามารถรับมือและฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ไม่จมอยู่กับปัญหานาน มองไปข้างหน้า มองปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่รับมือได้ ไม่ท้อถอยในการหาทางแก้ปัญหา

 
3. มีพลังพร้อมเรียนรู้กับสิ่งใหม่

โลกในยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นทุกวัน การเปิดใจเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ ขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติม ทดลองทำสิ่งใหม่ๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการ ลับคมทักษะเดิม เพิ่มเติมทักษะใหม่ เพื่อนำไปใช้และต่อยอดในการทำงานให้ก้าวทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

คนที่มีทัศนคติด้านนี้มักมีมุมมองแบบ Start-up คือ ไม่จำเป็นต้องรอให้ทุกอย่างพร้อมค่อยลงมือทำ แต่ให้ลงมือทำ แล้วค่อยๆ เรียนรู้ ปรับปรุงไป กล้าที่จะลองผิดลองถูก เพราะหากรอให้ทุกอย่างพร้อม หรือยึดติดกับแบบแผนในอดีต เอาแต่คิดว่าทำไม่ได้ ไม่กล้าเรียนรู้หรือทดลองสิ่งใหม่ ก็จะทำให้ขาดโอกาสในการพัฒนาตัวเอง

นอกจากภาษีที่ผู้มีรายได้ตามเกณฑ์จะต้องถูกหักทุกเดือนแล้ว เงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมก็เป็นอีกหนึ่งรายจ่ายที่ชาวออฟฟิศห...

ทัศนคติ ที่ ดี ต่อ องค์กร

4 เคล็ดลับงานอดิเรกสร้างรายได้ ทำตามได้จริง

งานอดิเรกเป็นการสร้าง Work-life balance ที่ดีทางหนึ่ง เมื่อเราใช้เวลาว่างกับสิ่งที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นถักโครเชต์ ทำงานศิลปะ...

ทัศนคติ ที่ ดี ต่อ องค์กร

7 คุณลักษณะ Intrapreneur ทัศนคติแบบผู้ประกอบการที่พนักงานควรมี

พนักงานยุคใหม่ที่มีคุณลักษณะแบบผู้ประกอบการ หรือ Intrapreneur คือพนักงานที่ทุ่มเททำงาน มีทักษะและความสามารถ มีจิตวิญญาณแ...

องค์กรจะก้าวหน้าและไปได้ดี หัวใจสำคัญนอกเหนือไปจากประสิทธิภาพในการทำงานแล้ว ก็คือความสามารถในการบริหารคนในองค์กร เพื่อให้ความสัมพันธ์ของพนักงานทุกฝ่ายเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่ติดขัด เพราะเมื่อองค์กรสามารถทำให้การสื่อสารระหว่างกันเกิดขึ้นได้อย่างเข้าใจ ไม่ว่าจะกี่ปัญหาก็สามารถผ่านไปได้อย่างง่าย ๆ

วิธีที่ง่ายที่สุดที่สามารถเริ่มได้เลยก็คือการเปลี่ยนทัศนคติของตัวเอง และในฐานะที่เป็นผู้นำองค์กร จะมีวิธีเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงทัศนคติในการบริหารลูกน้องได้อย่างไร ? 

วันนี้ HR NOTE ขอแนะเทคนิคจากบางส่วนของหนังสือ วิชาธุรกิจที่ชีวิตจริงเป็นคนสอน โดยคุณ ธรรศภาคย์ เลิศเศวตพงศ์ มาสรุปให้อ่านกัน

Contents

    1) Hire The Best

    เริ่มต้นที่การจ้างงาน ควรจะเลือกจ้างคนที่ดีที่สุดเท่าที่หาได้ทุกครั้งในทุกตำแหน่งงาน ไม่ควรเลือกจ้างใครก็ได้เพื่อให้มาทำงานที่ไม่มีใครอยากทำด้วยค่าแรงที่น้อยที่สุดหรือจ้างตามอัตราตลาด เพราะคนที่เก่งย่อมไม่อยู่นิ่งและมองหาโอกาสเสมอ ซึ่งค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อหรือได้มากกว่านั้น ย่อมได้ผลงานที่ออกมาดีกว่า โดยให้มองพนักงานว่าเป็นเครื่องมือในการช่วยหารายได้เข้าองค์กร ไม่ใช่ภาระขององค์กร เพราะการจ้างคนคือการหาคนมาทำงานให้เรา เพราะฉะนั้นจงมอบอำนาจในการตัดสินใจให้เขาเยอะ ๆ ผลที่ได้คือผลงานที่ออกมาอย่างรวดเร็วและความเก่งที่ซ่อนอยู่ซึ่งคุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนด้วย

    สูตรในการจ้างงาน ทำน้อยให้ได้มาก 20:20:20

    • ให้เงินเดือนพื้นฐานสูงกว่าอัตราตลาด 20%
    • ให้พนักงานมีเวลาการทำงานน้อยกว่าปกติ 20%
    • ให้พนักงานมีผลงานหรือ Output ดีกว่ามาตรฐาน 20%

    คุณกำลังมองหาพนักงานที่ใช่อยู่หรือเปล่า?

    ทัศนคติ ที่ ดี ต่อ องค์กร

    SourcedOut แพลตฟอร์มดิจิทัลที่เชื่อมบริษัทกับนักสรรหามืออาชีพโดยตรง

    ช่วยลดต้นทุนในการสรรหากว่า 30% – 50% เมื่อเทียบกับบริษัทจัดหางานทั่วไป

    ไม่มีการจ้างงานเพิ่ม ไม่มีค่าธรรมเนียม และไม่มีความเสี่ยง!

    คลิกด้านล่างเพื่อประกาศหางานกับ SourcedOut ได้เลย!

    ทัศนคติ ที่ ดี ต่อ องค์กร

    2) Start From The Ground

    ลองคิดว่าตัวเองเป็นลุกน้องดูบ้าง และลองทำในส่วนที่ลูกน้องทำ เพราะการสอนงานด้วยการทำให้ดูนั้นมีพลังมากกว่าการสอนด้วยปาก และถ้าสามารถทำได้ ลูกน้องจะเกิดความ trust รู้สึกศรัทธาและให้คุณหมดทั้งใจ การลงไปทำงานจริงยังช่วยทำให้มองเห็นภาพรวมของทั้งหมด มองเห็นต้นตอและเข้าใจปัญหาได้ดีที่สุดอีกด้วย

    3) เป็นคนฉายไฟ

    หน้าที่ของคนเป็นหัวหน้าคือหาเวทีให้ลูกน้องได้แสดงออก ช่วยฉายไฟเวลาที่ลูกน้องกำลังแสดงอย่างโดดเด่น ช่วยหลบไฟเวลาที่แสดงผิดพลาด ซึ่งหลบไฟในที่นี้ หมายถึง การช่วยออกโรงปกป้องไม่ให้ลูกน้องโดนต่อว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นการช่วยกันปิดบังความผิด และที่สำคัญคือให้พื้นที่ตัวสำรองลงสนามบ้าง

    เพราะในทุก ๆ ทีมเวิร์คจะมีคนเด่นและคนรองเสมอ การเปิดโอกาสให้ตัวสำรองได้แสดงฝีมือบ้าง จะทำให้หัวหน้าเห็นความสำคัญของทีมโดยทั่วถึงกัน และเป็นการพัฒนาความสามารถของตัวสำรองด้วย

    สิ่งสำคัญคือยึดติดในหน้าที่ไม่ใช่ตัวบุคคล และสร้างวัฒนธรรมและความเชื่อเดียวให้ทีมรู้ว่าทุกคนสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องอาศัยหัวหน้าคนนี้คนเดียว ความเชื่อนี้จะเป็นแรงผลักดันให้ทุกคนพัฒนาตัวเองและเอาตัวรอด กล้าตัดสินใจด้วยตัวเองเมื่อปัญหามาถึง

    4) Review and Revert

    ให้ Feedback งานอย่างรวดเร็วเวลาลูกน้องทำงานมาให้ว่าต้องแก้อะไรบ้าง ซึ่งถือเป็นการปรับสไตล์ในการทำงานและเรียนรู้ร่วมกัน และลองชมให้บ่อย และบ่นให้น้อยลงเพราะคำชมเป็นสิ่งสร้างพลังบวกให้ทุกคนในทีมและควรเป็นคำชมแบบเต็มใจ ให้ทั้งทีมรับรู้เพื่อสร้างความรู้สึกบวกร่วมกัน ส่วนเวลาที่จะบ่นหรือดุนั้นควรทำตามลำพัง ที่สำคัญคือเมื่อดุแล้วต้องทำให้ดีกว่าลูกน้องด้วย

    ทัศนคติ ที่ ดี ต่อ องค์กร

    เจ้านายและลูกน้องควรมีวิธีการเสนอแนะ (Feedback) แก่กันอย่างไร

    5) ใช้ Post-it สั่งงาน ดีกว่าใช้ E-mail

    การสั่งงานด้วย Post-It ไปแปะที่โต๊ะทำงานด้วยลายมือตัวเองนั้นได้ผลกว่าการสั่งงานด้วย E-mail หลายเท่า เพราะมันแสดงให้เห็นว่างานนั้นเป็นงานที่สำคัญที่คุณถึงกับต้องเขียนด้วยลายมือตัวเองและเดินมาถึงโต๊ะลูกน้องเพื่อสั่งงาน ลูกน้องจะมีความรู้สึกอยากทำงานนั้นก่อนเป็นอันดับแรกเพราะเป็น Assignment ที่โดดเด่นและแตกต่างจากงานที่ได้รับมอบหมายอื่น ๆ

    6) ให้คนในทีมได้ทำในสิ่งที่ถนัด

    คำกล่าวของไอน์สไตน์ที่ว่า “ถ้าคุณวัดความสามารถของปลาโดยใช้มันปีนต้นไม้ มันคงใช้เวลาทั้งชีวิต” ในฐานะหัวหน้า คุณต้องรู้จุดอ่อนจุดแข็งและธรรมชาติของทุกคนในทีม และให้ทุกคนได้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ส่วนที่เหลือคือให้เขาตัดสินใจเอาเองว่าจะออกแบบชีวิต และรูปแบบการทำงานอย่างไร เพื่อให้ทีมของคุณมีส่วนผสมที่ลงตัว และมีความหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น มีตำแหน่งนักคิด นักทำ นักเจรจา นักนำเสนอ รวมไปถึงนักระแวดระวัง เป็นส่วนผสมที่ทำให้เกิด Synergy ในทีม

    7) ให้อิสระในวิธีการคิดและการทำงาน

    ในยุคสมัยใหม่ คนรุ่นใหม่มีสไตล์การทำงานที่ต่างจากคนรุ่นเก่าค่อนข้างมาก ค่อนข้างมีความคิดแบบ Ownership และไม่ยึดติดคุณค่าของตัวเองกับระบบเดิมๆแบบ Hierarchy อีกต่อไป ดังนั้นเจ้านายยุคใหม่ต้องเข้าใจและตามให้ทัน ต้องปล่อยให้เขามีอิสระในการคิด และมีสิทธิ์ในการออกแบบชีวิตของตัวเอง รวมไปการรับผิดชอบตัวเองในการพัฒนาความสามารถอยู่เสมอ

     

    8) กินข้าวร่วมกัน

    วางเรื่องงานไว้ที่ทำงานและลองออกไปหาอะไรกินด้วยกันอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่ออยู่ในบทบาทที่ต่างออกไปบ้าง เพื่อซักถามสารทุกข์สุขดิบและชีวิตส่วนตัวกันบ้าง สิ่งนี้ช่วยให้ทราบถึงสถานการณ์ชีวิตของแต่ละคน เพราะแต่ละสถานการณ์ย่อมส่งผลต่อการทำงานในช่วงนั้น ๆ ของแต่ละคนอย่างปฏิเสธไม่ได้ คนเป็นเจ้านายจำเป็นต้องรู้ความเป็นไปของชีวิตลูกน้องในระดับพื้นฐาน

    ทัศนคติ ที่ ดี ต่อ องค์กร

    การบริหารคนก็เป็นเหมือนการบริหารชีวิตและความก้าวหน้าของคนคนหนึ่ง ซึ่งในฐานะหัวหน้างานถือเป็นหน้าที่ของคุณที่ต้องบริหารคนในองค์กรทุกคนไปพร้อมกัน ซึ่งทั้ง 8 ข้อนี้เป็นเพียงเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำได้ง่าย แต่เกิดผลอย่างมากมายมหาศาล

    ทัศนคติที่ดี 8 ข้อ มีอะไรบ้าง

    Post navigation.
    1.ให้คุณค่ากับเวลาเสมอ ... .
    2. ความสุขมาจากประสบการณ์ไม่ใช่สิ่งของ ... .
    3. อยู่กับปัจจุบันให้มีความสุขกับช่วงเวลาที่เรากำลังใช้อยู่ ... .
    4. ใช้ในสิ่งที่คุณได้เรียนรู้ ... .
    5. ให้ความสำคัญกับความล้มเหลว ... .
    6. สร้างความรู้สึกขอบคุณ ... .
    7. หาเหตุผลในสิ่งที่เราทำให้เจอ ... .
    8. ทุกอย่างเริ่มต้นที่ความคิด.

    ทัศนคติที่ดีควรมีอะไรบ้าง

    💬 7 นิสัยคนทัศนคติดี.
    ฟังเสียงคนอื่นมากขึ้น พูดเรื่องตัวเองน้อยลง.
    วางตัวเป็นกลาง ไม่ตัดสินใครถูกใครผิด.
    ไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่นจนเกินไป.
    คอยให้กำลังใจ ซัพพอร์ตคนรอบตัว.
    ยินดีกับความสำเร็จของคนอื่นจากใจ.
    วางตัวดี มีความฉลาดทางอารมณ์.
    รักตัวเอง เป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด.

    ทัศนคติที่ดีในการทำงานคืออะไร?

    ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ คนที่มีทัศนคติที่ดี จะเป็นคนที่ใช้เหตุผลในการทำงาน ในการพูดคุยกัน มากกว่าที่จะใช้อารมณ์เข้าหากัน ในการทำงานก็เช่นกัน คนที่มีทัศนคติที่ดี จะทำงานโดยคุยกันด้วยเหตุและผล อะไรผิด อะไรถูก ก็คุยกันได้ทุกเรื่อง ไม่ใช่พอเพื่อนร่วมงาน หรือหัวหน้า มาพูดจาไม่เข้าหู หรือพูดไม่ถูกใจเรา หรือมีพฤติกรรมที่ไม่ ...

    ทัศนคติที่ดีคืออะไร สำคัญอย่างไรกับชีวิตเรา

    ทัศนคติที่ดีคือ ความคิดที่มีเหตุและผล คุณสมบัติของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ คิดอย่างมีสติ มองความเป็นจริง มากกว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจไม่สำคัญ เมื่อเทียบกับทัศนคติของเราที่มีต่อเหตุการณ์นี้ ทัศนคติเชิงลบกับทัศนคติเชิงบวกเกิดขึ้นไม่พร้อมกัน เราสามรถเลือกได้