เที่ยวญี่ปุ่นทั้งทีก็อยากเล่นเน็ตแบบไม่สะดุด เช็กอินอวดได้ไม่ขาดตอน แต่ก็ยังลังเลว่าจะเช่า Pocket Wi-Fi หรือซื้อ SIM ดี วันนี้ Wongnai มีคำตอบมาให้แล้ว! Show นอกจากจะกลุ้มใจกับเรตเงินก่อนไปเที่ยวแล้ว อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่คิดว่าทุกคนจะลังเลคือเช่า Pocket Wi-Fi หรือซื้อ SIM ดี เพราะไปเที่ยวทั้งทีก็อยากโพสต์เรียลไทม์แต่ทำยังไงให้เน็ตไม่สะดุด เช็กอินอวดได้ไม่ขาดตอน ถ้าไม่นับคนที่ไปญี่ปุ่นแทบทุกเดือนแบบปุ้ย (อุ๊ย อย่าเพิ่งอิจฉาค่ะ นี่ไปทำงานล้วนๆ เห็นแค่พระอาทิตย์ตอนตื่นนอน วิวที่เห็นมีแค่รถไฟ สูทดำ ควันบุหรี่และพระจันทร์ (-_-;) ) และไปเที่ยวเองหลายครั้ง ก็จะมาแชร์ประสบการณ์การเลือกใช้ค่ะ การเลือกใช้SIM หรือ Pocket Wi-Fi จริง ๆ ถ้าพูดถึงเรื่องราคาแทบจะไม่แตกต่างกันเท่าไหร่แล้วเพราะตอนนี้ คนไทยเราไปเที่ยวญี่ปุ่นกันพอ ๆ กับไปช้อปปิ้งที่สยาม หรือเที่ยวธรรมชาติที่เขาใหญ่ ทำให้หลายบริษัทมีความแข่งขันกันเรื่องของราคา ออกโปรโมชั่นกันแบบไม่ต้องรอเทศกาล ทำให้ผู้บริโภคอย่างเราสบาย เลือกใช้ได้ตามที่ที่จะไปเที่ยวได้เลยค่ะ ก่อนอื่นมาดูการเลือกใช้กันดีกว่า ว่าแบบไหนเหมาะกับทริปตะลุยแดนปลาดิบของเรากัน เที่ยวตามจริตส่วนตัวลักษณะ : เป้าหมายที่ไปเหมือนกันบ้าง แต่ไม่ได้ตัวติดกันตลอด แยกย้ายกันตามจริต ตามสถานที่ที่ชอบ หรือเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง บางครั้งในจังหวัดเดียวกัน บางคนชอบช้อปปิ้ง บางคนชอบธรรมชาติ บางคนชอบประวัติศาสตร์ พอรสนิยม (จริต) ส่วนตัวแตกต่าง เราอยากได้ความคล่องตัวในการติดต่อกัน ไม่จำเป็นต้องเน็ตแรง เร็วเฟี้ยวฟ้าวติดจรวด ปุ้ยแนะนำให้ใช้ SIM ค่ะ SIM ถ้าซื้อจากที่ไทยก็มีของ SIM2Fly จาก AIS และของ True ปุ้ยว่าสะดวกพอกันนะคะ เที่ยวกันเป็นกลุ่มลักษณะ : จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน พวกเราจะไม่แยกจากกันจนกว่าจะกลับไทย แบบนี้ปุ้ยแนะนำ Pocket Wi-Fi เพราะแชร์สัญญาณเน็ตกันได้หลายคน เน็ตแรง สัญญาณไม่ตก ราคาค่าเช่าหารกันแล้วถูกกว่าแยกกันซื้อ SIM ถ้าเห็น A ซังเช็กอิน ทุกคนจะเห็น B, C และ D ซัง เช็กอินที่เดียวกันพร้อม ๆ กัน หรือจะให้ใครเป็นตัวแทนโพสต์ก็ได้ถ้าขี้เกียจ เพราะอยู่กันครบทุกคน อิอิ ข้อเสียคืออะไร? แบตเตอรี่ค่ะ!! เวลาแบตใกล้หมด พาวเวอร์แบงก์ก็ต้องเอาไป แต่ถ้าไปกันหลายคน สลับกันถือก็ได้ไม่เป็นไร แบ่ง ๆ กันหนักกระเป๋าบ้าง เพราะอย่างปุ้ยเที่ยวคนเดียว แถมมีทั้งกล้องดิจิทัล กล้องฟิล์ม โทรศัพท์ พาวเวอร์แบงก์ และ Pocket Wi-Fi อีก โอ้โห หนักมากค่ะ ทิ้งไม่ได้สักอย่าง (✱°⌂°✱) ถ้าปุ้ยไปคนเดียวจะไม่เลือก Pocket Wi-Fi แต่ถ้าใครไม่เกี่ยงเรื่องน้ำหนัก และอยากได้สัญญาณเร็วแรงถึงใจ ก็ไปที่ Pocket Wi-Fi ได้เลยค่ะ เช่า-ซื้อได้ที่ไหน ?Pocket Wi-Fiสำหรับการใช้บริการ ถ้าเป็น 4g Pocket Wi-Fi ก็เลือกใช้ตามโปรโมชั่นของแต่ละบริษัท เสิร์ชคำว่า “เช่า Pocket Wi-Fi ญี่ปุ่น” ก็จะมีหลายเจ้ามาให้เทียบราคา และการรับ ส่ง คืน เครื่องได้ อย่างปุ้ยจะชอบใช้ของบริษัทที่สามารถรับและคืนเครื่องได้ที่สนามบิน เพราะสะดวก แจ้งแค่วันที่เราบิน สถานที่ที่จะไป (เผื่อเกิดไปย่านชนบท ลุยป่า ขึ้นเขา ทางบริษัทที่เช่าจะได้แนะนำเครื่องที่เหมาะสมกับเราได้ด้วย ) นอกนั้นก็จะมีเรื่องของประกัน ซึ่งปุ้ยไม่เคยซื้อเพราะพอเกิดปัญหาก็ใช้ Wi-Fi ฟรีของสนามบิน แล้วติดต่อเอเจนต์ของแต่ละบริษัทที่อยู่ด้านหลังเครื่อง ให้เขาจัดการปัญหาเรื่องสัญญาณให้เราได้ พอเที่ยวเสร็จกลับมาก็คืนที่สนามบินเหมือนเดิม SIMส่วน SIM หาซื้อได้ตามศูนย์ให้บริการทั่วไปได้ค่ะ พอถึงก็แค่เปลี่ยน SIM เปิดใช้งาน จบขั้นตอน ทั้งง่ายและสะดวก แต่อย่าคาดหวังเรื่องความเร็วและความเสถียรของสัญญาณ (ขอย้ำอีกที) จะได้ไม่เซ็ง เวลาสัญญาณช้า แฮร่ ก่อนจะจบการรีวิว ปุ้ยก็มีตัวอย่างบริษัทเช่า Pocket Wi-Fi กับ เครือข่าย SIM ที่น่าสนใจมาฝากไว้เล็กน้อยค่ะ กลับมาคึกคักอีกครั้งกับการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น หลังจากทางการญี่ปุ่นจะเริ่มฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวไทย ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป ดังนั้นน้องจากเตรียมแพลนต่าง ๆ แล้ว สิ่งที่ขาดไปไม่ได้คือ “ซิมเที่ยวญี่ปุ่น” บทความนี้เราจะมาแนะนำซิมเที่ยวญี่ปุ่น สำหรับผู้ที่ใช้งาน dtac หรือสนใจใช้ซิมเที่ยวญี่ปุ่นของ dtac ไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง SIM Go Inter สำหรับซิมเที่ยวญี่ปุ่นจาก dtac ซิมแรกที่เราจะมาแนะนำ คือ SIM Go Inter เป็นซิมโรมมิ่งต่างประเทศที่คุ้มที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะมีให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งซิมแบบระบุประเทศ ซิมสำหรับใช้งานในหลายพื้นที่ และซิมครอบคลุมทั่วโลก เรียกได้ว่าเป็น SIM Go Inter สมชื่อเลย งั้นเรามาดูรายละเอียดกันดีกว่าว่ามีแบบไหนให้เลือกบ้าง SIM Go Inter: เที่ยวเอเชีย ออสเตรเลีย และอเมริกา เป็นซิมเที่ยวญี่ปุ่นในราคา 399 บาท สามารถใช้งานได้ถึง 10 วัน โดยใช้เน็ตได้ถึง 6GB แบบ Non-stop ความเร็วสูงสุด แถมยังได้รับเน็ตโรมมิ่งฟรีไปอีก 4GB นอกจากจะใช้งานได้ในประเทศญี่ปุ่นแล้ว ยังสามารถใช้งานได้ในประเทศแถบเอเชีย เช่น กัมพูชา เกาหลีใต้ ไต้หวัน ลาว เวียดนาม และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมไปถึงประเทศออสเตรเลีย อเมริกา และเปอร์โตริโกได้อีกด้วย ซื้อ e-sim SIM Go Inter: เที่ยวทุกทวีปทั่วโลก นอกจากจะใช้เป็นซิมเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว SIM Go Inter ตัวนี้ยังยังเหมาะกับคนที่เดินทางไปในหลากหลายทวีปทั่วโลก เพราะสามารถรองรับการใช้งานได้ในหลายประเทศ แบ่งออกเป็น 2 แบบ ดังนี้
นอกจากใช้เป็นซิมในประเทศญี่ปุ่นแล้ว ยังสามารถใช้งานได้ในประเทศปลายทางอีกมากมายทั่วโลก เช่น นิวซีแลนด์ แอฟริกาใต้ เดนมาร์ก นอร์เวย์ ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี บราซิล เกาหลีใต้ ฮ่องกง อินโดนีเซีย ฯลฯ เรียกได้ว่าครอบคลุมประเทศที่คนไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวทั่วโลกเลยทีเดียว SIM Go Inter: เที่ยวสิงคโปร์ และเที่ยวมาเลเซีย แนะนำเพิ่มเติมสำหรับสายท่องเที่ยวแถบเอเชีย นอกจากจะไปญี่ปุ่นด้วย SIM Go Inter 3 รายการที่แนะนำไปแล้ว ทาง dtac ยังมี SIM Go Inter อีก 2 รายการ สำหรับคนที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย
ข้อดีของการเลือกใช้ SIM Go Inter
ซื้อ SIM Go Inter ที่ไหนได้บ้าง สามารถซื้อ SIM Go Inter เพื่อใช้เป็นซิมเที่ยวญี่ปุ่นได้ที่ศูนย์บริการดีแทคทั่วประเทศ หรือจะซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ บน dtac website และทางร้าน dtac Official Store ทั้งทาง Shopee, Lazada และ JD Central หรือเคาน์เตอร์ dtac ตามสนามบินต่าง ๆ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่ การรักษาสภาพซิมเพื่อใช้งานในทริปถัดไป อย่างที่ระบุไว้ในข้อดีของการเลือก SIM Go Inter ในการเป็นซิมเที่ยวญี่ปุ่นข้อหนึ่งก็คือ เมื่อใช้งานเสร็จแล้ว สามารถเก็บรักษาซิมไว้ใช้สำหรับทริปถัดไปได้ เหมาะสำหรับคนยที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวบ่อย ๆโดยวิธีในการรักษาสภาพซิมก็คือ เติมยอดเงินเข้าไปในซิมซึ่งสามารถรักษาสภาพซิมไว้ได้อย่างน้อย 30 วันต่อการเติม 1 ครั้ง และเมื่อต้องการนำไปใช้งานต่อในทริปถัดไป ก็เพียงแค่ซื้อแพ็กเกจโรมมิ่งเสริมเข้าไป ทำได้ง่าย ๆ ใน 3 ขั้นตอน
การเปิด Roaming เพื่อใช้งานในญี่ปุ่น ลูกค้าที่ใช้งานซิมของดีแทคอยู่แล้ว สามารถเปลี่ยนซิมธรรมดาให้กลายเป็นซิมเที่ยวญี่ปุ่นได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนซิม เพียงซื้อแพ็กเกจโรมมิ่งเพิ่มเติม ใช้ได้ทั้งลูกค้าแบบรายเดือนและแบบเติมเงิน มีทั้งแบบใช้เน็ตไม่จำกัด เน็ตคิดตามปริมาณที่ใช้ และค่าโทรสุดคุ้มระหว่างเดินทาง มีแพ็กเกจให้เลือก ดังนี้ แพ็กเกจโรมมิ่งสำหรับอินเตอร์เน็ต
ซึ่งแต่ละแพ็กเกจสำหรับการเปิดโรมมิ่งเพื่อใช้งานซิมเที่ยวญี่ปุ่น ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งาน โดยอาจเลือกจากระยะเวลาในการใช้งานให้สอดคล้องกับระยะเวลาในการเดินทางตลอดทริป หรือสำหรับใครที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตเยอะ ก็เลือกจากจำนวนเน็ตเป็น GB สูง ๆ ไว้ก่อน แต่หากระยะเวลาหรือปริมาณเน็ตไม่เพียงพอ ก็สามารถซื้อเพิ่มเติมได้ในภายหลัง แพ็กเกจโรมมิ่งสำหรับการโทร
แพ็กเกจโรมมิ่งสำหรับการโทร เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้งานโทรศัพท์เป็นหลัก เช่นการเน้นติดต่อธุระเกี่ยวกับเรื่องงานหรือธุรกิจ ซึ่งไม่นิยมติดต่อผ่านทางไลน์หรือแอปฯ แชทส่วนตัว ก็สามารถเลือกแพ็กเกจเหล่านี้เสริมระหว่างเดินทางในญี่ปุ่นได้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่ ในโลกปัจจุบันที่การใช้งานอินเตอร์เน็ตอยู่ในทุกช่วงเวลาของเรา การท่องเที่ยวอย่างอุ่นใจก็ควรจะมีอินเตอร์เน็ตดี ๆ ติดโทรศัพท์มือถือเอาไว้ โดยเฉพาะการเลือกใช้ซิมเที่ยวญี่ปุ่นที่ตรงตามความต้องกาาร จะช่วยให้สามารถหาข้อมูลสถานที่ ร้านค้า เส้นทางเดินรถไฟสายต่าง ๆ รวมถึงใช้แอปฯ หรือเว็บไซต์แปลภาษาในกรณีที่ต้องการได้ รวมถึงโพสต์แชร์ภาพความประทับใจระหว่างทริปได้แบบไม่มีสะดุดอีกด้วย ใครสนใจสามารถสอบถามได้ที่ดีแทคทุกสาขาเลย ไปญี่ปุ่นใช้เน็ตของอะไรดีใช้ 4G แบบโรมมิ่งจากไทย ใช้ซิม 4G ของญี่ปุ่น ใช้ Pocket WiFi จากไทย ใช้ Sim2Fly ของ AIS.. โทรออก-รับสายเบอร์เดิมได้ ผ่าน Wifi Calling.. สามารถเช่าทีเดียวแล้วใช้ Wifi Internet พร้อมกันหลายคน/หลายเครื่องได้. มีแพ็กเกจอินเตอร์เน็ต Unlimited ให้เลือก (บางเจ้าไม่ติด FUP). จ่ายแบบเหมา. ไปญี่ปุ่นซื้ออะไรดี 2023ไปญี่ปุ่นซื้ออะไรดี รวมของน่าซื้อ ของฝากจากญี่ปุ่น อัพเดท 2023. 1. ช๊อกโกแลต Royce, Kit-Kat, Pocky ขนมญี่ปุ่น ... . 2. โตเกียว บานาน่า (Tokyo Banana) ... . 3. โฟมล้างหน้า ครีมทาผิว เครื่องสำอาง มาส์กเต้าหู้ ... . 4. เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ญี่ปุ่น ... . 5. กระเป๋า เป้ ... . 6. ผลไม้ญี่ปุ่น. ไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกไปไหนดีหากใครต้องการที่จะมาประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก เราแนะนำให้ไปเริ่มต้นที่โตเกียวหรือโอซาก้า เพราะเป็นสองเมืองที่แสถงถึงวิธีชีวิตของคนญี่ปุ่นได้ดีที่สุด และมีแหล่งสถาปัตยกรรมเก่าๆให้เราได้เห็น หลังจากนั้นแล้ว ให้ลองไปที่เมืองอย่างฮอกไกโดหรือฟุกุโอกะ เพื่อค้นหาเสน่ห์ของประเทศญี่ปุ่น ที่หาไม่ได้จากที่ไหน
ใช้เน็ตอะไรเร็วที่สุดเอไอเอส เป็นอันดับ 1 ด้วยคะแนนความเร็วในการให้บริการอินเทอร์เน็ต อยู่ที่ 83.51 มีความเร็วเฉลี่ยการดาวน์โหลด 225.94 Mbps ความเร็วเฉลี่ยการอัปโหลด 113.02 Mbps และค่าหน่วงเวลาในการตอบสนอง 12 ms (วัดจากการทดสอบมากกว่า 11 ล้านครั้ง ในช่วงเดือนมกราคม - มิถุนายน 2562)
|