ผลการศึกษาและจัดทำโครงงานพบว่า ชื่อโครงงานของข้าพเจ้า คือ ถุงผ้าลดภาวะโลกร้อน ซึ่งมีจุดประสงค์ คือ เพื่อลดภาวะโลกร้อน เพื่อให้คนหันมาใช้ถุงผ้ากันมากขึ้น และ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องถุงพลาสติก ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า คือ คิดชื่อเรื่อง แบ่งหน้าที่ให้กับสมาชิกในกลุ่มหาข้อมูลเกี่ยวเรื่องที่จะทำ เรียบเรียงข้อมูล และ เอาข้อมูลลงใน Blog ผลที่ได้รับ คือ ผู้จัดทำได้รู้ว่า ถุงพลาสติกนั้นทำให้เกิดขยะขึ้นบนโลกของเรามากมาย แถ้มยังใช้เวลาย่อยสลายนานถึง 450 ปีอีกด้วย จึงอยากให้เพื่อนๆหันมาใช้ถุงผ้ากันมากขึ้น เพราะ ถุงผ้าช่วยลดภาวะโลกร้อนใช้ได้นาน สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ได้ ไม่เหมือนถุงพลาสติกใช้เพียง 1 ครั้ง ก็ต้องทิ้ง และ ทำลายยาก ถ้านำไปเผ่า ก็ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ ถ้านำไปฝังกว่าจะย่อยสลายใช้เวลานาน ถ้าที่ดีเพื่อนๆต้องใช้ถุงผ้าเพราะง่ายต่อการพกพา ใช้ได้นาน ไม่ต้องทำลายทิ้ง และยังจะช่วยโลกลดภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย สารบัญ เรื่อง หน้า เกี่ยวกับโครงงาน ก บทคัดย่อ ข - ที่มาและความสาคัญของโครงงาน - วัตถุประสงค์ - ขอบเขตการศึกษาค้นคว้า บทที่ 2 เอกสารและโครงงานที่เกี่ยวข้อง บทที่ 3 วิธีการจัดทำโครงงาน - วัสดุและอุปกรณ์ - วิธีการจัดทำโครงงาน บทที่ 4 ผลการศึกษา บทที่ 5 สรุปผล และข้อเสนอแนะ - สรุปผลการศึกษา - ประโยชน์ที่ได้จากโครงงาน - ข้อเสนอแนะ บรรณานุกรม ภาคผนวก ข้อมูลผู้จัดทำ บทที่ 1 บทนำ ที่มาและความสำคัญของโครงงาน ถุงพลาสติกนั้นทำให้เกิดขยะขึ้นบนโลกของเรามากมาย แถมยังใช้เวลาย่อยสลายนานถึง 450 ปีอีกด้วย ปัจจุบันเฉพาะในกรุงเทพมหานครมีขยะที่เป็นถุงพลาสติกถึง 1,800 ตันต่อวันเลยทีเดียว อะไรจะมากมายขนาดนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าถุงพลาสติกนั้นกำลังมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมากมายบนโลกของเรา เพราะฉะนั้นจึงมีคนที่มองเห็นถึงปัญหานี้ และได้ผลิตถุงผ้าออกมาให้พวกเราได้ใช้กัน เพื่อที่จะรณรงค์ในการลดใช้ถุงพลาสติกและก็จะช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อนลงได้ วัตถุประสงค์ 1.เพื่อลดภาวะโลกร้อน 2.เพื่อให้คนหันมาใช้ถุงผ้ากันมากขึ้น 3.เพื่อแก้ปัญหาเรื่องถุงพลาสติก
ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า 1.คิดชื่อเรื่อง 2.แบ่งหน้าที่ให้กับสมาชิกในกลุ่ม 3.หาข้อมูลเกี่ยวเรื่องที่จะทำ 4.เรียบเรียงข้อมูล 5.เอาข้อมูลลงใน Blog บทที่ 2 เอกสารและโครงงานที่เกี่ยวข้อง ภาวะโลกร้อน (Global Warming) หมายถึง การที่อุณหภูมิเฉลี่ยของอากาศบนโลกสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น อากาศบริเวณใกล้ผิวโลกและน้ำในมหาสมุทร ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมาอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นถึง 0.74 ± 0.18 องศาเซลเซียส และจากแบบจำลองการคาดคะเนภูมิอากาศพบว่าในปี พ.ศ. 2544 – 2643 อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 1.1 ถึง 6.4 องศาเซลเซียส สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนก็เพราะว่าก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นจากการทำกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการเผาผลาญถ่านหินและเชื้อเพลิง รวมไปถึงสารเคมีที่มีส่วนผสมของก๊าซเรือนกระจกที่มนุษย์ใช้ และอื่นๆอีกมากมาย จึงทำให้ก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้ลอยขึ้นไปรวมตัวกันอยู่บนชั้นบรรยากาศของโลก ทำให้รังสีของดวงอาทิตย์ที่ควรจะสะท้อนกลับออกไปในปริมาณที่เหมาะสม กลับถูกก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้กักเก็บไว้ ทำให้อุณหภูมิของโลกค่อยๆสูงขึ้นจากเดิม ผลกระทบของภาวะโลกร้อนนั้นก็มีให้เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ สภาพลมฟ้าอากาศที่ผิดแปลกไปจากเดิม ภัยธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้น น้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุที่รุนแรง อากาศที่ร้อนผิดปกติจนมีคนเสียชีวิต รวมไปถึงโรคระบาดชนิดใหม่ๆ หรือโรคระบาดที่เคยหายไปจากโลกนี้แล้วก็กลับมาให้เราได้เห็นใหม่ และพาหะนำโรคที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น ในอนาคตคาดว่าผลกระทบของภาวะโลกร้อนจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆเราสามารถช่วยกันลดภาวะโลกร้อนได้หลายวิธี หลักๆก็เห็นจะเป็นการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและประหยัด เพราะว่าพลังงานที่พวกเราใช้กันอยู่ทุกวันนี้กว่าจะมาถึงให้เราได้ใช้นั้น ต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนในการผลิตมากมาย และแต่ละขั้นตอนก็จะทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกขึ้นมา เพราะฉะนั้นการลดใช้พลังงานก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ เช่น การปิดไฟเมื่อไม่ได้ใช้ การใช้น้ำอย่างประหยัด การใช้จักรยานแทนรถยนต์ในการเดินทางใกล้ๆ และอื่นๆอีกมากมาย การปลูกต้นไม้ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ อย่างที่เรารู้กันดีว่าในเวลากลางวัน ต้นไม้นั้นจะช่วยหายใจเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป และหายใจออกมาเป็นก๊าซออกซิเจน เปรียบเสมือนเครื่องฟอกอากาศให้กับโลกของเราโดยแท้ แต่ทว่าปัจจุบันป่าไม้ถูกทำลายและมีจำนวนลดลงไปอย่างมาก ฉะนั้นถ้าเราทุกคนช่วยกันปลูกต้นไม้ ก็เหมือนกับช่วยเพิ่มเครื่องฟอกอากาศให้กับโลกของเรา อย่างที่เราทราบกันดีว่าถุงพลาสติกนั้นทำให้เกิดขยะขึ้นบนโลกของเรามากมาย แถมยังใช้เวลาย่อยสลายนานถึง 450 ปีอีกด้วย ปัจจุบันเฉพาะในกรุงเทพมหานครมีขยะที่เป็นถุงพลาสติกถึง 1,800 ตันต่อวันเลยทีเดียว โอ้โห ! อะไรจะมากมายขนาดนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าถุงพลาสติกนั้นกำลังมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมากมายบนโลกของเรา เพราะฉะนั้นจึงมีคนที่มองเห็นถึงปัญหานี้ และได้ผลิตถุงผ้าออกมาให้พวกเราได้ใช้กัน เพื่อที่จะรณรงค์ในการลดใช้ถุงพลาสติกและก็จะช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อนลงได้ ปัจจุบันได้มีถุงผ้าหลากหลายรูปแบบออกมาวางขายกันให้เราได้เลือกซื้อเยอะไปหมด หลังจากที่ถุง I’m Not a Plastic Bag ของดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ Anya Shindmarch ได้ถูกออกแบบและออกมาวางขายจนโด่งดังจนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ก็มีผู้ที่หันมาให้ความสนใจ และผลิตถุงผ้าออกมาวางขายกันอย่างตอนนี้องค์กรต่างๆของบ้านเราก็เริ่มหันมาผลิตถุงผ้าของตัวเองออกมา และก็มีการรณรงค์ให้ใช้ถุงผ้ากันอย่างกว้างขวางมากขึ้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ทุกคนหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนกันมากขึ้น บางคนอาจะมีคำถามในใจขึ้นว่า แล้วเราจะใช้ถุงผ้าตอนไหน ? ใช้ทำอะไร ? ก็พอจะตอบแบบตรงๆได้ว่า ก็ให้ใช้แทนถุงพลาสติกที่ท่านใช้ในแต่ละวันไงครับ ผมจะลองยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพ · เข้ามินิมาร์ท ก็บอกพนักงานว่าไม่ต้องใส่ถุง และก็เก็บใส่ถุงผ้าเราแทน · เข้าไปซื้อของในโลตัส คาร์ฟู ก็ใช้ได้นะ อายทำไมถุงเราสวย · ซื้อกับข้าวแถวบ้าน ก็ใส่ถุงผ้าแทน ลดถุงพลาสติกไปได้หลายถุงเลย ถ้าเราทุกคนร่วมมือกัน และหันมาใช้ถุงผ้ากันมากๆ ต่อไปเราก็จะเห็นคนหันมาใช้ถุงผ้าตามกันมากขึ้น เพราะบางท่านอาจจะไม่ค่อยกล้าใช้ หรือมองว่ามันลำบากมากขึ้น แต่ยังไงก็ขอให้ช่วยกันเถอะครับ เพื่อที่จะแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน ยังไงก็ตามแต่หากเรามองถุงผ้าเป็นสินค้าแฟชั่น และซื้อมาไว้มากมายเกินความจำเป็น มันก็จะไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น กลับจะทำให้เกิดขยะบนโลกมากขึ้น ทั้งนี้ก็ขอให้มองจุดประสงค์ที่แท้จริงที่ทำให้ถุงผ้าเกิดขึ้นมา อย่าตามกระแสแฟชั่นมากเกินไป เพราะมันก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนขึ้นนั่นเอง การที่เราจะช่วยลดภาวะโลกร้อนนั้น ไม่ได้หมายถึงว่าเราต้องเลิกใช้ทุกอย่างที่ทำลายธรรมชาติ เพราะว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้เพียงแต่ว่าอะไรที่เราลดได้ เราก็ช่วยกันลด.. วิธีเอาถุงผ้าไปซื้อแกง”.. ก็เพียงแค่เอาแกงที่เขามัดๆใส่ถุง ใส่ลงไปในถุงผ้า..เท่านั้นเองครับ เราก็จะไม่ต้องใช้ถุงก๊อปแก๊ปเพื่อใส่แกงอีก คงไม่มีใครให้แม่ค้าตักแกงใส่ถุงผ้า“หรือจะให้ยกหม้อไปใส่บ้าเเล้ว” ถ้าจะทำจริงๆไม่ต้องใช้หม้อหรอกครับ เพราะธรรมดาเราคงไม่ซื้อเยอะขนาดนั้น เราจะใช้ปิ่นโตแทนครับ แต่ก็เข้าใจว่าเราอาจจะทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะมันจะลำบากไปสำหรับหลายๆคน แต่มีคนที่เขาทำแบบนี้ได้ครับ นั่นคือคุณแก็ป วงที โบน เลิกใช้ถุงพลาสติกมาหลายปีแล้ว และใช้ปิ่นโตออกไปซื้อกับข้าวทุกวัน ว่าคนส่วนใหญ่น่าจะเป็นแบบนี้นะคะ คือเวลาซื้อของแล้วกำลังจะจ่ายตังค์ เพิ่งนึกได้ว่าลืมเอาถุงผ้ามา ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ ทั้งๆที่จิตสำนึกทุกคนอยากรักษาสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว พอมานั่งคิดๆดู การรณรงค์ให้ใช้ถุงผ้าแล้วน่าจะรณรงค์ให้พกถุงผ้าเพื่อจะได้เอาไปใช้ด้วย แต่การจะทำให้จำฝังใจว่าต้องไม่ลืม คงต้องมีใครลงทุนทำโฆษณาตามสื่อต่างๆเยอะๆ น่าจะช่วยได้ เพราะทุกวันนี้น่าจะถือได้ว่าสื่อมีผลกระทบต่อสังคมมากที่สุด โดยส่วนตัวแล้วเวลาไปไหน เรามักจะพกถุงผ้าใบโตๆสวยๆแบบพับเก็บได้ใส่ในกระเป๋าถือไว้เสมอ เพราะเวลาซื้อของทีไรไม่เคยซื้อแบบตั้งใจเลย พอเราไม่ได้รับถุงจากร้านค้าซักครั้งก็ภูมิใจว่าเราไม่สร้างขยะเพิ่มอีกหนึ่งชิ้นแล้ว ทำบ่อยๆก็เป็นนิสัยเองค่ะ ในบ้านเรา พบเนื้อผ้าอยู่ 3 แบบ คือ 1. ถุงผ้าดิบ มักนิยมนำมาเป็นถุงใส่เอกสารและแจกในงานสัมมนาทั่วไป เนื้อผ้าไม่หนามาก และส่วนใหญ่ราคาไม่แพง 2. ถุงผ้าแคนวาส เป็นถุงผ้าฝ้ายแบบหนึ่ง ซึ่งผ้าแคนวาสนิยมนำมาใช้ทำกระเป๋า หรือใช้ในงานศิลปะเนื้อผ้าหนากว่าผ้าดิบทั่วไป และแข็งแรงทนทานกว่า
ใช้ถุงผ้า ลดภาวะโลกร้อน ถุงพลาสติกนั้นเป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ไม่ต้องใส่ถุงครับ/ค่ะ เป็นคำที่เราควรบอกกับพนักงานหรือแคชเชียร์ในซุปเปอร์มาร์กเก็ตเวลาที่เราซื้อสินค้าเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น บางคนเข้าไปซื้อน้ำขวดเล็กๆขวดนึงในร้านสะดวกซื้อ ใส่ถุงพลาสติกออกมา แล้วก็หยิบน้ำออกมาดื่ม ส่วนถุงก็ทิ้งตรงถังขยะที่ตั้งอยู่ตรงหน้าร้านนั่นแหละ เราดื่มน้ำหมดไปแล้ว แต่ถุงที่ใส่มันมาได้ไม่กี่วินาทีกว่าจะย่อยสลายนี่ปาไปถึง 100-1,000 ปีเลยทีเดียว ผมคนนึงแหละที่แต่ก่อนเคยทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ผมไม่ทำอีกแล้ว เคยคิดไหมว่าจะใส่ถุงทำไมให้มันเปลือง เรามาช่วยกันลดภาวะโลกร้อนโดยการที่ตอนซื้อของเล็กๆน้อยๆก็บอกพนักงานเค้าว่าไม่ต้องใส่ถุง ไม่ต้องอายหรอกครับ ผมว่าดูดีซะมากกว่า เมื่อก่อนนี้ผมจำได้ว่าเวลาไปซื้อของตามซุปเปอร์ มาร์กเก็ตต่างๆ พนักงานเค้าจะใช้ถุงเปลืองมากๆ แยกใส่ของตามแต่ละประเภท ประมาณว่าเงินค่าจ้างที่จะได้ ถุงพลาสติก ถุงกระดาษ ถุง 1 ตัน = น้ำมันดิบ 11 บาร์เรล ถุง 1 ตัน = ต้นไม้ 17 ต้น การนำกลับมารีไซเคิล 1% การนำกลับมารีไซเคิล 20% 1 ถุง = มลพิษทางอากาศ 500 กรัม น้อยกว่าถุงกระดาษ 80% 1 ถุง = มลพิษทางอากาศ 2.6 กิโลกรัม 3% ลอยอยู่ในแหล่งน้ำและทะเล สัตว์กินเข้าไปแล้วก็จะตาย กระบวนการผลิตก่อมลพิษทางน้ำเลวร้ายกว่าการผลิตถุงพลาสติก 50 เท่าตัว
(Global Warming) หากเราไม่ช่วยกันหาทางป้องกันและลดภาวะโลกร้อน |