ตวั ป้ อน(input) กระบวนการ(process) ผลผลติ (output) ไฟฟ้ าเพ่อื ให้ตู้เยน็ ทางาน ในการแช่ของ ข้อมูลย้อนกลับ(feedback) การส่งเสียงเม่ือความเยน็ ลดลง ระบบย่อย ตัวป้ อน กระบวนการ ผลผลติ ข้อมูลย้อนกลับ ระบบย่อยท่ี 2 ลมทาให้เกดิ ละลายของนา้ แขง็ พัดลมเป่ าลมเยน็ ออกมาท่ีช่อง นา้ แข็งจะละลาย คอล์ยเยน็ จดั หลังผนังภายในตู้ ระบบย่อยท่ี 3 โอเวอร์โหล
โปรแทคเตอร์ ทา บ้องกันไม่ให้กระแสไฟไหล ให้เเสงสว่างเม่ือเปิ ดประตู เม่อื เปิ ดประตูไฟจะติด พอปิ ด กระแสไฟผ่านมากไป ตัวนีก้ ็จะ ทาการตดั ไฟออกจากวงจร ทันที ระบบทำควำมเยน็ input Process output ให้เกดิ ความ ของเหลวไปเป็ น ทาให้อุณหภูมิ ระบบการ ต้เู ยน็ ระบบวงจรไฟฟ้ ำ ระบบล้อ input Process output input Process output ทาให้ จะทาการตดั ให้เเสงสว่าง ลมทาให้เกดิ พดั ลมเป่ าลม นา้ แข็งจะ นา้ แข็ง ช่องฟรีซ การทาความเย็นเป็ นการถ่ายเทความร้ อนภายในตู้เย็นออกไป ซ่ึงเกิดจากเครื่ องอัดไอ (compressor) ทาหน้าที่อดั แก๊สของสารทาความเย็น (Refrigerant substant) ให้เป็ น อดั ไอ(compressor)การทางานของระบบทาความเยน็ นีจ้ ะวนซา้ ไปเรื่อยเสมอ[ Share:
ระบบย่อยอาหาร มีหน้าที่เปลี่ยนอาหารที่บริโภคเข้าไปให้กลายเป็นพลังงาน เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ รวมทั้งขับกากอาหารหรือของเสียออกนอกร่างกายผ่านทางทวารหนัก โดยอวัยวะในระบบย่อยอาหารประกอบด้วยปาก คอหอย หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ตับอ่อน ตับ ถุงน้ำดี ลำไส้ใหญ่ ลำไส้ตรง และทวารหนัก ซึ่งล้วนทำงานร่วมกันเพื่อให้การย่อยอาหารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อวัยวะต่าง ๆ ในระบบย่อยอาหารมีหน้าที่อะไรบ้าง ?
กากอาหารที่เหลือจากกระบวนการย่อยอาหารในลำไส้เล็กจะถูกส่งมายังลำไส้ใหญ่ ซึ่งมีหน้าที่ดูดซึมน้ำ วิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารที่ตกค้างกลับเข้าสู่กระแสเลือด โดยกากอาหารจะถูกพักไว้ที่ส่วนซิกมอยด์จนกว่าลำไส้จะบีบตัวเพื่อส่งกากอาหารไปยังลำไส้ตรง จากนั้นลำไส้ตรงจึงส่งสัญญาณไปยังสมองให้ตัดสินใจว่าสามารถขับกากอาหารออกมาได้หรือไม่ หากสมองสั่งการให้ขับกากอาหาร กล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักก็จะคลายตัวเพื่อขับกากอาหารออกมาเป็นอุจจาระ
อยากมีระบบย่อยอาหารที่ดี ควรทำอย่างไร ? ระบบย่อยอาหารที่ดี คือการที่อวัยวะต่าง ๆ ภายในระบบย่อยอาหารทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และดูดซึมสารอาหารให้ร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างครบถ้วน การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ การติดเชื้อ ความเครียด หรือผลข้างเคียงจากยาบางชนิด อาจทำให้ระบบย่อยอาหารเกิดความผิดปกติและส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ซึ่งบางครั้งอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต การหันมาดูแลระบบย่อยอาหารด้วยการปรับพฤติกรรมเพียงไม่กี่อย่างต่อไปนี้ อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคและความผิดปกติในระบบย่อยอาหารได้
บทบาทของ Probiotics และ Prebiotics ต่อระบบย่อยอาหาร ปัจจุบันมีการกล่าวถึง Probiotics และ Prebiotics อย่างมากในวงการโภชนาการ เพราะอาจเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะการทำงานของระบบย่อยอาหาร หากมีอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม แม้ 2 คำนี้จะออกเสียงค่อนข้างคล้ายกัน แต่กลับมีความหมายต่างกันโดยสิ้นเชิง
โดยปกติ Probiotics นั้นพบได้ในร่างกายอยู่แล้ว จึงมักไม่จำเป็นต้องรับประทานเสริมอีก ซึ่ง Probiotics ในปริมาณที่เหมาะสมอาจปกป้องร่างกายจากจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายและช่วยในการย่อยอาหาร เช่นเดียวกับจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ชนิดอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบางประการอาจส่งผลให้จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในร่างกายมีปริมาณลดลงจนทำให้ระบบย่อยอาหารเกิดความผิดปกติ เช่น การใช้ยาปฎิชีวนะที่มีฤทธิ์ฆ่าจุลินทรีย์ทั้งชนิดดีและไม่ดี ซึ่งอาจส่งผลให้มีอาการท้องเสียหรือท้องอืดตามมา ดังนั้น การรับประทาน Probiotics เสริม ทั้งจากอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จึงอาจช่วยทดแทนปริมาณจุลินทรีย์ชนิดดีและป้องกันอาการท้องเสียได้ ผลข้างเคียงของการรับประทาน Probiotics นั้นมีน้อยและไม่รุนแรง ส่วนใหญ่ส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร เช่น ท้องอืด หรือท้องเฟ้อ ทั้งนี้ บุคคลบางกลุ่มอาจได้รับผลข้างเคียงที่รุนแรง โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะเจ็บป่วยบางชนิด เช่น เกิดการติดเชื้อ กระบวนการเผาผลาญผิดปกติ ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ เป็นต้น ความผิดปกติเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารที่พบได้บ่อย โรคหรือความผิดปกติของระบบย่อยอาหารเป็นปัญหาที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย โดยที่พบได้บ่อย มีดังนี้
Share: |