ช่วง 2 ปีโควิด สถิติพบหนี้คดี ‘บัตรเครดิต-สินเชื่อ’ พุ่ง ขณะที่ ศาลพร้อมคุ้มครองผู้บริโภคยุคใหม่ เปิดแผนกคดีซื้อขายออนไลน์ในศาลแพ่ง สั่งของแล้วไม่ตรงปก ขาช้อปเรียกร้องค่าเสียหายได้ เลขานุการศาลยุติธรรม วันที่ 14 ม.ค. 2565 นายจีระพัฒน์ พันธุ์ทวี เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม พร้อมด้วยผู้บริหารศาลยุติธรรม เปิดเผยผลการดำเนินงานของศาลยุติธรรมในรอบปี 2564 มีการพิจารณาพิพาษาคดี นับตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม รวม 1,560,026 คดี (แบ่งเป็นคดีแพ่ง 1,030,906 คดี และคดีอาญา 529,120 คดี) พิจารณาพิพาษาคดีเสร็จแล้ว 1,194,804 คงเหลือ 365,222 คดี ทั้งนี้จากสถิติพบข้อหาที่เข้าสู่การพิจารณาของศาลชั้นต้นทั่วราชอาณาจักรในของคดีทางแพ่งสูงสุด คือ “บัตรเครดิต” 155,801 ข้อหา รองลงมา “สินเชื่อบุคคล” 133,954 ข้อหา และ กู้ยืม 101,551 ข้อหา สะท้อนวิกฤตทางการเงินที่ในปี 2565 ยังต้องเผชิญต่อไป เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า ในปี 2565 ศาลยุติธรรม ภายใต้นโยบายของ น.ส.ปิยกุล บุญเพิ่ม ประธานศาลฎีกา มุ่งยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคให้ครอบคลุมถึงการบริโภควิถีใหม่ เนื่องวิกฤตโควิดทำให้คนไม่เดินทาง เมื่อไม่เดินทางก็ซื้อทางออนไลน์กันมาก เริ่มมีปัญหาซื้อของแล้วได้ของไม่ตรงปก หรือ โอนเงินไปแล้วแต่ไม่ได้รับของสูงขึ้นในสังคม แผนกคดีซื้อขายออนไลน์ในศาลแพ่งก็จะเข้ามาช่วยตรงนี้ นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “แผนกคดีซื้อขายออนไลน์ในศาลแพ่ง” ว่า จัดตั้งเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายจากการซื้อขายสินค้าบริการทางออนไลน์ โดยไม่จำกัดประเภทสินค้า ไม่กำหนดมูลค่าขั้นต่ำ และไม่ต้องใช้ทนายความ โดยผู้บริโภค สามารถยื่นฟ้องด้วยตนเองโดยไม่มีค่าใช้ข่าย ผ่านระบบ e-Filing ซึ่งกำลังจะทดสอบระบบครั้งแรกในวันที่ 17 ม.ค. และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการประมาณเดือน ม.ค. นี้ ระบบจะให้ผู้ที่ต้องการฟ้อง ลงทะเบียนและยืนยันตัวตน จากนั้นเข้าสู่การยื่นฟ้องที่เป็นเหมือนแบบสอบถาม อาทิ ซื้อจากแพลตฟอร์มไหน, สินค้าอะไร, ราคาเท่าไหร่, ปัญหาคืออะไร สามารถอัปโหลดสลิปการโอนเงิน ภาพถ่าย วิดีโอเปิดกล่องสินค้า จากนั้นเจ้าพนักงานคดี จะมาตรวจสอบคัดกรองช่วยเรียบเรียงคำฟ้องแล้วส่งกลับไปให้ยืนยัน เมื่อยืนยันเสร็จจะส่งมาให้ศาลรับฟ้อง จากนั้นจะติดต่อไปที่จำเลยทางอีเมลหรือที่อยู่ทางออนไลน์ที่ติดต่อได้ เพื่อความรวดเร็ว เมื่อถึงวันนัดพิจารณา สืบพยาน ไกล่เกลี่ย สอบคำให้การ จะทำในวันเดียวกัน ทั้งโจกท์และจำเลยจะได้รับ ลิงก์ google meet , zoom โดยศาลแพ่งสามารถรับฟ้องคดีได้ทั่วราชอาณาจักร ผู้บริหารศาลยุติธรรม ทิ้งท้ายด้วยว่า หลังจากนี้จะซื้อของออนไลน์ การเก็บหลักฐานของผู้ขายไว้ให้ได้มากที่สุดจะเป็นสิ่งจำเป็นเมื่อมีแผนกคดีซื้อขายออนไลน์ในศาลแพ่ง หากคุณเป็นคนหนึ่ง... ที่ไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ตามข้อตกลงเดิมได้ แต่ก็ไม่ต้องการปล่อยให้เส้นทางการเงินของคุณถูกต้อนเข้าสู่มุมอับ จากหนี้แสนกลายเป็นหนี้ล้าน ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล หรือวัน ๆ ไม่ได้ทำงานเพราะต้องคอยหลบเจ้าหนี้ ลองมองหาช่องทาง “เจรจาประนอมหนี้” คงดีกว่าปล่อยให้กลายเป็นหนี้เสีย หลักในการเจรจาประนอมหนี้มีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับนโยบายของสถาบันการเงินแต่ละแห่งที่แตกต่างกัน แต่ที่คนส่วนใหญ่ใช้กันบ่อย ๆ ได้แก่
ฯลฯ การเจรจาประนอมหนี้จะเหมาะสำหรับ “ลูกหนี้ที่มีภาระหนี้ไม่เยอะ และมั่นใจว่าจะผ่อนไหวจนหมดเท่านั้น” เพราะเจ้าหนี้จะระงับหนี้เดิม แต่จะงอกสัญญาหนี้ฉบับใหม่มาให้ ซึ่งยอดหนี้จะเท่าเดิม แต่จะรวมดอกเบี้ยที่ค้างชำระของเก่า ค่าธรรมเนียมจิปาถะ และดอกเบี้ยปรับโครงสร้างหนี้อีกประมาณ 10% - 15% ส่วนข้อสรุปในการเจรจาจะออกมาในรูปแบบใดนั้น ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งเงื่อนไข ระยะเวลา เทคนิคการต่อรอง ชื่อเสียงหรือเครดิตของคุณ ตลอดจนการแสดงออกถึงความจริงใจและตั้งใจที่จะชำระหนี้ให้หมดด้วย ปัญหาของหนี้บัตรเครดิตที่เกิดจากการผิดนัดชำระหรือการชำระแบบขั้นต่ำจนทำให้เกิดดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และไม่สามารถนำเงินกลับมาคืนให้กับสถาบันการเงินได้ เมื่อสถาบันการเงินเริ่มติดต่อทวงถามค่าบัตรเครดิต ก็กลับถูกปฏิเสธหรือพยายามหาเงินเพื่อชำระแต่ก็ไม่สามารถทำได้ จนนำไปสู่การฟ้องร้องต่อศาล หน้าที่ของศาลจึงทำการออกหมายเรียกลูกหนี้ผ่านทางจดหมายไปยังที่อยู่ของลูกหนี้ เมื่อได้รับหมายศาลหลายคนจะตกใจและเกิดความวิตกกังวลว่าควรจะทำอย่างไรดี สิ่งที่ต้องทำเมื่อได้รับหมายศาลบัตรเครดิตหมายศาลบัตรเครดิตจะถูกส่งไปตามเลขหมายของทะเบียนบ้าน ก็ไม่ต้องตกใจ หรือนำไปทิ้งแล้วอ้างว่าไม่ได้รับหมายศาลเด็ดขาด แต่สิ่งที่ควรจะทำก็คือ
หลังจากตรวจสอบรายละเอียดของหมายศาลบัตรเครดิตแล้ว เจ้าของบัตรต้องกำหนดจุดยืนในการชำระหนี้ว่าต้องการเลือกวิธีแก้ปัญหาหนี้ได้อย่างไร เช่น
*หมายเหตุ การผ่อนชำระงวดนั้นมีตั้งแต่ 6 งวดไปจนถึง 60 งวด ขึ้นอยู่กับยอดหนี้ว่ามากหรือน้อย และการผ่อนนั้นมีการผ่อนแบบขั้นบันได คือ ค่างวดอาจจะเพิ่มขึ้นในปี 2 จนครบจำนวนงวดก็ได้
หากเจ้าของบัตรได้รับหมายศาลบัตรเครดิตแต่ไม่มีทรัพย์สินเจ้าหนี้ก็จะมองที่เงินเดือน การอายัดเงินเดือนนั้น ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเจ้าหนี้รายแรกที่ฟ้องเสมอไป หากเจ้าหนี้รายแรกนั้นเจ้าของบัตรขอไกล่เกลี่ยที่ศาลตาม ข้อ 2 แล้ว มีเจ้าหนี้รายที่ 2 มาฟ้อง หากเจ้าของบัตรไม่มีเงินชำระหนี้ เจ้าของบัตรก็สามารถปล่อยให้เจ้าหนี้รายที่ 2 จนถึงรายสุดท้าย อายัดเงินเดือนได้เช่นกัน อีกส่วนที่น่าสนใจก็คือหากยอดหนี้ที่ถูกฟ้องเป็นจำนวน 100,000 บาทขึ้นไป ถ้าหากเป็นหนี้บัตรเครดิตถึงแม้ว่าจะได้ลดไม่มาก แต่เจ้าของบัตรก็ยังสามารถเจรจาต่อรองจ่ายชำระในอัตราที่ต่ำกว่า เช่น สมมุติหากจะต้องโดนอายัดเงินเดือน 30 เปอร์เซ็นต์ แล้วประมาณ 3,000 บาท ต่อเดือน เจ้าของบัตรสามารถเจรจาขอชำระ 2,000 บาทต่องวดได้ |