อ.นพ.ธรรมพจน์ จีรากรภาสวัฒน์ Show
สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งนรีเวช รหัสเอกสาร PI-IMC-337-R-00 อนุมัติวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ในสตรีที่มีผลตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกผิดปกติ แพทย์อาจพิจารณาตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมด้วยการส่องกล้องคอลโปสโคปี (COLPOSCOPY ) เพื่อตรวจหารอยโรคระยะก่อนเป็นมะเร็งปากมดลูก หากตรวจพบอย่างรวดเร็วตั้งแต่แรก มีโอกาสรักษาให้หายได้ ถ้าได้รับการรักษาและการตรวจติดตามที่เหมาะสม การตรวจด้วยกล้องขยายทางช่องคลอด COLPOSCOPY คืออะไร การตรวจด้วยคอลโปสโคปี (COLPOSCOPY) คือ การตรวจเนื้อเยื่อบุผิวของปากมดลูก ช่องคลอด ปากช่องคลอด และทวารหนัก ด้วยกล้องขยายส่องสว่าง หลังจากทาหรือชโลมด้วยน้ำยาเฉพาะ เพื่อตรวจหาความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง หรือเพื่อตรวจยืนยันความปกติของเนื้อเยื่อบุผิว หัตถการที่อาจจะทำร่วมกับการตรวจ คือ การตัดเนื้อเยื่อเป้าหมายออกตรวจ จากบริเวณที่ตรวจพบว่ามีความผิดปกติรุนแรง ข้อบ่งชี้ในการตรวจด้วยคอลโปสโคปี - ผลการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วย Pap smear ผิดปกติ ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ให้ทำการตรวจมากที่สุด - ปากมดลูกมีลักษณะผิดปกติ เช่น มีแผล หรือก้อนเนื้อ จากการตรวจด้วยตาเปล่า - เลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือน หรือเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือตกขาวเป็นระยะเวลานาน เพื่อวินิจฉัยแยกโรคมะเร็ง - รอยโรคน่าสงสัยบริเวณช่องคลอดและปากช่องคลอด จากการตรวจด้วยตาเปล่า
- ผลการตรวจด้วยน้ำส้มสายชู (Visual inspection with acetic acid, VIA) พบฝ้าขาวหรือผิดปกติ
การตรวจคอลโปสโคปี ไม่ควรตรวจในกรณีใด - สตรีที่กำลังมีเลือดประจำเดือนออกมาก - ปากมดลูก ช่องคลอด หรือปากช่องคลอดอักเสบแบบเฉียบพลันหรือรุนแรง ควรตรวจหาสาเหตุและรักษาให้หายก่อนเพราะการตรวจและการตัดชิ้นเนื้ออาจทำให้ตกเลือด เจ็บปวด และไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจ นอกจากนี้การอักเสบอาจทำให้ความแม่นยำของการตรวจลดลง - สตรีที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดอาจจะต้องหยุดยาหลายวันก่อนทำ Cervical biopsy หรือ Endocervical curettage
เตรียมตัวอย่างไรก่อนไปตรวจ
คำแนะนำหลังการตรวจ
เอกสารอ้างอิง ศ.นพ.จตุพล ศรีสมบูรณ์. (2010) Basic COLPOSCOPY. ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ . แหล่งข้อมูล : https://w1.med.cmu.ac.th/obgyn/index.php?option=com_content&view=article&id=370:basic-colposcopy&catid=40&Itemid=482. ค้นเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2564 . การส่องกล้องโพรงมดลูก แพทย์จะใช้กล้อง Hysteroscope ขนาดเล็กเพียง 5 มม. ส่องผ่านปากมดลูกเข้าไปตรวจหาความผิดปกติที่คอมดลูก ปากมดลูก และในโพรงมดลูกได้โดยตรง รวมทั้งดูบริเวณรูเปิดของท่อนำไข่เข้าสู่โพรงมดลูก จุดเด่นของการตรวจวิธีนี้ที่ดีกว่าการขูดมดลูกคือ แพทย์สามารถเห็นความผิดปกติภายในโพรงมดลูกได้โดยตรงและชัดเจน การส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก แพทย์จะวินิจฉัยโรค และให้การรักษาโรคไปพร้อมกันในครั้งเดียวเลย นอกจากนี้ยังสามารถเข้าไปตัดเนื้องอกในโพรงมดลูกได้โดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดแผลหน้าท้อง และไม่เกิดอันตรายต่อเยื่อบุโพรงมดลูก การส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก(Hysteroscopy) เป็นหัตถการทางการแพทย์โดยการใช้กล้องที่เรียกว่าฮีสเตอรโรสโคป (Hysteroscope) ส่องผ่านปากมดลูกเข้าไปดู พยาธิสภาพที่คอปากมดลูก พยาธิสภาพในโพรงมดลูก โดยตรง หรือดูในบริเวณรูเปิดของท่อนำไข่เข้าสู่โพรงมดลูก ข้อเด่นของการตรวจวิธีนี้ที่เหนือกว่า/ดีกว่าการขูดมดลูก คือ แพทย์สามารถเห็นพยาธิสภาพของโพรงมดลูกได้โดยตรง ซึ่งมีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยรายที่พยาธิสภาพอยู่กันเป็นกระจุก(Focal lesion) ซึ่งการตรวจด้วยวิธีนี้ สามารถใช้เป็นเครื่องมือสำหรับวินิจฉัยโรค และยังสามารถให้การรักษาโรคไปพร้อมกันในครั้งเดียวเลย เช่น การตัดติ่งเนื้อในโพรงมดลูก การตัดเนื้องอกมดลูก หรือการเอาห่วงอนามัยที่ติดค้างในโพรงมดลูกออก แต่ข้อจำกัดของการใช้กล้องส่องโพรงมดลูก คือจะไม่สามารถวินิจฉัยโรคที่อยู่ในชั้นกล้ามเนื้อมดลูก หรือ ในท่อนำไข่ได้ ใครที่ต้องได้รับการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก?การส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกเป็นหัตถการที่ทำได้ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ และแพทย์ต้องมีการฝึกฝนความชำนาญ การตรวจวิธี นี้สามารถทำการวินิจฉัยและรักษาไปพร้อมกันครั้งเดียวได้เลยหากแพทย์พบพยาธิภาพ ซึ่งแพทย์มักแนะนำให้มีการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกในผู้ป่วยที่มีอาการและ/หรือ มีอาการแสดง ดังต่อไปนี้ 1. สตรีวัยเจริญพันธุ์ที่มีเลือดประจำเดือนออกผิดปกติ ทั้งในด้านปริมาณ และ/หรือระยะเวลา 2. สตรีที่ได้รับการตรวจอัลตราซาวด์มดลูกแล้วสงสัยว่ามี เนื้องอก หรือ มีติ่งเนื้อภายในโพรงมดลูก 3. สตรีวัยหมดประจำเดือนที่มีเลือดออกจากโพรงมดลูก(เลือดออกทางช่องคลอด) และหลังได้ทำการดูดชิ้นเนื้อโพรงมดลูก หรือขูดมดลูกแล้ว ยังมีเลือดออกอีกหลังการรักษา 4. สตรีที่มีภาวะแท้งบุตรเป็นอาจิณ/แท้งซ้ำ ร่วมกับตรวจทางอัลตราซาวด์มดลูกพบว่ามีเนื้องอกหรือติ่งเนื้อในโพรงมดลูก 5. สตรีที่มีมดลูกผิดปกติ เช่น มีผนังกั้นในโพรงมดลูก(Septate uterus) 6. สตรีที่มีบุตรยากร่วมกับประวัติ มีประจำเดือนมาน้อยมาก หรือไม่มีประจำเดือน หลังจากเคยขูดมดลูก คาดว่าน่าจะเกิดมีพังผืดในโพรงมดลูก (Asherman’s syndrome) 7. สตรีที่ใส่ห่วงอนามัยมานานและไม่สามารถดึงสายห่วงออกได้ตามปกติ ซึ่งอาจเกิดจากมีเนื้อเยื่อในโพรงมดลูกไปหุ้มห่วง หรือมีบางส่วนของห่วงทะลุผนังมดลูก แพทย์จึงต้องส่องกล้องเข้าไปคีบเอาห่วงอนามัยออกมา 8. สตรีที่มีประจำเดือนออกมาก โดยไม่พบพยาธิสภาพจากการตรวจภายนอกมดลูก แพทย์สามารถส่องกล้องเข้าไปในโพรงมดลูกและทำการทำลายเยื่อบุโพรงมดลูก หรือตัดเยื่อบุโพรงมดลูก เพื่อไม่ให้มีประจำเดือน การเตรียมตัวก่อนไปส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกมีอะไรบ้าง?ในการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกเพื่อการวินิจฉัยโรคอย่างเดียวเพื่อหาสาเหตุของโรค สามารถทำที่ห้องตรวจผู้ป่วยนอกนรีเวชได้เลย ไม่ต้องงดข้าว งดน้ำ เพราะอุปกรณ์ในการตรวจเพื่อวินิจฉัย จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของกล้องเล็กกว่า อุปกรณ์ที่ใช้ในการผ่าตัด แต่หากแพทย์ต้องทำการผ่าตัดพยาธิสภาพในโพรงมดลูก ผู้ป่วยจำเป็นต้อง งดข้าว งดน้ำ 6 ชั่วโมงก่อนไปทำการรักษาด้วยการส่องกล้องตรวจทางโพรงมดลูก ขั้นตอนการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกมีอะไรบ้าง?ขั้นตอนการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกสำหรับในรายที่มีพยาธิสภาพในโพรงมดลูก และแพทย์นัดทำการผ่าตัดในโพรงมดลูก ต้องมีการเตรียมตัวดังนี้ 1. นอนโรงพยาบาลก่อนวันผ่าตัด หรืออาจเป็นเช้าวันผ่าตัด ในกรณีที่แพทย์นัดผ่าตัดเนื้องอกในโพรงมดลูก มักนัดหลังประจำเดือนหยุดใหม่ๆ เพราะเยื่อบุโพรงมดลูกระยะนี้จะบาง จึงง่ายต่อการทำหัตถการ 2. งดน้ำและอาหารหลังเที่ยงคืน 3. แพทย์จะให้เหน็บยา 1-2 เม็ด (ยา Misoprostol)ในช่องคลอดคืนก่อนผ่าตัด หรือเช้าวันก่อนผ่าตัดเพื่อช่วยทำปากมดลูกนิ่มและทำให้ขยายปากมดลูกได้ง่ายขึ้นก่อนที่จะใส่กล้องผ่านปากมดลูกเข้าไปในโพรงมดลูก 4. วิสัญญีแพทย์(หมอดมยา)จะให้ยาระงับความรู้สึก ด้วยการวางยาสลบ 5. สูตินรีแพทย์ทำการตรวจภายในประเมินสภาพมดลูกอีกครั้ง ทำการขยายปากมดลูกจนสามารถสอดใส่กล้องผ่านเข้าเข้าในโพรงมดลูกได้ 6. แพทย์ต้องทำการขยายโพรงมดลูก อาจเป็นก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ หรือด้วยสารน้ำ ซึ่งมีสารน้ำหลายประเภท ขึ้นกับวัตถุประสงค์ของแพทย์ ในการผ่าตัดที่ต้องใช้สารน้ำเป็นตัวขยายโพรงมดลูก จะมีท่อนำสารน้ำเข้าไปในโพรงมดลูก และมีท่อนำสารนำออกมาจากโพรงมดลูก 7. แพทย์ทำการผ่าตัดรักษาพยาธิสภาพในโพรงมดลูก 8. ในบางกรณีที่ก้อนเนื้อในโพรงมดลูกมีขนาดใหญ่ การผ่าตัดรักษาอาจไม่สำเร็จในครั้งเดียว เพราะความจำกัดด้านความสมดุลระหว่างปริมาณสารน้ำที่ใส่เข้าไปในโพรงมดลูกและปริมาณสารน้ำที่ไหลจากโพรงมดลูกออกมา สารน้ำส่วนหนึ่งจะถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกาย หากสารน้ำเข้าไปในร่างกายมากเกินไป ก็อาจเป็นอันตรายได้ ดังนั้นหากปริมาณสารน้ำมีความแตกต่างกัน 1,000 มิลลิลิตร(ระหว่างปริมาณสารที่ใส่เข้าไปในโพรงมดลูกและที่แพทย์ดูดออกมา) จำเป็นต้องหยุดทำหัตถการ แล้วเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน และนัดผู้ป่วยมาทำการรักษาในครั้งใหม่ ขั้นตอนการตรวจทั้งหมดใช้ระยะเวลาประมาณเท่าไร?ระยะเวลาในการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกขึ้นกับหัตถการที่ทำ
ผู้ป่วยจะทราบผลการตรวจได้เมื่อไร?ในการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก สถานพยาบาลบางแห่งจะมีการบันทึกภาพภายในโพรงมดลูก ความผิดปกติต่างๆ ไว้ให้ผู้ป่วยดูในขณะทำการตรวจ หรือหลังการตรวจเสร็จแล้ว แต่บางครั้งจะเป็นการวาดภาพ หรือ เขียนภาพคร่าวๆ(ไดอะแกรม/Diagram) ซึ่งแพทย์ผู้รักษาจะพูดคุยกับผู้ป่วยหลังผู้ป่วยรู้สึกตัวดีแล้ว สำหรับชิ้นเนื้อที่แพทย์ตัดจากรอยโรคในโพรงมดลูก แพทย์จะส่งตรวจทางพยาธิวิทยาต่อไป และนัดผู้ป่วยกลับมาฟังผลตรวจ ซึ่งอาจใช้เวลา 1-4 สัปดาห์กว่าจะทราบผลขึ้นกับแต่ละโรงพยาบาล หลังการตรวจแล้วกลับไปทำงานได้เลยหรือไม่?หลังจากการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก ในกรณีที่เป็นการวินิจฉัยโรค ไม่ได้ดมยาสลบ ผู้ป่วยอาจไม่ต้องพักงาน กลับไปทำงาน ใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่หากเป็นการผ่าตัด มีการเสียเลือดมาก และต้องดมยาสลบด้วย แพทย์อาจต้องให้ผู้ป่วยพักดูแลตนเองที่บ้านประมาณ 1 สัปดาห์ แต่อย่างไรก็ตาม แพทย์ผู้ตรวจรักษาผู้ป่วย จะให้คำแนะนำผู้ป่วยในเรื่องนี้เป็นกรณีๆไป หลังการตรวจห้ามทำอะไรบ้าง?ข้อห้ามหลังการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก คือ งดกิจกรรมดังจะกล่าวต่อไป ประมาณ 2 สัปดาห์หลังการตรวจ จนกว่าจะ ไม่มี อาการเจ็บ/ปวดที่ ช่องคลอด ที่ท้องน้อย ตกขาว และ/หรือเลือดออกทางช่องคลอด กิจกรรมดังกล่าว ได้แก่
การส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกต้องวางยาสลบหรือไม่?หากเป็นการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกเพื่อการวินิจฉัยโรคอย่างเดียว ไม่ต้องวางยาสลบ แต่หากเป็นการส่องกล้องฯผ่าตัดพยาธิสภาพในโพรงมดลูก ต้องวางยาสลบ มีข้อห้ามในการส่องกล้องโพรงมดลูกหรือไม่?ข้อห้ามในการส่องกล้องโพรงมดลูก ได้แก่ 1. มีการตั้งครรภ์ 2. มีการอักเสบในอุ้งเชิงกราน/การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน อย่างรุนแรง 3. มีมะเร็งปากมดลูก การดูแลตนเองหลังจากส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกมีอะไรบ้าง?การดูแลตนเองหลังจากส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก ได้แก่ 1. การมีเลือดออกเล็กน้อยทางช่องคลอดหลังผ่าตัด/ส่องกล้องฯ ถือเป็นเรื่องปกติ บางครั้งอาจเห็นเศษเนื้อจากที่ทำการผ่าตัดที่ค้างในโพรงมดลูกหลุดออกมาด้วย ซึ่งอาจมีเลือดออกมาได้นาน ประมาณ 5-7 วันหลังการตรวจ 2. อาจมีอาการปวดหน่วงบริเวณมดลูกได้ สามารถรับประทานยาแก้ปวด เช่นยาพาราเซตามอลได้ 3. ห้ามไม่ทำการสวนล้างช่องคลอด ภาวะแทรกซ้อนจากการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกมีอะไรบ้าง?โดยทั่วไปภาวะแทรกซ้อน(ผลข้างเคียง)จากการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกเกิดขึ้นน้อย ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น 1. ปากมดลูกฉีกขาด เนื่องจากการขยายปากมดลูก 2. มดลูกทะลุ ขณะใส่เครื่องมือเข้าไปในโพรงมดลูก หรือ ทะลุขณะผ่าตัดเนื้องอกในโพรงมดลูก 3. ร่างกายเกิดการเสียสมดุลของสารน้ำและเกลือแร่ ความรุนแรงมีตั้งแต่ในระดับน้อยๆ คือ ไม่มีอาการ จนถึงมีอาการมาก เช่น ชัก หัวใจเต้นผิดปกติ หมดสติ และอาจเสียชีวิตได้ 4. เลือดออกมากจากมดลูก/เลือดออกมากทางช่องคลอด 5. มีการติดเชื้อในโพรงมดลูก(เยื่อบุมดลูกอักเสบ) ต้องกลับไปพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไร?ต้องกลับไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัด เมื่อ 1. เลือดออกทางช่องคลอดมาก หรือ นาน กว่าปกติ 2. ปวดท้องน้อยมากกว่าปกติ 3. ตกขาวเป็นหนอง มีกลิ่นเหม็น 4. มีไข้สูง หนาวสั่น มีเพศสัมพันธ์ได้เมื่อไหร่หลังการตรวจ?หลังการตรวจส่องกล้องโพรงมดลูก และยังไม่ต้องการมีบุตร สามารถคุมกำเนิดได้หลายวิธี เช่น การใช้ถุงยางอนามัยชาย ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด การใส่ห่วงอนามัย แต่หากวางแผนการตั้งครรภ์ในระยะอันใกล้ ควรใช้ วิธีคุมกำเนิดที่ไม่มีส่วนประกอบของยาฮอร์โมน/ไม่ใช้ยาฮอร์โมนต่างๆในการคุมกำเนิด ควรใช้ถุงยางอนามัยชายจะเหมาะสม ส่องกล้องช่องคลอดเจ็บไหม- ในการตรวจจะมีการชโลมปากมดลูกด้วยสารละลายกรดอะเซติกหรือน้ำส้มสายชู ซึ่งอาจทำให้มีอาการระคายเคืองเล็กน้อยในช่องคลอด -ในบางราย แพทย์อาจพิจารณาตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจ (Biopsy) อาจทำให้มีอาการปวดตึงเล็กน้อย หรือการขูดคอมดลูกอาจทำให้มีอาการปวดคล้ายการปวดประจำเดือนช่วงสั้นๆ
ล้างมดลูกเจ็บไหมขูดมดลูกไม่เจ็บมากค่ะ เพราะเราจะสลบไปไม่รู้เรื่อง ฟื้นขึ้นมาก็จะหน่วงๆ ท้องนิดหน่อย ไม่ได้เจ็บปวดอะไร หลังขูดมดลูกเสร็จ คุณหมอจะให้ยากลับมากินคือ ยาแก้อักเสบ และยาแก้ปวด แต่ถ้าใครที่เลือดออกมาก คุณหมอก็จะให้ยาบำรุงเลือดกลับไปด้วยค่ะ
ผ่าตัดส่องกล้องมดลูก กี่วันหายหลังผ่าตัดสามารถลุกเดินได้ภายใน 1 วัน ทำกิจวัตรส่วนตัวได้เอง ส่วนใหญ่พักฟื้นในโรงพยาบาลเพียง 1-3 วัน แพทย์ก็จะอนุญาตให้กลับบ้านได้ เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการนอนโรงพยาบาลหลายวัน มักกลับไปทำงานและใช้ชีวิตได้ตามปกติภายใน 1-2 สัปดาห์ ไม่ต้องรอเวลาแผลหายนานเกินไป ไม่เสียงาน
ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เจ็บไหมQ : การตรวจมีอาการเจ็บหรือมีขั้นตอนที่น่ากลัวหรือไม่ A : ไม่น่ากลัวและไม่เจ็บแต่อย่างใด การตรวจมะเร็งปากมดลูก ตรวจด้วยวิธี Thin Prep คือ การเก็บตัวอย่างเซลล์ด้วยของเหลว บริเวณปากมดลูก เพื่อค้นหาเซลล์มะเร็ง ใช้เวลาตรวจประมาณ 15-20 นาที และรู้ผลภายใน 2-3 สัปดาห์หลังวันเก็บตัวอย่างเซลล์
|