ส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก เจ็บ ไหม

อ.นพ.ธรรมพจน์ จีรากรภาสวัฒน์

Show

สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งนรีเวช

รหัสเอกสาร PI-IMC-337-R-00

 อนุมัติวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564

        ในสตรีที่มีผลตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกผิดปกติ แพทย์อาจพิจารณาตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมด้วยการส่องกล้องคอลโปสโคปี (COLPOSCOPY ) เพื่อตรวจหารอยโรคระยะก่อนเป็นมะเร็งปากมดลูก หากตรวจพบอย่างรวดเร็วตั้งแต่แรก มีโอกาสรักษาให้หายได้ ถ้าได้รับการรักษาและการตรวจติดตามที่เหมาะสม

การตรวจด้วยกล้องขยายทางช่องคลอด COLPOSCOPY คืออะไร

การตรวจด้วยคอลโปสโคปี (COLPOSCOPY) คือ การตรวจเนื้อเยื่อบุผิวของปากมดลูก ช่องคลอด ปากช่องคลอด และทวารหนัก ด้วยกล้องขยายส่องสว่าง หลังจากทาหรือชโลมด้วยน้ำยาเฉพาะ เพื่อตรวจหาความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง หรือเพื่อตรวจยืนยันความปกติของเนื้อเยื่อบุผิว หัตถการที่อาจจะทำร่วมกับการตรวจ คือ การตัดเนื้อเยื่อเป้าหมายออกตรวจ จากบริเวณที่ตรวจพบว่ามีความผิดปกติรุนแรง

ข้อบ่งชี้ในการตรวจด้วยคอลโปสโคปี

- ผลการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วย Pap smear ผิดปกติ ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ให้ทำการตรวจมากที่สุด

- ปากมดลูกมีลักษณะผิดปกติ เช่น มีแผล หรือก้อนเนื้อ จากการตรวจด้วยตาเปล่า

- เลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือน หรือเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือตกขาวเป็นระยะเวลานาน เพื่อวินิจฉัยแยกโรคมะเร็ง

- รอยโรคน่าสงสัยบริเวณช่องคลอดและปากช่องคลอด จากการตรวจด้วยตาเปล่า


- การติดเชื้อในกลุ่มความเสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูก ( High-risk HPV) เช่น ผลการตรวจ HPV DNA testing ให้ผลบวก 2 ครั้ง จากการตรวจห่างกัน 12 เดือน

- ผลการตรวจด้วยน้ำส้มสายชู (Visual inspection with acetic acid, VIA) พบฝ้าขาวหรือผิดปกติ


- การตรวจติดตามผลหลังการรักษารอยโรคที่ปากมดลูกในระยะก่อนเป็นมะเร็ง (CIN) ด้วยการรักษาเฉพาะที่ เช่น การจี้ด้วยความเย็น และการตัดด้วยห่วงไฟฟ้า ฯลฯ


- คู่นอนเป็นเนื้องอกหรือหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศส่วนล่าง

การตรวจคอลโปสโคปี ไม่ควรตรวจในกรณีใด

- สตรีที่กำลังมีเลือดประจำเดือนออกมาก

- ปากมดลูก ช่องคลอด หรือปากช่องคลอดอักเสบแบบเฉียบพลันหรือรุนแรง ควรตรวจหาสาเหตุและรักษาให้หายก่อนเพราะการตรวจและการตัดชิ้นเนื้ออาจทำให้ตกเลือด เจ็บปวด และไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจ นอกจากนี้การอักเสบอาจทำให้ความแม่นยำของการตรวจลดลง

- สตรีที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดอาจจะต้องหยุดยาหลายวันก่อนทำ Cervical biopsy หรือ Endocervical curettage


- ในสตรีตั้งครรภ์ สามารถตรวจได้ แต่ไม่ควรตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy)

เตรียมตัวอย่างไรก่อนไปตรวจ


- ผู้ป่วยควรรับฟังคำแนะนำให้เข้าใจ เพื่อคลายความวิตกกังวล


- ในการตรวจจะมีการชโลมปากมดลูกด้วยสารละลายกรดอะเซติกหรือน้ำส้มสายชู ซึ่งอาจทำให้มีอาการระคายเคืองเล็กน้อยในช่องคลอด


-ในบางราย แพทย์อาจพิจารณาตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจ (Biopsy) อาจทำให้มีอาการปวดตึงเล็กน้อย หรือการขูดคอมดลูกอาจทำให้มีอาการปวดคล้ายการปวดประจำเดือนช่วงสั้นๆ


- ไม่ควรตรวจในช่วงมีรอบเดือน เพราะจะทำให้มองเห็นไม่ชัดและอาจมีเลือดออกมาบดบังการตรวจได้


- งดการการสอดยา การสวนล้างช่องคลอด และการมีเพศสัมพันธ์ก่อนการตรวจ 1 วัน

คำแนะนำหลังการตรวจ


- สามารถดึงผ้ากอซที่ใส่ไว้ในช่องคลอดออกหลังการตรวจประมาณ 3 ชั่วโมง สังเกตเลือดออกทางช่องคลอด


- ภายหลังการตัดเนื้อออกตรวจอาจจะมีเลือดออกมาเล็กน้อยได้ประมาณ 1 – 3 วัน ถ้ามีเลือดออกมากผิดปกติให้กลับมาที่โรงพยาบาลทันทีเพื่อตรวจหาสาเหตุและทำการห้ามเลือด


- งดการมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 2 สัปดาห์เพื่อป้องกันการตกเลือดและการติดเชื้อ


- ไม่ควรสวนล้างหรือใส่ผ้าอนามัยชนิดสอดในช่องคลอด ในช่วง 7 วันแรกหลังการตรวจ


- มาพบแพทย์ตามนัดเพื่อฟังผลการตรวจชิ้นเนื้อ และนำไปวางแผนการรักษาต่อไป

เอกสารอ้างอิง

ศ.นพ.จตุพล ศรีสมบูรณ์. (2010) Basic COLPOSCOPY. ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ . แหล่งข้อมูล : https://w1.med.cmu.ac.th/obgyn/index.php?option=com_content&view=article&id=370:basic-colposcopy&catid=40&Itemid=482. ค้นเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2564 . 

การส่องกล้องโพรงมดลูก แพทย์จะใช้กล้อง Hysteroscope ขนาดเล็กเพียง 5 มม. ส่องผ่านปากมดลูกเข้าไปตรวจหาความผิดปกติที่คอมดลูก ปากมดลูก และในโพรงมดลูกได้โดยตรง รวมทั้งดูบริเวณรูเปิดของท่อนำไข่เข้าสู่โพรงมดลูก

จุดเด่นของการตรวจวิธีนี้ที่ดีกว่าการขูดมดลูกคือ แพทย์สามารถเห็นความผิดปกติภายในโพรงมดลูกได้โดยตรงและชัดเจน

การส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก แพทย์จะวินิจฉัยโรค และให้การรักษาโรคไปพร้อมกันในครั้งเดียวเลย นอกจากนี้ยังสามารถเข้าไปตัดเนื้องอกในโพรงมดลูกได้โดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดแผลหน้าท้อง และไม่เกิดอันตรายต่อเยื่อบุโพรงมดลูก

การส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก(Hysteroscopy) เป็นหัตถการทางการแพทย์โดยการใช้กล้องที่เรียกว่าฮีสเตอรโรสโคป (Hysteroscope) ส่องผ่านปากมดลูกเข้าไปดู พยาธิสภาพที่คอปากมดลูก พยาธิสภาพในโพรงมดลูก โดยตรง หรือดูในบริเวณรูเปิดของท่อนำไข่เข้าสู่โพรงมดลูก ข้อเด่นของการตรวจวิธีนี้ที่เหนือกว่า/ดีกว่าการขูดมดลูก คือ แพทย์สามารถเห็นพยาธิสภาพของโพรงมดลูกได้โดยตรง ซึ่งมีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยรายที่พยาธิสภาพอยู่กันเป็นกระจุก(Focal lesion) ซึ่งการตรวจด้วยวิธีนี้ สามารถใช้เป็นเครื่องมือสำหรับวินิจฉัยโรค และยังสามารถให้การรักษาโรคไปพร้อมกันในครั้งเดียวเลย เช่น การตัดติ่งเนื้อในโพรงมดลูก การตัดเนื้องอกมดลูก หรือการเอาห่วงอนามัยที่ติดค้างในโพรงมดลูกออก แต่ข้อจำกัดของการใช้กล้องส่องโพรงมดลูก คือจะไม่สามารถวินิจฉัยโรคที่อยู่ในชั้นกล้ามเนื้อมดลูก หรือ ในท่อนำไข่ได้

ใครที่ต้องได้รับการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก?

ส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก เจ็บ ไหม

การส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกเป็นหัตถการที่ทำได้ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ และแพทย์ต้องมีการฝึกฝนความชำนาญ การตรวจวิธี นี้สามารถทำการวินิจฉัยและรักษาไปพร้อมกันครั้งเดียวได้เลยหากแพทย์พบพยาธิภาพ ซึ่งแพทย์มักแนะนำให้มีการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกในผู้ป่วยที่มีอาการและ/หรือ มีอาการแสดง ดังต่อไปนี้

1. สตรีวัยเจริญพันธุ์ที่มีเลือดประจำเดือนออกผิดปกติ ทั้งในด้านปริมาณ และ/หรือระยะเวลา

2. สตรีที่ได้รับการตรวจอัลตราซาวด์มดลูกแล้วสงสัยว่ามี เนื้องอก หรือ มีติ่งเนื้อภายในโพรงมดลูก

3. สตรีวัยหมดประจำเดือนที่มีเลือดออกจากโพรงมดลูก(เลือดออกทางช่องคลอด) และหลังได้ทำการดูดชิ้นเนื้อโพรงมดลูก หรือขูดมดลูกแล้ว ยังมีเลือดออกอีกหลังการรักษา

4. สตรีที่มีภาวะแท้งบุตรเป็นอาจิณ/แท้งซ้ำ ร่วมกับตรวจทางอัลตราซาวด์มดลูกพบว่ามีเนื้องอกหรือติ่งเนื้อในโพรงมดลูก

5. สตรีที่มีมดลูกผิดปกติ เช่น มีผนังกั้นในโพรงมดลูก(Septate uterus)

6. สตรีที่มีบุตรยากร่วมกับประวัติ มีประจำเดือนมาน้อยมาก หรือไม่มีประจำเดือน หลังจากเคยขูดมดลูก คาดว่าน่าจะเกิดมีพังผืดในโพรงมดลูก (Asherman’s syndrome)

7. สตรีที่ใส่ห่วงอนามัยมานานและไม่สามารถดึงสายห่วงออกได้ตามปกติ ซึ่งอาจเกิดจากมีเนื้อเยื่อในโพรงมดลูกไปหุ้มห่วง หรือมีบางส่วนของห่วงทะลุผนังมดลูก แพทย์จึงต้องส่องกล้องเข้าไปคีบเอาห่วงอนามัยออกมา

8. สตรีที่มีประจำเดือนออกมาก โดยไม่พบพยาธิสภาพจากการตรวจภายนอกมดลูก แพทย์สามารถส่องกล้องเข้าไปในโพรงมดลูกและทำการทำลายเยื่อบุโพรงมดลูก หรือตัดเยื่อบุโพรงมดลูก เพื่อไม่ให้มีประจำเดือน

การเตรียมตัวก่อนไปส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกมีอะไรบ้าง?

ในการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกเพื่อการวินิจฉัยโรคอย่างเดียวเพื่อหาสาเหตุของโรค สามารถทำที่ห้องตรวจผู้ป่วยนอกนรีเวชได้เลย ไม่ต้องงดข้าว งดน้ำ เพราะอุปกรณ์ในการตรวจเพื่อวินิจฉัย จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของกล้องเล็กกว่า อุปกรณ์ที่ใช้ในการผ่าตัด

แต่หากแพทย์ต้องทำการผ่าตัดพยาธิสภาพในโพรงมดลูก ผู้ป่วยจำเป็นต้อง งดข้าว งดน้ำ 6 ชั่วโมงก่อนไปทำการรักษาด้วยการส่องกล้องตรวจทางโพรงมดลูก

ขั้นตอนการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกมีอะไรบ้าง?

ขั้นตอนการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกสำหรับในรายที่มีพยาธิสภาพในโพรงมดลูก และแพทย์นัดทำการผ่าตัดในโพรงมดลูก ต้องมีการเตรียมตัวดังนี้

1. นอนโรงพยาบาลก่อนวันผ่าตัด หรืออาจเป็นเช้าวันผ่าตัด ในกรณีที่แพทย์นัดผ่าตัดเนื้องอกในโพรงมดลูก มักนัดหลังประจำเดือนหยุดใหม่ๆ เพราะเยื่อบุโพรงมดลูกระยะนี้จะบาง จึงง่ายต่อการทำหัตถการ

2. งดน้ำและอาหารหลังเที่ยงคืน

3. แพทย์จะให้เหน็บยา 1-2 เม็ด (ยา Misoprostol)ในช่องคลอดคืนก่อนผ่าตัด หรือเช้าวันก่อนผ่าตัดเพื่อช่วยทำปากมดลูกนิ่มและทำให้ขยายปากมดลูกได้ง่ายขึ้นก่อนที่จะใส่กล้องผ่านปากมดลูกเข้าไปในโพรงมดลูก

4. วิสัญญีแพทย์(หมอดมยา)จะให้ยาระงับความรู้สึก ด้วยการวางยาสลบ

5. สูตินรีแพทย์ทำการตรวจภายในประเมินสภาพมดลูกอีกครั้ง ทำการขยายปากมดลูกจนสามารถสอดใส่กล้องผ่านเข้าเข้าในโพรงมดลูกได้

6. แพทย์ต้องทำการขยายโพรงมดลูก อาจเป็นก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ หรือด้วยสารน้ำ ซึ่งมีสารน้ำหลายประเภท ขึ้นกับวัตถุประสงค์ของแพทย์ ในการผ่าตัดที่ต้องใช้สารน้ำเป็นตัวขยายโพรงมดลูก จะมีท่อนำสารน้ำเข้าไปในโพรงมดลูก และมีท่อนำสารนำออกมาจากโพรงมดลูก

7. แพทย์ทำการผ่าตัดรักษาพยาธิสภาพในโพรงมดลูก

8. ในบางกรณีที่ก้อนเนื้อในโพรงมดลูกมีขนาดใหญ่ การผ่าตัดรักษาอาจไม่สำเร็จในครั้งเดียว เพราะความจำกัดด้านความสมดุลระหว่างปริมาณสารน้ำที่ใส่เข้าไปในโพรงมดลูกและปริมาณสารน้ำที่ไหลจากโพรงมดลูกออกมา สารน้ำส่วนหนึ่งจะถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกาย หากสารน้ำเข้าไปในร่างกายมากเกินไป ก็อาจเป็นอันตรายได้ ดังนั้นหากปริมาณสารน้ำมีความแตกต่างกัน 1,000 มิลลิลิตร(ระหว่างปริมาณสารที่ใส่เข้าไปในโพรงมดลูกและที่แพทย์ดูดออกมา) จำเป็นต้องหยุดทำหัตถการ แล้วเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน และนัดผู้ป่วยมาทำการรักษาในครั้งใหม่

ขั้นตอนการตรวจทั้งหมดใช้ระยะเวลาประมาณเท่าไร?

ระยะเวลาในการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกขึ้นกับหัตถการที่ทำ

  • หากเป็นการส่องกล้องเพื่อการวินิจฉัยโรค จะใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 10-30 นาที
  • หากเป็นการผ่าตัด ระยะเวลาขึ้นอยู่กับความยากง่าย ขนาดของเนื้องอก หากเนื้องอกมีขนาดใหญ่ การผ่าตัดจะใช้เวลานานกว่า โดยทั่วไประยะเวลาเมื่อนับเฉพาะตอนผ่าตัด (ไม่นับรวมการเตรียมอุปกรณ์ การขยายปากมดลูก) มักจะทำหัตถการนานไม่เกิน 1 ชั่วโมง บางครั้งอาจต้องนัดผู้ป่วยมาทำผ่าตัดครั้งที่ 2 ในครั้งถัดไป

ผู้ป่วยจะทราบผลการตรวจได้เมื่อไร?

ในการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก สถานพยาบาลบางแห่งจะมีการบันทึกภาพภายในโพรงมดลูก ความผิดปกติต่างๆ ไว้ให้ผู้ป่วยดูในขณะทำการตรวจ หรือหลังการตรวจเสร็จแล้ว แต่บางครั้งจะเป็นการวาดภาพ หรือ เขียนภาพคร่าวๆ(ไดอะแกรม/Diagram) ซึ่งแพทย์ผู้รักษาจะพูดคุยกับผู้ป่วยหลังผู้ป่วยรู้สึกตัวดีแล้ว

สำหรับชิ้นเนื้อที่แพทย์ตัดจากรอยโรคในโพรงมดลูก แพทย์จะส่งตรวจทางพยาธิวิทยาต่อไป และนัดผู้ป่วยกลับมาฟังผลตรวจ ซึ่งอาจใช้เวลา 1-4 สัปดาห์กว่าจะทราบผลขึ้นกับแต่ละโรงพยาบาล

หลังการตรวจแล้วกลับไปทำงานได้เลยหรือไม่?

หลังจากการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก ในกรณีที่เป็นการวินิจฉัยโรค ไม่ได้ดมยาสลบ ผู้ป่วยอาจไม่ต้องพักงาน กลับไปทำงาน ใช้ชีวิตได้ตามปกติ

แต่หากเป็นการผ่าตัด มีการเสียเลือดมาก และต้องดมยาสลบด้วย แพทย์อาจต้องให้ผู้ป่วยพักดูแลตนเองที่บ้านประมาณ 1 สัปดาห์

แต่อย่างไรก็ตาม แพทย์ผู้ตรวจรักษาผู้ป่วย จะให้คำแนะนำผู้ป่วยในเรื่องนี้เป็นกรณีๆไป

หลังการตรวจห้ามทำอะไรบ้าง?

ข้อห้ามหลังการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก คือ งดกิจกรรมดังจะกล่าวต่อไป ประมาณ 2 สัปดาห์หลังการตรวจ จนกว่าจะ ไม่มี อาการเจ็บ/ปวดที่ ช่องคลอด ที่ท้องน้อย ตกขาว และ/หรือเลือดออกทางช่องคลอด กิจกรรมดังกล่าว ได้แก่

  • สวนล้างช่องคลอด
  • มีเพศสัมพันธ์
  • อาบน้ำในอ่างอาบน้ำ
  • ว่ายน้ำ
  • การใช้ผ้าอนามัยแบบสอด(Tampon)

การส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกต้องวางยาสลบหรือไม่?

หากเป็นการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกเพื่อการวินิจฉัยโรคอย่างเดียว ไม่ต้องวางยาสลบ แต่หากเป็นการส่องกล้องฯผ่าตัดพยาธิสภาพในโพรงมดลูก ต้องวางยาสลบ

มีข้อห้ามในการส่องกล้องโพรงมดลูกหรือไม่?

ข้อห้ามในการส่องกล้องโพรงมดลูก ได้แก่

1. มีการตั้งครรภ์

2. มีการอักเสบในอุ้งเชิงกราน/การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน อย่างรุนแรง

3. มีมะเร็งปากมดลูก

การดูแลตนเองหลังจากส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกมีอะไรบ้าง?

การดูแลตนเองหลังจากส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก ได้แก่

1. การมีเลือดออกเล็กน้อยทางช่องคลอดหลังผ่าตัด/ส่องกล้องฯ ถือเป็นเรื่องปกติ บางครั้งอาจเห็นเศษเนื้อจากที่ทำการผ่าตัดที่ค้างในโพรงมดลูกหลุดออกมาด้วย ซึ่งอาจมีเลือดออกมาได้นาน ประมาณ 5-7 วันหลังการตรวจ

2. อาจมีอาการปวดหน่วงบริเวณมดลูกได้ สามารถรับประทานยาแก้ปวด เช่นยาพาราเซตามอลได้

3. ห้ามไม่ทำการสวนล้างช่องคลอด

ภาวะแทรกซ้อนจากการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกมีอะไรบ้าง?

โดยทั่วไปภาวะแทรกซ้อน(ผลข้างเคียง)จากการส่องกล้องตรวจโพรงมดลูกเกิดขึ้นน้อย ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น

1. ปากมดลูกฉีกขาด เนื่องจากการขยายปากมดลูก

2. มดลูกทะลุ ขณะใส่เครื่องมือเข้าไปในโพรงมดลูก หรือ ทะลุขณะผ่าตัดเนื้องอกในโพรงมดลูก

3. ร่างกายเกิดการเสียสมดุลของสารน้ำและเกลือแร่ ความรุนแรงมีตั้งแต่ในระดับน้อยๆ คือ ไม่มีอาการ จนถึงมีอาการมาก เช่น ชัก หัวใจเต้นผิดปกติ หมดสติ และอาจเสียชีวิตได้

4. เลือดออกมากจากมดลูก/เลือดออกมากทางช่องคลอด

5. มีการติดเชื้อในโพรงมดลูก(เยื่อบุมดลูกอักเสบ)

ต้องกลับไปพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไร?

ต้องกลับไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัด เมื่อ

1. เลือดออกทางช่องคลอดมาก หรือ นาน กว่าปกติ

2. ปวดท้องน้อยมากกว่าปกติ

3. ตกขาวเป็นหนอง มีกลิ่นเหม็น

4. มีไข้สูง หนาวสั่น

มีเพศสัมพันธ์ได้เมื่อไหร่หลังการตรวจ?

หลังการตรวจส่องกล้องโพรงมดลูก และยังไม่ต้องการมีบุตร สามารถคุมกำเนิดได้หลายวิธี เช่น การใช้ถุงยางอนามัยชาย ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด การใส่ห่วงอนามัย แต่หากวางแผนการตั้งครรภ์ในระยะอันใกล้ ควรใช้ วิธีคุมกำเนิดที่ไม่มีส่วนประกอบของยาฮอร์โมน/ไม่ใช้ยาฮอร์โมนต่างๆในการคุมกำเนิด ควรใช้ถุงยางอนามัยชายจะเหมาะสม

ส่องกล้องช่องคลอดเจ็บไหม

- ในการตรวจจะมีการชโลมปากมดลูกด้วยสารละลายกรดอะเซติกหรือน้ำส้มสายชู ซึ่งอาจทำให้มีอาการระคายเคืองเล็กน้อยในช่องคลอด -ในบางราย แพทย์อาจพิจารณาตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจ (Biopsy) อาจทำให้มีอาการปวดตึงเล็กน้อย หรือการขูดคอมดลูกอาจทำให้มีอาการปวดคล้ายการปวดประจำเดือนช่วงสั้นๆ

ล้างมดลูกเจ็บไหม

ขูดมดลูกไม่เจ็บมากค่ะ เพราะเราจะสลบไปไม่รู้เรื่อง ฟื้นขึ้นมาก็จะหน่วงๆ ท้องนิดหน่อย ไม่ได้เจ็บปวดอะไร หลังขูดมดลูกเสร็จ คุณหมอจะให้ยากลับมากินคือ ยาแก้อักเสบ และยาแก้ปวด แต่ถ้าใครที่เลือดออกมาก คุณหมอก็จะให้ยาบำรุงเลือดกลับไปด้วยค่ะ

ผ่าตัดส่องกล้องมดลูก กี่วันหาย

หลังผ่าตัดสามารถลุกเดินได้ภายใน 1 วัน ทำกิจวัตรส่วนตัวได้เอง ส่วนใหญ่พักฟื้นในโรงพยาบาลเพียง 1-3 วัน แพทย์ก็จะอนุญาตให้กลับบ้านได้ เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการนอนโรงพยาบาลหลายวัน มักกลับไปทำงานและใช้ชีวิตได้ตามปกติภายใน 1-2 สัปดาห์ ไม่ต้องรอเวลาแผลหายนานเกินไป ไม่เสียงาน

ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เจ็บไหม

Q : การตรวจมีอาการเจ็บหรือมีขั้นตอนที่น่ากลัวหรือไม่ A : ไม่น่ากลัวและไม่เจ็บแต่อย่างใด การตรวจมะเร็งปากมดลูก ตรวจด้วยวิธี Thin Prep คือ การเก็บตัวอย่างเซลล์ด้วยของเหลว บริเวณปากมดลูก เพื่อค้นหาเซลล์มะเร็ง ใช้เวลาตรวจประมาณ 15-20 นาที และรู้ผลภายใน 2-3 สัปดาห์หลังวันเก็บตัวอย่างเซลล์