อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ตั้งครรภ์

            ดังนั้นBBTจึงสามารถใช้ในการหาวันไข่ตกเพื่อหาวันที่เหมาะสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ เพิ่มโอกาศการตั้งครรภ์ในผู้ที่มีบุตรยาก อีกทั้งยังสามารใช้ดูการทำงานของคอร์ปัสลูเทียมและดูรอบประจำเดือนเพื่อรักษาผู้ที่มีภาวะประจำเดือนมาผิดปกติ อีกทั้งหากตั้งครรภ์BBTก็สามารถใช้ในการพยากรณ์ล่วงหน้าได้อีกด้วย

โดยเมื่อได้ค่าอุณหภูมิกายขณะพักแล้ว (Basal Body Temperature) ให้จดบันทึกไว้ใน Application หรือ แผ่นกราฟ เพื่อจะได้ติดตามวันไข่ตกของเราได้ง่ายมากยิ่งขึ้น


อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ตั้งครรภ์


“Basal Body Temperature เป็นตัวช่วยในการยืนยันวันไข่ตกที่ดีมาก หากเราเข้าใจหน้าที่ และเทคนิคการวัดที่ถูกต้องค่ะ”

อย่างไรก็ตามมีปัจจัยหลายอย่างที่อาจส่งผลให้อุณหภูมิกายเปลี่ยนแปลงไป และอาจทำให้การแปลผลยากขึ้นกว่าเดิม หากมีปัจจัยเหล่านี้ ให้บันทึกไว้ทุกครั้งเพื่อให้ง่ายต่อการแปลผลโดยรวม

นอกจากประจำเดือนหายไปแล้ว ยังมีอีกหลายอาการที่เป็นสัญญาณบอกได้ว่าคุณกำลังเริ่ม ตั้งครรภ์ อ่อนๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะคล้ายคลึงกับอาการของคนมีรอบเดือนมา แม่มือใหม่หลายๆ คนจึงอาจจะคิดไม่ถึงว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์อยู่  ดังนั้นใครที่กำลังสงสัยว่าจะตั้งครรภ์ ลองสังเกตตัวเองว่ามี 15 อาการคนท้อง หรือ อาการคนท้องไม่รู้ตัว ที่ร่างกายกำลังส่งสัญญาณบอกใบ้มาให้ ดังต่อไปนี้หรือเปล่า

 

อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ตั้งครรภ์

 

 

1. การขาดประจำเดือน

การขาดประจำเดือน หรือ ประจำเดือนไม่มาตามรอบปกติ โดยมีช่วงรอบเดือนนานขึ้น หรือไม่มีรอบเดือนเลยในเดือนนั้น นี่คือหนึ่งในสัญญาณของการตั้งครรภ์ และมักเป็นสิ่งแรกๆ ที่แม่มือใหม่จะสังเกตได้ค่ะ

ข้อแนะนำ หากต้องการทราบอายุครรภ์ปัจจุบัน ให้คำนวนโดยเริ่มนับตั้งแต่วันแรกของรอบเดือนครั้งล่าสุดมาจนถึงวันที่คำนวน ดังนั้น การจดบันทึกรอบเดือนเป็นประจำ จะทำให้สามารถระบุอายุครรภ์ได้อย่างแม่นยำ

 

2. คลื่นไส้และอาเจียน

อ้างอิงข้อมูลจาก Doctors อาการคลื่นไส้และอาเจียนในผู้หญิง มักจะเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์มากถึงร้อยละ 50 เนื่องจากอาการนี้เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของฮอร์โมน HCG (human chorionic gonadotrophin)

โดยทั่วไปแล้ว อาการคลื่นไส้และอาเจียนจะค่อยๆ หายไปเองเมื่อการตั้งครรภ์เข้าสู่ไตรมาสที่สอง แต่หากยังคงมีอาการอย่างต่อเนื่องจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของแม่ และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิด  Hyperemesis gravidarum (HG) หรือ อาการคลื่นไส้และอาเจียนรุนแรงระหว่างการตั้งครรภ์ ซึ่งหากแม่มีอาการนี้ ให้รีบเข้ารับการรักษาจากแพทย์โดยด่วน ไม่ควรปล่อยไว้นะคะ

ข้อแนะนำ ดื่มน้ำเปล่าในปริมาณมาก ลดอาหารประเภทที่มีไขมันสูง หรือมีส่วนผสมของกะทิ

อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ตั้งครรภ์

 

3. เหนื่อยง่าย

อาการเหนื่อยง่ายของคนที่เริ่มตั้งครรภ์ เป็นผลมาจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ในร่างกาย ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในอาการแรกเริ่มของคนท้อง แล้วทำไมคนท้องถึงเหนื่อยง่าย? นั่นก็เพราะอวัยวะหลายส่วนของร่างกาย เช่น หัวใจ ปอด และไต จะต้องทำงานหนักมากขึ้นเพื่อบำรุงตัวอ่อนทารกที่อยู่ในครรภ์นั่นเองค่ะ

ข้อแนะนำ งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และพยายามนอนพักผ่อนให้เพียงพอในแต่ละวัน เพื่อให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ตั้งครรภ์

4. เบื่ออาหาร

อาการไม่อยากอาหารของคนที่เพิ่งเริ่มตั้งครรภ์เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ซึ่งเกิดจากความเครียดในเรื่องน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น หรืออาจเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย จึงส่งผลให้ความอยากอาหารลดลง หรือไม่รู้สึกเจริญอาหารเลยแม้แต่นิด

ข้อแนะนำ แม่ควรเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าพฤติกรรมการกินและคุณค่าทางโภชนาการในอาหารจะมีผลต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ ดังนั้น แม่ควรพยายามกินให้ได้สารอาหารครบถ้วนเพื่อลูกนะคะ

 

5. อยากอาหารบางอย่าง

ช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ ในขณะที่บางคนอาจมีอาการแพ้ท้องหรือเบื่ออาหาร แต่ก็มีแม่บางส่วนที่มีความอยากอาหารเพิ่มมากขึ้น และบางคนอยากกินอาหารแปลกๆ โดยเฉพาะ ซึ่งผู้ที่มีอาการนี้ อาจทำให้มีความไวต่อการรับรสหรือกลิ่นอะไรบางอย่างมากกว่าปกติอีกด้วย

ข้อแนะนำ แม่ตั้งครรภ์สามารถรับประทานอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ ตราบใดที่ยังไม่ละเมิดข้อห้ามของคนท้อง และไม่ได้บริโภคอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้

 

6. ตึงคัดเต้านม

อาการตึงหรือคัดเต้านม ส่วนใหญ่เกิดมากจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) และเอสโตรเจน (Estrogen) ในร่างกายแม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีผลทำให้มีอาการเต้านมขยายใหญ่ขึ้น และเจ็บเต้านมมากขึ้น

นอกจากนี้ แม่ท้องบางคนยังมีหัวนมที่ใหญ่และดำขึ้น  ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมน HPL (human placental lactogen) ที่จะมีส่วนในการผลิตน้ำนมในเวลาต่อมา

ข้อแนะนำ หญิงตั้งครรภ์ควรสวมใส่ชุดชั้นในที่ใหญ่และสบาย ไม่ควรใส่ชุดชั้นในที่รัดแน่นจนเกินไป

 

7. ท้องผูก

อีกหนึ่งอาการที่แสดงว่ากำลังเริ่มตั้งครรภ์ก็คือ อาการท้องผูก ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) แต่ในขณะเดียวกัน ฮอร์โมนนี้กลับทำหน้าที่ช่วยให้กล้ามเนื้อมดลูกและผนังลำไส้รู้สึกผ่อนคลาย

ข้อแนะนำ รับประทานผักและผลไม้ในสัดส่วนที่มากขึ้น และให้ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร ซึ่งหากทำได้แบบนี้แล้ว นอกจากจะแก้ปัญหาท้องผูกได้แล้ว ยังทำให้แม่ได้รับสารอาหารครบถ้วนตามหลักโภชนาการอีกด้วย

อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ตั้งครรภ์

8. มีเลือดออกมาจากช่องคลอด

เลือดออกจากช่องคลอดแบบกระปริบกระปรอยแต่ไม่ใช่ประจำเดือน หรือคนทั่วไปเรียกว่า เลือดล้างหน้าเด็ก เป็นอาการที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงที่เพิ่งเริ่มตั้งครรภ์ เกิดจากการที่ไข่ซึ่งผ่านการผสมกับสเปิร์มแล้วเคลื่อนไปเกาะและฝังตัวอยู่ที่ผนังมดลูก ทำให้มีเลือดออกเล็กน้อย จึงอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นประจำเดือน

โดยปกติแล้ว เลือดที่เกิดจากการฝังตัวของไข่ที่ผนังมดลูกนี้ จะปรากฎขึ้นในช่วงรอบไข่ตก และมีลักษณะเป็นสีชมพูออกมาในปริมาณเพียงเล็กน้อย หรืออาจมีอาการปวดท้องร่วมด้วย

ข้อแนะนำ หากพบเลือดออกในลักษณะนี้ไม่ต้องตกใจ และสามารถปรึกษาแพทย์ได้ หากไม่แน่ใจว่าเป็นเลือดล้างหน้าเด็กหรือไม่

 

9. ปวดท้อง

อาการปวดเกร็งบริเวณท้องและบั้นเอวเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับอาการปวดที่เกิดขึ้นระหว่างมีรอบเดือนมาก

อาการนี้ถึอว่าเป็นอาการปกติ เกิดขึ้นจากแรงกดในกล้ามเนื้อมดลูก จึงทำให้เกิดอาการเกร็งได้ง่าย ในหญิงตั้งครรภ์บางคน อาการปวดท้องลักษณะนี้สามารถดำเนินต่อไปจนถึงไตรมาสที่สองของการตั้งครรภ์เลยทีเดียว

ข้อแนะนำ ทำท่าเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ เพื่อยืดกล้ามเนื้อ และอาบน้ำด้วยน้ำร้อนเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด

อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ตั้งครรภ์

10. อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น

ในระหว่างช่วงที่มีการตกไข่ อุณหภูมิของร่างกายจะเพิ่มสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งการวัดอุณหภูมิของร่างกายขณะตื่นนอนตอนเช้าหลังจากนอนหลับสนิทติดต่อกันหลายชั่วโมง จะทำให้ทราบว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีการตกไข่หรือไม่ แต่หากอุณหภูมิยังคงสูงติดต่อกันสามวัน นี่คือลักษณะของการตั้งครรภ์ในช่วงแรก

ข้อแนะนำ อย่าตื่นตระหนกและพักผ่อนให้เต็มที่ สิ่งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ในร่างกายเพิ่มขึ้น

 

11. อารมณ์แปรปรวน

ฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ หรือทำให้อารมณ์แปรปรวนอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นหนึ่งในอาการของคนท้อง ดังนั้นจึงควรหาสิ่งที่จะมาช่วยสร้างความสงบสุขให้กับแม่ เพื่อลดผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจของแม่ ทำใจให้สบาย ผ่อนคลายเข้าไว้นะคะ

ข้อแนะนำ ทำสมาธิ หรือกิจกรรมที่สามารถทำให้จิตใจผ่อนคลาย และพยายามคิดบวกให้มากขึ้น

 

12. มีตกขาว

อาการตกขาวที่ปรากฏอาจเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์อ่อนๆ ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายพยายามทำหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อบริเวณช่องคลอด ตราบใดที่ตกขาวไม่มีสีและไม่มีกลิ่นก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องกังวลไปค่ะ

ข้อแนะนำ แต่ถึงอย่างนั้น หากตกข่าวมีสี มีกลิ่น หรือหากอาการนี้ไม่ลดลง ให้ปรึกษาแพทย์ทันที

อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ตั้งครรภ์

13. เวียนหัว

อาการวิงเวียนและปวดหัวอย่างรุนแรง อาจเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์แรกเริ่ม แต่เมื่อร่างกายมีการปรับตัวและการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น อาการนี้ก็จะบรรเทาน้อยลง

ข้อแนะนำ ให้แม่นั่งหรือนอนพักจนกว่าอาการเวียนหัวหรือปวดหัวจะดีขึ้น พยายามขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกายน้อยๆ ค่ะ

 

14. ปัสสาวะบ่อย

โดยปกติตำแหน่งของทารกในครรภ์มักจะไปเบียดบังและรบกวนการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ และในขณะเดียวกันร่างกายของแม่ก็ต้องผลิตเลือดเพิ่มขึ้นเพื่อใช้บำรุงทารก จึงทำให้กระเพาะปัสสาวะเต็มเร็วขึ้น คนท้องจึงปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น แต่ถึงจะต้องเหนื่อยกับการลุกไปเข้าห้องน้ำแค่ไหน ก็ไม่ควรกลั้นปัสสาวะเด็ดขาดนะคะแม่ๆ

ข้อแนะนำ การปัสสาวะบ่อยๆ อาจทำให้เสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ ดังนั้น แม่ควรดื่มน้ำในปริมาณมากเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำในร่างกาย แต่ไม่ใช่ดื่มทีเดียวมากๆ นะคะ ค่อยๆ ทยอยจิบทีละนิดไปตลอดทั้งวันค่ะ

 

15. น้ำลายไหลมากผิดปกติ

ภาวะน้ำลายไหลมาก (Hypersalivation) คืออาการที่เกิดขึ้นกับหญิงตั้งครรภ์ที่มีการผลิตน้ำลายออกมาจากช่องปากมากเกินความจำเป็น ซึ่งเกิดจากการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ ซึ่งภาวะน้ำลายไหลมากนี้อาจทำให้บางคนรู้สึกแพ้ท้องหนักกว่าเดิม และยังทำให้เกิดกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์อีกด้วย

อาการ แพ้ท้อง น้ำลายไหลมากผิดปกติ ป้องกันได้ คลิกเพื่ออ่านเพิ่มเติม

ข้อแนะนำ ใช้น้ำยาบ้วนปากที่ปราศจากฟลูออไรด์ (Fluoride) เพื่อรักษาสมดุลค่า pH ในช่องปาก

 

15 อาการคนท้อง ข้างต้นอาจไม่ได้เกิดขึ้นกับคนท้องทุกคน หรือการท้องทุกๆ ครั้ง  เพราะการตั้งครรภ์ต่างก็มีลักษณะที่แตกต่างกันไปตามเงื่อนไขด้านสุขภาพและข้อจำกัดของแต่ละคน เพื่อความแน่ใจๆ คุณควรใช้ที่ตรวจครรภ์ หรือไปพบแพทย์เพื่อตรวจครรภ์ และเมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์แล้ว อย่าลืมดูแลสุขภาพของตัวเองด้วยผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยสำหรับการตั้งครรภ์ เพื่อที่ลูกน้อยในท้องจะได้มีสุขภาพที่แข็งแรงเช่นกันค่ะ

คนท้องอุณหภูมิร่างกายสูงไหม

อาการคนท้องจะมีอุณหภูมิตัวสูงกว่าคนทั่วไปแต่ไม่ใช่การเป็นไข้ แต่จะทำให้กลายเป็นคนขี้ร้อนและต้องอยู่ใกล้ความเย็นตลอดเวลา จึงทำให้เกิดอาการหายใจถี่เพราะร่างกายต้องใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้น และยิ่งเด็กเติบโตมากเท่าไหร่ก็ต้องแย่งออกซิเจนกับคุณแม่มากเท่านั้น จึงทำให้ร่างกายเกิดสภาวะที่ร้อนและเหนื่อยง่าย

ทำไมคนท้องอุณหภูมิสูง

อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น จะมีอาการรู้สึกตัวร้อนรุมๆ คล้ายจะเป็นไข้ เนื่องจากร่างกายจะมีการสร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพิ่มขึ้น ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ เนื่องจากมดลูกที่โตขึ้นไปกดกระเพาะปัสสาวะ จึงทำให้แม่ตั้งครรภ์ปวดปัสสาวะบ่อย อาการปัสสาวะบ่อย จะเริ่มดีขึ้นเมื่อมดลูกขยายเข้าในท้อง

คนท้องมีอุณหภูมิเท่าไร

ลองดูอาการนะคะ ถ้าปวดท้องไม่หาย หรือมีเลือดออก รีบไปหาหมอคะ แต่ช่วงตอนเค้าท้อง 5- 6 สัปดหา์อุณหภูมิจะอยู่คงที่ 36.5-36.6 ค่ะ แต่มีบางวันก็ลดมาเหลือ 36.4 -36.3 อีกอย่างนอนดึกก็มีผลให้อุณหภูมิลดนะคะ อย่าพึ่งคิดมากคะ

อาการใดบ้างที่บ่งบอกว่ากำลังตั้งครรภ์

10 สัญญาณการตั้งครรภ์ อาการคนท้องในระยะแรกเป็นอย่างไร.
ประจำเดือนขาด ... .
เลือดออกทางช่องคลอด ... .
จมูกไวต่อกลิ่น ... .
คลื่นไส้ และอาเจียน ... .
คัดเต้านม ... .
มีตกขาวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ... .
รู้สึกเหนื่อยง่าย ... .
ปัสสาวะบ่อย.