เครื่องกลไฟฟ้าและการควบคุม pdf

บทท่ี 2

ระบบควบคมุ โดยทั่วไป และอุปกรณท์ ีใ่ ช้ในการควบคมุ

การควบคุมและอปุ กรณเ์ ครื่องกลไฟฟา้
1. ชนิดของการควบคุมเครอ่ื งกลไฟฟ้า

การควบคมุ เครื่องกลไฟฟ้าหรอื การควบคุมมอเตอร์ คือการควบคมุ ให้มอเตอร์ทางานตาม
วัตถปุ ระสงค์หรอื ตามความต้องการของผู้ควบคมุ เชน่ ควบคุมการเริม่ ทางาน ( Starting) ควบคุมความเรว็
(Speed) ควบคมุ กาลัง (Power) รวมท้ังการกลับทิศทางหมุน (Reverse) และควบคุมการหยุดทางาน (Stop)
เปน็ ต้น การเลือกใช้อุปกรณ์ควบคุมประกอบวงจรจึงมีความจาเปน็ เพือ่ ความเหมาะสมกบั วัตถุประสงค์
และชนิดของการควบคมุ มอเตอร์ ซึง่ สามารถแบ่งวิธีของการควบคมุ มอเตอร์ได้ 3 วิธีคือ

1.1 การควบคมุ ดว้ ยมือ ( Manual Control) คอื การใชค้ นทาหนา้ ที่ควบคมุ เครือ่ งกลไฟฟ้า
โดยตรงหรอื เรียกว่าโอเปอเรเตอร์ ( Operator) โดยใช้วธิ ีการจา่ ยแรงดนั ไฟฟ้าให้กบั มอเตอร์ไฟฟ้าโดยตรง
เชน่ การเสียบปลกั๊ ไฟฟ้า การใชส้ วิตช์ใบมีด ( Cut out) หรอื ใช้สวิตช์สตาร์ทมอเตอร์ ( Starter Switch)
เปน็ ต้น ทาหน้าที่จ่ายแรงดนั ไฟฟ้าโดยตรงให้กบั มอเตอร์ไฟฟ้า วธิ ีการควบคุมด้วยมือน้มี ักจะใช้กบั มอเตอร์
ไฟฟ้าที่มขี นาดเลก็ ประเภทเครื่องใชไ้ ฟฟ้าภายในบ้านทว่ั ไป เพือ่ การเริ่มเดินหรอื หยุดเครอ่ื งเปน็ ส่วนใหญ่
และมีเคร่อื งประกอบป้องกนั อันตราย ( Overload Protection)โดยปกติจะเปน็ ฟิวส์ ( Standard Fuse)
ประกอบติดอยู่ภายใต้สวิตช์แต่ละขาสบั

รปู ที่ 1-1 รปู แสดงผังการควบคุมด้วยมือ (Manual Control) หนา้ 4
ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รุงรกั ษาระบบปั้มนา้ ประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน

1.2 การควบคมุ แบบกึ่งอัตโนมัติ (Semi Automatic Control) เป็นการนาอุปกรณ์ประกอบ
เข้ามาช่วยในการควบคุมการทางานของมอเตอร์ไฟฟ้า ได้แก่ แมกเนติกส์คอนแทคเตอร์ ( Magnetic
Contactor) และสวติ ช์ปุ่มกด ( Push Button Switch) ตงั้ แต่ 1 หรอื 2 ชดุ ขึน้ ไป สวิตช์ปุ่มกดนีจ้ ะทาหนา้ ที่เร่มิ
การทางานของเคร่อื งหรอื ปุ่มสตาร์ท ( Start) และทาหน้าทีห่ ยุดการทางานของเครือ่ งหรอื ปุ่มหยดุ ( Stop)
โดยการควบคุมการทางานของแมกเนติกส์คอนแทคเตอร์ใหต้ ่อหรอื เปิดหนา้ สมั ผสั ( Contact) เพื่อควบคุม
กระแสไฟฟ้าทีจ่ า่ ยใหก้ บั มอเตอร์ไฟฟ้า การควบคมุ วิธีนีจ้ ะดีกว่าการควบคมุ ด้วยมือเพราะสามารถ
ออกแบบวงจรควบคมุ มอเตอรไ์ ฟฟ้าได้จากหลายทีท่ ั้งการเริ่มทางาน ( Start) และการหยดุ ทางาน
(Stop)และสามารถจดั วางตู้ควบคุมหา่ งจากเครือ่ งจกั รได้เป็นการเพิม่ ความปลอดภยั ใหก้ ับผคู้ วบคุมยิ่งข้นึ

รปู ที่ 1-2 รูปแสดงผังการควบคุมแบบกึง่ อัตโนมตั ิ (Semi Automatic Control)

1.3 การควบคุมแบบอตั โนมตั ิ ( Automatic Control) การควบคมุ วิธีนีเ้ หมอื นกับการควบคมุ แบบ
กึ่งอัตโนมตั ิ เพียงแต่หลังจากกดปุ่มเร่มิ เดิน ( Start) แล้วระบบการทางานเองตลอดทกุ ระยะ เชน่ การหมนุ
ตามเข็มนาฬิกา, การหมุนทวนเข็มนาฬิกาหรอื หยุดทางาน (Stop) ดังน้ันจึงต้องมีการตดิ ต้ังสวิตช์อัตโนมตั ไิ ว้
ตามจดุ ตา่ งๆเพือ่ ใหร้ ะบบสามารถทางานได้เองตลอดเวลา เชน่ การติดตงั้ ลมิ ิตสวิตช์ ( Limit Switch) เพื่อ
ควบคมุ ระยะทาง ติดตงั้ สวิตช์ลกู ลอย ( Float Switch) เพื่อควบคมุ ระดับน้าในถัง หรอื การตดิ ต้ังทามเมอร์
รีเลย์ (Timer Relay) เพือ่ ควบคุมเวลาเป็นต้น

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบ้ารุงรกั ษาระบบป้ัมน้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 5

รปู ที่ 1-3 รูปแสดงผงั การควบคมุ แบบอัตโนมัติ ( Automatic Control)

2. อุปกรณ์ท่ใี ช้ในวงจรควบคมุ เครื่องกลไฟฟ้า
วงจรไฟฟ้าสาหรับการควบคุมเครื่องกลไฟฟ้าจะประกอบด้วยอปุ กรณ์ควบคุมเครื่องกลไฟฟ้าหลาย
ชนิดนามาใช้ประกอบวงจรร่วมกนั เพือ่ ให้สามารถควบคุมการทางานของเครื่องกลไฟฟ้าใหท้ างานตาม
ความตอ้ งการได้อย่างถกู ต้อง มปี ระสิทธิภาพและมีความปลอดภัยในการใชง้ าน อปุ กรณ์ดงั กล่าวได้แก่

2.1 สวิตชป์ มุ่ กด (Push button Switch) เป็นอปุ กรณ์ทีท่ าหน้าที่ตัดตอ่ วงจรไฟฟ้าควบคุมการ
ทางานของมอเตอร์ สวิตช์น้ีจะมีหน้าสมั ผัส ( Contact) แบบปกติเปิด (Normally Open ; NO)1 ชุดและแบบ
ปกติปิด(Normally Close ; NC)1 ชดุ เมือ่ กดปุ่มแล้วหนา้ สัมผัสท้ังคู่ดังกล่าวจะเปลี่ยนตาแหน่งและเมื่อ
ปล่อยมอื หนา้ สมั ผัสท้ังคู่จะกลบั คืนตาแหน่งเดิมโดยไม่ค้างตาแหน่งด้วยแรงดนั ของสปริง เราเรียกการ
ทางานของหน้าสมั ผัสนีว้ ่า Momentary Contact ลกั ษณะรูปแบบของสวิตช์ปุ่มกดมีหลายลักษณะดังรปู ที่
4

รปู ที่ 1-4 รูปแสดงสวิตช์ปุ่มกด (Push button Switch) แบบต่างๆ หนา้ 6
ที่มา : http://edu.e-tech.ac.th/mdec/learning/e-web/sara09.html

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รงุ รักษาระบบปม้ั น้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน

โครงสร้างของสวิตช์ปุ่มกดจะประกอบด้วย
1. ปุ่มกดทาด้วยพลาสติก สีแดง สีเขียวหรอื สีเหลอื ง ขนึ้ อยู่กับการนาไปใช้งาน
2. แหวนยึด สาหรบั ยึดสวิตช์ปุ่มกดเข้ากับตู้ควบคมุ
3. ชุดหนา้ สมั ผัส NO และ NC
4. ยางรอง

รูปที่ 1-5 รูปแสดงโครงสรา้ งของสวิตช์ปุ่มกด
ทีม่ า : http://edu.e-tech.ac.th/mdec/learning/e-web/sara09.html
ชนิดของสวิตช์ปุ่มกด สวติ ช์ปุ่มกดทีน่ ยิ มใช้มอี ยู่หลายชนดิ เช่น
1. สวิตช์ปุ่มกดแบบธรรมดา ใช้ในการเริม่ ทางาน( Start) และหยุดการทางาน (Stop)

รปู ที่ 1-6 รูปแสดงสวิตช์ปุ่มกดแบบธรรมดา
ทีม่ า : http://edu.e-tech.ac.th/mdec/learning/e-web/sara09.html
2. สวิตช์ปุ่มกดทีใ่ ชใ้ นการเริ่มทางาน (Start) และหยุดการทางาน (Stop) อยู่ในกล่องเดียวกนั ปุ่มกดสี
เขียวสาหรับกดเริม่ ทางานของมอเตอร์ ( Start) และปุ่มกดสีแดง สาหรบั กดหยุดการทางานของมอเตอร์
(Stop) เหมาะกบั การใชง้ านมอเตอร์ขนาดเล็ก

รูปที่ 1-7 รปู แสดงสวิตช์ปุ่มกดทีใ่ ชใ้ นการเริ่มทางาน(Start) และหยดุ การทางาน (Stop)
อยู่ในกล่องเดียวกนั

ที่มา : http://edu.e-tech.ac.th/mdec/learning/e-web/sara09.html

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบ้ารุงรกั ษาระบบปั้มน้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 7

3. สวิตช์ปุ่มกดฉกุ เฉิน ( Emergency push button Switch) สวิตช์ปุ่มกดฉุกเฉินหรอื เรียกทั่วไปว่าสวิตช์
ดอกเหด็ เป็นสวิตช์ทีม่ ปี ุ่มกดขนาดใหญ่กว่าสวิตช์ปุ่มกดแบบธรรมดาเหมาะกบั งานทีเ่ กิดเหตุฉกุ เฉินบ่อย
หรอื งานที่ต้องการหยดุ ทนั ที

รูปที่ 1-8 รูปแสดงสวิตช์ปุ่มกดฉุกเฉิน
ที่มา : http://edu.e-tech.ac.th/mdec/learning/e-web/sara09.html
4. สวิตช์ปุ่มกดทีม่ หี ลอดสญั ญาณติดอยู่ ( Illuminated push button) เมอ่ื กดสวิตช์ปุ่มกดแล้วจะทาให้
หลอดสญั ญาณทีต่ ดิ อยู่ภายในสว่าง

รูปที่ 1-9 รปู แสดงสวิตช์ปุ่มกดที่มหี ลอดสัญญาณติดอยู่
ที่มา : http://edu.e-tech.ac.th/mdec/learning/e-web/sara09.html
5. สวิตช์ปุ่มกดทีใ่ ชเ้ ท้าเหยียบ ( Foot push button Switch) เป็นสวิตช์ปุ่มกดที่ทางานโดยใช้เท้าเหยียบ
เหมาะกับเครื่องจักรทีต่ อ้ งทางานโดยใช้เท้าเหยียบ เชน่ เครื่องตัดเหล็ก

รปู ที่ 1-10 รปู แสดงสวิตช์ปุ่มกดที่ใชเ้ ท้าเหยียบ
ทีม่ า : http://edu.e-tech.ac.th/mdec/learning/e-web/sara09.html
2.2 แมกเนติกส์คอนแทคเตอร์ (Magnetic Contactor) หรอื เรียกว่าคอนแทคเตอร์ ( Contactor)
เป็นอปุ กรณ์ควบคุมเครือ่ งกลไฟฟ้าทาหนา้ ทีเ่ ป็นตวั ตดั และตอ่ วงจรเหมือนสวิตช์ไฟฟ้าทวั่ ไป แต่คอนแทค
เตอร์ทางานโดยอาศยั อานาจแม่เหล็กแทนการสับสวิตช์ดว้ ยมือโดยตรง ในตัวคอนแทคเตอร์จะมีหน้าสมั ผสั
(Contact) จานวนหลายชุดติดอยู่บนแกนเดียวกันและทางานพร้อมกัน หน้าสัมผสั ( Contact) จะมีท้ังแบบ

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบ้ารงุ รกั ษาระบบปมั้ น้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 8

ปกติเปิด (Normally Open; NO) แบบปกติปิด (Normally Close; NC) จานวนหนา้ สมั ผสั ทั้งสองแบบจะมีมาก
หรอื น้อยขึน้ อยู่กับการนาคอนแทคเตอร์ไปใช้งาน หน้าสัมผสั จะแยกออกเปน็ 2 ส่วนคือ
1. หนา้ สัมผัสหลกั M( ain Contact) เปน็ หน้าสมั ผสั แบบปกติเปิดN(ormally Open; NO) ใช้สาหรับเปิดหรอื
ปิดวงจรจา่ ยกระแสไฟฟ้าให้เครือ่ งใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะเช่น มอเตอร์ไฟฟ้า เปน็ ต้น ทั้งน้เี พราะหนา้ สมั ผสั ถกู
ออกแบบให้มขี นาดใหญ่เหมาะสาหรับใช้กบั กระแสไฟฟ้าสูง สังเกตดูได้จากสกรูที่หน้าสัมผสั จะมีขนาดใหญ่
และจะมีตวั อกั ษรกากับเปน็ L1, L2, L3 – T1, T2, T3

2. หนา้ สัมผัสชว่ ย (Auxiliary Contact) หนา้ สัมผสั จะเป็นแบบปกติเปิด (Normally Open; NO)
หรอื แบบปกติปิด (Normally Close; NC) ก็ได้แลว้ แตค่ วามตอ้ งการของผใู้ ช้งาน หน้าสัมผสั ชว่ ยน้ันจะมีขนาด
เลก็ กว่าหนา้ สัมผัสหลักจึงทนกระแสไฟฟ้าได้นอ้ ยกว่า จึงใช้เฉพาะในวงจรควบคุมเท่านั้นไมส่ ามารถนาไป
ต่อใชเ้ ปิดหรอื ปิดวงจรจา่ ยกระแสไฟฟ้าให้เครื่องใช้ไฟฟ้าหรอื มอเตอร์ไฟฟ้าโดยตรงได้
คอนแทคเตอร์เปน็ อุปกรณ์ตัดตอ่ วงจรไฟฟ้าที่มกี ระแสไฟฟ้าสูงจงึ เกิดประกายไฟ ( Arc) ทีห่ นา้ สมั ผสั
จะทาให้หนา้ สมั ผสั ชารดุ เสียหายเร็ว ดงั นน้ั จงึ ตอ้ งลดการเกิดประกายไฟดงั กล่าวโดยใช้วธิ ีแมกเนติกส์
โปล์วเอาว์ ( Magnetic Blowout) ซึ่งเป็นวิธีแก้ปัญหาหนา้ สมั ผัสชารุดเสียหายจากการเกิดประกายไฟ
ดังกล่าวและช่วยทาให้อายกุ ารใชง้ านของหน้าสัมผัสนานยิง่ ข้นึ

รูปที่ 1-11 รปู แสดงแมกเนติกส์คอนแทคเตอร์ (Magnatic Contactor)
ทีม่ า : http://edu.e-tech.ac.th/mdec/learning/e-web/ sara010.html

รีเลย์ ( Relay) เปน็ สวิตช์ทีท่ างานโดยอาศัยอานาจแม่เหล็กชว่ ยในการตัดตอ่ วงจรควบคมุ อุปกรณ์
ไฟฟ้าเหมอื นแมกเนติกส์คอนแทคเตอร์ แตใ่ ช้กบั อปุ กรณ์ไฟฟ้าขนาดเลก็ ที่มอี ัตราการไหลของกระแสไฟฟ้า
น้อย เชน่ วงจรหลอดสญั ญาณ หรอื มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กเท่าน้ัน ดงั นน้ั หลักการทางานจงึ เหมอื นกับแมก
เนติกส์คอนแทคเตอร์แต่มีขนาดเล็กกว่า

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รุงรักษาระบบปม้ั นา้ ประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 9

รปู ที่ 1-12 รูปแสดงรีเลย์ (Relay)
ทีม่ า : http:// www.weekendhobby.com/board/trooper/picture

ข้อดีของการใชค้ อนแทคเตอร์
1. สะดวกในการใชง้ านเพราะสามารถใช้รว่ มกบั อุปกรณ์อืน่ ๆ เช่น สวิตช์ปุ่มกด สวิตช์ความดนั หรอื
สวิตช์ลูกลอย ในการควบคุมการทางานของมอเตอร์ไฟฟ้าได้
2. ให้ความปลอดภยั กบั ผคู้ วบคุม ในการควบคุมการทางานของมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่มี
กระแสไฟฟ้าจานวนมากไหลผ่านหนา้ สัมผสั หลกั ( Main Contact) นนั้ ผคู้ วบคมุ จะควบคุมปริมาณ
กระแสไฟฟ้าและแรงดันไฟฟ้าขนาดตา่ ทีไ่ ปควบคุมขดลวดของคอนแทคเตอร์ทาให้เกิดการตัดต่อของ
หนา้ สมั ผสั หลกั ที่ควบคุมมอเตอร์เท่านั้น ทาให้เกิดความปลอดภัยขณะปฏิบตั ิงาน

3. ประหยดั เมื่อเทียบกับการควบคมุ ด้วยมือ เพราะสายไฟฟ้าทีใ่ ชใ้ นการควบคมุ ในวงจรที่ใช้คอนแทค
เตอร์จะมีขนาดเล็ก

โครงสรา้ งของคอนแทคเตอร์จะมีสว่ นประกอบ 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ
1. แกนเหล็ก ( Core) ทาดว้ ยแผน่ เหลก็ บางตวั E อดั ซ้อนกนั เปน็ แกนเหลก็ แบ่งออกเป็นสองส่วน
คือ แกนเหลก็ อยู่กบั ที่ ( Fixed Core) ที่ขาท้ังสองขา้ งของแกนเหล็ก มีลวดทองแดงเส้นใหญ่ตอ่ ลดั อยู่เป็น
รูปวงแหวน ( Shaded Ring )ฝงั อยู่ทีผ่ ิวหนา้ ของแกนเหลก็ เพือ่ ลดการสน่ั สะเทือน ของแกนเหลก็ อัน
เนื่องมาจากการส่ันสะเทือนของไฟฟ้ากระแสสลบั และแกนเหลก็ เคลื่อนที่( Movable Core) จะมีชุด
หนา้ สัมผัสเคลื่อนที่(Moving Contact) ยึดติดอยู่

รูปที่ 1-13 รปู แสดงแกนเหลก็ อยู่กบั ที่ รปู ที่ 1-14 รปู แสดงแกนเหลก็ เคลือ่ นที่

ทีม่ า : http://edu.e-tech.ac.th/mdec/learning/e-web/sara010.html

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รงุ รักษาระบบปมั้ นา้ ประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 10

2. ขดลวด (Coil) เป็นลวดทองแดงพันอยู่รอบบ๊อบบิน้ (Bobbin) สวมอยู่ตรงกลางของขาแกนเหลก็ อยู่
กบั ที่ ขดลวดทองแดงน้ีทาหน้าที่สรา้ งสนามแม่เหล็กไฟฟ้า มีขวั้ ต่อสาหรบั จ่ายกระแสไฟฟ้าเข้า จะมี
สญั ลกั ษณ์อกั ษรกากับ คือ A1 - A2 หรอื C1 – C2

รูปที่ 1-15 รูปแสดงขดลวด (Coil)
ทีม่ า : http://edu.e-tech.ac.th/mdec/learning/e-web/sara010.html
3. หนา้ สัมผสั ( Contact) หน้าสัมผัสจะยึดติดอยู่กบั แกนเหลก็ เคลือ่ นที่แบ่งออกเปน็ สองส่วนคอื
หนา้ สัมผัสหลัก (Main Contact) ซึ่งเป็นหนา้ สัมผสั แบบปกติเปิด ( Normally Open; NO) ใชใ้ นวงจรกาลังทา
หนา้ ทีต่ ดั ตอ่ ระบบไฟฟ้าเข้าสู่โหลดและหนา้ สัมผัสชว่ ย (Auxiliary Contact) ใช้กับวงจรควบคมุ หนา้ สัมผัส
ช่วยนีแ้ บ่งออกเปน็ 2 ชนิด คือหน้าสมั ผัสปกติเปิด (Normally Open; NO) และหน้าสมั ผัสปกติปิด ( Normally
Close; NC)

รูปที่ 1-16 รูปแสดงหนา้ สัมผสั (Contact)
ทีม่ า : http://edu.e-tech.ac.th/mdec/learning/e-web/sara010.html
ชนิดและขนาดของคอนแทคเตอร์ที่ใชก้ บั ระบบไฟฟ้ากระแสสลบั แบ่งออกเป็น 4 ชนิดตามลกั ษณะ
โหลดและการใช้งาน คอื
1. ชนิด AC-1 เป็นคอนแทคเตอร์ที่ใชก้ บั โหลดทีเ่ ป็นความต้านทาน
2. ชนิด AC-2 เปน็ คอนแทคเตอร์ทีใ่ ชก้ บั โหลดที่เป็นสลิปริงมอเตอร์
3. ชนิด AC-3 เปน็ คอนแทคเตอร์ทีใ่ ชก้ บั โหลดทีเ่ ปน็ มอเตอร์กรงกระรอก
4. ชนิด AC-4 เป็นคอนแทคเตอร์ที่ใชส้ าหรับการสตาร์ท-หยุดมอเตอร์ ในวงจรแบบ jogging และ
การกลบั ทางหมุนมอเตอรแ์ บบกรงกระรอก
2.3 โอเวอร์โหลดรีเลย์ (Overload relay) หรอื Protective motor relay เป็นอุปกรณ์ที่ทาหน้าที่
ป้องกนั มอเตอร์ทีเ่ รียกว่า Running Protection ออกแบบใช้สาหรับตดั วงจรมอเตอรเ์ มื่อมีกระแสไฟฟ้าไหล

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบ้ารุงรักษาระบบปัม้ น้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 11

เกินกว่าพิกดั กระแสของมอเตอร์ ซึ่งจะทาให้ขดลวดของมอเตอร์รอ้ นขึน้ เรือ่ ยๆและไหมใ้ นที่สุด แต่ถ้าหาก
ในวงจรนนั้ มโี อเวอร์โหลดรีเลย์ (Overload relay) อยู่ดว้ ยและตงั้ ให้กระแสไฟฟ้าถูกต้อง วงจรควบคมุ จะ
ถกู ตัดวงจรออกไปก่อนทีข่ ดลวดมอเตอร์จะไหม้

รปู ที่ 1-17 รปู แสดงโอเวอร์โหลดรีเลย์ (Overload relay)
ที่มา : http://www.lpc.rmutl.ac.th/elcen/elearning/motorcontrol/module6/overload.html
โครงสร้างของโอเวอร์โหลดรีเลย์

รูปที่ 1-18 รูปแสดงโครงสรา้ งของโอเวอร์โหลดรีเลย์
ทีม่ า : http://edu.e-tech.ac.th/mdec/learning/e-web/sara011.html

1. ปุ่มปรับกระแส
2. ปุ่ม Trip
3. ปุ่มรีเซต (Reset)
4. จดุ ตอ่ ไฟเข้าเมน Bimetal
5. จุดตอ่ ไฟออกจากเมน Bimetal
6. หนา้ สมั ผัสปกติปิด (NO)
7. หนา้ สัมผัสปกติเปิด (NC)

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รงุ รกั ษาระบบป้ัมนา้ ประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 12

การทางานของโอเวอร์โหลดรีเลย์จะอาศยั ผลของความรอ้ น โครงสร้างภายในประกอบด้วยขด
ลวดความร้อนที่พนั อยู่กบั โลหะคู่ (Bimetal) เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลเกินพิกดั ทีก่ าหนดไว้จะทาให้เกิดความ
ร้อนมากขึ้นที่ Bimetal เปน็ ผลทาให้ Bimetal โก่งตวั ดนั คานสง่ เคลื่อนทีไ่ ปดันหนา้ สมั ผัสควบคมุ ให้เปลีย่ น
ตาแหน่ง
ชนิดของโอเวอร์โหลดรีเลย์แบ่งออกเปน็ 2 ชนิดคอื

1. แบบไม่มรี ีเซต ( No Reset) แบบนเี้ มื่อเกิดโอเวอร์โหลดจะทาให้ Bimetal รอ้ นและโก่งตวั ออกไปแล้ว
เมื่อเย็นตวั ลงกลบั ที่เดิมจะทาให้หนา้ สมั ผสั ควบคุมกลบั ตาแหน่งเดิมด้วย

2. แบบมีรีเซต (Reset) แบบนีเ้ มื่อเกิดโอเวอร์โหลดจะทาให้ Bimetal รอ้ นและโก่งตวั ออกไปแล้วจะมี
กลไกทางกลมาล็อคสภาวะการทางานของหน้าสมั ผัสควบคุมที่เปลี่ยนตาแหน่งไว้ เมื่อเยน็ ตัวลงแล้ว
หนา้ สมั ผสั ควบคุมยงั คงสภาวะอยู่ได้ ถ้าต้องการให้หน้าสัมผัสควบคุมกลับตาแหน่งเดิมตอ้ งกดปุ่มรีเซต
(Reset) ก่อน โอเวอร์โหลดรีเลย์แบบมีรีเซต (Reset) น้มี กั นิยมใชใ้ นการควบคมุ เครือ่ งกลไฟฟ้า

2.4 ทามเมอรร์ เี ลย์ ( Timer Relay) เปน็ อปุ กรณ์ที่ใชใ้ นงานควบคมุ ทีส่ ามารถตั้งเวลาการทางาน
ของหน้าสมั ผสั ได้ จงึ นาไปใช้ในการควบคมุ แบบอัตโนมัติ แบ่งลกั ษณะการทางานของหน้าหนา้ สัมผัสได้ 2
แบบคือ
1. แบบหนว่ งเวลาหลังจา่ ยกระแสไฟฟ้าเข้า ( On–delay) แบบนีเ้ มือ่ จ่ายจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับทาม
เมอร์รเี ลย์แล้ว หน้าสมั ผัสจะอยู่ในตาแหน่งเดิมและเมือ่ ถึงเวลาทีต่ ง้ั ไว้หนา้ สมั ผสั จึงจะเปลี่ยนตาแหน่งเป็น
สภาวะตรงขา้ มและค้างตาแหน่งจนกว่าจะหยดุ จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับทามเมอร์รีเลย์
2. แบบหนว่ งเวลาหลงั หยดุ กระแสไฟฟ้าเข้า ( Off–delay) แบบนีเ้ มือ่ จ่ายจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กบั ทาม
เมอร์รเี ลย์แล้ว หน้าสัมผสั จะเปลี่ยนตาแหน่งเป็นสภาวะตรงขา้ มทันที เมื่อหยุดกระแสไฟฟ้าแล้ว และถึง
เวลาที่ตงั้ ไว้หนา้ สมั ผสั จึงจะกลบั อยู่ในสภาวะเดิม

รูปที่ 1-19 รูปแสดงทามเมอร์รีเลย์ (Timer Relay)
ที่มา : http://edu.e-tech.ac.th/mdec/learning/e-web/sara011.html

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบ้ารุงรกั ษาระบบปม้ั น้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 13

โครงสรา้ งของทามเมอร์รีเลย์
1. ตารางเทียบต้ังเวลา
2. ปุ่มตั้งเวลา
3. ฐานเสียบตวั ต้ังเวลา
4. สัญลกั ษณ์และรายละเอียดการตอ่ ใช้งาน
5. ขาเสียบเข้าฐาน

รูปที่ 1-20 รปู แสดงโครงสรา้ งของทามเมอร์รีเลย์
ทีม่ า : http://edu.e-tech.ac.th/mdec/learning/e-web/sara011.html

ชนิดของทามเมอร์รีเลย์
1. ทามเมอร์รีเลย์แบบอิเลก็ ทรอนิกส์ อาศัยการทางานของอาร์ซีแทมคอนสแตมซ์
2. ทามเมอร์รีเลย์แบบตั้งเวลาด้วยของเหลว
3. ทามเมอร์รีเลย์แบบต้ังเวลาด้วยลม
4. ทามเมอร์รีเลย์แบบใช้มอเตอร์

2.5 ซีเลค็ เตอรส์ วิตช์ (Selector Switch) เปน็ อปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการควบคุมมอเตอร์ในลักษณะทางาน
เหมอื นสวิตช์ปุ่มกด จะแตกต่างที่ ซีเล็คเตอร์สวติ ช์ (Selector Switch) ใชว้ ิธีบิดเลือกตาแหน่งจะบิดค้าง เมื่อ
ต้องการเปลี่ยนตาแหน่งต้องบิดกลับทีเ่ ดิม ส่วนใหญ่จะใช้ในงานที่ต้องควบคุมการทางานด้วยมือ

รูปที่ 1-21 รปู แสดงซีเลค็ เตอร์สวิตช์ (Selector Switch) หนา้ 14
ทีม่ า : http:// ecatalog.squared.com/fulldetail.cfm?partnumbe.

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบ้ารุงรักษาระบบปม้ั น้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน

2.6 สวิตชค์ วามดัน (Pressure Switch) เปน็ อุปกรณ์ทีใ่ ชใ้ นงานที่ตอ้ งการควบคุมความดันตาม
ต้องการ การทางานของสวิตช์ความดนั จะใช้หลกั การของไดอะเฟรมควบคุมการทางานของสวิตช์เช่นถ้ามี
ความดันสงู เกินกว่าทีต่ ง้ั ไว้สวิตช์จะตัดวงจรหรอื ถ้าความดนั ต่าสวิตซ์ กจ็ ะตอ่ วงจร โดยสวิตช์ความดนั จะ
ติดตง้ั ในวงจรควบคมุ เพื่อทาหนา้ ที่ตัดหรอื ต่อวงจรไฟฟ้าทีป่ ้อนให้ขดลวดของคอนแทคเตอร์ เพือ่ ให้
มอเตอร์ป๊ัมลมทางานหรอื หยุดทางาน

รปู ที่ 1-22 รูปแสดงสวิตช์ความดัน (Pressure Switch)
ที่มา : http://edu.e-tech.ac.th/mdec/learning/e-web/sara09.html#SW03

2.7 ลิมิตสวิตช์ (Limit Switch) เปน็ อปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการควบคมุ ระยะทางหรอื จากัดระยะ จะใช้
ร่วมกบั คอนแทคเตอร์ โดยลิมิตสวติ ช์ ( Limit Switch) จะติดตงั้ ในวงจรควบคมุ เพ่ือทาหนา้ ทีต่ ดั หรอื ต่อ
วงจรไฟฟ้าทีป่ ้อนให้ขดลวดของคอนแทคเตอร์ เพือ่ ให้มอเตอรท์ างานหรอื หยดุ ทางาน

รูปที่ 1-23 รูปแสดงลิมติ สวิตช์ (Limit Switch)
ที่มา http://edu.e-tech.ac.th/mdec/learning/e-web/sara09.html#sw02

การทางานลิมติ สวิตช์ ( Limit Switch) อาศัยแรงกดภายนอกมากระทาเชน่ วางของทับที่ปุ่มกดหรอื
ลูกเบยี้ วมาชนที่ปุ่มกด ลมิ ิตสวิตช์มหี นา้ สัมผัสทั้งแบบปกติปิด ( NC) และปกติเปิด ( NO) ลิมติ สวิตช์นาไปใช้
งานต่าง ๆ เช่น การควบคมุ การเคลือ่ นที่ไป กลับของเครือ่ งไส ควบคมุ การเคลือ่ นที่ของลฟิ ต์ เป็นต้น

2.8 สวิตช์ลกู ลอย ( Float Switch) เป็นอปุ กรณ์ทีใ่ ชใ้ นการควบคุมระดับความสูงหรอื ระดับตา่
ของเหลวในถังควบคุม สวิตช์ลกู ลอย ( Float switch) จะใช้ร่วมกบั คอนแทคเตอร์ โดยจะติดตงั้ ในวงจร
ควบคุม เพื่อทาหน้าที่ตัดหรอื ต่อวงจรไฟฟ้าทีป่ ้อนให้ขดลวดของคอนแทคเตอร์ เพื่อให้มอเตอรป์ ๊มั ของเหลว
ทางานหรอื หยดุ ทางาน

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รงุ รกั ษาระบบป้ัมน้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 15

รปู ที่ 1-24 รปู แสดงสวิตช์ลูกลอย (Float switch)
ที่มา http://www.oamyai.com/product.detail_348093_th_1608933

2.9 หลอดไฟสญั ญาณ (Signal Lamp) เป็นอปุ กรณ์ที่แสดงสภาวะการทางานของวงจร เช่นแสดง
สภาวะการทางานของคอนแทคเตอร์ หรอื แสดงสภาวะการทางานของโอเวอร์โหลดรีเลย์ หลอดไฟ
สัญญาณ ( Signal Lamp) ทีใ่ ชท้ ัว่ ๆไปใช้แบบมีหม้อแปลงสาหรับแปลงแรงดันไฟฟ้าใหต้ ่าลงให้เหลอื
ประมาณ 6 โวลต์ และไม่ใช้หม้อแปลงโดยต่อแรงดนั ไฟฟ้าตรงเข้ากับข้ัวหลอดของหลอดไฟสญั ญาณ

รูปที่ 1-25 รปู แสดงหลอดไฟสัญญาณ (Signal Lamp)
ที่มา http://www.lpc.rmutl.ac.th/elcen/elearning/motorcontrol/module2/symbole.html

สขี องหลอดไฟสญั ญาณ ( Signal Lamp) ความหมายของสีของหลอดไฟสญั ญาณที่ใช้ทว่ั ไปดงั น้ี
หลอดไฟสัญญาณ สีแดง แสดงหยดุ การทางานของวงจร
หลอดไฟสญั ญาณ สีเขียว แสดงการทางานของวงจรปกติ
หลอดไฟสัญญาณ สีเหลอื ง แสดงการเกิดโอเวอร์โหลดของวงจร
หลอดไฟสัญญาณ สีขาว แสดงการทางานของวงจรกาลงั ( Power)

3. การตรวจสอบอุปกรณ์
วงจรไฟฟ้าสาหรับการควบคุมเครือ่ งกลไฟฟ้าจะประกอบด้วยอุปกรณ์หลายชนดิ มาประกอบวงจร
ร่วมกนั การทางานของอุปกรณ์ดงั กล่าวจึงมีความสมั พันธ์กัน วงจรไฟฟ้าจะทางานอย่างถกู ต้องและมี
ประสิทธิภาพได้นนั้ อปุ กรณ์ที่ใชป้ ระกอบวงจรไฟฟ้าน้ันตอ้ งมสี ภาพทีด่ พี ร้อมที่จะใช้งาน ดังน้ันการ
ตรวจสอบอปุ กรณ์จงึ มคี วามจาเป็นอย่างยิง่ สาหรบั การควบคมุ เครื่องกลไฟฟ้า

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รุงรักษาระบบปั้มน้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชุมชน หนา้ 16

3.1 การตรวจสอบสวิตช์ปุ่มกด (Push button Switch)
สวิตช์ปุ่มกดเปน็ อุปกรณ์ที่ใชใ้ นวงจรควบคมุ เพือ่ ทาหน้าที่ ควบคมุ การเปิดหรอื ปิดวงจรไฟฟ้า
ทาให้มอเตอรไ์ ฟฟ้าทางานหรอื หยุดทางาน
โครงสรา้ งของสวิตช์ปุ่มกด

รูปที่ 1-26 รปู แสดงลกั ษณะโครงสรา้ งของสวิตช์ปุ่มกดลกั ษณะการเปลีย่ นตาแหน่งของหน้าสัมผัส
(Contact) ของสวิตช์ปุ่มกดที่มหี นา้ สมั ผัสชนดิ 1 NO 1NC ทางานพร้อมกัน

ก . ขณะปกติ ข . ขณะทางานแลว้

รูปที่ 1-27 รูปแสดงลักษณะการเปลี่ยนตาแหน่งของหน้าสัมผัสของสวิตช์ปุ่มกด

การตรวจสอบสภาพของสวิตชป์ ุม่ กด
การตรวจสอบจะใชม้ ัลติมิเตอร์ ( Multi-meter) ตั้งย่านวดั ค่าความตา้ นทานหรอื โอห์มมเิ ตอร์เป็น
เครือ่ งมือใช้ตรวจสอบหนา้ สมั ผัสของสวิตช์ปุ่มกด ว่าอยู่ในสภาพปกติหรอื ไม่ ในการตรวจสอบน้ัน
จะต้องตรวจสภาพทั้งขณะปกติ (ไม่กดปุ่ม) และขณะทางาน (กดปุ่ม) ท้ังนเี้ พือ่ ตรวจสอบใหแ้ นใ่ จว่าสวิตช์
ปุ่มกดอยู่ในสภาพใช้งานได้จรงิ ๆหรือไม่

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบ้ารงุ รักษาระบบปั้มนา้ ประปาเบือ้ งตน้ แก่ชุมชน หนา้ 17

รูปที่ 1-28 รูปแสดงการใชโ้ อห์มมเิ ตอร์วดั หนา้ สัมผัสของสวิตช์ปุ่มกด

เมื่อใชโ้ อห์มมเิ ตอร์วดั ค่าความตา้ นทานของหน้าสัมผัสปกติเปิด ( NO)ของสวิตช์ปุ่มกดข้ัว 1-2 ขณะ
ปกติหรอื ขณะยงั ไม่ทางาน คา่ ความตา้ นทานที่อ่านได้จากโอหม์ มเิ ตอร์จะต้องได้ค่าสูงสุดแสดงวา่
หนา้ สัมผัสไม่ต่อกนั และเมื่อวัดค่าความตา้ นทานของหน้าสมั ผัสปกติปิด ( NC)ของสวิตช์ปุ่มกดขั้ว 3-4
ขณะปกติหรอื ขณะยังไม่ทางาน คา่ ความตา้ นทานทีอ่ ่านได้จากโอหม์ มเิ ตอร์จะต้องได้ค่าต่าสุดแสดงว่า
หนา้ สมั ผัสต่อกัน จากการตรวจสอบดงั กล่าวแสดงสวิตช์ปุ่มกดมีสภาพปกติในขณะยังไม่ทางาน ดังนน้ั จงึ
ต้องตรวจสอบสภาพขณะทางาน(กดปุ่ม)ของสวิตช์ปุ่มกดด้วย โดยวิธีการเดียวกับการตรวจสอบสภาพขณะ
ยงั ไม่ทางาน แต่คา่ ความตา้ นทานทีอ่ ่านได้จากโอหม์ มเิ ตอร์จะมีคา่ ตรงขา้ มกนั นั่นคือ ขั้ว 1-2 ขณะทางาน
(กดปุ่ม)ค่าความตา้ นทานทีอ่ ่านได้จะต้องได้ค่าตา่ สดุ และข้ัว 3-4 ขณะทางาน(กดปุ่ม)ค่าความตา้ นทานที่
อ่านได้จะต้องได้ค่าสูงสดุ
3.2 การตรวจสอบแมกเนติกสค์ อนแทคเตอร์ ( Magnetic Contactor)
แมกเนติกส์คอนแทคเตอร์หรือคอนแทคเตอร์เป็นอปุ กรณ์ควบคุมเครื่องกลไฟฟ้าทาหนา้ ที่เป็นตัวตัด
และต่อวงจรเหมอื นสวิตช์ไฟฟ้าทว่ั ไป แต่คอนแทคเตอร์ทางานโดยอาศยั อานาจแม่เหลก็
โครงสรา้ งของคอนแทคเตอร์จะประกอบด้วยแกนเหล็กตัว E 2 ชดุ ขดลวดทาหนา้ ที่สรา้ งอานาจ
แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า และชดุ หนา้ สมั ผสั หลักและหน้าสมั ผสั ชว่ ย

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รุงรักษาระบบป้ัมน้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 18

รปู ที่ 1-29 รูปแสดงลกั ษณะโครงสรา้ งของคอนแทคเตอร์

การตรวจสอบสภาพของคอนแทคเตอร์
การตรวจสอบจะใชม้ ัลติมิเตอร์ ( Multi-meter) ต้ังย่านวดั ค่าความตา้ นทานหรอื โอห์มมเิ ตอร์เป็น
เครือ่ งมือใช้ตรวจสอบสภาพของขดลวดไฟฟ้า (Coil) หน้าสมั ผสั หลกั และหนา้ สัมผัสชว่ ย

การตรวจสอบสภาพของขดลวดไฟฟ้า ( Coil) โดยใช้มัลติมเิ ตอร์ ( Multi-meter) ตั้งย่านวัดค่าความ
ต้านทานหรอื โอห์มมเิ ตอร์ วดั และอา่ นค่าความตา้ นทานที่ข้ัวตอ่ ไฟของขดลวดซึง่ มีสัญลักษณ์อกั ษรกากบั
คือ A1 - A2 หรอื C1 – C2 และเน่อื งจากขดลวดไฟฟ้าจะต้องมีคา่ ความตา้ นทานอยู่ ดังนั้นคา่ ความ
ต้านทานที่อ่านได้จากโอหม์ มเิ ตอร์จะเป็นค่าความตา้ นทานของขดลวดไฟฟ้านน่ั เอง

รูปที่ 1-30 รปู แสดงการใช้โอห์มมิเตอรว์ ัดค่าความตา้ นทานของขดลวด

การตรวจสอบสภาพของหนา้ สัมผสั หลกั (Main Contact) ซึ่งเป็นหนา้ สมั ผสั แบบปกติเปิด ( NO) โดย
ใช้มลั ติมเิ ตอร์ (Multi-meter) ตั้งย่านวดั ค่าความตา้ นทานหรอื โอห์มมเิ ตอร์ วดั และอา่ นค่าความตา้ นทานที่
ข้ัวของหน้าสมั ผัสท้ัง 3 ชุดซึง่ มีสัญลักษณ์อกั ษรกากบั L1, L2, L3 - T1, T2, T3 เพือ่ ตรวจสอบว่าอยู่ใน
สภาพปกติหรอื ไม่ ในการตรวจสอบนั้นจะต้องตรวจสภาพท้ังขณะปกติ (ไม่ต้องจา่ ยกระแสไฟฟ้าให้
ขดลวด) และขณะทางาน (จา่ ยกระแสไฟฟ้าให้ขดลวด) ทั้งนเี้ พื่อตรวจสอบใหแ้ นใ่ จว่าหนา้ สัมผสั หลกั อยู่ใน
สภาพใช้งานได้จรงิ ๆหรือไม่

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบ้ารุงรักษาระบบปมั้ น้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชุมชน หนา้ 19

รปู ที่ 1-31 รูปแสดงการใช้โอห์มมิเตอรว์ ัดค่าความตา้ นทานของหน้าสัมผัสหลักของ
คอนแทคเตอร์ขณะปกติ(ไม่จา่ ยกระแสไฟฟ้าเข้าขดลวดไฟฟ้า)

เมอ่ื ใช้โอหม์ มเิ ตอร์วัดค่าความตา้ นทานของหน้าสัมผัสหลกั ปกติเปิด ( NO) ของคอนแทคเตอร์ ขณะ
ปกติหรอื ขณะยังไม่จา่ ยกระแสไฟฟ้าเข้าขดลวดไฟฟ้า ค่าความตา้ นทานทีอ่ ่านได้จากโอหม์ มเิ ตอร์จะต้องได้
ค่าสงู สุดแสดงวา่ หนา้ สัมผัสไม่ต่อกัน และเม่อื จา่ ยกระแสไฟฟ้าเข้าขดลวดไฟฟ้าเพอ่ื ให้คอนแทคเตอร์
ทางาน หน้าสัมผัสหลักกจ็ ะเปลีย่ นตาแหน่งนน่ั คือหน้าสมั ผัสจะต่อกัน ดงั นั้นคา่ ความตา้ นทานที่อ่านได้จาก
โอห์มมเิ ตอร์จะต้องได้ค่าต่าสดุ

รปู ที่ 1-32 รปู แสดงการใช้โอห์มมิเตอรว์ ัดค่าความตา้ นทานของหน้าสัมผสั หลกั ของ
คอนแทคเตอร์ขณะทางาน(จา่ ยกระแสไฟฟ้าเข้าขดลวดไฟฟ้า)

การตรวจสอบสภาพของหนา้ สัมผสั ชว่ ย (Auxiliary Contact) ซึง่ มีหน้าสัมผสั เป็นทั้งแบบปกติเปิด
(NO) และแบบปกติปิด(NC) โดยใช้มลั ติมเิ ตอร์ ( Multi-meter) ต้ังย่านวัดค่าความตา้ นทานหรอื โอห์มมเิ ตอร์
วดั และอา่ นค่าความตา้ นทานทีข่ ั้วของหน้าสัมผัส ถ้าหนา้ สัมผสั เปน็ แบบปกติเปิด(NO) จะมีสญั ลักษณ์อักษร
กากบั 13-14, 43-44 ถ้าหน้าสมั ผัสเปน็ แบบปกติปิด( NC)จะมีสญั ลักษณ์อกั ษรกากบั 21-22, 31- 32
เพื่อตรวจสอบว่าอยู่ในสภาพปกติหรอื ไม่ ในการตรวจสอบน้ันจะต้องตรวจสภาพท้ังขณะปกติ (ไม่ต้อง
จา่ ยกระแสไฟฟ้าให้ขดลวด) และขณะทางาน ( จา่ ยกระแสไฟฟ้าให้ขดลวด) ท้ังนเี้ พื่อตรวจสอบใหแ้ นใ่ จว่า
หนา้ สมั ผัสชว่ ยท้ังหมดอยู่ในสภาพใช้งานได้จรงิ ๆ หรอื ไม่

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รุงรกั ษาระบบปมั้ น้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชุมชน หนา้ 20

รูปที่ 1-33 รปู แสดงการใช้โอห์มมิเตอรว์ ัดความตา้ นทานของหน้าสัมผสั ชว่ ยของคอนแทคเตอร์
ขณะปกติ (ไม่จา่ ยกระแสไฟฟ้าเข้าขดลวดไฟฟ้า)

เมือ่ ใชโ้ อห์มมเิ ตอร์วดั ค่าความตา้ นทานของหน้าสัมผสั ชว่ ยของคอนแทคเตอร์ ถ้าหนา้ สัมผัสแบบ
ปกติเปิด ( NO) ขณะปกติหรอื ขณะยงั ไม่จา่ ยกระแสไฟฟ้าเข้าขดลวดไฟฟ้า ค่าความตา้ นทานที่อ่านได้จาก
โอห์มมเิ ตอร์จะต้องได้ค่าสูงสดุ แสดงวา่ หนา้ สมั ผสั ไม่ต่อกัน และถ้าหนา้ สมั ผสั แบบปกติปิด ( NC)ค่าความ
ต้านทานที่อ่านได้จากโอหม์ มเิ ตอร์จะต้องได้ค่าต่าสุดแสดงว่าหนา้ สมั ผสั ต่อกนั เมอ่ื จา่ ยกระแสไฟฟ้าเข้า
ขดลวดไฟฟ้าเพ่ือให้คอนแทคเตอร์ทางาน หนา้ สัมผสั ชว่ ยทั้งหมดก็จะเปลีย่ นตาแหน่งน่ันคือหน้าสมั ผสั
แบบปกติเปิด ( NO) จะต่อกัน คา่ ความตา้ นทานที่อ่านได้จากโอหม์ มเิ ตอร์จะต้องได้ค่าตา่ สดุ และ
หนา้ สัมผัสแบบปกติปิด (NC) จะจากออก ค่าความตา้ นทานทีอ่ ่านได้จากโอหม์ มเิ ตอร์จะต้องได้ค่าสงู สุด

รปู ที่ 1-34 รูปแสดงการใช้โอห์มมิเตอรว์ ดั ค่าความตา้ นทานของหน้าสมั ผสั ชว่ ยของคอนแทคเตอร์ขณะ
ทางาน (จา่ ยกระแสไฟฟ้าเข้าขดลวดไฟฟ้า)

3.3 การตรวจสอบโอเวอร์โหลดรีเลย์ (Overload Relay)
โอเวอร์โหลดรีเลย์เป็นอปุ กรณ์ที่ใชป้ ้องกนั มอเตอร์ ทีเ่ รียกว่า Running Protection ออกแบบใช้สาหรับ
ตัดวงจรมอเตอร์เม่อื มีกระแสไฟฟ้าไหลเกินกว่าพิกัดกระแสของมอเตอร์ การทางานของโอเวอร์โหลดรีเลย์
จะอาศยั ผลของความรอ้ น โครงสร้างภายในประกอบด้วยขดลวดความรอ้ นทีพ่ ันอยู่กบั โลหะคู่ ( Bimetal)

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รงุ รกั ษาระบบปม้ั น้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชุมชน หนา้ 21

เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลเกินพิกดั ทีก่ าหนดไว้จะทาให้เกิดความร้อนมากขึ้นที่ Bimetal เปน็ ผลทาให้ Bimetal
โก่งตวั ดันคานสง่ เคลื่อนที่ไปดนั หนา้ สัมผสั ควบคุมให้เปลีย่ นตาแหน่ง

ก . ขณะโลหะคู่ (Bimetal) เย็นตวั อยู่ ข. ขณะโลหะคู่ (Bimetal) รอ้ น

รูปที่ 1-35 รูปแสดงการทางานของโอเวอร์โหลดรีเลย์

โอเวอร์โหลดรีเลย์แบ่งออกเปน็ 2 ชนิดคอื แบบไม่มรี ีเซต ( Reset) แบบนเี้ มือ่ เกิดโอเวอร์โหลดจะทา
ให้ Bimetal รอ้ นและโก่งตัวออกไปแล้ว เมือ่ เยน็ ตัวลงกลับทีเ่ ดิมจะทาให้หนา้ สมั ผัสควบคุมกลบั ตาแหน่ง
เดิม และแบบมีรีเซต ( Reset) แบบนีเ้ มื่อเกิดโอเวอร์โหลดจะทาให้ Bimetal รอ้ นและโก่งตัวออกไปแล้วจะมี
กลไกทางกลมาล็อคสภาวะการทางานของหน้าสมั ผสั ควบคมุ ที่เปลี่ยนตาแหน่งไว้ เมือ่ เย็นตวั ลงแล้ว
หนา้ สมั ผัสควบคุมยังคงสภาวะอยู่ได้ ถ้าต้องการให้หน้าสมั ผสั ควบคมุ กลบั ตาแหน่งเดิมตอ้ งกดปุ่มรีเซต
(Reset) ก่อน

ก. ชนิดมหี นา้ สัมผัส 1 NC ข . ชนิดมหี นา้ สัมผสั 1 NO 1 NC

รูปที่ 1-36 รูปแสดงสัญลกั ษณ์ของโอเวอร์โหลดรีเลย์แบบมีรีเซต (Reset)

การตรวจสอบสภาพของโอเวอร์โหลดรีเลย์จะใช้มลั ติมเิ ตอร์ ( Muti-meter) ต้ังย่านวดั ค่าความ

ต้านทานหรอื โอห์มมเิ ตอร์เปน็ เครื่องมอื ใชต้ รวจสอบสภาพของหน้าสมั ผสั ควบคมุ ในสภาพปกติและใน

สภาวะเม่อื เกิดโอเวอร์โหลดหรอื ทริป (Trip)

การใชโ้ อห์มมเิ ตอร์ตรวจสอบสภาพของโอเวอร์โหลดรีเลย์ในสภาพปกติ โดยวดั และอา่ นค่าความ

ต้านทานของหน้าสมั ผสั ซึ่งเป็นแบบปกติเปิด(NO) และแบบปกติปิด (NC)

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบ้ารงุ รักษาระบบปัม้ นา้ ประปาเบือ้ งตน้ แก่ชุมชน หนา้ 22

รปู ที่ 1-37 รูปแสดงการใช้โอห์มมิเตอรว์ ดั ค่าความตา้ นทานของหน้าสัมผัสควบคมุ ของโอเวอร์
โหลดรีเลย์แบบมีรีเซต (Reset) ในสภาพปกติ

เมือ่ ใชโ้ อห์มมเิ ตอร์วัดค่าความตา้ นทานของหน้าสมั ผัสควบคมุ ของโอเวอร์โหลดรีเลย์ ถ้าหนา้ สัมผสั
แบบปกติเปิด ( NO) ขณะปกติ ค่าความตา้ นทานทีอ่ ่านได้จากโอหม์ มเิ ตอร์จะต้องได้ค่าสูงสุดแสดงวา่
หนา้ สัมผสั ไม่ต่อกนั และถ้าหนา้ สัมผัสแบบปกติปิด (NC)ค่าความตา้ นทานที่อ่านได้จากโอหม์ มเิ ตอร์จะต้อง
ได้ค่าต่าสุดแสดงว่าหนา้ สมั ผสั ต่อกัน เม่อื เกิดกระแสไฟฟ้าไหลเกินในวงจรหรอื เกิดโอเวอร์โหลดในวงจร
โอเวอร์โหลดรีเลย์จะทางานทันที ( Trip) จะทาให้หนา้ สัมผสั ควบคมุ ทั้งสองเปลี่ยนตาแหน่งนั่นคือ
หนา้ สมั ผสั แบบปกติเปิด ( NO) จะต่อกนั คา่ ความตา้ นทานทีอ่ ่านได้จากโอหม์ มเิ ตอร์จะต้องได้ค่าต่าสุด
และหนา้ สมั ผสั แบบปกติปิด ( NC) จะจากออก ค่าความตา้ นทานทีอ่ ่านได้จากโอหม์ มเิ ตอร์จะต้องได้
ค่าสูงสุด

รูปที่ 1-38 รปู แสดงการใช้โอห์มมิเตอรว์ ัดค่าความตา้ นทานของหน้าสมั ผัสควบคมุ ของโอเวอร์
โหลดรีเลย์แบบมีรีเซต (Reset) ขณะทางาน (Trip)

3.4 การตรวจสอบสภาพของทามเมอรร์ เี ลย์ (Timer Relay)
ทามเมอร์รีเลย์ ( Timer Relay) เปน็ อปุ กรณ์ที่ใชใ้ นงานควบคมุ ทีส่ ามารถตั้งเวลาการทางานของ
หนา้ สัมผสั ได้ จงึ นาไปใช้ในการควบคุมแบบอตั โนมตั ิ ทามเมอร์รีเลย์ แบ่งตามลักษณะการทางานของหน้า
หนา้ สมั ผัสได้ 2 แบบคือ แบบหนว่ งเวลาหลงั จา่ ยกระแสไฟฟ้าเข้า ( On - delay) และ แบบหนว่ งเวลาหลัง
หยดุ กระแสไฟฟ้าเข้า (Off - delay)

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รงุ รกั ษาระบบป้ัมนา้ ประปาเบือ้ งตน้ แก่ชุมชน หนา้ 23

ก. รูปแสดงตาแหน่งจดุ ตอ่ ภายในของทามเมอร์รเี ลย์ ข. สัญลกั ษณ์ของทามเมอร์รีเลย์
รูปที่ 1-39 รปู แสดงจดุ ต่อภายในและสญั ลกั ษณ์ของทามเมอร์

การตรวจสอบสภาพของทามเมอรร์ ีเลย์จะใช้มัลติมเิ ตอร์ ( Multi-meter) ต้ังย่านวดั ค่าความตา้ นทาน
หรอื โอห์มมเิ ตอร์เปน็ เครือ่ งมอื ใชต้ รวจสอบสภาพของหน้าสัมผัสเมื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าและเมือ่ ถึงเวลา
ที่ตงั้ ไว้

รปู ที่ 1-40 รูปแสดงการใช้โอห์มมิเตอรว์ ดั ค่าความตา้ นทานของหน้าสัมผัสของทามเมอรร์ ีเลย์
แบบหนว่ งเวลาเมอ่ื จา่ ยกระแสไฟฟ้าเข้า

เม่อื จา่ ยกระแสไฟฟ้าเข้าขั้วหมายเลข 2 และ 7 แล้ว ช่วงนีท้ ามเมอร์รีเลย์จะเริม่ หน่วงเวลา เมอ่ื ใช้

โอห์มมเิ ตอร์วัดและอ่านค่าความตา้ นทานของหน้าสัมผัสซึ่งเป็นทั้งแบบปกติเปิด ( NO) และแบบปกติปิด

(NC)

หมายเลขขั้ว หนา้ สมั ผสั ค่าความตา้ นทานที่อ่านได้

1 - 4 NC ตา่ สุด

1 - 3 NO สงู สุด

8 - 5 NC ต่าสุด

8 - 6 NO สูงสดุ

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รุงรักษาระบบปม้ั น้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 24

เมือ่ ทามเมอร์รเี ลย์หน่วงเวลาจนถึงเวลาทีต่ ง้ั ไว้ หน้าสมั ผัสทกุ ชุดจะเปลีย่ นตาแหน่งทันที และจะคง
สภาพไว้ตลอดเวลาทีย่ งั จ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าข้ัว 2 และ 7 หนา้ สัมผัสทุกชุดจะเปลี่ยนตาแหน่งอีกครั้งเม่อื
หยุดจ่ายกระแสไฟฟ้า ดังน้ันตาแหน่งของหน้าสัมผสั จะเหมอื นกบั ตาแหน่งของหน้าสมั ผัสขณะทีย่ ังไม่จา่ ย
กระแสไฟฟ้าเข้าทีข่ ว้ั 2 และ 7

รปู ที่ 1-41 รปู แสดงการใช้โอห์มมิเตอรว์ ัดค่าความตา้ นทานของหน้าสัมผสั ของทามเมอรร์ ีเลย์
แบบหนว่ งเวลาหลังจา่ ยกระแสไฟฟ้าเข้า เมือ่ ถึงเวลาทีต่ ง้ั ไว้

เมือ่ ทามเมอร์รเี ลย์หน่วงเวลาจนถึงเวลาที่ตง้ั ไว้ หน้าสมั ผัสทกุ ตัวจะเปลี่ยนตาแหน่ง หน้าสมั ผัสปกติ

ปิด (NC) กจ็ ะจากออก และหน้าสมั ผัสปกติเปิด ( NO) กจ็ ะต่อวงจร เมื่อใชโ้ อห์มมเิ ตอร์วดั และอ่านค่าความ

ต้านทานของหน้าสมั ผสั ปกติปิดจะมีคา่ ความตา้ นทานสงู มากและหน้าสมั ผสั ปกติเปิดกจ็ ะมีค่าความ

ต้านทานต่า

หมายเลขข้ัว หนา้ สัมผสั ค่าความตา้ นทานที่อ่านได้

1 - 4 NC สงู สดุ

1 - 3 NO ตา่ สุด

8 - 5 NC สูงสุด

8 - 6 NO ต่าสดุ

การตรวจสอบสภาพของอปุ กรณ์ตา่ งๆที่ใชใ้ นงานควบคมุ เครื่องกลไฟฟ้าน้ัน นอกจากการตรวจสอบสภาพ
ภายนอกแล้วจะต้องตรวจสภาพของหนา้ สัมผสั ( Contact) ตา่ งๆ ท้ังในสภาพปกติหรอื ขณะอปุ กรณ์ยังไม่
ทางานและในขณะทางานนั่นคอื หนา้ สมั ผัสเปลีย่ นตาแหน่งแล้ว ท้ังนเี้ พือ่ ให้แนใ่ จว่าอุปกรณ์ต่างๆสามารถ
ใช้งานได้จรงิ ๆหรอื ไม่

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รุงรักษาระบบปัม้ น้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 25

การควบคมุ มอเตอร์
ในการตดิ ตั้งวงจรควบคุมมอเตอรไ์ ฟฟ้านั้นมีหลกั เกณฑ์ หรอื สิ่งอานวยความสะดวก ต่างๆ ที่

จะต้องพิจารณาก่อนการตดิ ตั้ง เพือ่ ทีจ่ ะสามารถใช้ประโยชนจ์ ากมอเตอร์ได้อย่างเตม็ ที่ และเกิดความ
ปลอดภัยแก่ผทู้ ี่ใชง้ านอย่างสงู สดุ โดยมีสิ่งทีจ่ ะต้องพิจารณาก่อนการตดิ ต้ังวงจรควบคมุ ไฟฟ้าดังน้ี

1. การบริการทางไฟฟ้า คือ ข้อจากัดหรอื คุณลกั ษณะของการบริการทางไฟฟ้า เช่น เป็นไฟฟ้า
กระแสตรง หรอื ไฟฟ้ากระแสสลับ จานวนความถี่ เปน็ ต้น

2. มอเตอร์ คอื พิจารณาว่ามอเตอร์นนั้ มคี วามเหมาะสมกับการบริการทางไฟฟ้าอยู่หรอื ไม่ เชน่
ขนาดของมอเตอรม์ ีขนาดเหมาะสมพอดีกับการบริการทางไฟฟ้าที่มอี ยู่

3. วธิ ีการควบคุมมอเตอร์ คือ วิธีการควบคุมมอเตอร์ขน้ั พืน้ ฐานนนั้ ก็คือ วงจรการควบคมุ การปิด
เปิดมอเตอร์ และวงจรป้องกนั มอเตอร์จากความเสียหายทีอ่ าจจะเกิดข้ึนได้จากอบุ ัติเหตุ ซึง่ ทั้งสองวงจรจะ
มีการตดิ ต้ังอยู่เสมอภายในวงจรควบคมุ มอเตอร์ แตบ่ างครงั้ การใช้งานยังมวี ิธีการทีจ่ ะต้องพิจารณาเพิม่ ขึน้
อีก เชน่ การควบคมุ มอเตอร์ให้สามารถหมุนกลับทิศทางไปมาได้ หรอื การควบคุมมอเตอร์ให้สามารถ
ทางานได้ความเร็วรอบในระดับต่างๆกัน

4. สิ่งแวดล้อม ในปจั จุบนั นกี้ ารพิจารณาเรื่องสิ่งแวดล้อมเปน็ เรอ่ื งที่มคี วามสาคญั มาก ดังที่จะเห็น
ได้จากมีการตง้ั กฎและข้อบังคบั ต่างๆ ข้ึนมา เพื่อเปน็ ข้อบังคบั หรอื ข้อปฏิบตั ิสาหรบั ผปู้ ระกอบการเพื่อให้
เกิดความเสียหายต่อสง่ิ แวดล้อมให้นอ้ ยที่สดุ ดงั นนั้ ในการตดิ ต้ังมอเตอร์จะต้องมีการพิจารณาเรือ่ งของ
สิ่งแวดล้อมดว้ ย เช่น เรื่องของเสียหรอื สภาพแวดล้อมภายในโรงงาน

5. สญั ลักษณ์และมาตรฐานทางไฟฟ้า การใช้อุปกรณ์ตา่ งๆในการตดิ ต้ัง หรอื การใชส้ ัญลักษณ์
น้ันก็เพือ่ เป็นการบอกขั้นตอนในการควบคมุ มอเตอร์ ซึง่ อปุ กรณ์และสัญลักษณ์ทีใ่ ชจ้ ะต้องเป็นมาตรฐาน
สากลและเปน็ ทีย่ อมรับของหน่วยงานทีค่ วบคมุ ภายในท้องถิ่นนน้ั ด้วย
1. จุดมงุ่ หมายในการควบคมุ มอเตอร์

1.1 การเริม่ เดินและหยุดเดินมอเตอร์ เปน็ จุดมุ่งหมายเบือ้ งตน้ ในการควบคมุ มอเตอร์ การเริ่ม
เดินและการหยดุ เดินมอเตอร์น้ันอาจจะดูเปน็ เรือ่ งงา่ ย แตท่ ีแ่ ท้จริงแล้วมคี วามยุ่งยากกอยู่ไม่น้อย เนือ่ งจาก
ลกั ษณะของงานที่มีความแตกต่างกันออกไป ดังน้ัน การเริม่ เดินและการหยดุ เดินมอเตอร์จึงมีหลาย
ลกั ษณะเพือ่ ตอบสนองให้ตรงกับงานทีท่ า เชน่ การเริ่มเดินแบบเรว็ หรือแบบแบบช้า การเริ่มเดินแบบโหลด
น้อยหรอื เริม่ เดินแบบโหลดมาก การหยดุ เดินแบบทนั ทีหรอื หยุดเดินแบบช้าๆ

1.2 การหมนุ กลบั ทิศทาง การควบคุมมอเตอร์ที่สาคญั อีกอย่างหนึ่ง คอื การทาให้มอเตอรห์ มนุ
กลับทิศทางได้อาจจะโดยอตั โนมตั ิ หรอื ใช้ผู้ควบคุมได้

1.3 การควบคมุ ให้มอเตอร์ หมนุ ใหป้ กติตลอดเวลาการทางานมจี ดุ มงุ่ หมาย เพือ่ ให้เกิดความ
ปลอดภัยแก่มอเตอร์ เครื่องจักรกล โรงงาน และที่สาคญั ที่สุดคือ ผใู้ ช้งาน

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รงุ รักษาระบบปั้มน้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชุมชน หนา้ 26

1.4 การควบคมุ ความเรว็ รอบ เป็นอีกเหตุผลหน่งึ ในการควบคมุ มอเตอร์โดยการควบ คมุ ความเร็ว
รอบของมอเตอร์นน้ั สามารถทาได้หลายแบบด้วยกนั เช่น การควบคมุ ความเรว็ รอบใหค้ งที่ การควบคุม
ความเรว็ รอบที่ตา่ งกนั หรอื การควบคมุ ความเร็วรอบทีส่ ามารถปรับได้ตามตอ้ งการ

1.5 การป้องกันอันตรายที่จะเกิดแก่ผู้ใชง้ าน ในการตดิ ต้ังวงจรความคมุ มอเตอรน์ ้ันกจ็ ะต้องมีการ
วางแผนป้องกนั อันตรายที่จะเกิดแก่ผู้ใชง้ าน หรอื ผทู้ ี่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงด้วย โดยการป้องกนั อนั ตรายที่ดี
ทีส่ ดุ กค็ ือการอบรมแก่พนักงานทีป่ ฏิบัติหนา้ ทีใ่ ห้คานึงถึงความปลอดภัยเปน็ อนั ดบั แรกในการทางานอยู่
เสมอ

1.6 การป้องกันความเสียหายจากอบุ ตั ิเหตุ การออกแบบวงจรการควบคมุ มอเตอร์ที่ดีควรจะมีการ
ป้องกนความเสียหายให้กับมอเตอร์ เครือ่ งจกั รทีม่ อเตอรต์ ิดตงั้ อยู่ในโรงงาน หรอื ความเสียหายต่อชิน้ ส่วน
ทีก่ าลงั อยู่ในสายการผลิตในขณะน้ันไว้ด้วย การป้องกันมอเตอร์จากความเสียหายนั้นมีดว้ ยกันหลายลี
กษณะด้วยกัน เช่น การป้องกนั โหลดเกินขนาด การป้องกันการกลับเฟส หรอื การป้องกันความเรว็ มอเตอร์
เกินขดี จากัด

2. สัญลกั ษณ์ท่ใี ช้กับงานควบคมุ มอเตอร์ระบบDIN

สญั ลักษณ์ ความหมาย

คอนแทคปกติเปิด

(Normally Open-N.O.)

คอนแทคปกติเปิด

(Normally Close-N.C.)

คอนแทคปรับตดั ต่อได้สองทาง

ทางานรว่ มแกนเดียวกัน

ต่อถึงช่วงสน้ั ๆ
แบบทางานด้วยมือ

แบบทางานกดลง หนา้ 27
แบบดึงขนึ้
แบบหมุน

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบ้ารุงรักษาระบบปัม้ นา้ ประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน

สัญลักษณ์ ความหมาย
แบบผลกั หรอื กด
แบบใช้เท้าเหยียบ
แบบถอดด้ามถือออกได้
แบบทางานด้วยแรงกด
ทางานด้วยลูกเบยี้ ว 3 ตาแหน่ง

สวิตช์ปุ่มกด-ปกติเปิด(N.O.)

สวิตช์ปิด-เปิดธรรมดาลกั ษณะปกติเปิด(N.O.)

สวิตช์ปุ่มกด-ปกติปิด(N.C.)

สวิตช์ปิด-เปิดธรรมดาลักษณะปกติเปิด(N.C.)

ลกั ษณะของสวิตช์เมอ่ื ถกู ทางานปกติปิด(N.C.)

ลักษณะของสวิตช์เม่อื ถูกทางานปกติปิด(N.O.)

ลกั ษณะถกู ทางาน
สวิตช์ปุ่มกด1 N.O. 1N.C.
.ใช้ได้ทั้งสตาร์ทและหยดุ

ลิมติ สวิตช์

คอนแทคปกติเปิดอันที่1 ตอ่ ก่อนอันที่ 2

คอนแทคปกติปิดอนั ที่1 ตดั ก่อนอันที่2

การทางานด้วยแรงกลท่ัวไป

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบ้ารุงรักษาระบบปม้ั น้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชุมชน หนา้ 28

สญั ลักษณ์ ความหมาย
ทางานด้วยอุณหภมู ิ

ทางานด้วยแรงดนั (Pressure)
ทางานด้วยลูกสบู

ลอ็ กด้วยกลไกล

ลอ็ กด้วยไฟฟ้า

คอนแทกเตอร์ 3 คอนแทคล็อกด้วยไฟฟ้า
สวิตช์หน่วงเวลา (Time Delay Switch)

รอเคลื่อนไปทางขวา
รอเลื่อนไปทางซ้าย

รอเลื่อนไปทางซ้ายและขวา
คอนแทคปกติเปิดของสวิตช์หน่วงเวลาชนิด

จา่ ยไฟเข้าคอยล์ตลอดเวลา

คอนแทคปกติเปิดของสวิตช์หน่วงเวลารอเวลา
เปิดหลังจากตัดไฟออกา

รอเวลาเปิดชนิดจ่ายไฟเข้าคอยล์ตลอดเวลา

คอยล์ของคอนแทคเตอร์

คอยล์ของคอนแทคเตอร์อกี แบบหน่งึ

คอนแทคเตอร์ชนิด 3 เมนคอนแทค

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รงุ รกั ษาระบบป้มั นา้ ประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 29

สญั ลักษณ์ ความหมาย
คอนแทคเตอร์ชนิด 3 คอนแทคช่วย 1 N.O.1N.C.

โอเวอร์โหลดรีเลย์แบบไม่มรี ีเซท็

โอเวอร์โหลดรีเลย์แบบมีรีเซ็ท

หวดู สญั ญาณ
ไฟเข้าที่เส้นหนา
ต่อกับอุปกรณ์ทางกล

ฟิวส์มคี อนแทคที่ให้สัญญาณได้

ฟิวส์ 3 สายตัดต่อวงจรอตั โนมตั ิ
เมนฟิวส์ใช้กับเมนสวิตช์
ฟิวส์แยกวงจร

อุปกรณ์ป้องกนั เมอ่ื กระแสเกิน
กระแสต่า

แรงเคลือ่ นเกิน
แรงเคลื่อนต่า
แรงเคลื่อนรัว่

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบ้ารุงรกั ษาระบบป้มั นา้ ประปาเบือ้ งตน้ แก่ชุมชน หนา้ 30

สัญลกั ษณ์ ความหมาย
กระแสเกินจากความร้อน
สวิตช์ทีท่ างานด้วยอุณหภมู ิ

ต่อวงจรดว้ ยอณุ หภมู ิ

ตัดวงจรดว้ ยอณุ หภมู ิ

วงจรท่ใี ช้ในการควบคมุ
วงจรที่ใชใ้ นงานควบคมุ แบ่งออกได้เป็น 4 แบบด้วยกนั ดังน้ี

3.1 แบบวงจรสายเดียว (One Line Diagram) วงจรสายเดียวเปน็ แบบวงจรที่แสดงวงจรชนิดหนึง่
ทีเ่ ขียนด้วยเส้นสายเดียวเท่านั้น

รูปที่ 2-1 รปู แสดงแบบวงจรสายเดียว

จากรปู วงจรจะแสดงให้เหน็ เพียงแต่
1. Power Supply จานวน Phase Wire ระดับแรงเคลื่อนและความถี่
2. จานวนสายไฟฟ้า
3. ขนาดและชนิดของสายไฟฟ้า
4. จานวนของอุปกรณ์ เชน่ (Contactor Relay (K1) Over Load Relay (F3) Motor (M1)

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบ้ารงุ รักษาระบบปม้ั น้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 31

3.2 แบบวงจรแสดงการทางาน (Schematic Diagram) วงจรแสดงการทางานสามารถแบ่งตาม
ลกั ษณะของวงจรได้เป็น 2 แบบด้วยกนั คือ

3.2.1 วงจรกาลงั (Power Circuit) แบบวงจรนีจ้ ะเขียนรายละเอียดของวงจรกาลังเท่านั้นโดยเริม่
จาก วงจรย่อย ผ่าน Main Fuse (F1) Main Contactor (K1) Overload Relay (F2) และต่อเข้ามายังมอเตอร์

รูปที่ 2-2 รูปแสดงวงจรกาลงั (แบบวงจรแสดงการทางาน)

3.2.2 วงจรควบคุม (Control Circuit) แบบนีไ้ ด้จากการจบั ต้นและปลายของวงจรควบคมุ ในแบบ
งานจรงิ จึงยืดออกมาเปน็ เส้นตรง สายแยกต่างๆจะเขียนในแนวดิง่ และแนวระนาบเท่านั้น ส่วนประกอบของ
อปุ กรณ์จะนามาเขียนเฉพาะส่วนที่ใช้ในวงจรควบคมุ เท่านั้น คอนแทครีเลย์หรอื คอนแทคเตอร ์สามารถ
เขียนแยกกนั อยู่ในส่วนตา่ งๆของวงจรได้ โดยจะเขยี นกากบั ด้วยอกั ษรและตวั เลขได้รวู้ ่าเปน็ ของคอนแทค
เตอร์ตวั ใด

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบ้ารงุ รักษาระบบปม้ั นา้ ประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 32

รูปที่ 2-3 รูปแสดงวงจรควบคุม (แบบวงจรแสดงการทางาน)

3.3 วงจรแสดงแบบงานจริง (Working Diagram) แบบชนิดน้จี ะเขียนคล้ายกับลักษณะงานจรงิ
คือ ส่วนประกอบของอปุ กรณ์ใดๆ จะเขียนเปน็ ชนิ้ เดียวไม่แยกออกจากกนั และสายต่างๆ จะต่อ กันที่จุดเข้า
สายของอปุ กรณ์เท่าน้ัน ซึง่ เหมอื นกบั ลักษณะของงานจรงิ

รปู ที่ 2-4 รปู แสดงวงจรแสดงแบบงานจรงิ

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รุงรักษาระบบปมั้ นา้ ประปาเบือ้ งตน้ แก่ชุมชน หนา้ 33

3.4 วงจรประกอบการติดต้งั (Constructional Wring Diagram) ในระบบควบคมุ จะประกอบ
ไปด้วยแผงควบคมุ ตู้สวิตช์บอร์ด และโหลดทีต่ อ้ งการควบคมุ ซึง่ มกั จะแยกกันอยู่ในต่างทีก่ นั ในส่วนตา่ งๆ
เหล่านจี้ ะเขียนแสดงรายละเอียดด้วยวงจรงานจรงิ และจะประกอบเข้าด้วยกนั ทีแ่ ผงตอ่ สาย โดยใช้วงจร
สายเดียว สายที่ออกจากจุดต่อสายแต่ละอัน จะมีโค๊ดกากบั ไว้ให้รู้วา่ สายน้ันจะไปต่อเข้าจดุ ใด เชน่ แผงตอ่
สาย X2 จุดที่ 1 จะไปต่อกับจุดที่ 5 ของแผงตอ่ สาย X3 ซึ่งทีจ่ ดุ นกี้ จ็ ะมโี ค๊ดบอกอยู่ด้วย ว่าสาย X3 ซึ่งทีจ่ ดุ
นกี้ จ็ ะมโี ค๊ดบอกอยู่ด้วย ว่าสายจดุ น้ีตอ่ มาจากจุดที่1 ของแผงต่อสาย X2

รูปที่ 2-5 รปู แสดงวงจรประกอบการตดิ ตั้ง

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รุงรกั ษาระบบป้มั น้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 34

ความหมายสญั ลักษณอ์ ักษรกากบั วงจร

สญั ลกั ษณ์ ความหมาย

S1 สวิตช์ปุ่มกดหยุดเดินมอเตอร์ (Push Button Stop)

S2 สวิตช์ปุ่มกดเริม่ เดินมอเตอร์ (Push Button Start)

F1 ฟิวส์ป้องกันวงจรกาลัง (Power Fuse)

F2 ฟิวส์ป้องกนั วงจรควบคุม (Control Fuse)

F3 ส่วนป้องกันมอเตอร์ทางานเกินกาลงั (Overload Relay)

K1 แมคเนติคคอนแทคเตอร์ (Magnetic Contactor)

M1 มอเตอร์3เฟส (3 Phase Induction Motor)

4. วงจรและหลักการทางานของการสตารท์ มอเตอรโ์ ดยตรง (DIRECT START MOTOR)
เปน็ การควบคุมการเริ่มเดินและหยุดเดินมอเตอร์โดยใช้แมคเนติคคอนแทคเตอร์ ในการตัดต่อใน

การการควบคุมการทางานและมีอปุ กรณ์ป้องการมอเตอร์ ไม่ให้เกิดการเสียหายและสามรถเริ่มเดินเครือ่ ง
โดยกดปุ่มทีสวิตช์ปุ่มกดใหม้ อเตอร์ทางานได้โดยตรงและเมื่อตอ้ ง การหยดุ ก็กดที่สวิตช์ปุ่มกด อีกตัวได้
ดังนนั้ ต้องใช้อปุ กรณ์มาประกอบเป็นวงจรในการควบคมุ เพือ่ ให้เกิด การควบคุมได้ตามทีต่ ้องการและเกิด
ความปลอดภยั โดยมีรายละเอียดต่อไปนี้

รูปที่ 2-6 รปู แสดงวงจรสตาร์ทมอเตอร์โดยตรง

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รงุ รักษาระบบป้ัมนา้ ประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 35

ขั้นตอนการทางาน
1. กดสวิตช์ S2 คอนแทคเตอร์ K1 ทางาน ปล่อยสวิตช์ 2 คอนแทคเตอร์ K1 ยังทางานอยู่

ตลอดเวลา เนื่องจากหน้าสมั ผสั ชว่ ยปกติเปิด K1 ในแถวที่ 2 ทางานหนา้ สมั ผสั จะปิด กระแสไฟฟ้าไหลเข้า
ไปในขดลวดของแมคเนติคตลอดเวลา

2. เมอ่ื เกิดสภาวะโอเวอร์โหลดหน้าสมั ผสั ของโอเวอร์โหลดปกติปิด (F3) จะตัดวงจรไมม่ ีกระแส
ไหล เข้าขดลวด คอนแทคเตอร์ K1 จะหยุดทางาน

3. ในการหยุดการทางานของวงจร ใหก้ ดสวิตช์ S1
4. ถ้าฟิวส์ F2 ขาด วงจรก็จะหยดุ ทางาน
5. เมอ่ื เกิดสภาวะโอเวอร์โหลดใหว้ งจร ทางานใหม่ ให้ กดปุ่มรีเซ็ทโอเวอรร์โหลด หน้าสัมผสั กลับ
สู่สภาพเดิม แล้วทาการ กด S2 ใหมม่ อเตอร์ จะกลบั มาทางานตามเดิม
5. การควบคมุ มอเตอร์ทางานเรยี งตามลาดับ
ในการควบคมุ มอเตอร์เรยี งตามลาดับนั้นจะต้องให้มอเตอรต์ ัวแรกทางานก่อน และมอเตอร์ตัวที่
สองถึงจะทางานตามได้ เม่อื ต้องการหยดุ การทางานสามารถหยุดการทางานของมอเตอร์ท้ังสองตวั พร้อม
กันได้และเมื่อมอเตอร์ตัวใดตัวหนึง่ เกิดทางานเกินกาลงั มอเตอร์จะหยุดพร้อมกันท้ังสองตวั วงจรมอเตอร์
ทางานเรียงตามลาดบั นีน้ ิยมใชก้ บั งานสายพานลาเลียงหรอื งานทีม่ ีการควบคมุ ต่อเนอ่ื งและหยุดพร้อมกัน
รายละเอียดในการทีจ่ ะใช้อุปกรณ์ที่ประกอบ กันเป็นวงจรมีดงั นี้

ความหมายสัญลักษณ์อักษรกากับวงจร

สญั ลักษณ์ ความหมาย

S1 สวิตช์ปุ่มกดสีแดงหยุดเดิน (Push Button Stop Motor 1, 2)

S2 สวิตช์ปุ่มกดสีเขียวเริ่มเดินมอเตอรตัวที่1 (Push Button Start Motor 1)

S3 สวิตช์ปุ่มกดสีเหลืองเริม่ เดินมอเตอรตวั ที่2 (Push Button Start Motor2)

F1 ฟิวส์ป้องกนั วงจรกาลงั (Power Fuse)

F2 ฟิวส์ป้องกนั วงจรควบคมุ (Control Fuse)

F3 ส่วนป้องกันมอเตอร์ตวั ที่ 1 ทางานเกินกาลงั (Over Relay 1)

F4 ส่วนป้องกันมอเตอรตวั ที่ 2 ์ทางานเกินกาลัง (Over Relay 2)

K1 แมคเนติคคอนแทคเตอร์ของมอเตอรต์ ัวทีท่ ี่1 (Magnetic Contactor)

K2 แมคเนติคคอนแทคเตอร์ของมอเตอรต์ วั ที่2 (Magnetic Contactor)

M1 มอเตอร์ 3 เฟสตวั ที่ 1 (3 Phase Induction Motor 1)

M2 มอเตอร์ 3 เฟสตัวที่ 2 (3 Phase Induction Motor 2)

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รงุ รกั ษาระบบปั้มนา้ ประปาเบือ้ งตน้ แก่ชุมชน หนา้ 36

5.1 วงจรและหลกั การทางานของการควบคุมมอเตอร์ทางานเรียงตามลาดบั (Manual
วงจรและหลกั การทางานการควบคมุ มอเตอร์แบบทางานเรียงตามลาดบั โดยใช้สวิตช์ปุ่มกด
Sequence Control)
วงจรกาลงั

รูปที่ 2-7 รูปแสดงวงจรสตาร์ทมอเตอร์ทางานเรียงลาดบั วงจรกาลัง

จากวงจรกาลังจะใช้คอนแทคเตอร์สองตัวในการ ให้มอเตอรท์ างานคอนแทคเตอร์แรก
(K1) ต่อใหก้ ับมอเตอร์ตัวที่ 1 (M1) ทางาน คอนแทคเตอร์ตัวที่ 2 (K2) ต่อใหก้ ับมอเตอร์ตวั ที่2 (M2) ทางาน
และมีอุปกรณ์การป้องกันสายเมนฟิวส์3ตวั เมื่อเกิดการลดั วงจรจะไม่มกี ระแสไฟฟ้าไหลไปยงั มอเตอร์ท้ัง
สองได้และมีอุปกรณ์ป้องกันมอเตอร์ทั้งสอง ไม่ให้เกิดการเสียหายเมอ่ื มอเตอร์ทางานเกินกาลัง อปุ กรณ์น้ัน
คือโอเวอร์โหลดรีเลย์

F3 เป็นโอเวอร์โหลดรีเลย์ป้องกนั มอเตอร์ตวั ที่ 1
F4 เป็นโอเวอร์โหลดรีเลย์ป้องกนั มอเตอร์ตวั ที่ 2
วงจรควบคมุ

รปู ที่ 2-8 รปู แสดงวงจรสตาร์ทมอเตอร์ทางานเรียงลาดับ วงจรควบคุม หนา้ 37
ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รุงรักษาระบบป้มั นา้ ประปาเบือ้ งตน้ แก่ชุมชน

ขนั้ ตอนการทางาน

1. เมื่อกดสวิตช์ S3 ขณะที่คอนแทคเตอร์ K1 ยงั ไม่ทางานคอนแทคเตอร์ K2 จะไม่ทางานเพราะ

คอนแทคปกติเปิดของ K1 ในแถว 3 ยังเปิดอยู่

2.เมื่อกด S2 ทาให้คอนแทคเตอร์ K1 ในแถวที่1ทางานและหนา้ สัมผัสปกติเปิดของ K1 ในแถวที่ 2

จะต่อวงจรทาให้คอนแทคเตอร์ K1 ทางานตลอดเวลา และคอนแทคช่วยปกติเปิด K1 ชุดที่ 2 ในแถวที่ 3

ปิด จะต่อวงจรทาให้ K2 พร้อมทีจ่ ะทางานเมือ่ กด S3

3.หลังทีป่ ล่อยสวิตช์ S2 แล้วคอนแทคเตอร์ K1 ก็ยังคงทางานอยู่ตลอดเวลา

4. เมื่อกด S3 คอนแทคเตอร์ K2 กจ็ ะทางานคอนแทคปกติเปิด K2 ในแถว 4 จะต่อวงจรให้ K2

ทางานตลอดเวลา หลงั จากที่ปล่อยนิ้วออกจาก S3 ไปแล้ว

5.หากต้องการใหห้ ยดุ ทางานให้กด S1 K1และ K2 จะหยุดทางาน มอเตอรตวั ที่ 1 และ 2 หยุด

หมุน

6.และเมื่อเกิดสภาวะโอเวอร์โหลดที่ F3 หรอื F4 คอนแทคเตอร์ K1และ K2จะหยุดทางาน

7.เมือ่ เกิดโอเวอร์โหลดจะใหท้ างานใหม่ให้กดปุ่มรีเซ็ทของโอเวอร์โหลดตัวที่ TRIP แล้วทาการกด

S2 ให้คอนแทคเตอร์ K1 ทางานมอเตอร์1 ก่อนแล้วกด S3 ให้คอนแทคเตอร์ตัวที่ 2 ทางานมอเตอร์ 2

ทางาน

6. การควบคมุ การกลบั ทางหมนุ มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลบั

มอเตอรไ์ ฟฟ้ากระแสสลบั ที่ใชใ้ นงานอตุ สาหกรรมมีทั้งมอเตอร์ที่ใชก้ ับ ระบบไฟฟ้า 1 เฟส และ 3

เฟส การกลับทางหมุนมอเตอร์ มคี วามจาเป็นอย่างหนึง่ ทีใ่ ช้ ในงานอตุ สาหกรรม มกี ารกลับทางหมุน

มอเตอร์ท้ังมอเตอร์ไฟฟ้า 1 เฟสและ 3 เฟส

ดงั นั้นจึงมีวงจรในการควบคุมในการกลับทางหมนุ มอเตอรอ์ ยู่หลายแบบด้วยกนั เชน่ การกลับทาง

หมุนมอเตอร์ ได้ทันทีท่ ี่ไม่ตอ้ งหยดุ การทางานของมอเตอร์และการการกลับทางหมุนมอเตอร์ แบบต้อง

หยดุ การทางาน ของมอเตอร์ที่จะต้องศกึ ษาวงจรและหลกั การตอ่ ไป การควบคมุ การกลับทางหมุน

มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลบั 1 เฟสมีการควบคุมหลายแบบแตใ่ นทีน่ ้เี ปน็ การใชส้ วิตช์ปุ่มกดในการควบคุม ซึง่

การควบคมุ มีวงจรกาลังที่ใชใ้ นการกลบั ทางหมนุ และวงจรควบคมุ ตัวอย่างในการควบคุมนเี้ ป็นการหยุด

มอเตอร์ทุกคร้ังก่อนกลบั ทางหมนุ ที่เรยี กว่าวงจร Reversing after stop

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบ้ารงุ รกั ษาระบบปัม้ น้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 38

6.1 การกลบั ทางหมุนมอเตอรไ์ ฟฟา้ กระแสสลับ 1 เฟส

ความหมายสัญลกั ษณ์อักษรกากบั วงจร

สญั ลกั ษณ์ ความหมาย

S1 สวิตช์ปุ่มกดหยดุ เดินมอเตอร์ (Push Button Stop)

S2 สวิตช์ปุ่มกดเดินมอเตอร์หมนุ ขวา (Forward Start)

S3 สวิตช์ปุ่มกดเดินมอเตอร์หมนุ ซ้าย (Reversing Start)

F1 ฟิวส์ป้องกนั วงจรกาลงั (Power Fuse)

F2 ฟิวส์ป้องกันวงจรควบคมุ (Control Fuse)

F3 สว่นป้องกันมอเตอร์ทางานเกินกาลงั (Overload Relay)

K1 คอนแทคเตอร์หมนุ ขวา (Forward Contac)

K2 คอนแทคเตอร์หมุนซ้าย (Reverse Contac)

M1 มอเตอร์ 1 เฟส (Single Phase Motor)

วงจรการกลบั ทางหมนุ มอเตอรไ์ ฟฟ้ากระแสสลับ 1 เฟส
วงจรกาลงั

รูปที่ 2-9 รปู แสดงวงจรการกลับทางหมนุ มอเตอรไ์ ฟฟ้ากระแสสลับ 1 เฟส (วงจรกาลัง)

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบ้ารงุ รกั ษาระบบปัม้ น้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 39

หลักการของวงจรกาลังการกลบั ทางหมนุ มอเตอร์ ไฟฟ้ากระแส สลบั 1 เฟส สาหรับการทางาน
ของวงจรกาลังนน้ั เมือ่ คอนแทคเตอร์ K1 ทางานกระแสไฟฟ้าจะไหลจาก ไลน์ L1 เข้าขดรัน จากขั้ว U ไปยัง
ข้ัว X แล้ว ครบวงจรที่ส่วนที่ขดสตาร์ทกระแสไหล จากข้ัว V และข้ัว Y ครบวงจรที่ N เช่นกนั จะทาให้
มอเตอร์หมนุ ขวา ในขณะทีค่ อนแทคเตอร์ K1 หยดุ ทางาน ใหค้ อนแทคเตอร์ K2 ทางานจะมกระแสไฟฟ้า
จะไหล ผา่ นขดรนั เหมอื นกบั ข้ันแรกคือข้ัว U กบั ข้ัว X สว่ นในขดสตาร์ทกระแสไฟฟ้า จะไหลจากข้ัว Y ไปยัง
ขั้ว V จะเห็นได้ว่าเปน็ การสลับ ขั้วของขอสตาร์ททาให้มอเตอรก์ ลับทิศทางการหมุน
วงจรควบคมุ

รปู ที่ 2-10 รปู แสดงวงจรการกลบั ทางหมนุ มอเตอรไ์ ฟฟ้ากระแสสลบั 1 เฟส (วงจรควบคมุ )
ขน้ั ตอนการทางาน

1. กดสวิตช์ S2 คอนแทคเตอร์ K1 ทางานหมนุ ขวา คอนแทคปกติปิดของ K1 ในแถว ที่ 3 ตดั
วงจร ไม่มกี ระแสไหลไปยังคอนแทคเตอร์ K2 คอนแทคเตอร์ K2 จะทางานได้กต็ ่อเมอ่ื คอนแทคเตอร์ K1
หยดุ

2. การเปลี่ยนทิศทางการหมุนของมอเตอร์จากหมนุ ขวาเปน็ หมนุ ซ้าย จะเปลี่ยนเลยไม่ได้ต้องทา
การกดสวิตช์ S1 ก่อน

3. เมือ่ ทาการกด S1 คอนแทคเตอร์ K1 หยุดการทางาน จะให้มอเตอรห์ มนุ ซ้ายทาการ กด S3 ให้
คอนแทคเตอร์ K2 ทางานคอนแทคปกติปิด ในแถวที่ 1 ตัดวงจรไม่มกี ระแสไหลไปยงั คอนแทคเตอร์ K2
จะให้คอนแทคเตอร์ K1 ทางานต้องให้หยุดคอนแทคเตอร์ K2 ก่อนแล้วทาตามขั้นตอนที่ 1

4. ถ้าหากกดสวิตช์ S2 และ S3 พร้อมกนั ตวั คอนแทคเตอร์ตวั ใดทีไ่ ด้รับกระแสก่อนจะทางาน
ก่อน คอนแทคเตอร์ท้ังสองไม่มโี อกาสทางานพร้อมกนั ได้เพราะมีคอนแทคชว่ ยสลบั กนั ตัดเราเรียกว่า มี
Interlock ซึง่ กนั และกัน

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รุงรกั ษาระบบป้มั น้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 40

6.2การควบคุมการกลับทางหมนุ มอเตอร์ไฟฟา้ กระแสสลับ 3 เฟส

มอเตอรไ์ ฟฟ้า 3 เฟส นยิ มใช้กันมากเครือ่ งจกั รในงานอตุ สาหกรรม เช่น เครือ่ งกลึง ,

เครือ่ ง กดั , เครือ่ งใส, เครนยกของ ฯลฯ เครือ่ งดงั กล่าวอาจต้องมีการทางานที่เปลีย่ นทิศทาง 2 ทิศทาง จึง

ต้องรู้จักวิธีการกลับทางหมุนมอเตอร์ 3 เฟส อย่างถกู วิธี ไม่ว่ามอเตอร์จะต่อขดลวดแบบสตาร์หรอื เดลต้า

ถ้าทาการสลับสายแหล่งจา่ ยไฟฟ้าใหก้ ับมอเตอร์คใู่ ดคู่หน่งึ จะทาให้มอเตอรก์ ลับทิศทางการหมุนได้

แสดงวงจรการกลับทางหมุนมอเตอรไ์ ฟฟ้า 3 เฟสแบบต่างๆ

รูปที่ 2-11 รูปแสดงวงจรการกลับทางหมนุ มอเตอรไ์ ฟฟ้า 3 เฟส
จากระบบไฟฟ้า 3 เฟส

L1 เข้าที่ขวั้ U1 ของมอเตอร์
L2 เข้าที่ขว้ั V2 ของมอเตอร์
L3 เข้าทีข่ ว้ั W3 ของมอเตอร์
ไม่มกี ารสลบั สายไฟฟ้าเข้าข้ัวมอเตอรท์ าให้มอเตอรไ์ ฟฟ้าหมนุ ขวาหรอื ทิศทางหมนุ ตามเขม็ นาฬิกา

รูปที่ 2-12 รูปแสดงวงจรการกลับทางหมนุ มอเตอรไ์ ฟฟ้า 3 เฟส

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รุงรักษาระบบป้ัมนา้ ประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 41

จากระบบไฟฟ้า 3 เฟส ทาการสลับสายไฟฟ้าเข้าข้ัวมอเตอร์
L1 เข้าที่ขว้ั U1 ของมอเตอร์
L2 เข้าที่ขว้ั W1 ของมอเตอร์
L3 เข้าทีข่ ว้ั V1 ของมอเตอร์

มีการสลบั สายไฟฟ้าเข้าข้ัวมอเตอรท์ ี่ L2 กับ L3 ทาให้มอเตอร์ไฟฟ้าหมุนซ้ายหรือทิศทางหมนุ
ทวนเขม็ นาฬกิ า

รปู ที่ 2-13 รูปแสดงวงจรการกลับทางหมุนมอเตอรไ์ ฟฟ้า 3 เฟส

จากระบบไฟฟ้า 3 เฟส ทาการสลบั สายไฟฟ้าเข้าข้ัวมอเตอร์

L1 เข้าที่ขวั้ W1 ของมอเตอร์

L2 เข้าที่ขวั้ V1 ของมอเตอร์

L3 เข้าทีข่ วั้ U1 ของมอเตอร์

มกี ารสลบั สายไฟฟ้าเข้าข้ัวมอเตอรท์ ี่ L1 กับ L3 ทาให้มอเตอร์ไฟฟ้าหมุนซ้ายหรือทิศทางหมุน

ตามทวนนาฬิกา

รูปที่ 2-14 รูปแสดงวงจรการกลับทางหมุนมอเตอรไ์ ฟฟ้า 3 เฟส

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบ้ารุงรกั ษาระบบปั้มน้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 42

จากระบบไฟฟ้า 3 เฟส ทาการสลบั สายไฟฟ้าเข้าขั้วมอเตอร์
L1 เข้าที่ขว้ั V1 ของมอเตอร์
L2 เข้าทีข่ ว้ั U1 ของมอเตอร์
L3 เข้าทีข่ ว้ั W1 ของมอเตอร์

มกี ารสลับสายไฟฟ้าเข้าข้ัวมอเตอรท์ ี่ L1 กบั L2 ทาให้มอเตอรไ์ ฟฟ้าหมนุ ขวาหรอื ทิศทางหมุนตาม
ทวนนาฬิกา
6.3 การกลบั ทางหมนุ มอเตอรส์ ามเฟส (Reversing of Three Phase Motors)
การกลับทางหมนุ มอเตอรส์ ามเฟสทาได้โดยการกลับข้ัวสายของมอเตอร์ที่ตอ่ เข้ากบั สายจา่ ยกาลงั 3
เฟสคู่ใดคู่หนึ่งเพียงคู่เดียว การกลบั ทางหมุนมอเตอรส์ ามเฟสด้วยคอนแทกเตอร์ที่นยิ มกนั โดยทวั่ ไป มี 3
แบบขนึ้ อยู่กับลกั ษณะการใชง้ าน คือ

6.3.1 วงจรการกลบั ทางหมุนมอเตอรโ์ ดยตรง (Direct reversing)
วิธีการกลับทางหมนุ มอเตอรส์ ามเฟสทาได้โดยการสลบั สายเมนคู่ใดคู่หนึ่งที่ตอ่ เข้ากบั มอเตอร์
ส่วนอีกเส้นหน่งึ ตอ่ ไว้เหมอื นเดิม ลักษณะการกลบั ทางหมุนแบบกลบั ทางหมนุ โดยตรง หมายถึง วงจร
สามารถทาการกลับทางหมนุ มอเตอรไ์ ด้ทนั ทีตลอดเวลาที่มอเตอร์ทาการหมุนอยู่ โดยการกดสวิตช์ S2
หรอื S3 และเมือ่ ตอ้ งการหยุดมอเตอร์กส็ ามารถทาได้โดยการกดสวิตช์ S1 (OFF)

รูปที่ 2-15 รูปแสดงวงจรการกลบั ทางหมนุ มอเตอรโ์ ดยตรง

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รงุ รักษาระบบปัม้ น้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 43

ลักษณะการทางานของวงจร
1. คอนแทกเตอร์ K1 ทาหนา้ ที่ตอ่ ให้มอเตอรห์ มนุ ขวา และคอนแทกเตอร์ K2 ทาหนา้ ที่ตอ่ ให้
มอเตอร์หมนุ ซ้าย
2. เริม่ เดินมอเตอร์ให้หมุนซ้ายหรอื ขวาก่อนกไ็ ด้โดยการกดสวิตช์ S2 หรอื S3 และสามารถทา
การกลบั ทางหมนุ ได้ตลอดเวลาโดยไม่จาเปน็ ต้องทาให้มอเตอรห์ ยดุ หมนุ ก่อน
3. เมื่อตอ้ งการหยุดมอเตอร์ใหท้ าการกดปุ่มสวติ ช์ S1
4. ถ้ากดสวิตช์ปุ่มกด S2 และ S3 พร้อมกันจะไม่มคี อนแทกเตอร์ตวั ใดทางาน และคอนแทกเตอร์
K1 และ K2 ไม่สามารถทางานพร้อมกนั ได้ เนื่องจากมี interlock contact K1 และ K2 ต่อไว้ก่อนเข้าคอล์ย
แมเ่ หล็กของ K1 และ K2 เพื่อเป็นการป้องกันการลดั วงจร
5. เมือ่ เกิดการโอเวอร์โหลดขึน้ โอเวอร์โหลดรีเลย์ F3 แบบมีรีเซ็ทด้วยมือ จะทาหนา้ ที่ตดั วงจร
ควบคุมออกไป
6.3.2 วงจรกลับทางหมุนหลังจากมอเตอร์หยดุ (Reversing after stop)
ลกั ษณะการกลบั ทางหมุนหลังจากหยุดมอเตอร์ หมายถึง วงจรจะกลับทางหมนุ มอเตอรไ์ ด้ เมือ่ ทา
การหยุดมอเตอร์ก่อนเท่านั้น การเริม่ เดินมอเตอร์จะเริม่ เดินใหห้ มนุ ขวาหรอื ซ้ายก่อนก็ได้ โดยการกดสวิตช์
S2 หรอื S3 และเมือ่ ตอ้ งการหยุดมอเตอร์ก็สามารถทาได้โดยการกดสวิตช์ S1 (OFF)

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รงุ รกั ษาระบบป้มั นา้ ประปาเบือ้ งตน้ แก่ชุมชน หนา้ 44

รปู ที่ 2-16 รูปแสดงวงจรการกลบั ทางหมุนหลังจากมอเตอร์หยุด

ลักษณะการทางานของวงจร
1. คอนแทกเตอร์ K1 ทาหนา้ ที่ตอ่ ให้มอเตอรห์ มุนขวา และคอนแทกเตอร์ K2 ทาหนา้ ทีต่ อ่ ให้มอเตอร์

หมุนซ้าย
2. เริ่มเดินมอเตอร์ให้หมนุ ซ้ายหรอื ขวาก่อนกไ็ ด้โดยการกดสวิตช์ S2 หรอื S3 ในขณะที่มอเตอร์กา

ลังหมุนอยู่ ไม่สามารถทาการกลับทางหมนุ ได้ จะต้องทาให้มอเตอรห์ ยดุ หมุนเสียก่อนโดยการกดสวิตช์ S1
3. ถ้ากดสวิตช์ปุ่มกด S2 และ S3 พร้อมกันจะไม่มคี อนแทกเตอร์ตวั ใดทางาน และคอนแทกเตอร์ K1

และ K2 ไม่สามารถทางานพร้อมกนั ได้ เนื่องจากมี interlock contact K1 และ K2 ต่อไว้ก่อนเข้าคอล์ย
แมเ่ หล็กของ K1 และ K2 เพื่อเป็นการป้องกันการลดั วงจร

4. เมื่อเกิดการโอเวอร์โหลดขึน้ โอเวอร์โหลดรีเลย์ F3 แบบมีรีเซท็ ด้วยมือ จะทาหนา้ ทีต่ ดั วงจร
ควบคุมออกไป

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบ้ารงุ รกั ษาระบบปั้มนา้ ประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 45

6.3.3 วงจรกลับทางหมนุ แบบจอ๊ กกิง้ (Reversing by Jogging)

ลักษณะการกลบั ทางหมุนแบบจอ๊ กกิง้ หมายถึงการกลบั ทางหมนุ มอเตอรโ์ ดยการกดสวิตช์ปุ่มกด

ค้างไว้ เมื่อปล่อยมือออกจากสวิตช์ปุ่มกดมอเตอร์ก็จะหยดุ หมุน การเริ่มเดินมอเตอร์จะเริ่มเดินใหห้ มนุ ขวา

หรอื ซ้ายก่อนกไ็ ด้ โดยการกดสวิตช์ S2 หรอื S3 และเมือ่ ไม่ต้องการให้วงจรทางานกท็ าการปลดสวิตช์ S1

ออกซึง่ S1 เปน็ สวิตช์แบบมีล็อคในตวั เอง

รปู ที่ 2-17 รปู แสดงวงจรการกลับทางหมุนแบบจอ๊ กกงิ้
ลักษณะการทางานของวงจร

1. คอนแทกเตอร์ K1 ทาหนา้ ทีต่ อ่ ให้มอเตอรห์ มนุ ขวา และคอนแทกเตอร์ K2 ทาหนา้ ที่ตอ่ ให้มอเตอร์
หมุนซ้าย

2. เริ่มเดินมอเตอร์ให้หมุนซ้ายหรอื ขวาก่อนก็ได้โดยการกดสวิตช์ S2 หรอื S3 และจะต้องกดสวิตช์
ตลอดเวลาที่ตอ้ งการใหม้ อเตอร์หมนุ ถ้าปล่อยมือออกจากสวิตช์ปุ่มกดมอเตอร์จะหยุดหมุน

3. ถ้ากดสวิตช์ปุ่มกด S2 และ S3 พร้อมกันจะไม่มคี อนแทกเตอร์ตวั ใดทางาน และคอนแทกเตอร์ K1
และ K2 ไม่สามารถทางานพร้อมกันได้

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบ้ารงุ รักษาระบบปม้ั นา้ ประปาเบือ้ งตน้ แก่ชุมชน หนา้ 46

ปฏิบตั ิเดินสายในตู้ MDB

รปู ที่ 3-1 รูปแสดงวงจรควบคมุ มอเตอรป์ ๊มั นา้ ด้วยลกู ลอย

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบ้ารุงรักษาระบบป้มั น้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน หนา้ 47

รปู ที่ 3-2 รปู แสดงภาพลกู ลอย

รูปที่ 3-3 รปู แสดงวงจรควบคมุ มอเตอรป์ ม๊ั นา้ ด้วยลกู ลอยและคอนแทคเตอร์

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบ้ารุงรักษาระบบปม้ั นา้ ประปาเบือ้ งตน้ แก่ชุมชน หนา้ 48

รปู ที่ 3-4 รูปแสดงวงจรกาลงั

รปู ที่ 3-5 รูปแสดงวงจรควบคมุ หนา้ 49
ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบา้ รุงรกั ษาระบบปั้มน้าประปาเบือ้ งตน้ แก่ชมุ ชน

เอกสารอา้ งอิง
“การควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้า,” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก

http://www.lpc.rmutl.ac.th/elcen/elearning/motorcontrol/module4/contactor1.html, 2009. (21/12/52)
“การควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้า,” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก

http://edu.e-tech.ac.th/mdec/learning/e-web/sara010.html, 2009. (22/12/52)
การควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้า ผศ.อานาจ ทองผาสขุ และผศ.วิทยา ประยงค์พันธ์
การควบคุมเครือ่ งกลไฟฟ้า ไวพจน์ ศรธี ญั

ไวพจน์ ศรธี ัญ ชลชยั ธรรมวิวัฒนุกูร

ฝกึ อบรมเทคนิคการตรวจซ่อมและบ้ารุงรกั ษาระบบป้ัมนา้ ประปาเบือ้ งตน้ แก่ชุมชน หนา้ 50