ห้องปฏิบัติการ EUROLAB ให้บริการทดสอบและปฏิบัติตามข้อกำหนดภายในขอบเขตของมาตรฐาน NFPA 70E มาตรฐานนี้รวมเอาข้อกำหนด NFPA 70E สำหรับการปฏิบัติงานที่ปลอดภัยเพื่อปกป้องบุคลากรโดยลดการสัมผัสกับอันตรายจากไฟฟ้าที่สำคัญ NFPA 70E เป็นมาตรฐานของ National Fire Protection Association (NFPA) เอกสารนี้ครอบคลุมข้อกำหนดด้านความปลอดภัยทางไฟฟ้าสำหรับผู้ปฏิบัติงาน แต่เดิมพัฒนาขึ้นตามคำขอของ OSHA NFPA 70E ช่วยให้บริษัทและพนักงานป้องกันการบาดเจ็บและเสียชีวิตในที่ทำงานจากไฟฟ้าช็อต ไฟฟ้าช็อต อาร์คแฟลช และอาร์คระเบิด และช่วยให้ปฏิบัติตาม OSHA 1910 Subpart S และ OSHA 1926 Subpart K ซึ่งเป็นไปได้ NFPA 70E กล่าวถึงข้อกำหนดด้านความปลอดภัยทางไฟฟ้าในสถานที่ทำงานของพนักงาน มาตรฐานนี้เน้นที่การรับรองในทางปฏิบัติที่ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลภายในหน้าที่งานของตน มาตรฐานนี้ใช้เฉพาะกับตัวนำไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่ติดตั้งในหรือบนอาคารหรือโครงสร้างอื่น ๆ รวมถึงบ้านเคลื่อนที่ ยานพาหนะเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ (สวน งานรื่นเริง ลานจอดรถ และสถานีย่อยอุตสาหกรรม) บ้านเคลื่อนที่ ยานพาหนะเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ (สวน งานรื่นเริง) ครอบคลุมข้อกำหนดด้านความปลอดภัยสำหรับตัวนำไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่ติดตั้งในหรือบนอาคารหรือโครงสร้างอื่น ๆ รวมถึงที่จอดรถและสถานีย่อยอุตสาหกรรม หลักการสำคัญที่ครอบคลุมคือขั้นตอน JSA/JHA/AHA สำหรับกำหนดขีดจำกัดการป้องกันแรงกระแทก พลังงานตกกระทบจากประกายไฟที่แสดงเป็นแคลอรี/ซม2 การล็อกเอาต์ และอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล มาตรฐานต่างๆ ของ OSHA, ASTM, IEEE และ NEC ให้แนวทางสำหรับประสิทธิภาพ ในขณะที่ NFPA 70E จัดการกับการใช้งานและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นมาตรฐานตามความเป็นจริงสำหรับความปลอดภัยทางไฟฟ้าในที่ทำงาน การสร้าง "เขตปลอดภัยในการทำงาน" ที่มีพรมแดน เครื่องกีดขวาง ป้าย และเจ้าหน้าที่ - ตำแหน่งของร่างกายที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงตามหลักสรีรศาสตร์ การใช้ตะขอกู้ภัยในการสลับแรงดันไฟฟ้าปานกลาง - การวิเคราะห์ปัจจัยมนุษย์รวมถึงขั้นตอนที่เป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อบรรเทาเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะมาจากด้านบน ในฐานะ Eurolab เราให้บริการทดสอบแก่ธุรกิจต่างๆ ภายในขอบเขตของมาตรฐานความปลอดภัยทางไฟฟ้า NFPA 20 พร้อมการวิเคราะห์อุบัติเหตุจากการทำงานและความปลอดภัยของบุคลากร เผยแพร่เมื่อ: 12/07/2564...., เรื่อง อันตรายและการป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า ในการทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้า กับอุปกรณ์และบริภัณฑ์ไฟฟ้า เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานและบุคลากรผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับไฟฟ้า จะต้องมีความรู้ความเข้าใจในข้อกำหนดกฎหมาย ความรู้ทางทฤษฎีไฟฟ้า การป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า เพื่อเป็นพื้นฐานที่จำเป็น สำหรับผู้ใช้อุปกรณ์ บริภัณฑ์ไฟฟ้า ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับไฟฟ้า ช่างเทคนิค วิศวกร ในองค์กร และรวมถึงการติดตาม และควบคุม ตรวจสอบ การทำงานของช่างผู้รับเหมาที่เข้ามาทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้า ให้มีความปลอดภัยในการทำงาน และใช้งานได้อย่างปลอดภัย การเกิดอันตรายจากไฟฟ้า จะแบ่งตามลักษณะของอันตรายได้ 2 ประเภทคือ อันตรายที่เกิดกับบุคคล และอันตรายที่เกิดกับทรัพย์สิน รวมถึงอาจมีผลกระทบที่เกิดต่อเนื่องจากอุบัติเหตุจากไฟฟ้า ทั้งบุคคล ทรัพย์สินและชุมชนหรือสาธารณะ ข้อแรก อันตรายจากไฟฟ้าที่เกิดกับบุคคล แบ่งออกได้ดังนี้ การสัมผัสส่วนที่มีกระแสไฟฟ้า แบ่งการสัมผัสออกเป็น 2 แบบ คือ 1.2 อันตรายจาก ประกายไฟจากการอาร์ก (Arc Blast) การอาร์กเป็นการปล่อยประจุไฟฟ้าออกสู่อากาศในรูปของแสง เกิดขึ้นเมื่อมีแรงดันไฟฟ้าตกคร่อมช่องว่างระหว่างสายตัวนำมีค่าสูงเกินค่าความคงทนของไดอิเล็กทริก (dielectric strength) ของอากาศ และมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านอากาศ ทำให้เกิดดังนี้ 1) รังสีความร้อน และแสงจ้า ทำให้เกิดอันตรายกับบุคคลที่ปฏิบัติงานหรืออยู่ใกล้ 1.3 อันตรายจาก การระเบิดจากการอาร์ก (Arc Blast) เมื่อเกิดจากการอาร์กขึ้นในพื้นที่จำกัด เมื่ออากาศได้รับความร้อนจากอาร์กก็จะขยายตัวอย่างรวดเร็ว อาจมีอุณภูมิสูงและความดันที่มีพลังงานสูง ทำให้บุคคลได้รับอันตรายจากการกระเด็น กระแทกกับของแข็ง หรือทำให้ตกจากที่สูง
ข้อสอง อันตรายจากไฟฟ้าที่มีผลกับทรัพย์สิน แบ่งออกได้ดังนี้ สาเหตุของไฟฟ้าลัดวงจร อาจเกิดจากฉนวนไฟฟ้าชำรุดหรือเสื่อมสภาพ แรงดันที่ใช้เกินขนาดหรือมีกระแสไฟฟ้าเกินขนาดของสายไฟฟ้า
และอาจเกิดจากการที่ตัวนำไฟฟ้าที่มีแรงดันต่างกันสัมผัสกันหรือ ตัวนำไฟฟ้าสัมผัสกับดินหรือสายดิน
แนวทางในการป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร เมื่อเกิดเพลิงไหม้ที่สายไฟฟ้า เครื่องใช้หรือบริภัณฑ์ไฟฟ้า การดับเพลิงไหม้ที่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรจะต้องดำเนินการดังนี้ 2.2 การเกิดเพลิงไหม้ เนื่องจากความร้อนจากบริภัณฑ์ไฟฟ้า ยังเกิดจากอีกหลายสาเหตุดังนี้ วิธีป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า สำหรับแนวทางการป้องกันอันตรายจากไฟฟ้ามีดังนี้ 2. การป้องกันการสัมผัสโดยอ้อม
การป้องกันสามารถทำได้หลายวิธีดังนี้
- ใช้แผ่นฉนวนไฟฟ้าปูพื้นเวลาปฏิบัติงานเกี่ยวกับไฟฟ้า ถ้าต้องปฏิบัติงานในพื้นที่มีแรงดันไฟฟ้ามากกว่า 50 โวลต์
3. ระยะปลอดภัยในการปฏิบัติงานเกี่ยวกับไฟฟ้า - ระยะห่างระหว่างสายกับผู้ปฏิบัติงาน/เครื่องมือกล มาตรฐานระยะห่างที่ปลอดภัยของการทำงานใกล้สายไฟฟ้าแรงสูงสำหรับบุคคลหรือผู้ที่ปฏิบัติงานรวมถึงอุปกรณ์หรือเครื่องมือกลทุกชนิด เช่น ปั่นจั่นรถเครน หรือวัตถุที่ถืออยู่ในมือ จะต้องอยู่ห่างจากส่วนที่มีไฟฟ้าแรงสูงไม่น้อยกว่าระยะดังต่อไปนี้ (อ้างอิงจาก การไฟฟ้านครหลวง)
- ระยะห่างที่ปลอดภัยของการทำงานใกล้สายไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่มีฉนวนหุ้มทั้งในแนวดิ่งและแนวระดับสำหรับนั่งร้าน บทส่งท้าย สามารถติดตาม OHSWA Meet the Professional: Safety Engineer for Jor Por Series เรื่อง “พื้นฐานความปลอดภัยด้านไฟฟ้าที่เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยต้องรู้” ในเรื่องต่อไป EP.2 : กฎหมายความปลอดภัยเกี่ยวกับไฟฟ้า ที่จป. ต้องรู้ (ส.ค. 2564) EP.3 : PPE สำหรับงานไฟฟ้า (ก.ย. 2564) EP.4 : การตรวจสอบระบบไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับ จป. (ต.ค. 2564) EP. 5 : มาตรฐานทางไฟฟ้าและมาตรฐานเครื่องใช้ไฟฟ้า ในสถานประกอบกิจการ (พ.ย. 2564) EP.6 : เครื่องมือวัดทางไฟฟ้าเบื้องต้น สำหรับ จป. (ธ.ค. 2564) ข้อมูลอ้างอิง (Reference source)
|