กิน ข้าวเหนียว มะม่วง เยอะ


เผยแพร่ 12 เม.ย. 2559 ,20:48น.




ในขณะที่ทุกคนกำลังร้อน! จากสภาพอากาศในช่วงนี้ แต่ด้านต้นมะม่วงกำลังออกดอกออกผลบานสะพรั่งไปทั่วดินแดนสยาม ในเมื่อมะม่วงมีมากมายขนาดนี้ จะช้าอยู่ใย จับมะม่วงหวานฉ่ำมาผสมโรงกับข้าวเหนียวมูล โรยหน้าด้วยถั่วทอง ตามด้วยน้ำกะทิ แล้วแต่ถนัด บอกเลย!! “#เข้ากันหนักมาก”

ใช่แล้วครับ ผมกำลังพูดถึง เจ้าสิ่งนี้ “ข้าวเหนียวมะม่วง” ของหวานเมนูเด็ดที่อยู่คู่คนไทยมานานแสนนาน ถึงจะอร่อยถูกปากขนาดไหน แต่ของหวานย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างแน่นอน เช่น ความอ้วน ดังนั้น ทีมนิวมีเดีย PPTV จึงนำเคล็ดไม่ลับ 10 ข้อ ในการรับประทาน ข้าวเหนียวมะม่วงให้เป็นมิตรต่อสุขภาพและไม่เพิ่มน้ำหนัก

ก่อนอื่นมาเช็คพลังงานที่จะได้รับจากการรับประทาน ข้าวเหนียวมะม่วงกันก่อนเลย >> มะม่วงสุกขนาดกลาง 1 ผล จะให้พลังงาน 140 กิโลแคลอรี และผนวกกับ พลังงานอีก 280 กิโลแคลอรี จากข้าวเหนียวมูลเพียง 1 ขีด หากนำไปเทียบกับการออกกำลังกาย วิ่งบนทางราบด้วยความเร็ว 13 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นเวลา 1 ชั่วโมง จะเผาผลาญได้ถึง 825 กิโลแคลอรี่

10 เทคนิค รับประทานข้าวเหนียวมะม่วงให้เป็นมิตรต่อสุขภาพและไม่เพิ่มน้ำหนัก

1. รับประทาน “มะม่วง” ให้มากกว่า “ข้าวเหนียว” เพราะมะม่วงให้พลังงานน้อยกว่า

2. ใช้ข้าวเหนียวดำ แทน ข้าวเหนียวขาว เพราะมีไฟเบอร์และแอนตี้ออกซิแดนท์ชั้นดี

3. หากมื้อใดรับประทานข้าวเหนียวมะม่วง มื้อนั้นไม่ควรรับประทานข้าว

4. อย่ามองข้าวเหนียวมะม่วงเป็นอาหารว่าง ให้มองเป็นอาหารมื้อหนักมื้อหนึ่ง

5. ห้ามรับประทาน ข้าวเหนียวมะม่วง ชุดใหญ่

6. ควรรับประทานในช่วงเวลากลางวัน เพื่อให้พลังงานที่ได้รับถูกใช้จนหมดก่อนที่เราจะนอน

7.ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว ต้องระมัดระวัง

8.คนสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัว อาจจะกินข้าวเหนียวมะม่วงได้มากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์

9. ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือไขมันในเลือดสูง ควรกินมะม่วงสุกแต่น้อย ควรกินครั้งละไม่เกิน 1 ผล

10. ข้าวเหนียวมะม่วง ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงและความดันโลหิตสูง เพราะข้าวเหนียวกับกะทิมีความหวานและมันสูง

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : women.thaiza.com

ไม่พลาดทุกเหตุการณ์ติดตามข่าวจาก PPTV ได้ที่ Subscribe

     กระแสข้าวเหนียวมะม่วงกำลังมาแรงในตอนนี้ค่ะ เพราะพอเข้าช่วงหน้าร้อนทีไร ผลไม้ที่เรามักจะเห็นได้บ่อย ๆ และราคาถูกก็คือมะม่วงนั่นเอง มีมะมวงสุกหวานฉ่ำมากมายขนาดนี้ คนไทยจึงมะม่วงเข้าคู่กับข้าวเหนียวมูล ราดด้วยน้ำกะทิรสเค็มนิด ๆ  โรยหน้าด้วยถั่วทองอีกสักหน่อย บอกเลยว่าเข้ากันสุด ๆ ค่ะ

     แต่ถึงจะอร่อยถูกปากขนาดไหน ก็เลี่ยงความจริงไม่ได้ว่าเมนูของหวานอย่างข้าวเหนียวมะม่วงขนาด 100 กรัมนั้นให้พลังงานสูงถึง 200-300 แคลอรี่กันเลยทีเดียว และหากเผลอกินมากจนเกินไปนอกจากจะทำให้อ้วนขึ้นแบบไม่รู้ตัวแล้ว ยังส่งผลเสียกับร่างกายในด้านความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอื่น ๆ ได้อีกด้วย ดังนั้นวันนี้เราจึงได้รวบรวมเทคนิควิธีในการกินข้าวเหนียวมะม่วงให้ดีต่อต่อสุขภาพ ไม่เพิ่มน้ำหนัก ไม่อ้วนขึ้นกว่าเดิม คราวนี้เรามาดูกันค่ะว่ากินข้าวเหนียวมะม่วงอย่างไรถึงจะไม่อ้วน ต้องทำแบบไหน ไปดูกันเลย !!

5 เทคนิคกินข้าวเหนียวมะม่วงไม่ให้อ้วน

1. กินแค่พอหายอยาก

     อยากจะกินข้าวเหนียวมะม่วงมาก ๆ แต่ไม่อยากให้น้ำหนักขึ้น เราก็สามารถกินแค่พอแก้อยากสัก 4-5 คำหลังมื้ออาหารก็ได้ค่ะ หรือเราอาจจะใช้วิธีกินอาหารอื่นให้น้อยลงหน่อยเพื่อจะได้เผื่อพื้นที่ในท้องสำหรับข้าวเหนียวมะม่วงก็ได้ค่ะ

2. กินมะม่วงมากกว่าข้าวเหนียว

     ข้าวเหนียวปกติก็ทำให้เราอ้วนได้มากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งหากมากินข้าวเหนียวที่ปรุงรสด้วยยิ่งต้องระวังให้ดีค่ะ เพราะข้าวเหนียวมูนที่กินคู่กับมะม่วงนั้นมีส่วนผสมทั้งน้ำตาลและกะทิซึ่งให้พลังงานค่อนข้างมาก เราจึงควรต้องระวังในเรื่องปริมาณค่ะ อยากจะกินข้าวเหนียวมะม่วงจริง ๆ ก็ใช้วิธีกินมะม่วงมากกว่าข้าวเหนียวก็ได้ เพราะมะม่วงให้พลังงานที่น้อยกว่านั่นเองค่ะ

3. เลือกกินข้าวเหนียวดำมากกว่าข้าวเหนียวขาว

     หากร้านขายข้าวเหนียวมะม่วงเจ้าประจำที่เราไปฝากท้องบ่อย ๆ เขามีข้าวเหนียวดำขาย ก็ให้เลือกข้าวเหนียวดำจะดีกว่าค่ะ เพราะมีไฟเบอร์ที่สูงกว่าข้าวเหนียวขาว รวมถึงยังมีสารอาหารสำคัญและสารแอนตี้ออกซิแดนท์ด้วย ไหน ๆ จะกินทั้งทีก็เลือกแบบที่มีประโยชน์กับร่างกายน่าจะดีกว่าค่ะ

4. ลดกะทิ

     ลดการราดน้ำกะทิลงไปสักครึ่งหนึ่งค่ะ เพราะในกะทินั้นมีไขมันอิ่มตัวสูงและส่งผลให้เราเสี่ยงกับโรคไขมันอุดตันในหลอดเลือดได้

5. กินแทนมื้ออาหาร

     ข้าวเหนียวมะม่วงนั้นให้พลังงานเท่ากับอาหาร 1 มื้อเลยค่ะ เพราะฉะนั้นเราจึงสามารถกินข้าวเหนียวมะม่วงแทนมื้ออาหารไปได้เลย แต่อย่างไรก็ตามหากเราตัดสินใจที่จะกินแทนมื้ออาหารแล้ว วันนั้นทั้งวันเราก็ควรจะงดขนมและเครื่องดื่มรสหวานอื่น ๆ ไปนะคะ ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้ร่างกายรับน้ำตาลเกินกว่าที่ต้องการ และควรกินข้าวเหนียวมะม่วงในมื้อกลางวันเพราะร่างกายจะได้เผาผลาญพลังงานได้ทัน ดีกว่าการกินเป็นมื้อเย็นเพราะร่างกายจะไม่ค่อยได้ใช้พลังงานแล้วและอาจทำให้เกิดไขมันสะสมได้ง่ายค่ะ

บทความที่คุณอาจสนใจ

  • คิดก่อนกิน! 10 ของหวานยอดฮิต แคลอรีสูง กินแล้วน้ำหนักพุ่งปรี๊ด!
  • 8 แคลอรี่ในอาหาร ขนมไทยแบบถ้วย มีมากเท่าไหร่ กินแค่ไหนถึงไม่อ้วน
  • 16 ร้านข้าวเหนียวมะม่วง เจ้าดังกรุงเทพ หอมหวานมัน หน้าร้อนนี้ต้องโดน 🥭
  • สูตรข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวมูน 2022 หอมอร่อยหวานมัน รับหน้าร้อน