บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด (“บริษัท”) เดิมชื่อบริษัท ดีแทค เนทเวอร์ค จำกัด ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัดเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2549 และได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 โดยมีบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “ดีแทค” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ธุรกิจหลักของบริษัท คือการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยเทคโนโลยี 3G และ 4G บนคลื่นความถี่ย่าน 2100 MHz ภายใต้ชื่อทางการค้า “ดีแทค (dtac)” และ “ดีแทคเติมเงิน (dtac prepaid)” โดยได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 2100 MHz และใบอนุญาตการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สามจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (“กสทช.”) นอกเหนือจากธุรกิจหลักของบริษัท บริษัทยังมีธุรกิจการให้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศผ่านรหัสบริการ “004” และธุรกิจการให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่กลุ่มลูกค้าองค์กรต่าง ๆ บริษัทมี ดีแทค เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทโดยถือหุ้นประมาณร้อยละ 100 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ดีแทคเป็นผู้ประกอบธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อันดับสองของประเทศไทย โดยดีแทคให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยเทคโนโลยี 2G บนคลื่นความถี่ 1800 MHz และด้วยเทคโนโลยี 3G บนคลื่นความถี่ 850 MHz ภายใต้สัญญาร่วมการงานกับบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (เดิมคือการสื่อสารแห่งประเทศไทย) เป็นระยะเวลา 27 ปี สิ้นสุดสัญญาวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2561 (ข้อมูลเพิ่มเติม www.dtac.co.th) อัตราค่าบริการแพ็กเกจ "dtac GO” (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) ตามรายละเอียดเงื่อนไขดังนี้ แพ็กเกจ dtac GO 899 1. รอบบิลที่ 1 –12 ค่าบริการเหมาจ่ายขั้นต่ำรอบบิลละ 899 บาท 2. รับสิทธิ์โทรฟรีทุกเครือข่าย 400 นาที/รอบบิล คิดเป็นนาที (เศษของนาทีคิดเป็น 1 นาที) 3. ส่วนเกินค่าโทรคิด 1.5 บาท/นาที ทุกเครือข่าย คิดเป็นนาที (เศษของนาทีคิดเป็น 1 นาที) 4. รับสิทธิ์ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นการใช้งานแบบต่อเนื่องโดยการใช้งาน 4G ความเร็วสูงสุดที่ 100 Mbps และ 3G ความเร็วสูงสุดที่ 42 Mbps รวมฟรี 30 GB/รอบบิล และ dtac wifi ไม่จำกัด 5. เมื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตครบตามปริมาณที่กำหนดในข้อ.4 การใช้งานอินเทอร์เน็ตจะถูกปรับลดความเร็วสูงสุดเป็น 384 kbps 6. รับสิทธิ์ใช้งานอินเทอร์เน็ตฟรี สำหรับประเทศโซนเอเชีย ออสเตรเลีย และอเมริกา 5GB/เดือน เมื่อใช้งานครบตามปริมาณที่กำหนด สามารถใช้งานต่อได้ที่ความเร็ว 128 Kbps 7. ค่าบริการส่วนเกินในต่างประเทศ การโทรออก, รับสาย และส่ง SMS จะถูกคิดค่าบริการในอัตราปกติของประเทศที่ไปใช้งาน รายละเอียดประเทศที่สามารถใช้งานได้ มีดังต่อไปนี้ 1. เอเชีย: กัมพูชา กาตาร์ เกาหลีใต้ คาซัคสถาน จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน บังคลาเทศ บรูไน ปากีสถาน พม่า ฟิลิปปินส์ มาเก๊า มาเลเซีย ลาว เวียดนาม ศรีลังกา สิงคโปร์ อินเดีย อินโดนีเซีย อิสราเอล อุซเบกิสถาน และฮ่องกง หมายเหตุ: ในประเทศอินเดียไม่รองรับการใช้งานในรัฐจัมมูและแคชเมียร์ ประกอบด้วยเมือง Srinagar/ศรีนคร, Gulmarg/กุลมาร์ค, Katra/กาตรา, Jammu/จัมมู, Kargil/คาร์กิล, Leh/เลห์ (เลห์ลาดัก), Diskit/ดิสกิต และ Plan Bandipora/แพลน บานดิโพร่า 2. ออสเตรเลีย: ออสเตรเลีย 3. อเมริกา: เปอร์โตริโก สหรัฐอเมริกา (รวมหมู่เกาะฮาวาย) หมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกา บริษัทจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัดในเดือนสิงหาคม 2532 โดยกลุ่มเบญจรงคกุล เพื่อประกอบธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยเริ่มให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในย่านความถี่ 800 เมกะเฮิรตซ์ และ 1800 เมกะเฮิรตซ์ ภายใต้สัญญาร่วมการงานซึ่งอยู่ในรูปแบบ “สร้าง-โอน-ดำเนินงาน” จาก บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด มหาชน) (เดิมคือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย) ในปี 2555 บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคม ย่านความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ จากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และเริ่มให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในย่านความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ในปี 2556 บริษัทจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัดในเดือนสิงหาคม 2532 โดยกลุ่มเบญจรงคกุล เพื่อประกอบธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยเริ่มให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในย่านความถี่ 800 เมกะเฮิรตซ์ และ 1800 เมกะเฮิรตซ์ ภายใต้สัญญา ร่วมการงานซึ่งอยู่ในรูปแบบ “สร้าง-โอน-ดำเนินงาน” จาก บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (เดิมคือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย) ในปี 2555 บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมย่านความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ จากคณะกรรมการกิจการ กระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และเริ่มให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในย่านความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ในปี 2556 บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชัน จํากัด (มหาชน) หรือ ดีแทค เป็นหนึ่งในผู้นําการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี 2532 เพื่อประกอบธุรกิจการให้บริการโทรคมนาคม การให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และการให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายระบบ WiFi โดยบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท และถือหุ้นทั้งหมดโดยบริษัทให้บริการโทรคมนาคมด้วยโครงข่ายเทคโนโลยี 5G, 4G, 3G และ 2G ที่ครอบคลุมซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้บริการเสียง บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศ บริการข้ามแดนอัตโนมัติ (International Roaming) บริการโทรศัพท์ทางไกล (International Direct Dialing หรือ IDD) และบริการเสริมอื่น ๆ ดีแทคให้บริการโทรคมนาคมด้วยเทคโนโลยี 4G โดยใช้คลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz คลื่นความถี่ย่าน 2100 MHz และคลื่นความถี่ย่าน 700 MHz ร่วมกับคลื่นความถี่ย่าน 2300 MHz บนความร่วมมือกับบริษัท ทีโอที จํากัด (มหาชน) หรือ ทีโอที ในขณะที่ให้บริการโทรคมนาคมเทคโนโลยี 3G โดยใช้คลื่นความถี่ย่าน 2100 MHz ร่วมกับคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz (ซึ่งถูกเปลี่ยนมาจากคลื่นความถี่ย่าน 850 MHz ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2564) และให้บริการโทรคมนาคมเทคโนโลยี 2G โดยใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 MHz นอกจากนี้ บริษัทยังได้ให้บริการโทรคมนาคมเทคโนโลยี 5G โดยใช้คลื่นความถี่ย่าน 700 MHz ร่วมกับคลื่นความถี่ย่าน 26 GHz ในพื้นที่สําคัญของประเทศด้วย ทั้งนี้ บริษัทและบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จํากัด ให้บริการภายใต้แบรนด์ ดีแทค ซึ่งมีฐานลูกค้าผู้ใช้บริการ ณ สิ้นปี พ.ศ. 2564 อยู่ประมาณ 19.6 ล้านเลขหมายทั่วประเทศไทย โดยเป็นลูกค้าในระบบรายเดือนประมาณ 6.2 ล้านเลขหมาย และลูกค้าในระบบเติมเงินประมาณ 13.4 ล้านเลขหมาย ในปี พ.ศ. 2561 บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จํากัด หรือ ดีแทค ไตรเน็ต ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท และบริษัท เทเลแอสเสท จํากัด ซึ่งเป็น บริษัทที่ดีแทค ไตรเน็ต ถือหุ้นร้อยละ 99.99 ได้เข้าทําข้อตกลงกับ ทีโอที ในการให้บริการไร้สายแบบโรมมิ่งบนคลื่นความถี่ย่าน 2300 MHz เพื่อให้บริการ 4G ควบคู่ไปกับการให้บริการด้วยคลื่นความถี่ย่าน 2100 MHz โดยข้อตกลงความร่วมมือกับ ทีโอที จะสิ้นสุดลงในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2568 และดีแทค ไตรเน็ต ได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 2100 MHz จาก กสทช. เมื่อปี พ.ศ. 2555 ซึ่งใบอนุญาตดังกล่าวจะหมดอายุในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2570 นอกจากนี้ ดีแทค ไตรเน็ต ได้เข้าร่วมและเป็นผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz และ 900 MHz ซึ่งจัดขึ้นโดย กสทช. และได้รับใบอนุญาต ให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz และ 900 MHz ดังกล่าวเมื่อปี พ.ศ. 2561 ซึ่งใบอนุญาตดังกล่าวจะหมดอายุในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2576 ในเดือนมิถุนายน 2562 ดีแทค ไตรเน็ต ได้รับการจัดสรรคลื่นความถี่ย่าน 700 MHz ซึ่งจัดสรรโดย กสทช. โดยต่อมาในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 ดีแทค ไตรเน็ต ได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ดังกล่าว ซึ่งจะหมดอายุในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2578 นอกจากนี้ ในเดือน กุมภาพันธ์ 2563 ดีแทค ไตรเน็ต ยังได้เข้าร่วมและเป็นผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 26 กิกะเฮิรตซ์ ซึ่งจัดขึ้นโดย กสทช. และได้รับใบอนุญาตคลื่นความถี่ย่าน 26 กิกะเฮิรตซ์ ดังกล่าวในเดือนเดียวกัน ซึงใบอนุญาตดังกล่าวจะหมดอายุในเดือนกุมภาพันธ์ 2578 นอกจากนี้ บริษัทได้ดําเนินธุรกิจจัดจําหน่ายอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งการจําหน่ายอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ พร้อมกับบริการโทรคมนาคมของบริษัทช่วยให้ลูกค้าได้รับบริการที่ครบวงจรและได้รับโปรโมชั่นที่มีความคุ้มค่าและหลากหลาย เช่น การได้รับส่วนลดค่าอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ เมื่อลูกค้าสมัครใช้บริการรายเดือนของดีแทค เป็นต้น ทั้งนี้การนําเสนอโปรโมชันร่วมกับอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ มีส่วนช่วยบริษัทในการเพิ่มจํานวนผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน รวมทั้งสร้างฐานลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเดิมอีกด้วย โดย ณ สิ้นปี พ.ศ. 2564 บริษัทมีฐานลูกค้าที่ใช้อุปกรณ์สมาร์ทโฟน อยู่ที่ประมาณร้อยละ 88.8 ของฐานลูกค้าทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดิมซึงอยู่ที่ประมาณร้อยละ 87.5 เมื่อปี 2563 ในขณะที่รายได้จากการจําหน่ายอุปกรณ์ โทรศัพท์และชุดเลขหมายมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณร้อยละ 10.9 ของรายได้รวมของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังตอบสนองความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่องด้วยการให้บริการนอกเหนือจากการเชื่อมต่อหลัก ตลอดจนการเพิ่มการให้บริการเสริมต่าง ๆ (Adjacent services) ส่งผลให้มีการเติบโตของรายได้จากบริการเสริมต่าง ๆ (Adjacent services) เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากปีก่อน บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มเติมและปรับปรุงการนําเสนอสินค้าและบริการผ่านช่องทางการให้บริการแบบดิจิทัลมากขึ้น และด้วยการที่บริษัทได้ปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าในการใช้ชีวิต ในแบบดิจิทัลจะช่วยสนับสนุนประเทศไทยในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลขณะเดียวกันก็เป็นการอํานวยความสะดวกและช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับบริษัทได้มากยิ่งขึ้น จุดมุ่งหมายและกลยุทธ์ของบริษัทจุดมุ่งหมายของเรามุ่งสร้างสังคมไทยให้แข็งแกร่ง – เชื่อมต่อทุกคนกับทุกสิ่งที่สําคัญที่สุด กลยุทธ์ของเรา
|