วัยหมดประจำเดือน (Menopausal syndrome) จะนับตั้งแต่ระยะเวลา 12 เดือน หลังจากมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย โดยทั่วไปมักอยู่ในช่วงอายุประมาณ 51-55 ปี (เฉลี่ย 51.3 ปี) บางรายอาจเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนอายุ 40 ปี เรียกว่า วัยหมดประจำเดือนก่อนกำหนด (Premature menopause) Show ส่วนในกลุ่มอาการวัยใกล้หมดประจำเดือน จะเป็นอาการที่เกิดขึ้นที่มีความสัมพันธ์กับความผิดปกติของประสาทอัตโนมัติในช่วงใกล้หมดประจำเดือน สาเหตุ เนื่องจากความแปรปรวนของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในช่วงก่อนถึงวัยหมดประจำเดือนและการลดลงของเอสโตรเจนอย่างมากในช่วงหลังวัยหมดประจำเดือน ทำให้เกิดอาการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจต่างๆ ซึ่งค่อยๆเป็นมากขึ้น และทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากภาวะพร่องเอสโทรเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะต่อมาอีกหลายปีจนเข้าสู่วัยสูงอายุ ส่วนวัยหมดประจำเดือนก่อนกำหนด อาจมีความสัมพันธ์กับปัจจัยทางกรรมพันธุ์ (มีมารดาที่เกิดภาวะเดียวกัน) หรือเกิดปฏิกิริยาภูมิต้านทานต้านตนเองก็ได้ และบางรายอาจเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน ในกลุ่มสตรีที่ก่อนประจำเดือนจะหมด ในช่วงที่มีประจำเดือนนั้น จะเริ่มประจำเดือนผิดปกติ ผู้ป่วยจะรู้สึกร้อนๆหนาวๆ รู้สึกหงุดหงิด โมโหง่าย เวียนศีรษะ วิงเวียน อาการของระดับฮอร์โมนที่ผิดปกติ เช่น hypofunction of ovary, hyperthyroidism and hyper -adrenalism อาการเหล่านี้คล้ายกับอาการทางการแพทย์จีนที่เรียกว่า อาการก่อนและหลังวัยหมดประจำ เดือน “syndromes before and after menopause” และอาการ “visceral irritability” ศาสตร์การแพทย์จีนอธิบายว่าเกิดจากการลดลงของพลังชี่ของไต การหมดไปของ reproductive essence การไม่พอเพียง (insufficiency) ของ essence และเลือด ความพร่อง (asthenia) ในเส้นลมปราณตู่และม่าย การไม่สมดุลกันของไตอินและไตหยาง หรือเกิดจากความผิดปกติของอวัยวะภายใน อาการ อาการผิดปกติที่เกิดขึ้น เกี่ยวเนื่องกับความแกว่งขึ้น-ลง ของระดับฮอร์โมนเอสโทรเจน รวมทั้งภาวะพร่องเอสโทรเจนในที่สุด โดยมักมีอาการประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอเป็นอาการแรกเริ่ม อาจมาก่อนหรือช้ากว่าปกติ อาจออกน้อยหรือมากไม่แน่นอน บางรายประจำเดือน อาจหายไปหลายเดือนแล้วกลับมามีประจำเดือนเป็นปกติใหม่ หรืออาจมีประจำเดือนสม่ำเสมอทุกเดือนจนกระทั่งเข้าสู่ภาวะหมดประจำเดือนก็ได้ ต่อมาผู้ป่วยจะมีอาการร้อนซู่ซ่าตามผิวกาย ซึ่งพบได้ประมาณ 3 ใน 4 คน โดยมีอาการร้อนตามใบหน้า ต้นคอ หัวไหล่ แผ่นหลังในช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 30 วินาที ถึง 5 นาที (เฉลี่ยประมาณ 2-3 นาที) และมักเป็นในช่วงกลางคืน ในรายที่เป็นมากอาจทำให้รู้สึกไม่สุขสบาย หงุดหงิด นอนไม่หลับ การกินอาหารรสเผ็ด รสจัด แอลกอฮอลล์ กาแฟ ความร้อน ความเครียด ความกดดัน เป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการถี่ขึ้นได้ ผู้ป่วยอาจมีอาการเหงื่อออก โดยเฉพาะตอนกลางคืน และอาจมีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ นอกจากนี้อาจมีอาการปวดหัว เวียนหัว บ้านหมุน อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ใจสั่น ปวดตามข้อ ในระยะต่อมา เมื่อเกิดภาวะพร่องเอสโทรเจน ก็อาจมีอาการเยื่อบุช่องคลอดแห้ง อาการผิดปกติของการถ่ายปัสสาวะ ผิวหนังแห้ง ริมฝีปากแห้ง ผมแห้ง ผมร่วง สิ่งตรวจพบ ภาวะแทรกซ้อน - กล้ามเนื้อบริเวณเชิงกรานหย่อนยาน ทำให้เกิดอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะเล็ดเวลาไอจาม ยกของหนักหรือหัวเราะ ซึ่งมักเกิดขึ้นตั้งแต่วัยใกล้หมดประจำเดือน - เยื่อบุท่อปัสสาวะบาง ทำให้มีอาการแสบร้อนเวลาถ่ายปัสสาวะ และอาจทำให้เกิดการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะง่ายขึ้น ซึ่งมักเกิดขึ้นตั้งแต่วัยใกล้หมดประจำเดือน - ผิวหนังบาง แห้ง ขาดความยืดหยุ่น อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ง่าย - ภาวะกระดูกพรุน - ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ โดยพบว่าในบางรายค่าแอลดีแอลคอเลสเตอรอลสูงและเอชดีแอลคอเลสเตอรอลต่ำ - โรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหัวใจขาดเลือดและโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งมักเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงหลังหมดประจำเดือน อายุมากกว่า 60-65 ปี - โรคสมองเสื่อม หลงๆลืมๆ ซึ่งมักเกิดช่วงย่างเข้าวัยผู้สูงอายุ มุมมองของศาสตร์การแพทย์แผนจีน ศาสตร์ทางการแพทย์แผนจีน ได้อธิบายว่า อาการก่อนและหลังวัยหมดประจำเดือน เกิดจาก
การวิเคราะห์อาการก่อนและหลังวัยหมดประจำเดือนแบบแพทย์แผนจีน 2. ภาวะอินและเลือดพร่อง Yin-blood depletion pattern / syndrome เมื่อม้ามและไตหยางพร่อง มักจะตัวซีด แขนขาเย็น มีอาการบวมที่ขา ตกขาวอาจมีน้อยหรือมาก อุจจาระมีลักษณะเหลว รวมถึงมีอาการแน่นท้องจากอาหารไม่ย่อย และปัสสาวะบ่อยในตอนกลางคืน 3. ภาวะ / กลุ่มอาการชี่ติดขัดจากหยางพร่อง Pattern / syndrome of yang deficiency with qi stagnation 陽虛氣滯證 (阳虚气滞证) Yáng xū qì zhì zhèng อาการได้แก่กลัวหนาว แขนขาเย็น หน้าซีด ตึงเจ็บตามอก ชายโครงและท้อง มีเสียงท้องลั่น ถ่ายอุจจาระเหลว ปัสสาวะใสและมีปริมาณมาก ลิ้นอวบซีด ชีพจรจมเต้นช้าและอ่อน 4. ภาวะ / กลุ่มอาการอินและหยางล้วนพร่อง Pattern / syndrome of dual deficiency of yin and yang 陰陽兩虛證 (阴阳两虚证) Yīn yáng liǎng xū zhèng 5. ภาวะ / กลุ่มอาการขาดสารน้ำจากอินพร่อง Pattern / syndrome of yin deficiency with fluid depletion 陰虛津虧證 (阴虚津亏证) Yīn xū jīn kuī zhèng แนวทางการบำรุงรักษาด้วยวิธีแพทย์แผนจีน สมุนไพรจีนแต่ละชนิดที่ผสมอยู่ในตำรับยาจีนนั้นมีบทบาทแตกต่างกันออกไป ในยา 1 ตำรับจะประกอบด้วย 2. การรักษาด้วยวิธีฝังเข็ม 2. การฝังเข็มหู ข้อแนะนำ 2. ผู้หญิงที่ผ่าตัดมดลูกและรังไข่ออกทั้ง 2 ข้างตั้งแต่ก่อนวัยหมดประจำเดือน จะมีภาวะพร่องฮอร์โมนเอสโทรเจน ซึ่งเกิดอาการแบบโรคของวัยหมดประจำเดือนได้ 3. ผู้หญิงในวัยใกล้หมดประจำเดือน (40-50 ปี) ถ้าหากมีเลือดออกจากช่องคลอดกระปริดกระปรอยหรือออกนานกว่าปกติ หรือกลับมามีประจำเดือนครั้งใหม่หลังจากหมดไปนานกว่า 6 เดือน ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว อาจเป็นอาการของมะเร็งปากมดลูกก็ได้ อย่าคิดว่าเป็นเพียงอาการของภาวะใกล้หมดประจำเดือน 4. ในปัจจุบันพบว่า การใช้ฮอร์โมนเอสโทรเจนร่วมกับโพรเจสเทอโรนติดต่อกันนานๆ อาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็งเต้านม ภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือด ทำไมมีประจำเดือนแล้วเวียนหัวสำหรับอาการเวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน ก็อาจเป็นอาการที่สามารถพบได้ขณะมีประจำเดือน อย่างไรก็ตาม อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ก็ได้ เช่น อาหารเป็นพิษ กระเพาะอาหารอักเสบ ผลข้างเคียงจากการทานยาบางชนิด มีความเครียด วิตกกังวล หรือหากเวียนหัวแบบบ้านหมุน อาจเกิดจากโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน หินปูนในหูชั้นในเคลื่อน โรคทางสมอง เป็นต้น
อาการเวียนหัวบ้านหมุนเกิดจากสาเหตุอะไรอาการบ้านหมุนเกิดจากอะไร
เกิดจากความผิดปกติของอวัยวะภายในหูชั้นในที่ทำหน้าที่ควบคุมความสมดุลของร่างกาย จึงทำให้เกิดอาการบ้านหมุน เพราะร่างกายเสียความสมดุลในการทรงตัว ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าสิ่งแวดล้อมหมุนรอบตัวเอง หรือตัวเองกำลังหมุนทั้ง ๆ ที่อยู่กับที่ บางรายอาจมีรุนแรงมากจนมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย
อาการเวียนหัวบ้านหมุนแก้ยังไงถ้าเวียนศีรษะบ้านหมุนขณะเดิน ให้หยุดเดินทันที หาที่นั่งพัก ป้องกันการล้มและอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ถ้าเวียนศีรษะบ้านหมุนขณะขับรถ ให้จอดรถข้างทางเปิดไฟฉุกเฉินทันที ถ้าเวียนศีรษะบ้านหมุนมากให้นอนพบพื้นราบโดยไม่เคลื่อนไหว มองจ้องวัตถุนิ่ง จนอาการดีขึ้นจึงค่อย ๆ ลุก หากรู้สึกง่วงนอนควรนอนหลับพักผ่อนให้อาการดีขึ้น
เวียนศีรษะ เป็นโรคอะไรได้บ้างสาเหตุของโรควิงเวียนศีรษะในผู้สูงอายุ โรคทางระบบหู เช่น โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน โรคหินปูนในหูชั้นในหลุด ก้อนเนื้องอกในหู เส้นประสาทในหูอักเสบ พิษต่อระบบประสาทหูจากการใช้ยาบางชนิด เป็นต้น โรคทางระบบประสาทและสมอง เช่น โรคเส้นเลือดในสมองตีบทั้งแบบชั่วคราวและถาวร โรคพาร์กินสัน โรคไมเกรนบางแบบ
|