ข้อเสียของรถยนต์ ต่อ สิ่งแวดล้อม

ข้อเสียของรถยนต์ ต่อ สิ่งแวดล้อม

ทุกวันนี้สิ่งแวดล้อมของเราเต็มไปด้วยมลพิษมากมาย หลายๆ คนกำลังมองหาทางเลือกใหม่ในการเดินทางเพื่อช่วยลดมลพิษ หนึ่งในทางเลือกนั้นคือรถยนต์ไฟฟ้า หรือ Electric vehicles (EV) แต่ก็กังวลว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะดีจริงหรือไม่ เรามีข้อดี ข้อเสียมาช่วยในการตัดสินใจ

ข้อดี
1. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง นอกจากจะประหยัดค่าน้ำมันแล้ว ยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลอีกด้วย เพราะรถยนต์ไฟฟ้ามีกลไกในการขับเคลื่อนไม่มากเท่ารถที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมัน จึงทำให้ไม่ต้องคอยบำรุงรักษา หรือเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน

2. เงียบและเร็ว เนื่องจากกลไกในการขับเคลื่อนไม่ต้องใช้การจุดระเบิดเพื่อเผาไหม้ จึงทำให้ไม่มีเสียงเวลาขับ แถมยังออกตัวได้ไวอีกด้วย

3. เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากไม่ต้องใช้น้ำมัน หรือก๊าซในการเผาไหม้ จึงทำให้รถยนต์ไฟฟ้าแทบจะไม่ปล่อยมลพิษออกมาเลย

4. ไม่ต้องขับรถไปเติมน้ำมัน เพราะคุณสามารถชาร์จไฟได้เองที่บ้านได้

ข้อเสีย
1. ราคาสูง รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาค่อนข้างแพง เนื่องจากกระบวนการผลิตจนถึงการวางจำหน่ายจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีที่มีราคาสูง ทำให้ตัวรถมีราคาสูงตามไปด้วย ส่งผลให้จำนวนผู้ซื้อน้อยตามไปด้วย จึงเป็นไปตามกลไกการตลาดที่เมื่อความต้องการจากผู้ใช้น้อย การผลิตจึงน้อยตาม ทำให้ราคาของรถยนต์ EV สูงไปด้วย

2. ระยะการขับ จากการชาร์จแต่ละครั้ง รถยนต์ไฟฟ้าสามารถวิ่งไว้ประมาณ 160-200 กิโลเมตร ซึ่งไม่เหมาะสำหรับการขับรถระยะไกล และคุณอาจจะต้องเสียเวลาคำนวณระยะทางเพื่อไม่ให้ไฟหมดระหว่างทาง

3. จุดชาร์จไฟ ที่อาจจะยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ และใช้เวลาในการชาร์จ ซึ่งสถานีชาร์จด่วนก็ใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง และได้เพียงแค่ 80%

4. ยังมีตัวเลือกไม่มาก รถไฟฟ้ายังเป็นยานพาหนะที่ใหม่อยู่ จึงมีค่ายรถยนต์เพียงไม่กี่ค่ายเท่านั้นที่ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV ออกสู่ตลาด รวมถึงมีพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้นต่อค่ายรถแต่ละค่าย

ทางด้านรัฐบาลไทยเองก็สนับสนุนเรื่องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน โดยมีมติเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2562 ให้ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์ไฟฟ้าจากเดิม 8% เหลือ 2% และสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนจาก BOI จะได้ปรับลดภาษีสรรพสามิตจาก 2% เหลือ 0% ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 จนถึง 31 ธันวาคม 2565 เราก็หวังว่าการสนับสนุนนี้จะทำให้มีตัวเลือกรถยนต์ไฟฟ้ามาให้คนไทยได้เลือกซื้อกันมากขึ้น ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น

ขอบคุณข้อมูล Silkspan

Post Views: 400

Back to top button

รถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น หลายค่ายรถยนต์ต่างปรับตัวแข่งขันกันอย่างดุเดือด เป็นผลดีกับผู้บริโภคที่จะได้มีตัวเลือกเพิ่มขึ้นด้วย

วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ.2565

ข้อเสียของรถยนต์ ต่อ สิ่งแวดล้อม

     รถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา หลายค่ายหลากแบรนด์ที่ผลิตรถยนต์ต่างปรับตัวแข่งขันกันอย่างดุเดือด เป็นผลดีกับผู้บริโภคที่จะได้มีตัวเลือกเพิ่มขึ้นด้วย

     ปัจจุบันรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือที่เราเรียกว่า EV Car มีอยู่ 4 ประเภท คือ 1. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle, HEV) 2. รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Vehicle, PHEV) 3. รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle, FCEV) และ 4. รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี (Battery Electric Vehicle, BEV)

     สำหรับ “รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี” มีการขับเคลื่อนจากมอเตอร์ไฟฟ้า 100% ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานน้อยที่สุด เนื่องจากมอเตอร์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพในการแปลง ร้อยละ 85 ของพลังงานขาเข้าให้ไปใช้ในการขับเคลื่อนล้อรถยนต์ ส่วนเครื่องยนต์แบบสันดาปภายในแปลงได้ ร้อยละ 40 ทำให้เป็นที่น่าสนใจกับคนที่กำลังมองหารถยนต์สักคันที่ไม่ต้องเติมน้ำมัน และยังช่วยเซฟเงินในกระเป๋าได้

ข้อเสียของรถยนต์ ต่อ สิ่งแวดล้อม

     ผศ.ดร.สนันตน์เขม อิชโรจน์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ให้ความคิดเห็นว่า ด้วยการขับเคลื่อนที่ใช้ระบบไฟฟ้า สามารถชาร์จแบตเตอรีได้ที่บ้าน หรือสถานีบริการน้ำมันที่ให้บริการ เป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้คนหันมาสนใจรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรีมากขึ้น รวมทั้งการขับเคลื่อนด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการก่อก๊าซพิษ และไอเสียจากเครื่องยนต์ สิ่งที่ได้ตามมาจากการใช้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้า คือการขับเคลื่อนและออกตัวได้ดีกว่าเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงการขับขี่ที่เบาและเงียบ ไม่มีเสียงเครื่องยนต์มารบกวน

     “การใช้มอเตอร์ไฟฟ้า จะมีเสียงรบกวนจากการทำงานน้อยกว่าเครื่องยนต์สันดาปที่เราใช้ในปัจจุบัน ซึ่งหากขับขี่รถในความเร็วต่ำ รถจะเงียบมาก ทำให้ประเทศในโซนยุโรปที่นิยมรถยนต์ไฟฟ้า มีการออกกฎให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าต้องติดตั้งเสียงจำลอง สำหรับเตือนคนภายนอก เมื่อขับขี่ในความเร็วต่ำ” ผศ.ดร.สนันตน์เขม กล่าว

     มอเตอร์ไฟฟ้ามีข้อดีในแง่การตอบสนองการขับขี่ที่ดีกว่า ถ้าตรวจสอบรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายในไทย จะพบว่า เกือบทุกรุ่นจะมีกำลังขับมากกว่า 150 แรงม้าขึ้นไป (ยกเว้น Fomm One) และด้วยความสามารถของมอเตอร์ไฟฟ้า จึงมาพร้อมกับแรงบิดที่ดีกว่าเครื่องยนต์สันดาป ทำให้สามารถออกตัวได้อย่างรวดเร็ว เร่งแซงทันใจ

ข้อเสียของรถยนต์ ต่อ สิ่งแวดล้อม

ข้อดีรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี

   1. เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่มีการปล่อยไอเสีย ไม่สร้างมลพิษ

   2. ลดมลพิษทางเสียง เพราะการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ามีเสียงที่เงียบกว่าเครื่องยนต์ ทำให้ไม่มีเสียงเวลาขับขี่

   3. รถยนต์ไฟฟ้ามีแรงบิดมากกว่า ทำให้อัตราเร่งดีกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน

   4. ประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากพลังงานไฟฟ้ามีราคาถูกกว่า ส่วนการบำรุงรักษาในรถยนต์ไฟฟ้ามีเพียงมอเตอร์ไฟฟ้า ไม่มีของเหลวหรือกรองของเหลวเหมือนรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน และยังสามารถชาร์จแบตเตอรีจากที่บ้านได้เลย

ข้อเสียรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี

   1. ราคาสูง เนื่องจากกระบวนการผลิตยังต้องใช้เทคโนโลยีที่มีราคาสูง

   2. ระยะทางการขับขี่ อาจต้องมีการวางแผนการชาร์จระหว่างทาง สำหรับการขับขี่ระยะไกล

   3. สถานีอัดประจุยังไม่ครอบคลุม หากมีการเดินทางไกล ควรวางแผนหาตำแหน่งที่ตั้งของสถานีอัดประจุ

   4. การจัดการขยะจากแบตเตอรี ยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจน ซึ่งเป็นความท้าทายที่จะต้องมีการดำเนินการต่อไป

     ผศ.ดร.สนันตน์เขม กล่าวต่ออีกว่า การชาร์จแบตเตอรีรถยนต์ไฟฟ้า พอนาน ๆ ไป แบตเตอรีจะมีการเสื่อมสภาพ เนื่องจากการใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรีทุกครั้งจะต้องเกิดปฏิกิริยาบนขั่วบวก และขั่วลบ ส่งผลให้มีแผ่นตะกอนเกาะบนขั่วทั้งสอง และเป็นอุปสรรคในการส่งผ่านไฟฟ้า (Electron)

ข้อเสียของรถยนต์ ต่อ สิ่งแวดล้อม

     กรณีเกิดฝนตกหนัก น้ำท่วม หากต้องขับรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรีเพื่อลุยน้ำท่วม จะส่งผลเสียอย่างไรนั้น ผศ.ดร.สนันตน์เขม ได้ให้คำตอบว่า รถยนต์ไฟฟ้าติดตั้งระบบป้องกันที่เรียกว่า Ingress Protection (IP) และระดับ IP นี้ได้รับการจัดอันดับ (เช่น IP65 หรือ IP67) การให้คะแนนนี้สอดคล้องกับการป้องกันน้ำและฝุ่น ยิ่งคะแนนสูงเท่าใด การป้องกันก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นปัจจุบันมีระดับ IP67 ซึ่งค่อนข้างกันน้ำได้ดี การจัดอันดับนี้ยังหมายความว่ารถยนต์ไฟฟ้าสามารถลุยน้ำได้ประมาณ 3 ฟุต เป็นเวลา 30 นาที โดยไม่เสี่ยงต่อการรั่วไหลเข้าไปในส่วนประกอบไฟฟ้าของรถยนต์ เช่น ขั้วแบตเตอรีและส่วนประกอบไฟฟ้าแรงสูง รถยนต์ไฟฟ้ายังติดตั้งระบบป้องกันที่จะแยกแบตเตอรีและส่วนประกอบไฟฟ้าแรงสูงในการตรวจจับน้ำเข้าในครั้งแรก

    สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ผศ.ดร.สนันตน์เขม แนะนำว่า ควรดูลักษณะการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า เช่น หากเป็นคนที่ต้องใช้รถเพื่อเดินทางไกลบ่อย ๆ ควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีที่ชาร์จระหว่างทางหรือไม่ และควรดูขนาดของแบตเตอรีให้เหมาะกับการใช้งานด้วย ส่วนวิธีการดูแลรถยนต์ไฟฟ้านั้น ควรดูแลมอเตอร์ให้ดีและเข้าศูนย์บริการมาตรฐานของรถยนต์ไฟฟ้าตามเวลานัดหมาย เพราะจะมีช่างที่มีประสบการณ์เฉพาะด้านยานยนต์ไฟฟ้า และเครื่องมือพร้อมกว่า

ข้อเสียของรถยนต์ ต่อ สิ่งแวดล้อม

     ควรชาร์จไฟฟ้าให้แบตเตอรีอยู่ในสถานะเต็ม 100% และให้จอดชาร์จแบตเตอรีโดยเร็ว หากมีสัญญาณให้ชาร์จแบตเตอรีในระหว่างการขับขี่ และระยะเวลาในการชาร์จไม่ควรนานเกินไป เพราะจะเกิดการชาร์จไฟเกิน ทำให้แบตเตอรีรถยนต์ร้อน หากอุณหภูมิของแบตเตอรีสูงกว่า 65 องศา ควรหยุดการชาร์จ

     รถยนต์ไฟฟ้ามีระยะเวลาเปลี่ยนยางรถยนต์เหมือนรถทั่วไป โดยอายุการใช้งานของยางรถยนต์เฉลี่ยอยู่ที่ 30,000-40,000 กิโลเมตร หรือประมาณ 2-3 ปี ซึ่งยางรถยนต์จะมียางเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย รวมถึงเบรครถยนต์ที่ต้องดูแลเช่นเดียวกับรถที่ใช้น้ำมัน แนะนำว่าควรเปลี่ยนเบรคใหม่เมื่อผ่านการใช้งานไปแล้ว 80,000 กิโลเมตร หรือเร็วกว่านั้นขึ้นอยู่กับการใช้งาน

     ผศ.ดร.สนันตน์เขม อิชโรจน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในมุมมองของผม สำหรับประเทศไทยอาจต้องใช้เวลาค่อนข้างนานกว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะเข้ามาแทนที่รถยนต์เครื่องสันดาปแบบ 100% ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับโครงสร้างต่าง ๆ ด้วย เช่น ความพร้อมของสถานีชาร์จ การบริหารจัดการกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทย และการผลิตแบตเตอรีเองภายในประเทศ