เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2564 นายวันฉัตร สุวรรณกิตติ รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมระดมความเห็นต่อ "ร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570)” กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 2 ประกอบด้วย จังหวัดปราจีนบุรี นครนายกจันทบุรี ตราด และสระแก้ว ณ โรงแรมเดอะเวโล โฮเทล แอนด์ บีเอ็มเอ็กซ์ ปั๊มแทร๊ก จังหวัดสระแก้ว โดยมีผู้ร่วมประชุมประกอบด้วยหน่วยราชการส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจเอกชน เครือข่ายภาคประชาสังคม และนักวิชาการ เข้าร่วมประชุมจำนวนประมาณ 200 คน อาทิ นายณัฏฐชัย นำพูนสุขสันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว Show รองเลขาธิการ สศช. กล่าวว่า สศช. อยู่ระหว่างการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 – 2570) เพื่อใช้เป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศต่อเนื่องจากแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 – 2565) ซึ่งจะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายน 2565 โดยน้อมนำ "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” มากำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศในระยะของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 รวมทั้งเป็นหลักนำทางในการขับเคลื่อนแผน ตลอดจนยึดโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก (Sustainable Development Goals: SDGs) ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นในการนำประเทศไทยไปสู่การเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเติบโต สังคมก้าวหน้า ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลในระยะยาว การจัดประชุมระดมความเห็นร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ในครั้งนี้ จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับสาธารณชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคีการพัฒนาต่าง ๆ เกี่ยวกับร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 รวมถึงเปิดโอกาสให้ภาคีการพัฒนาในระดับพื้นที่/กลุ่มเฉพาะ ร่วมกันแสดงความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ทั้งในระดับภาพรวม ได้แก่ เป้าหมาย กลยุทธ์ ยุทธศาสตร์ และแนวทางหลักในร่างแผนฯ และระดับหมุดหมาย ได้แก่ เป้าหมาย ตัวชี้วัดและกลยุทธ์ในแต่ละหมุดหมาย ให้มีความสมบูรณ์และสอดคล้องกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงต่างๆ สามารถตอบสนองความต้องการของแต่ละภาคส่วนได้อย่างแท้จริง หลักจากนั้น รองเลขาธิการฯ ได้นำเสนอร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ว่า แผนฯ 13 มีเป้าหมายหลักของการพัฒนาในระยะ 5 ปีของแผนรวม 5 เป้าหมาย ได้แก่ (1) การปรับโครงสร้างการผลิต สู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม (2) การพัฒนาคนสำหรับโลกยุคใหม่ (3) การมุ่งสู่สังคมแห่งโอกาสและความเป็นธรรม (4) การเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืน และ (5) การเสริมสร้างความสามารถของประเทศในการรับมือกับความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลง ภายใต้บริบทโลกใหม่ รองเลขาธิการฯ กล่าวต่อไปว่า เพื่อถ่ายทอดเป้าหมายหลักไปสู่ภาพของการขับเคลื่อนที่ชัดเจน ในลักษณะของวาระการพัฒนา (Agenda) ที่เอื้อให้เกิดการทำงานร่วมกันของหลายหน่วยงานและหลายภาคส่วน ในการผลักดันการพัฒนาในเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้เกิดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม แผนฯ 13 จึงได้กำหนดหมุดหมาย การพัฒนา จำนวน 13 ประการ โดยแบ่งเป็น 4 มิติ ได้แก่ 1. มิติภาคการผลิตและบริการเป้าหมาย ประกอบด้วย หมุดหมายที่ 1 ไทยเป็นประเทศชั้นนำด้านสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่าสูง หมุดหมายที่ 2 ไทยเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพและความยั่งยืน หมุดหมายที่ 3 ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลก หมุดหมายที่ 4 ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง หมุดหมายที่ 5 ไทยเป็นประตูการค้าการลงทุนและยุทธศาสตร์ทางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาค หมุดหมายที่ 6 ไทยเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะของอาเซียน 2. มิติโอกาสและความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคม ประกอบด้วย หมุดหมายที่ 7 ไทยมีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เข้มแข็ง มีศักยภาพสูง และสามารถแข่งขันได้ หมุดหมายที่ 8 ไทยมีพื้นที่และเมืองอัจฉริยะที่น่าอยู่ ปลอดภัย เติบโตได้อย่างยั่งยืน หมุดหมายที่ 9 ไทยมีความยากจนข้ามรุ่นลดลง และ คนไทยทุกคนมีความคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอ เหมาะสม 3. มิติความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย หมุดหมายที่ 10 ไทยมีเศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคาร์บอนต่ำ หมุดหมายที่ 11 ไทยสามารถลดความเสี่ยงและผลกระทบจาก ภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 4. มิติปัจจัยผลักดันการพลิกโฉมประเทศ ประกอบด้วย หมุดหมายที่ 12 ไทยมีกำลังคนสมรรถนะสูง มุ่งเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์การพัฒนาแห่งอนาคต และหมุดหมายที่ 13 ไทยมีภาครัฐที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ประชาชน รองเลขาธิการฯ กล่าวต่อไปว่า นอกจากกลุ่มภาคตะวันออก 1 ที่จัดระดมความเห็นในวันนี้แล้ว ยังได้จัดระดมความเห็นฯ ในกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์) ที่ จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อ 1 ธันวาคม 2564 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจำนวนประมาณ 100 คน อาทิ นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 (ยโสธร ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ อุบลราชธานี) ที่จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อ 30 พฤศจิกายน 2564 โดยมีผู้ร่วมประชุมจำนวนประมาณ 150 คน อาทิ นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ทั้งนี้ ในการจัดระดมความเห็นร่างแผนพัฒนาฯ ทั้ง 3 กลุ่มจังหวัดดังกล่าว ดำเนินการในรูปแบบ world café ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้แสดงความคิดเห็นในภาพรวมของร่างแผนฯ และในระดับ 13 หมุดหมาย ทั้งเป้าหมายหลักของแผน เป้าหมายระดับหมุดหมาย ตัวชี้วัดและค่าเป้าหมาย และกลยุทธ์ เมื่อวันที่ 16 วันที่ 20 และวันที่ 23 ธันวาคม 2565 กลุ่มงานบริหารยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ได้ร่วมลงพื้นที่กับคณะทำงานติดตามและประเมินผลการดำเนินงานโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และปีงบประมาณก่อนที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ในส่วนของจังหวัดนครราชสีมา โดยเป็นการติดตามผลการดำเนินงานทั้งโครงการ/กิจกรรมที่แล้วเสร็จ และโครงการ/กิจกรรมที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ทั้งหมด 5 ด้าน ได้แก่ ด้านเกษตร กิจกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรอย่างยั่งยืนในเขตนครชัยบุรินทร์ ด้านปศุสัตว์ การยกระดับมาตรฐานฟาร์ม และการจัดการฟาร์มตามมาตรฐานฟาร์ม GFM และการยกระดับการผลิตโคเนื้อคุณภาพ และโควากิว นครชัยบุรินทร์เพื่อสนับสนุนการส่งออกที่มีมาตรฐาน ด้านท่องเที่ยว กิจกรรมการพัฒนาการตลาดและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวนครชัยบุรินทร์ รายการเทศกาลภาพยนตร์นานาชาตินครชัยบุรินทร์ ด้านไหม กิจกรรมการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการแปลงหม่อนให้มีคุณภาพ รายการการพัฒนาโรงเรือนอัจฉริยะ และด้านสังคม กิจกรรมการสร้างรายได้ให้กับผู้สูงอายุในชุมชนอย่างยั่งยืน กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 มีจังหวัดอะไรบ้างกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ประกอบด้วย จังหวัดตาก จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยให้จังหวัดพิษณุโลกเป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
กลุ่มภาคเหนือตอนล่างมีกี่จังหวัด17) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 คือ จังหวัดตาก พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ โดยมีจังหวัดพิษณุโลกเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด 18) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 คือ จังหวัดกำแพงเพชร พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี โดยมีจังหวัดนครสวรรค์เป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่มจังหวัด
จังหวัดใดที่อยู่ในกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 (กลุ่มนครชัยบุรินทร์) ประกอบด้วย : จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิบุรีรัมย์และสุรินทร์ “โครงการเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวและบริการ ตามรอยอารยธรรมขอม”
จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอะไรบ้างขนาดพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย 20 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม บึงกาฬ บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ เลย สกลนคร สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ มีอาณาเขตทิศเหนือและตะวันออก ติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทิศใต้ติดกับ ...
|