Data visualization หมายถึง

Data Visualization เป็นการนำข้อมูลมาผสมผสานกับจินตนาการ เพื่อสร้างภาพในความคิดขึ้นมา ซึ่งมีกระบวนการนำเสนอข้อมูลที่มีความซับซ้อน
หรือข้อมูลเชิงปริมาณ ให้สามารถเข้าใจได้ง่าย ในแบบของ กราฟ แผนภูมิ

หากเราต้องเล่าเรื่องด้วยข้อมูล (Data Storytelling)

  1.  Data Visualization มี Tools อะไรบ้างนะ?
    ซึ่งพอสรุป Tools ที่นิยมใช้ในตอนนี้ได้แก่ Tableau, Microsoft Power BI, Qlik View, Google Charts, Fusion Charts,Data wrapper และอื่นๆอีกมากมาย
    Data visualization หมายถึง

  2. รูปแบบในการใช้ Data Visualization จำแนกคร่าวๆได้ดังนี้
    1. การนำเสนอแบบทิศทางหรือแนวโน้ม (Trending)
      เราใช้กราฟที่แสดงผลแบบทิศทางหรือแนวโน้ม เพื่อนำเสนอข้อมูลให้เห็นจำนวนข้อมูลที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา (period)
      รวมถึงเน้นข้อมูลที่ต้องการนำเสนอ เช่น Line Chart, Bar Chart,Radar Chart, Area Chart เป็นต้น

      Data visualization หมายถึง
    2. การนำเสนอแบบกลุ่มข้อมูล (Classification)
      เป็นการนำเสนอโดยนำข้อมูลมาจัดเป็นกลุ่มๆ เช่น Donut Chart, Ring Chart, Pie Chart,  
      Data visualization หมายถึง
    3. การนำเสนอเชิงเปรียบเทียบข้อมูล (Comparison)
      เหมาะสำหรับการนำเสนอที่ต้องการเปรียบเทียบผลการดำเนินงาน เช่นเทียบกับปีที่แล้ว(YoY) เปรียบเทียบกับเป้าที่ตั้งไว้ (Target)
      ซึ่งกราฟที่เหมาะสมและมักนำมาใช้ 
      เช่น KPI Indicator, Bullet Chart, Power BI Card with state เป็นต้น 
      Data visualization หมายถึง
    4. การนำเสนอรูปแบบแผนที่ (Geographical)
      เหมาะสำหรับนำเสอข้อมูลบนแผนที่ โดยสามารถที่จะนำยอดขาย, รายได้, ความหนาแน่นของประชากร เพื่อFocus กลุ่มลูกค้าในแต่ละพื้นที่ที่เราสนใจ
      เช่น Globe Map, Google Map, Flow Map เป็นต้น

      Data visualization หมายถึง
    5. กลุ่มที่ต้องพยากรณ์ล่วงหน้าและการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน (Analytics)
      เราสามารถที่จะใช้ภาษา R หรือ Python ดึงข้อมูลในอดีตมาเพื่อวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์อนาคต และนำเสนอข้อมูลที่ได้ในรูปของกราฟ
      เช่น  Association Rules, Clustering, Forecasting Time series, Calculation plot เป็นต้น
      Data visualization หมายถึง
      ข้อดีของ Data Visualization
      – ข้อมูลที่มีปริมาณมากมายมหาศาลยากต่อการเข้าใจ เราสามารถทำให้เข้าใจง่ายได้ด้วยรูปภาพ
      – ช่วยจัดระเบียบความคิดวิเคราะห์ข้อมูลให้มีความน่าเชื่อถือ
      – ประหยัดเวลาในการนำเสนอ

อ้างอิงที่มา
https://towardsdatascience.com/top-4-popular-big-data-visualization-tools-4ee945fe207d
https://sea.pcmag.com/microsoft-power-bi/9216/review/microsoft-power-bi
http://datawarehouse4u.info/QlikView.html
https://www.sitepoint.com/visualize-your-data-and-speed-up-your-site-with-dynamic-chart-libraries/
https://www.datawrapper.de/
https://appsource.microsoft.com

TG Facebook Comments

การทำธุรกิจในปัจจุบันนี้ ไม่สามารถพึ่งพาเพียงประสบการณ์ที่มีอย่างเดียวได้อีกต่อไป จำเป็นต้องใช้หลักฐาน หรือข้อมูลทางสถิติมาใช้ในการประเมินแนวโน้ม ทางเลือกที่เป็นไปได้ และทิศทางของธุรกิจ เพื่อประกอบการตัดสินใจให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด 

ยิ่งในยุคดิจิตอลนี้ ช่วยให้การเข้าถึงและเก็บข้อมูลต่าง ๆ ง่ายมากขึ้น มีเครื่องมือซอฟต์แวร์ช่วยเหลือในการจัดการกับข้อมูล ซึ่งถูกพัฒนาให้เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและนำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าสมัยก่อน ส่งผลให้หลายธุรกิจปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับการใช้ข้อมูลมากขึ้น

จากการเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้หลายธุรกิจนำ Data Driven เข้ามาขับเคลื่อนการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยข้อมูลเป็นหลัก ช่วยทำให้สามารถตัดสินใจพร้อมตอบสนองรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว เช่น พฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป การโต้ตอบของคู่แข่ง ซึ่งหากใช้ประสบการณ์เพียงอย่างเดียวอาจทำให้ไม่สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ทันท่วงที

หรือในอีกแง่หนึ่ง แม้ธุรกิจนำเทคโนโลยีมาใช้งานเพื่อรองรับฐานข้อมูลของตัวเอง แต่หากปล่อยทิ้งไว้เฉย ๆ ไม่ได้นำข้อมูลไปใช้งานหรือต่อยอดอะไรใหม่ ๆ ทำให้เสียทรัพยากรไปโดยสูญเปล่า ดังนั้นธุรกิจควรให้ความสำคัญกับการเลือกดึงข้อมูลที่เราครอบครองมาใช้ให้เหมาะสมกับจุดประสงค์หรือเป้าหมายที่ได้วางแผนต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เมื่อธุรกิจได้ดึงข้อมูลที่มีอยู่ในมือมาใช้งาน อีกขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญนอกจากวิเคราะห์ข้อมูลแล้วคือการนำข้อมูลมาแสดงผลลัพธ์ต่าง ๆ ให้ข้อมูลของเราเป็นรูปร่างขึ้นมา เราอาจจะคุ้นเคยในรูปของตารางที่มีผลสรุปตัวเลขหยิบย่อยเยอะแยะจนลายตาไปหมด ซึ่งหากทีมเราไม่มีคนที่มีความชำนาญด้านข้อมูล การแปลงข้อมูลเหล่านี้ให้เป็นภาพด้วย Data Visualization ที่ช่วยให้เราสามารถรวบรวมผลการวิเคราะห์มาเสนอบน Dashboard ของเราได้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น แล้วจะมีอะไรเครื่องมืออะไรกันบ้าง ไปติดตามต่อกันได้เลย

Data Visualization คืออะไร ? รู้จักวิธีเปลี่ยนข้อมูลตัวเลขมากมายให้เป็นภาพที่ง่ายต่อความเข้าใจ

Data Visualization คือ การสรุปข้อมูลและแสดงออกมาเป็นภาพ มาจากการทำ Information Visualization และ Visual Analytics โดยแสดงผลลัพธ์ถูกจัดทำออกมาในรูปของแผนภูมิบ้าง กราฟรูปแบบต่าง ๆ บ้าง  แม้กระทั่งแผนที่ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้สามารถเข้าใจง่าย อธิบายได้ชัดเจน และเห็นภาพรวมของผลลัพธ์ที่ได้

“Learn data, and you can tell stories that more people don’t even know about yet but are eager to hear.” - Nathan Yau (statistician and data visualization expert)

แม้การทำ Data Visualization จะมีการจัดทำมานานแล้วมักจะพบในรายงานการวิจัยต่าง ๆ แต่ยังไม่ค่อยได้นำมาประยุกต์ใช้เพื่อนำเสนอในด้านของธุรกิจ ซึ่งในปัจจุบันที่ธุรกิจส่วนใหญ่ได้ปรับตัวเข้าสู่ Digital Transformation มากขึ้น ทำให้ธุรกิจเหล่านี้ครอบครองข้อมูลจำนวนมหาศาล ซึ่งการนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ด้วยการเล่าข้อมูลออกมาเป็นรูปภาพนั้น จะช่วยให้การสื่อสารเพื่อถ่ายทอดข้อมูลที่วิเคราะห์มาได้นั้น ให้ผู้อื่นเข้าใจข้อมูลที่ซับซ้อนได้ชัดเจน  และทำให้การจดจำมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญยังสามารถนำไปต่อยอดในการทำ Data Storytelling ได้อีกด้วย

เมื่อเริ่มสร้าง Data Visualization ในการหยิบจับข้อมูลไปประมวลผลนั้นมีหลากหลายวิธีการ ดังนั้นเราควรมีความเข้าใจตัวชี้วัดและลักษณะของข้อมูลที่เรารวบรวมมา ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลเชิงตัวเลข (Numeric) ข้อมูลหมวดหมู่ (Categorical) และข้อมูลที่จัดเรียงลำดับเวลา (Time Series) เพื่อป้องกันไม่ให้การวิเคราะห์เกิดข้อผิดพลาด หรือคลาดเคลื่อนจากชุดข้อมูลที่เราเลือกมาใช้งาน และสามารถนำเสนอได้อย่างแม่นยำ

ประโยชน์ที่ได้จากการทำ Data Visualization นั้น ไม่ได้มีเพียงการอธิบายข้อมูลให้ง่ายขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยให้เราสามารถคาดการณ์แนวโน้ม เปรียบเทียบความแตกต่าง และหาความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันของชุดข้อมูล แม้กระทั่งการคาดเดาพฤติกรรมต่าง ๆ ของลูกค้า คู่แข่งของธุรกิจเรา หรือแม้แต่สภาวะตลาดในอนาคต ทำให้ที่ข้อมูลเชิงที่เราเก็บรวบรวมมานั้นมีคุณค่ามากกว่าเป็นแค่เพียงชุดตัวเลข

ซึ่งเครื่องมือที่คนส่วนใหญ่นึกถึงอาจจะเป็นการคำนวณข้อมูลในโปรแกรมสุดคลาสสิกอย่าง Excel  ออกมาในรูปของแผนภูมิ หรือกราฟต่าง ๆ ทีละชุดข้อมูล แต่แท้จริงแล้วเรามีวิธีการที่ง่ายกว่านั้นในการประมวลผล  ต้องขอขอบคุณผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ทั้งหลายที่สร้างเครื่องมือในการสร้าง Data Visualization ให้สามารถดึงข้อมูลที่ต้องการ ตั้งค่าให้คำนวณออกมาได้อย่างรวดเร็วขึ้น ซึ่งเราได้รวบรวมเครื่องมือเหล่านั้นมาให้แล้วในบทความนี้ เครื่องมือเหล่านั้นจะมีอะไรกันบ้าง ไปติดตามต่อกันเลย

แนะนำ 7 เครื่องมือในการทำ Data Visualization ที่มีประโยชน์ต่อการทำงานของคุณ

1. Google Data Studio

Data visualization หมายถึง

ภาพจาก : wissi.fr

เริ่มเครื่องมือแรกกันด้วย Google Data Studio นับว่าเป็นเครื่องมือเริ่มต้นสำหรับผู้ที่ต้องการทำ Data Visualization เลยก็ว่าได้ เนื่องจากสามารถเริ่มต้นการใช้งานได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงแค่มีบัญชีอีเมลของ Gmail ก็สามารถเปิดใช้งานได้เลย สามารถดึงข้อมูลโดยตรงได้จากข้อมูลผลิตภัณฑ์อื่นของ Google ได้อย่างรวดเร็ว เช่น Google Analytics, Google Ads, Google Search Console และ YouTube และที่น่าเสียดายเครื่องมือนี้ยังไม่มีฟีเจอร์ที่ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล เป็นเพียงการรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่เรามีให้ออกมาเป็นกราฟ หรือแผนภูมิที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

หากใครที่พึ่งเริ่มต้นทำยังงงกับเครื่องมือการใช้งานต่าง ๆ ทาง Google เขาได้จัดทำคลิปวิดีโอสอนการใช้งานตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน จนถึงดึงข้อมูลมาสร้าง Dashboard เฉพาะด้านประเภทต่าง ๆ หรือเข้าไปชมการใช้งานเบื้องต้น และฟีเจอร์เด็ด ๆ ที่มีได้ที่ We need tool talk 

Highlight:

  • มีเพียงบัญชีของ Gmail ก็สามารถเริ่มต้นการใช้งานได้ทันที
  • การสร้าง Dashboard และเครื่องมือปรับแต่งใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่
  • เป็น Live Dashboard สามารถแชร์หรือทำงานร่วมกันของบุคคลอื่นได้
  • เชื่อมต่อแหล่งข้อมูลจาก Google ได้โดยตรง เช่น Google Analytics, Google Adwords, Google Search Console
  • มีตัวอย่าง Dashboard Template ดีไซน์สวยให้เลือกใช้มากมาย สำหรับการใช้งานประเภทต่าง ๆ จากของ Google เองโดยตรง หรือของผู้ใช้งานคนอื่น ๆ ที่ได้แชร์ไว้
  • เชื่อมต่อกับบริการคลังข้อมูลระดับองค์กรของ Google BigQuery ได้

ราคา : ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

เริ่มต้นการใช้งานได้ที่ : https://datastudio.google.com

2. Endlessloop

Data visualization หมายถึง

เครื่องมือในการวางโครงสร้างแคมเปญและติดตามผลลัพธ์ทางการตลาดอย่าง ‘Endlessloop’ ซึ่งเครื่องมือนี้ถูกพัฒนามาจากแนวความคิดแบบ Growth ที่เป็นเบื้องหลังของการเติบโต 10 เท่า จากบริษัทดัง ๆ อย่าง Facebook, Airbnb, Spotify, Tinder และอีกมากมาย ที่ทำให้ลูกค้าติดหนึบไม่ไปไหน โดยเครื่องมือนี้ถูกประยุกต์มาจาก Marketing funnels และศาสตร์ Growth marketing เข้าด้วยกัน

ซึ่งเดิมทีในการวาง Sale Funnel นั้น เมื่อกลุ่มเป้าหมายได้ถูกกรองออกจากแต่ละขั้นของการตัดสินใจซื้อแล้ว เราไม่ได้วางเส้นทางอื่นที่จะดึงคนเหล่านั้นกลับมา รวมถึงเมื่อถึงจุดซื้อสินค้าแล้วก็สิ้นสุดกระบวนการ ไม่ได้วางแผนต่อให้คนเหล่านั้นกลับมาซื้อซ้ำ หรือบอกต่อถึงคุณค่าสินค้าหรือบริการของเรา ด้วย Endlessloop ซึ่งเป็น Funnel ที่ช่วยให้เราออกแบบทุกขั้นตอนการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค รวมถึงดึงให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำและกลายเป็นกระบอกเสียงบอกต่อสิ่งดี ๆ ของเรา 

โดยหน้า Dashboard ของเครื่องมือนี้จะเป็นลักษณะของ Loop ซึ่งเราสามารถตั้ง Loop เฉพาะให้ตรงกับ Persona ของแต่ละกลุ่มเป้าหมายนั้นได้ โดยเมื่อเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูล ระบบจะทำการดึงข้อมูลจากช่องทางต่าง ๆ ให้อัตโนมัติ และนำผลลัพธ์มาแสดงในแต่ละขั้นของ Loop ในรูปของ Metrics ที่เราได้ตั้งไว้ ทำให้เราสามารถประเมินสถานการณ์แต่ละขั้นได้เฉียบคมมากขึ้น รวมถึงสามารถเพิ่มหรือปรับเปลี่ยนแต่ละแคมเปญที่เราออกแบบมา เพื่อดึงดูดการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละขึ้นอีกด้วย

Highlight:

  • สามารถกำหนดงบประมาณของแต่ละแคมเปญหรือแต่ละขั้นของ Loop ได้ ทำให้เราทราบว่า ROI หรือ ROAS ที่เราได้ลงทุนไปกับกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนั้น ๆ คุ้มค่าหรือไม่
  • เชื่อมต่อข้อมูลจากช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Google หรือตัวเว็บไซต์
  • ทราบ Performance ที่เกิดขึ้น ทั้งจากการทำการตลาด และประสิทธิภาพการทำงานของทีม ทำให้สามารถวัดผลได้ทันที
  • สามารถย้อนดูผลลัพธ์ของแคมเปญที่ทำไปแล้วได้ ทำให้สามารถเลือกแคมเปญที่ประสบความสำเร็จมาปรับใช้กับแคมเปญใหม่ ๆ
  • ตัวเครื่องมือต่าง ๆ ออกแบบมาให้ไร้รอยต่อในการร่วมมือกันทำงานของแต่ละทีม เช่น ทีมผลิตภัณฑ์ และทีมการตลาด พร้อมทั้งเพิ่ม Feedback หรือข้อคิดเห็นต่าง ๆ ลงไปในตัวแคมเปญนั้น ๆ ได้เลย
  • ผู้บริหารสามารถติดตามสรุปผลลัพธ์ของการทำงานต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ได้อย่าง Real time ภายในหน้าเดียว
  • การ Export หน้า Dashboard ออกมาก็ทำได้ง่าย เพียงแค่คลิกเดียวรายละเอียดแคมเปญและค่า Performance ต่าง ๆ ก็จะถูกปรับรูปแบบเอามาในรูปของหน้ารายงานทันที

ราคา : เริ่มทดลองใช้งานได้ฟรี 60 วัน ราคาเริ่มต้นการใช้งานสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ https://endlessloop.app/#pricing

เริ่มต้นการใช้งานได้ที่ : https://endlessloop.app

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่:

  • Endlessloop ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาจากศาสตร์ Growth ความลับเบื้องหลังการเติบโตของธุรกิจกว่า 10 เท่า!
  • มัดรวมฟีเจอร์จาก Endlessloop เครื่องมือน่าใช้สำหรับการทำ Blockchain Marketing

3. Power BI

Data visualization หมายถึง

ภาพจาก : its.weill.cornell.edu

หากมองหาเครื่องมือประมวลผลเชิงลึกสำหรับองค์กรที่ ‘Power BI’ ยิ่งเป็นผู้ออกแบบจัดทำรายงานแล้ว ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากทีเดียว เพราะสามารถเชื่อมต่อ ดึงข้อมูลจากแหล่งข้อมูล และแปลงไฟล์จากที่ต่าง ๆ ได้ ทำให้สามารถจัดทำข้อมูลจำนวนมากเพื่อนำมาสร้าง Dashboard ได้สะดวก พร้อมวิเคราะห์และอัปเดตผลลัพธ์ได้ทันที ทำให้เราสามารถจัดทำรายงานหรือตัดสินใจได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ยังสามารถเลือกดูมุมมองที่ต้องการได้ และยังสามารถใช้งานได้บนหลายอุปกรณ์ เช่น คอมพิวเตอร์ แท็ปเล็ต และสมาร์ทโฟน ยกเว้นการใช้งานบนคอมพิวเตอร์ระบบ MacOS เนื่องจากผู้พัฒนาซอฟต์แวร์นี้คือ Microsoft 

Highlight:

  • แม้จะไม่มีความรู้เชิงเทคนิคก็สามารถใช้งานได้ และหากองค์กรใช้ Office 365 สามารถเข้าใช้งาน Power BI ได้ทันที
  • สามารถนำหน้า Dashboard ไปแสดงบนหน้าเว็บไซต์ได้ด้วย embed code
  • สร้าง Dashboard เพื่อทำ Real-time Data Analytics ซึ่งหากปรับแต่งไม่ถูกใจสามารถติดตั้ง Visualization เสริมได้
  • สามารถ interactive กับ Dashboard ได้ทันที และสามารถแสดงผลได้หลายรูปแบบ พร้อมรองรับการใช้งานได้หลายอุปกรณ์ จะแชร์รายงานหรือแหล่งข้อมูลได้
  • นำเข้าข้อมูลได้จากหลายแหล่งที่รูปแบบต่างกัน เช่น Excel, Text File และ ข้อมูลจากระบบต่างๆ เช่น SAP HANA, Hadoop, Google Analytics, Facebook เพื่อมาวิเคราะห์ร่วมกันได้ และสามารถเตรียมข้อมูลพร้อมใช้งานได้ด้วย Power Query 
  • ตั้งค่าการอัปเดตข้อมูลอัตโนมัติผ่าน Power BI Gateway ได้
  • สามารถใช้การวิเคราะห์เชิงลึกด้วย Data Model ต่าง ๆ เช่น การสร้าง Relationships, วิเคราะห์หา Data Hierachy  หรือคำนวณ DAX ก็ได้

ราคา : ใช้งานฟีเจอร์พื้นฐานได้ฟรี ราคาปลดล็อคฟีเจอร์อื่นเริ่มต้นที่ $9.99 ต่อเดือน ดูรายละเอียดแต่ละแพ็คเกจราคาเพิ่มเติมได้ที่ https://powerbi.microsoft.com/en-us/pricing/

เริ่มต้นการใช้งานได้ที่ : https://powerbi.microsoft.com/en-us/

4. Tableau

Data visualization หมายถึง

ภาพจาก : btprovider

'Tableau’ เป็นเครื่องมือด้าน Business Intelligence Tool อีกตัวหนึ่งที่ใช้งานง่าย รองรับการใช้งานทั้ง Windows และ MacOS สามารถสร้างสรรค์การวิเคราะห์ข้อมูลให้เป็น Visualization ได้เพียงไม่กี่คลิก ก็ออกมาเป็น Dashboard สวย ๆ สามารถแชร์หน้า Dashboard และ Interactive ได้ง่าย พร้อมเชื่อมต่อแหล่งข้อมูลได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ประเภทต่าง ๆ Relational Data Sources หรือแม้กระทั่ง Big Data Sources และที่สำคัญเขายังมีการปรับปรุงพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้ค่าใช้จ่ายจะค่อนข้างสูงแต่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ

Highlight:

  • ใช้งานได้ตั้งแต่มือใหม่จนถึงเทคนิคขั้นสูง
  • เพียง Drag-and-Drop ข้อมูลไปบน Shelf ตัวซอฟต์แวร์ก็จะประเมินลักษณะของข้อมูลและสร้าง Visualization ออกมาให้ทันที
  • แสดงผล Dashboard ได้ทั้งเว็บเบราว์เซอร์ หน้าเดสก์ท็อป และ Mobile version
  • มีการอัปเดตตัวระบบอยู่ตลอดเวลา ทำให้การแสดงผลง่ายและสวยงาม
  • สามารถเชื่อมต่อข้อมูลได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Excel, Google Sheet, MySql หรือ ERP
  • แชร์ Dashboard ไฟล์ต่าง ๆ รวมถึงกรองข้อมูล ได้ง่าย
  • สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกระหว่างข้อมูลได้

ราคา : ทดลองการใช้งานได้ฟรี 14 วัน ราคาเริ่มต้นที่ $70 ต่อเดือน สามารถเพิ่มฟีเจอร์โดยเลือก add-on ในแพ็คเกจเพิ่มได้ สามารถดูรายละเอียดแต่ละแพ็คเกจราคาเพิ่มเติมได้ที่ https://www.tableau.com/pricing

เริ่มต้นการใช้งานได้ที่ : https://www.tableau.com/

5. FineReport

Data visualization หมายถึง

ภาพจาก : finereport

เครื่องมือในการสร้างหน้ารายงานแบบ Data Visualization ระดับสูงสำหรับการใช้งานบนองค์กรต้อง ‘FineReport’ เลย ซึ่งเป็น Web Reporting Tool โดยออกแบบตามแนวคิดอย่าง No-Code Development จึงทำให้เราสามารถสร้างหน้ารายงานที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น สามารถเริ่มต้นการใช้งานแบบ Personal Version ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย การเริ่มต้นใช้งานก็ไม่ยุ่งยากเพียงแค่ Drag-and-Drop ข้อมูล ก็ทำให้เราได้ Dashboard หน้าตาสวย ๆ ที่เหมาะกับแต่ละประเภทการใช้งานอีกด้วย 

Highlight:

  • เริ่มต้นการใช้งานได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เปิดให้ใช้งานได้ครบทุกฟังก์ชัน
  • หน้าตาเครื่องมือการใช้งานคล้าย Excel เพียงแค่ Drag-and-Drop
  • สามารถสร้างแผนภูมิและกราฟได้มากกว่า 50 แบบ สร้างสรรค์ Dashboard ได้หลากหลาย
  • มีระบบ Data Decision Analysis System หรือการวิเคราะห์การตัดสินใจข้อมูลที่ไม่ซับซ้อน
  • สามารถเชื่อมต่อเข้ากับฐานข้อมูลได้ทุกประเภท
  • มีฟีเจอร์การใช้งานเด็ด ๆ ไม่ว่าจะเป็น Report Creation, Report Permission Assignment, Report Management และ Data Entry

ราคา : ทดลองการใช้งานได้ฟรี ราคาเริ่มต้นการใช้งานต่อครั้งที่  $1 สามารถติดต่อสอบถามราคาและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finereport.com/en/contact-us

เริ่มต้นการใช้งานได้ที่ : https://www.finereport.com/en/

6. Databox

Data visualization หมายถึง

ภาพจาก : capterra

เครื่องมือด้าน Business Analytics ชิ้นสำคัญสำหรับระดับผู้บริหารที่ต้องการเข้าใจภาพรวมทั้งหมดของธุรกิจอย่างครบถ้วน ภายในหน้า Dashboard เดียว ซึ่ง ‘Databox’ จะช่วยดึงข้อมูลจากแหล่งข้อมูลได้มากกว่า 70 แหล่ง มาวิเคราะห์ พร้อมแสดง Performance ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลยอดขายสินค้า จำนวนของผู้เข้าชมเว็บไซต์ เพื่อสร้าง KPIs วัดผลตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ ทำให้คุณสามารถเข้าใจสถานการณ์ของธุรกิจที่คุณกำลังเผชิญอยู่ เพื่อที่จะสามารถตัดสินใจทางเลือกต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนแม่นยำมากขึ้น

Highlight:

  • ดึงข้อมูลมาสร้าง Dashboard ได้ง่าย เพียงแค่ Drag-and-drop 
  • มีตัวอย่าง Dashboard และ Metrics สำหรับข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น Google Analytics, Facebook Pages, Facebook Ads, Stripe, HupSpot และ LinkedIn เป็นต้น
  • เชื่อมต่อเข้ากับแหล่งข้อมูลได้มากกว่า 70 แหล่ง หรือเลือกดึงข้อมูลโดยตรงจาก Google Sheets ซึ่งเมื่อมีการอัปเดตข้อมูลในตาราง ระบบจะวิเคราะห์และแสดงผลทันที
  • สามารถตั้งเป้าหมายและติดตามความคืบหน้าตาม KPIs ที่ได้ตั้งไว้ หรือนำข้อมูลมาเปรียบเทียบเป็นแบบรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน และอื่น ๆ
  • สามารถวิเคราะห์แนวโน้ม Performance ในอนาคตได้ จากข้อมูลในอดีต รวมถึงสามารถหาความสัมพันธ์กันของข้อมูลนั้น ๆ ได้อีกด้วย
  • ปรับแต่งมุมมองการแสดงผลของข้อมูลได้ ทำให้สะดวกต่อการดูข้อมูลเพียงบางส่วน
  • เข้าดูหน้า Dashboard แบบ Real time ไม่ว่าจะเป็นบน Desktop, TV, Mobile และ Apple watch พร้อมข้อความแจ้งเตือนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
  • สามารถตั้งแชร์หน้า Dashboard ให้ผู้อื่นดูได้

ราคา : เริ่มต้นใช้งานแบบ Free plan ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย หากต้องการปลอดล็อกฟีเจอร์อื่น ๆ เริ่มต้น $49 ต่อเดือน สามารถทดลองใช้งานได้ฟรี 14 วัน ดูรายละเอียดแพคเกจเพิ่มเติมได้ที่ https://databox.com/pricing

เริ่มต้นการใช้งานได้ที่ : https://databox.com

7. Zoho Analytic

Data visualization หมายถึง

ภาพจาก : softwaresuggest

มาถึงเครื่องมือชิ้นสุดท้ายอย่าง Zoho Report หรือชื่อในปัจจุบันคือ ‘Zoho Analytic’ หลายคนอาจจะพอรู้จัก Zoho จากระบบจัดการ CRM ตัวเครื่องมือนี้เป็นซอฟต์แวร์ด้าน Business Intelligence ที่ช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกออกมาเป็นรูปภาพได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที และยังสามารถตั้งให้ Auto Generate หน้ารายงานนั้นออกมาได้ แม้ค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงทุกฟังก์ชันการใช้งานจะค่อนข้างสูงตกปีละ 8,000 กว่าบาทเลยก็ตาม แต่ทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่นในการทำ CRM เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับธุรกิจของเราได้อีกด้วย

Highlight:

  • เริ่มต้นการใช้งานเชื่อมต่อข้อมูลกับ Spreadsheet ได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย
  • เหมาะสำหรับองค์กรที่ไม่ได้ชำนาญด้าน Technical Coding เท่าไหร่ สามารถหยิบจับเครื่องมือมาใช้งานได้ง่าย
  • สามารถเชื่อมต่อแหล่งข้อมูลได้หลากหลาย รองรับฐานข้อมูลจำนวนมากได้
  • ฟีเจอร์ Auto Analysis โดยใช้ AI เข้ามาช่วยสร้างรูปแบบของหน้า Dashboard ให้เหมาะสมกับลักษณะข้อมูลประเภทนั้น ๆ

เริ่มต้นการใช้งานได้ที่ : https://www.zoho.com/th/analytics/

สรุปทั้งหมด

ในปัจจุบันที่หลายธุรกิจให้ความสำคัญกับการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลมากยิ่งขึ้น เพื่อนำไปต่อยอดการวางแผนกลยุทธ์ในด้านต่าง ๆ ดังนั้นด้วย 7 เครื่องมือที่จะช่วยให้คุณอธิบายข้อมูลยาก ๆ ให้ออกมาเป็นภาพด้วย Data Visualization Tools ที่เราได้รวบรวมมาฝาก ที่มีเครื่องมือตั้งแต่ระดับมือใหม่วิธีการใช้งานง่าย จนถึงระดับสูงที่ต้องอาศัยเทคนิคด้านการวิเคราะห์และ Coding ทำให้ธุรกิจของคุณสร้างสรรค์การวิเคราะห์ข้อมูลได้มากกว่าตารางในหน้า Excel

ถึงแม้เราจะไม่ได้เป็น Data Analyst ก็ตาม แต่เราก็สามารถจัดระบบข้อมูลขององค์กรที่มีมากมายมหาศาลถ่ายทอดให้ผู้อื่นเข้าใจได้ง่าย และประหยัดเวลาในการยกข้อมูลไปนั่งจัดทำทีละรอบเวลานำไปรายงานหรือลงสไลด์แต่ละครั้งให้มีประสิทธิภาพ ดีไซน์สวยงามมากยิ่งขึ้น พร้อมให้สามารถหยิบจับแต่ละค่ามาใช้เปรียบเทียบกันได้ทันที ช่วยให้ธุรกิจของเราตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ

Source : Adges.net, Blog.ourgreenfish, techstarthailand, autosoft, 1moby, skooldio, d4biz, coraline, 9experttraining

Data Visualization ทำอะไร

จุดประสงค์สำคัญของการทำ Data Visualization คือ การนำเสนอข้อมูลให้เข้าใจง่าย ผู้อ่านข้อมูลสามารถเข้าใจได้ทันทีว่าตัวชิ้นงาน (media) ต้องการสื่อสารอะไร ชี้จุดสำคัญของเนื้อหา และชี้ Insight ข้อเปรียบเทียบให้เห็นอย่างชัดเจน ช่วยให้สังเกตเห็นจุดที่น่าสนใจของข้อมูลได้ง่ายขึ้น ฯลฯ

Data Visualization มีกี่ประเภท

รูปแบบในการใช้ Data Visualization จำแนกคร่าวๆได้ดังนี้.
การนำเสนอแบบทิศทางหรือแนวโน้ม (Trending) ... .
การนำเสนอแบบกลุ่มข้อมูล (Classification) ... .
การนำเสนอเชิงเปรียบเทียบข้อมูล (Comparison) ... .
การนำเสนอรูปแบบแผนที่ (Geographical) ... .
กลุ่มที่ต้องพยากรณ์ล่วงหน้าและการวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อน (Analytics).

Data Analytics หมายถึงอะไร

Data Analytics คือ การวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ โดยข้อมูลที่นำมาใช้มีทั้งข้อมูลในอดีต ปัจจุบัน รวมไปถึงการพยากรณ์ข้อมูลในอนาคต เพื่อใช้ในการกำหนดกลยุทธ์ต่างๆ ข้อมูลเหล่านี้ถือว่าเป็นข้อมูลที่สำคัญของธุรกิจ เพราะสามารถใช้สร้างศักยภาพให้กับธุรกิจได้

องค์ประกอบหลักของ Data Visualization มีอะไรบ้าง

Scientific Visualization, Information Visualization และ Visual Analytics ถือเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ที่มักเห็นกันในเรื่องของ Visualization หลักการใหม่ของData Visualization” ซึ่งเป็นการรวมกันของ 3 ข้างต้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ใน Field ของ Visual Research.