ลูกไอ มีเสมหะ หายใจ ครืด คราด

          รพ.เจ้าพระยา มีเกร็ดความรู้ดีๆ มาฝากคุณแม่เพื่อดูแลลูกน้อยเมื่อเป็นไข้หวัดด้วย 6 วิธีง่ายๆมาฝากกันค่ะ

ลูกไอ มีเสมหะ หายใจ ครืด คราด

  1. เด็กเล็กเป็นหวัดได้นานถึง 10 วันกว่าจะหาย

          โชคร้ายที่ไม่มีทางแก้แบบทันทีได้ แต่ถ้าอาการไม่รุนแรง มีแค่น้ำมูกหรือไอเล็กน้อย อาจใจเย็นๆ คุณอาจให้นมมื้อพิเศษเพื่อปลอบใจและให้ลูกได้รับน้ำเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะถ้าเด็กกินข้าวได้น้อย  ถ้าลูกหายใจไม่สะดวกจนเกิดเสียงดังครืดคราด ให้เอาผ้าขนหนู ชุบน้ำวางข้างๆ เพื่อให้อากาศภายในห้องชื้นมากขึ้นและหายใจสะดวก ถ้าตอนกลางคืนลูกมีอาการกระสับกระส่าย อาจใช้น้ำเกลือหยอดจมูกจะช่วยให้ลูกหายใจสะดวกขึ้น

  1. ถ้าลูกส่งเสียงครืดคราดเหมือนเสียงกรนขณะหายใจหรือไอ

          ลูกอาจกำลังเป็นโรคคอตีบเทียมหรือครู้ป (Croup) ซึ่งเป็นอาการอักเสบของทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัส เริ่มแรกอาการจะคล้ายไข้หวัด ต่อมาจะมีอาการไอเสียงแหบหายใจลำบาก เสียงเหมือนกรน มักเป็นมากในตอนกลางคืน ให้ลองจับลูกนั่งตัวตรง ทำให้ลูกสงบ อย่างไรก็แล้วแต่หากสงสัยว่าลูกอาจกำลังเป็นโรคคอตีบเทียม ให้พาแพทย์ทันที เพราะในเด็กเล็ก ทางเดินหายใจอาจบวมจนตีบแคบ ทำให้หายใจไม่ออกได้

  1. ลูกอาเจียนตอนกำลังไอหรือเป็นหวัด

          เด็กเล็กบางตนอาจจะมีอาการอาเจียนร่วมด้วยเวลามีไข้ เนื่องจากลูกกลืนเสมหะเข้าไป จนทำให้รู้สึกกระคายเคืองที่ท้องและกระตุ้นให้รู้สึกอยากอาเจียน ช่วยลดเสมหะให้ลูกด้วยการจับลูกน้อยนอนพาดเข่า หรืออุ้มพาดบ่าแล้วค่อยๆ ตบหลังลูกเบาๆ

  1. ลูกมักมีไข้เวลาเป็นหวัดหรือไอ

          ซึ่งอาการไข้จะทำให้ลูกมีเหงื่อออก ให้ลูกกินยาพาราเซตามอลสำหรับเด็กเพื่อลดไข้ให้นมเพิ่มจากมื้อปกติเพื่อให้ร่างกายของลูกได้รับน้ำเพิ่มขึ้น หรือถ้าให้นมแม่ก็ควรให้ดื่มน้ำต้มสุกเพิ่ม เด็กเล็กอามีปัญหาการกินนมถ้าคัดจมูก หายใจไม่ออก อาจใช้น้ำเกลือหยอดจมูก  เพื่อทำให้จมูกโล่งก่อนกินนม แต่ถ้าไม่ทุเลาควรพาไปพบแพทย์เพื่อพิจารณาการรักษาเพิ่มเติม

  1. บางครั้งโรคหวัดอาจทำให้เกิดอาการหลอดลมอักเสบ

          อาการติดเชื้อในทางเดินหายใจ มักเกิดขึ้นกับเด็กเล็กในช่วงฤดูหนาว จะสังเกตได้ว่าลูกเป็นหลอดลมอักเสบหรือไม่ ดูได้จากอาการหวัดของลูกที่ไม่ยอมหายไปเสียทีและลมหายใจถี่กระชั้นปากเขียว ซึ่งเป็นอาการของการหอบ ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันที วิธีการรักษาส่วนใหญ่แพทย์จะให้เด็กนอนโรงพยาบาล 2-3 วัน เพื่อให้ร่างกายได้รับของเหลวและออ

กซิเจนซึ่งช่วยให้ลูกหายใจได้สะดวกขึ้น

  1. เด็กที่เป็นหวัดบ่อยๆ มีโอกาสเป็นโรคหูอักเสบร่วมด้วย

          เพราะเด็กมีท่อยูสเตเชียน (Eustachian) หรือท่อที่เชื่อมระหว่างหูชั้นกลางกับช่วงคอส่วนบนค่อนข้างสั้น ดังนั้นเชื้อโรคจึงเข้าไปได้ง่าย จนทำให้เกิดหูอักเสบ ซึ่งทำให้เด็กเจ็บปวดจนร้องไห้โยเยแต่อาการมักหายไปภายใน 2-3 วันโดยไม่ต้องรักษาอย่างไรก็แล้วแต่ถ้าลูกมีไข้หรือดึงทิ้งที่หูตลอดเวลา ให้พาไปพบแพทย์ซึ่งอาจจะพิจารณาสั่งยาปฏิชีวนะให้

2021-03-24T13:16:26+00:00

ลูกน้อยหายใจครืดคราด…ปัญหาสุดกวนใจของคุณพ่อคุณแม่

เมื่อลูกน้อยหายใจดังครืดคราด

“คุณหมอคะ คุณแม่สังเกตดูเวลาน้องนอน ช่วงนี้หายใจเสียงดังมากเลยค่ะ เป็นอะไรไหมคะ”

“น้องหายใจแรง เหมือนมีเสมหะเสลดในคอ คุณแม่ต้องทำยังไงดีคะ”

“ลูกหายใจดังเฉพาะเวลาดูดนมเท่านั้น ถ้าไม่ดูดก็ไม่ดัง เกิดจากอะไรคะ”

“นอนห้องแอร์กับหายใจครืดคราด เกี่ยวกันไหมคะ”

“น้องนอนหายใจเสียงดังครืดคราดเวลากลางคืน แต่กลางวันไม่เป็น ต้องทำยังไงดีคะ”

“ลูกไอ มีเสมหะ มีน้ำมูก มาเป็นเดือนๆแล้วค่ะ อย่างนี้น้องเป็นหวัดหรือภูมิแพ้กันแน่คะ”

นี่เป็นตัวอย่างคำถามเรื่องลูกหายใจครืดคราดเพียงบางส่วนที่คุณพ่อคุณแม่มักถามกันเมาป็นประจำ ในฐานะที่หมอเดียร์เป็นหมอเด็กมาเกือบ 10 ปีขอบอกเลยว่าปัญหา “ลูกหายใจครืดคราด” เป็นหนึ่งในปัญหาที่กวนใจคุณพ่อคุณแม่มากที่สุดครับ

เสียงหายใจครืดคราดคืออะไร

คำถามที่คุณพ่อคุณแม่มักถามหมอเดียร์เป็นอันดับแรกเลยก็คือ “แล้วอาการลูกหายใจครืดคราดเกิดจากอะไร” ก่อนจะไปถึงสาเหตุที่ทำให้ลูกน้อยหายใจครืดคราด เราว่าดูกันก่อนครับว่าเจ้าเสียงหายใจเนี่ยมันคืออะไร

เสียงหายใจครืดคราดคือ เสียงที่เกิดจากลมหายใจผ่านทางเดินอากาศที่ตีบแคบเหมือนที่เวลาเราเป่าขลุ่ยแล้วเกิดเสียงขึ้นมานั่นแหละครับ โดยทางเดินอากาศที่ตีบแคบได้ง่ายที่สุดคือรูจมูกกับคอหอย เวลาหายใจเข้าออกลมหายใจจะผ่านรูจมูกหรือคอหอยที่ตีบแคบทำให้เกิดเสียงครืดคราดขึ้น

เสียงหายใจครืดคราดเกิดจากอะไร

ทีนี้ก็มาถึงคำถามที่คุณพ่อคุณแม่อยากรู้กันแล้วครับนั่นคือ เสียงหายใจครืดคราดเกิดจากอะไร      

คำตอบก็คือ เสียงหายใจครืดคราดเกิดจากรูจมูกหรือคอหอยตีบแคบซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุครับเช่น จมูกบี้มากผิดปกติ, ผนังกั้นจมูกคด, หลังโพรงจมูกอุดตันตั้งแต่แรกเกิด, สิ่งแปลกปลอมอุดตันรูจมูก, หวัด, ควันบุหรี่, มลพิษ, เยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้(ที่ชอบเรียกว่าแพ้อากาศกันนี่แหละครับ), เสลดเสมหะในลำคอ เป็นต้น หมอเดียร์จะแบ่งสาเหตุของเสียงหายใจครืดคราดง่ายๆตามช่วงอายุดังนี้ครับ

1.เด็กแรกเกิด (ตั้งแต่เกิด-อายุ 1 เดือน) เวลาคุณพ่อคุณแม่มือใหม่หรือคุณพ่อคุณแม่ที่เคยมีลูกมาแล้วแต่ยังไม่เคยเจอลูกหายใจครืดคราดจะต้องตกใจแน่นอน สาเหตุเสียงหายใจครืดคราดในเด็กแรกเกิดที่เจอได้บ่อยๆมีดังนี้ครับ

1.1.ลูกกินนมมากเกินไป (Overfeeding) จากที่เคยอบอุ่น อยู่สบาย ปลอดภัย ในท้องคุณแม่หลังคลอดเด็กแรกเกิดจะต้องปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ภายนอก เด็กแรกเกิดบางคนอาจร้องไห้มาก ร้องไม่หยุด ซึ่งอาจเกิดจากหิวนมหรือไม่หิวนมก็ได้  คุณพ่อคุณแม่เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลูกร้องอะไร สุดท้ายก็จะเอานมให้ลูกกินทุกครั้งที่ลูกร้อง พอกินนมมากเข้าบ่อยเข้า  กระเพาะอาหารของลูกก็จะย่อยนมไม่ทันทำให้นมจากกระเพาะล้นขึ้นมาอยู่ที่คอหอย ทำให้เกิดเสียงหายใจครืดคราดเหมือนมีเสมหะในลำคอ จนบางครั้งอาเจียนหรือแหวะนมด้วย ข้อสังเกตของเสียงหายใจครืดคราดจากสาเหตุนี้คือ  ลูกจะมีน้ำหนักตัวขึ้นมากกว่า 1 กิโลกรัมในเดือนแรกและ ท้องหลาม ท้องอืด บ่อย

1.2.ความผิดปกติของโครงสร้างทางเดินหายใจส่วนต้น (จมูกจนถึงกล่องเสียง)เช่น จมูกบี้มากผิดปกติ ผนังกั้นจมูกคด หรือหลังโพรงจมูกอุดตันตั้งแต่แรกเกิด เป็นต้น เด็กแรกเกิดกลุ่มนี้จะมีเสียงหายใจครืดคราดหรือหายใจดังตั้งแต่แรกเกิดและอาจมีหายใจหอบร่วมด้วย เพราะลมทะลุผ่านจมูกไปยังหลังโพรงจมูกไม่ได้ การวินิจฉัยทำได้โดยส่องจมูกโดยใช้ที่ส่องหูส่องดูในโพรงจมูก(อันนี้หมอเด็กสามารถทำได้ครับ)แต่ถ้ายังไม่เจออะไรที่ผิดปกติอาจต้องปรึกษาคุณหมอหู คอ จมูก เพื่อส่องกล้องครับ

1.3.ภาวะกระดกูอ่อนกล่องเสียงอ่อนยวบ (Laryngomalacia) เกิดจากเนื้อเยื่อบริเวณเหนือกล่องเสียงอ่อนตัวในช่วงหายใจเข้า เด็กแรกเกิดที่เป็นภาวะนี้จะมีหายใจครืดคราดหรือหายใจเสียงดังเฉพาะในช่วงหายใจเข้า ส่วนใหญ่มักแสดงอาการในช่วง 2-3 สัปดาห์ หลังคลอด นอกจากนี้อาการหายใจครืดคราดจะเป็นมากขึ้นตอนนอนหงาย ดูดนม หรือร้องไห้

1.4.การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ น หวัด, คออักเสบ, ปอดอักเสบ, หลอดลมอักเสบ เด็กแรกเกิดที่มีการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจมักติดจากคนในบ้านเดียวกันเช่น พ่อ, แม่,  พี่(โดยเฉพาะพี่ที่ไปโรงเรียนแล้ว) อาการของการติดเชื้อทางเดินหายใจเช่น ไข้ต่ำหรือไข้สูง, มีเสียงหายใจครืดคราด, น้ำมูก, คัดจมูก, เสลดเสมหะในคอ, ไอ, หอบเหนื่อย, นอนหลับไม่สนิท

1.5.ภาวะกรดไหลย้อน ร่างกายของเรามีกล้ามเนื้อหูรูดอยู่ระหว่างหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร เจ้ากล้ามเนื้อหูรูดอันนี้ช่วยป้องกันไม่ให้อาหารไหลย้อนจากกระเพาะอาหารกลับขึ้นมา ในเด็กแรกเกิดกล้ามเนื้อนี้ทำงานได้ไม่เต็มที่ทำให้นมไหลย้อนกลับขึ้นมาได้ เด็กแรกเกิดที่มีกรดไหลย้อนจะหายใจครืดคราดเวลาดูดนมคล้ายมีเสมหะในคอ แหวะนมหรืออาเจียนบ่อย ร้องกวนโยเย ถ้าเป็นรุนแรงอาจทำให้เกิดปอดอักเสบจากการสำลักนมหรือน้ำหนักไม่ขึ้น

2.เด็กทารก (อายุ 1 เดือน-1 ปี) ส่วนตัวหมอเดียร์จะแบ่งสาเหตุของเสียงหายใจครืดคราดในเด็กทารกออกเป็น 2 กลุ่มเพื่อง่ายต่อการสังเกตดังนี้ครับ

2.1.เด็กหายใจครืดคราดแบบมีน้ำมูก เช่น

  • การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ (หวัด, คออักเสบ) สาเหตุของการติดเชื้ออาจเป็นไวรัสหรือแบคทีเรียก็ได้อาการเด่นคือ ไข้ จะเป็นไข้สูงหรือไข้ต่ำก็ได้, น้ำมูกใสหรือขุ่น, ไอ , เสลดเสมหะในคอ, คอแดง เป็นต้นอาการเป็นตลอดทั้งวันแต่อาจเป็นมากเวลานอนสิ่งสำคัญคุณพ่อคุณแม่ต้องรู้คือแม้ว่าการติดเชื้อจะดีขึ้นแล้ว ไข้ลดลงแล้วแต่อาการหายใจครืดคราด น้ำมูก คัดจมูก ไอ เสมหะในคอ อาจเป็นนานได้ถึง 7-14 วัน แต่จะค่อยๆดีขึ้นดังนั้นคุณพ่อคุณแม่อย่าเพิ่งกังวลไปนะครับ(แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นหรือหนักกว่าเดิมต้องพามาพบคุณหมอนะครับ)
  • อากาศเย็น อากาศแห้ง เคยสังเกตไหมครับถ้าคุณพ่อคุณแม่เปิดแอร์เย็นๆหน่อยหรือช่วงเวลาเย็น ๆ ค่ำ ๆ ที่อากาศเริ่มเย็นลง ลูกมักมีหายใจฟึดฟัด มีเสียงหายใจครืดคราดที่เป็นแบบนี้เพราะว่าอากาศที่เย็นและแห้งจะไปกระตุ้นเยื่อบุจมูกทำให้บวมและหลั่งน้ำมูกออกมาแถมน้ำมูกยังไหลลงไปติดตรงคอหอยเกิดเป็นเสมหะในคอโดยส่วนตัวหมอจะแนะนำคุณพ่อคุณแม่ให้เปิดแอร์สัก 26-28 องศาเวลานอนไม่ให้แอร์ตกใส่ตัวลูก ห่มผ้าสักชั้นหรือสองชั้นก็พอครับ
  • ควันบุหรี่ ตัวการสำคัญที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือ ควันบุหรี่เจ้าควันบุหรี่สามารถกระตุ้นให้เยื่อบุจมูกอักเสบทำให้เยื่อบุจมูกบวม หลั่งน้ำมูกออกมาน้ำมูกไหลลงคอเกิดเป็นเสมหะในคอ นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้นหลอดลมทำให้เกิดอาการไออีกด้วย ที่สำคัญควันบุหรี่เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ดังนั้นถ้าครอบครัวไหนมีคนสูบบุหรี่ขอให้เลิกนะครับเพื่อสุขภาพที่ดีของคนในครอบครัวครับ
  • แพ้อาหาร หมอเดียร์ขอบอกว่านี่คือยาดำของหมอภูมิแพ้เลยครับเพราะการแพ้อาหารมีอาการได้หลายอย่างเช่น หายใจครืดคราด ปากบวม ตาบวม ลมพิษผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ถ่ายเหลวเรื้อรัง ถ่ายเป็นเลือด เป็นต้นโดยส่วนตัวหมอเดียร์จะดูว่านอกจากหายใจครืดคราดแล้วมีอาการที่สงสัยว่าแพ้อาหารด้วยไหมเช่น ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (อาการแพ้อาหารส่วนใหญ่ของเด็กไทยมักเป็นอาการทางผิวหนังครับ)ถ้ามีก็จะนึกถึงการแพ้อาหารมากขึ้นการทดสอบไม่ว่าจะเป็นการเจาะเลือดหรือการทดสอบที่ผิวหนังไม่สามารถยืนยันได้ 100% นะครับถ้าผลทดสอบเป็นบวกก็ช่วยยืนยันแต่ถ้าเป็นลบไม่สามารถบอกว่าไม่แพ้แน่ๆ จะต้องใช้วิธีการลองงดอาหารที่สงสัยนาน 4-6 สัปดาห์แล้วดูว่าอาการดีขึ้นหรือไม่ครับ

2.2.ด็กหายใจครืดคราดแบบไม่มีน้ำมูก

  • วัตถุแปลกปลอมติดในโพรงจมูก มักเจอในเด็กอายุตั้งแต่ 5-6 เดือนขึ้นไปครับเพราะว่าเด็กวัยนี้สามารถใช้มือ นิ้วมือได้เก่งขึ้นสามารถหยิบของมือเดียวได้อย่างคล่องแคล่ว อาจทำให้หยิบของชิ้นเล็กๆเช่น ลูกปัด เมล็ดผลไม้ ของเล่น เม็ดยา ยัดเข้ารูจมูกได้ การวินิจฉัยทำได้โดยใช้ที่ส่องหูส่องดูในโพรงจมูกและถ้าเจอจะต้องปรึกษาคุณหมอหู คอ จมูก คีบเอาออกมาครับ
  • ภาวะกระดกูอ่อนกล่องเสียงอ่อนยวบ (Laryngomalacia)
  • ลูกกินนมมากเกินไป (Overfeeding)
  • ภาวะกรดไหลย้อน

3.เด็กอายุมากกว่า 1 ปี ส่วนตัวหมอเดียร์จะแบ่งสาเหตุของเสียงหายใจครืดคราดออกเป็น 2 กลุ่มเพื่อง่ายต่อการสังเกตเช่นกันครับ

3.1.เด็กหายใจครืดคราดแบบมีน้ำมูก เช่น

  • การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ (หวัด, คออักเสบ)
  • อากาศเย็น อากาศแห้ง
  • ควันบุหรี่
  • แพ้อาหาร
  • เยื่อบุจมูกอักเสบจากโรคภูมิแพ้ หมอเดียร์ขอบอกเลยว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่คุณพ่อคุณแม่กังวลมากที่สุด(ในฐานะที่เป็นหมอภูมิแพ้นะครับ)คุณพ่อคุณแม่มักจะถามว่าลูกจะเป็นภูมิแพ้อากาศไหม การแพ้อากาศหรือเยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้มักจะเจอในเด็กอายุ 3-4 ขวบขึ้นไปครับเพราะว่าจะต้องได้รับการกระตุ้นจากสารก่อภูมิแพ้ทางอากาศ  (ไรฝุ่น แมงสาบ ขนสุนัข ขนแมว ละอองเกสร)มาสักช่วงเวลาหนึ่งจึงจะเกิดอาการขึ้นลักษณะเด่นของเยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้คือ มีอาการคัดจมูก คันจมูก น้ำมูกไหล(มักเป็นสีใสๆ)น้ำมูกไหลลงคอทำให้เกิดเสลดเสมหะในคอไอ มักมีอากาศตอนเช้ามืด หลังตื่นนอน ช่วงเย็นๆค่ำๆเวลานอนไปแล้วหรือเวลาไปสัมผัสสิ่งที่แพ้และที่สำคัญคือไม่มีไข้ครับ (ยกเว้นมีการติดเชื้อร่วมด้วยนะครับ)

 3.2.เด็กหายใจครืดคราดแบบไม่มีน้ำมูก

  • วัตถุแปลกปลอมติดในโพรงจมูก
  • ภาวะกระดกูอ่อนกล่องเสียงอ่อนยวบ (Laryngomalacia)
  • ภาวะกรดไหลย้อน

จะเห็นได้ว่าเสียงหายใจครืดคราดในเด็กเกิดได้จากหลายสาเหตุ และในแต่ละช่วงอายุก็จะมีสาเหตุที่เหมือนกันและต่างกัน ดังนั้นอายุและอาการอื่นที่พบร่วมก็พอที่จะช่วยในคุณพ่อคุณแม่รู้ได้เบื้องต้นว่าเสียงหายใจครืดคราดของลูกน้อยเกิดจากอะไร แต่อย่างไรก็ตามควรพาไปพบคุณหมอเพื่อซักประวัติและตรวจร่างกายเพื่อวินิจฉัยครับ