รพ.เจ้าพระยา มีเกร็ดความรู้ดีๆ มาฝากคุณแม่เพื่อดูแลลูกน้อยเมื่อเป็นไข้หวัดด้วย 6 วิธีง่ายๆมาฝากกันค่ะ
โชคร้ายที่ไม่มีทางแก้แบบทันทีได้ แต่ถ้าอาการไม่รุนแรง มีแค่น้ำมูกหรือไอเล็กน้อย อาจใจเย็นๆ คุณอาจให้นมมื้อพิเศษเพื่อปลอบใจและให้ลูกได้รับน้ำเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะถ้าเด็กกินข้าวได้น้อย ถ้าลูกหายใจไม่สะดวกจนเกิดเสียงดังครืดคราด ให้เอาผ้าขนหนู ชุบน้ำวางข้างๆ เพื่อให้อากาศภายในห้องชื้นมากขึ้นและหายใจสะดวก ถ้าตอนกลางคืนลูกมีอาการกระสับกระส่าย อาจใช้น้ำเกลือหยอดจมูกจะช่วยให้ลูกหายใจสะดวกขึ้น
ลูกอาจกำลังเป็นโรคคอตีบเทียมหรือครู้ป (Croup) ซึ่งเป็นอาการอักเสบของทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัส เริ่มแรกอาการจะคล้ายไข้หวัด ต่อมาจะมีอาการไอเสียงแหบหายใจลำบาก เสียงเหมือนกรน มักเป็นมากในตอนกลางคืน ให้ลองจับลูกนั่งตัวตรง ทำให้ลูกสงบ อย่างไรก็แล้วแต่หากสงสัยว่าลูกอาจกำลังเป็นโรคคอตีบเทียม ให้พาแพทย์ทันที เพราะในเด็กเล็ก ทางเดินหายใจอาจบวมจนตีบแคบ ทำให้หายใจไม่ออกได้
เด็กเล็กบางตนอาจจะมีอาการอาเจียนร่วมด้วยเวลามีไข้ เนื่องจากลูกกลืนเสมหะเข้าไป จนทำให้รู้สึกกระคายเคืองที่ท้องและกระตุ้นให้รู้สึกอยากอาเจียน ช่วยลดเสมหะให้ลูกด้วยการจับลูกน้อยนอนพาดเข่า หรืออุ้มพาดบ่าแล้วค่อยๆ ตบหลังลูกเบาๆ
ซึ่งอาการไข้จะทำให้ลูกมีเหงื่อออก ให้ลูกกินยาพาราเซตามอลสำหรับเด็กเพื่อลดไข้ให้นมเพิ่มจากมื้อปกติเพื่อให้ร่างกายของลูกได้รับน้ำเพิ่มขึ้น หรือถ้าให้นมแม่ก็ควรให้ดื่มน้ำต้มสุกเพิ่ม เด็กเล็กอามีปัญหาการกินนมถ้าคัดจมูก หายใจไม่ออก อาจใช้น้ำเกลือหยอดจมูก เพื่อทำให้จมูกโล่งก่อนกินนม แต่ถ้าไม่ทุเลาควรพาไปพบแพทย์เพื่อพิจารณาการรักษาเพิ่มเติม
อาการติดเชื้อในทางเดินหายใจ มักเกิดขึ้นกับเด็กเล็กในช่วงฤดูหนาว จะสังเกตได้ว่าลูกเป็นหลอดลมอักเสบหรือไม่ ดูได้จากอาการหวัดของลูกที่ไม่ยอมหายไปเสียทีและลมหายใจถี่กระชั้นปากเขียว ซึ่งเป็นอาการของการหอบ ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันที วิธีการรักษาส่วนใหญ่แพทย์จะให้เด็กนอนโรงพยาบาล 2-3 วัน เพื่อให้ร่างกายได้รับของเหลวและออ กซิเจนซึ่งช่วยให้ลูกหายใจได้สะดวกขึ้น
เพราะเด็กมีท่อยูสเตเชียน (Eustachian) หรือท่อที่เชื่อมระหว่างหูชั้นกลางกับช่วงคอส่วนบนค่อนข้างสั้น ดังนั้นเชื้อโรคจึงเข้าไปได้ง่าย จนทำให้เกิดหูอักเสบ ซึ่งทำให้เด็กเจ็บปวดจนร้องไห้โยเยแต่อาการมักหายไปภายใน 2-3 วันโดยไม่ต้องรักษาอย่างไรก็แล้วแต่ถ้าลูกมีไข้หรือดึงทิ้งที่หูตลอดเวลา ให้พาไปพบแพทย์ซึ่งอาจจะพิจารณาสั่งยาปฏิชีวนะให้ 2021-03-24T13:16:26+00:00ลูกน้อยหายใจครืดคราด…ปัญหาสุดกวนใจของคุณพ่อคุณแม่เมื่อลูกน้อยหายใจดังครืดคราด“คุณหมอคะ คุณแม่สังเกตดูเวลาน้องนอน ช่วงนี้หายใจเสียงดังมากเลยค่ะ เป็นอะไรไหมคะ” “น้องหายใจแรง เหมือนมีเสมหะเสลดในคอ คุณแม่ต้องทำยังไงดีคะ” “ลูกหายใจดังเฉพาะเวลาดูดนมเท่านั้น ถ้าไม่ดูดก็ไม่ดัง เกิดจากอะไรคะ” “นอนห้องแอร์กับหายใจครืดคราด เกี่ยวกันไหมคะ” “น้องนอนหายใจเสียงดังครืดคราดเวลากลางคืน แต่กลางวันไม่เป็น ต้องทำยังไงดีคะ” “ลูกไอ มีเสมหะ มีน้ำมูก มาเป็นเดือนๆแล้วค่ะ อย่างนี้น้องเป็นหวัดหรือภูมิแพ้กันแน่คะ” นี่เป็นตัวอย่างคำถามเรื่องลูกหายใจครืดคราดเพียงบางส่วนที่คุณพ่อคุณแม่มักถามกันเมาป็นประจำ ในฐานะที่หมอเดียร์เป็นหมอเด็กมาเกือบ 10 ปีขอบอกเลยว่าปัญหา “ลูกหายใจครืดคราด” เป็นหนึ่งในปัญหาที่กวนใจคุณพ่อคุณแม่มากที่สุดครับ เสียงหายใจครืดคราดคืออะไรคำถามที่คุณพ่อคุณแม่มักถามหมอเดียร์เป็นอันดับแรกเลยก็คือ “แล้วอาการลูกหายใจครืดคราดเกิดจากอะไร” ก่อนจะไปถึงสาเหตุที่ทำให้ลูกน้อยหายใจครืดคราด เราว่าดูกันก่อนครับว่าเจ้าเสียงหายใจเนี่ยมันคืออะไร เสียงหายใจครืดคราดคือ เสียงที่เกิดจากลมหายใจผ่านทางเดินอากาศที่ตีบแคบเหมือนที่เวลาเราเป่าขลุ่ยแล้วเกิดเสียงขึ้นมานั่นแหละครับ โดยทางเดินอากาศที่ตีบแคบได้ง่ายที่สุดคือรูจมูกกับคอหอย เวลาหายใจเข้าออกลมหายใจจะผ่านรูจมูกหรือคอหอยที่ตีบแคบทำให้เกิดเสียงครืดคราดขึ้น เสียงหายใจครืดคราดเกิดจากอะไรทีนี้ก็มาถึงคำถามที่คุณพ่อคุณแม่อยากรู้กันแล้วครับนั่นคือ เสียงหายใจครืดคราดเกิดจากอะไร คำตอบก็คือ เสียงหายใจครืดคราดเกิดจากรูจมูกหรือคอหอยตีบแคบซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุครับเช่น จมูกบี้มากผิดปกติ, ผนังกั้นจมูกคด, หลังโพรงจมูกอุดตันตั้งแต่แรกเกิด, สิ่งแปลกปลอมอุดตันรูจมูก, หวัด, ควันบุหรี่, มลพิษ, เยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้(ที่ชอบเรียกว่าแพ้อากาศกันนี่แหละครับ), เสลดเสมหะในลำคอ เป็นต้น หมอเดียร์จะแบ่งสาเหตุของเสียงหายใจครืดคราดง่ายๆตามช่วงอายุดังนี้ครับ 1.เด็กแรกเกิด (ตั้งแต่เกิด-อายุ 1 เดือน) เวลาคุณพ่อคุณแม่มือใหม่หรือคุณพ่อคุณแม่ที่เคยมีลูกมาแล้วแต่ยังไม่เคยเจอลูกหายใจครืดคราดจะต้องตกใจแน่นอน สาเหตุเสียงหายใจครืดคราดในเด็กแรกเกิดที่เจอได้บ่อยๆมีดังนี้ครับ 1.1.ลูกกินนมมากเกินไป (Overfeeding) จากที่เคยอบอุ่น อยู่สบาย ปลอดภัย ในท้องคุณแม่หลังคลอดเด็กแรกเกิดจะต้องปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ภายนอก เด็กแรกเกิดบางคนอาจร้องไห้มาก ร้องไม่หยุด ซึ่งอาจเกิดจากหิวนมหรือไม่หิวนมก็ได้ คุณพ่อคุณแม่เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลูกร้องอะไร สุดท้ายก็จะเอานมให้ลูกกินทุกครั้งที่ลูกร้อง พอกินนมมากเข้าบ่อยเข้า กระเพาะอาหารของลูกก็จะย่อยนมไม่ทันทำให้นมจากกระเพาะล้นขึ้นมาอยู่ที่คอหอย ทำให้เกิดเสียงหายใจครืดคราดเหมือนมีเสมหะในลำคอ จนบางครั้งอาเจียนหรือแหวะนมด้วย ข้อสังเกตของเสียงหายใจครืดคราดจากสาเหตุนี้คือ ลูกจะมีน้ำหนักตัวขึ้นมากกว่า 1 กิโลกรัมในเดือนแรกและ ท้องหลาม ท้องอืด บ่อย 1.2.ความผิดปกติของโครงสร้างทางเดินหายใจส่วนต้น (จมูกจนถึงกล่องเสียง)เช่น จมูกบี้มากผิดปกติ ผนังกั้นจมูกคด หรือหลังโพรงจมูกอุดตันตั้งแต่แรกเกิด เป็นต้น เด็กแรกเกิดกลุ่มนี้จะมีเสียงหายใจครืดคราดหรือหายใจดังตั้งแต่แรกเกิดและอาจมีหายใจหอบร่วมด้วย เพราะลมทะลุผ่านจมูกไปยังหลังโพรงจมูกไม่ได้ การวินิจฉัยทำได้โดยส่องจมูกโดยใช้ที่ส่องหูส่องดูในโพรงจมูก(อันนี้หมอเด็กสามารถทำได้ครับ)แต่ถ้ายังไม่เจออะไรที่ผิดปกติอาจต้องปรึกษาคุณหมอหู คอ จมูก เพื่อส่องกล้องครับ 1.3.ภาวะกระดกูอ่อนกล่องเสียงอ่อนยวบ (Laryngomalacia) เกิดจากเนื้อเยื่อบริเวณเหนือกล่องเสียงอ่อนตัวในช่วงหายใจเข้า เด็กแรกเกิดที่เป็นภาวะนี้จะมีหายใจครืดคราดหรือหายใจเสียงดังเฉพาะในช่วงหายใจเข้า ส่วนใหญ่มักแสดงอาการในช่วง 2-3 สัปดาห์ หลังคลอด นอกจากนี้อาการหายใจครืดคราดจะเป็นมากขึ้นตอนนอนหงาย ดูดนม หรือร้องไห้ 1.4.การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ น หวัด, คออักเสบ, ปอดอักเสบ, หลอดลมอักเสบ เด็กแรกเกิดที่มีการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจมักติดจากคนในบ้านเดียวกันเช่น พ่อ, แม่, พี่(โดยเฉพาะพี่ที่ไปโรงเรียนแล้ว) อาการของการติดเชื้อทางเดินหายใจเช่น ไข้ต่ำหรือไข้สูง, มีเสียงหายใจครืดคราด, น้ำมูก, คัดจมูก, เสลดเสมหะในคอ, ไอ, หอบเหนื่อย, นอนหลับไม่สนิท 1.5.ภาวะกรดไหลย้อน ร่างกายของเรามีกล้ามเนื้อหูรูดอยู่ระหว่างหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร เจ้ากล้ามเนื้อหูรูดอันนี้ช่วยป้องกันไม่ให้อาหารไหลย้อนจากกระเพาะอาหารกลับขึ้นมา ในเด็กแรกเกิดกล้ามเนื้อนี้ทำงานได้ไม่เต็มที่ทำให้นมไหลย้อนกลับขึ้นมาได้ เด็กแรกเกิดที่มีกรดไหลย้อนจะหายใจครืดคราดเวลาดูดนมคล้ายมีเสมหะในคอ แหวะนมหรืออาเจียนบ่อย ร้องกวนโยเย ถ้าเป็นรุนแรงอาจทำให้เกิดปอดอักเสบจากการสำลักนมหรือน้ำหนักไม่ขึ้น 2.เด็กทารก (อายุ 1 เดือน-1 ปี) ส่วนตัวหมอเดียร์จะแบ่งสาเหตุของเสียงหายใจครืดคราดในเด็กทารกออกเป็น 2 กลุ่มเพื่อง่ายต่อการสังเกตดังนี้ครับ 2.1.เด็กหายใจครืดคราดแบบมีน้ำมูก เช่น
2.2.ด็กหายใจครืดคราดแบบไม่มีน้ำมูก
3.เด็กอายุมากกว่า 1 ปี ส่วนตัวหมอเดียร์จะแบ่งสาเหตุของเสียงหายใจครืดคราดออกเป็น 2 กลุ่มเพื่อง่ายต่อการสังเกตเช่นกันครับ 3.1.เด็กหายใจครืดคราดแบบมีน้ำมูก เช่น
3.2.เด็กหายใจครืดคราดแบบไม่มีน้ำมูก
จะเห็นได้ว่าเสียงหายใจครืดคราดในเด็กเกิดได้จากหลายสาเหตุ และในแต่ละช่วงอายุก็จะมีสาเหตุที่เหมือนกันและต่างกัน ดังนั้นอายุและอาการอื่นที่พบร่วมก็พอที่จะช่วยในคุณพ่อคุณแม่รู้ได้เบื้องต้นว่าเสียงหายใจครืดคราดของลูกน้อยเกิดจากอะไร แต่อย่างไรก็ตามควรพาไปพบคุณหมอเพื่อซักประวัติและตรวจร่างกายเพื่อวินิจฉัยครับ |