การปฏิบัติการสอน (Teaching Practice) คืออะไร Show การสอนเป็นงานของครู การปฏิบัติการสอน คือ การปฏิบัติงานของครู “ครูชำนาญการพิเศษ” หมายถึง ครูผู้สามารถปฏิบัติการสอนนักเรียนของครูทุกคนได้อย่างชำนาญเป็นพิเศษ กล่าวคือ ครูสามารถส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละคนและทุกๆ คนได้อย่างเป็นธรรมชาติและมีเทคนิควิธี และเกิดประสิทธิผลในการเรียนรู้ของนักเรียนทุกคน คือ เกิดผลลัพธ์การเรียนรู้ขึ้นอย่างถูกต้อง สร้างสรรค์ ทันที และพอดี นักเรียนทุกคนได้รับการพัฒนาคุณภาพอย่างเต็มศักยภาพแห่งตน ทั้งในด้านความสุข ความดี และความเก่ง ดังนั้น เมื่อครูปฏิบัติการสอนจึงเป็นเวลาของการปฏิบัติงานตามพันธกิจแห่งวิชาชีพครู การปฏิบัติการสอนสำคัญอย่างไร การสอนเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริม สนับสนุนการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาตนเองของนักเรียนให้เต็มศักยภาพ คือ เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลทั้งทางร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสำนึกในความเป็นพลเมืองไทย และเป็นพลโลกยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้และทักษะพื้นฐาน รวมทั้งเจตคติที่จำเป็นต่อการศึกษา ต่อการประกอบอาชีพ และการศึกษาตลอดชีวิต (กระทรวศึกษาธิการ, 2551) นักเรียนที่ด้อยโอกาสได้รับการสอนที่มีคุณภาพ โดยการเตรียมวิธีการสอน ประสบการณ์การเรียนรู้ ให้ได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพของการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ โอกาสและคุณภาพการศึกษาที่นักเรียนได้รับจึงสืบเนื่องมาจากคุณภาพของการปฏิบัติการสอนของครูแต่ละคน ที่ได้สร้างสรรค์ให้แก่นักเรียนของครู ดังมีคำขวัญในวิชาชีพครูที่ว่า “ผลงานของครูต้องดูที่ศิษย์” ซึ่งอาจขยายความได้ว่า “ผลของการปฏิบัติการสอนของครูนั้น ประจักษ์แจ้งได้จากผลของการเรียนรู้อันเป็นพัฒนาการอย่างรอบด้านของนักเรียนแต่ละคนและทุกๆ คนที่ครูสอน” ดังนั้น การปฏิบัติการสอนของครูแต่ละครั้งจึงมีความสำคัญอย่างน้อยใน 4 นัยยะ กล่าวคือ (1) เป็นปัจจัยหลักในการส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียน (2) เป็นโอกาสสำคัญสำหรับครูในการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาความเป็นครูมืออาชีพของตนเอง (3) เป็นตัวชี้วัดคุณภาพของโรงเรียนในการจัดการศึกษาเพื่อสร้างความเข้มแข็งและความเจริญแก่ปวงชน และ (4) เป็นปรากฏการณ์ที่แสดงคุณค่าและความสร้างสรรค์ในการปฏิบัติพันธกิจของวิชาชีพครูต่อการรังสรรค์สังคม พื้นฐาน แนวคิด และทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการสอน พื้นฐานที่สำคัญของการปฏิบัติการสอน คือ ความเป็นกัลยาณมิตรของครู ดังคำขวัญในวิชาชีพครูที่ว่า “ครูคือกัลยาณมิตรของศิษย์” กัลยาณมิตร หมายถึง แหล่งปัญญา และแบบอย่างที่ดีที่จะมีอิทธิพลชักนำ และชักชวนให้เจริญงอกงามในการพัฒนาพฤติกรรม จิตใจ และปัญญา โดยเฉพาะให้เรียนรู้และพัฒนาการสื่อสารสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์ด้วยเมตตา มีศรัทธาที่จะดำเนินตามแบบอย่างที่ดี และรู้จักใช้ปัจจัยภายนอก ทั้งที่เป็นบุคคล หนังสือ และเครื่องมือสื่อสารทั้งหลายให้เป็นประโยชน์ในการแสวงหาความรู้และความงาม เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาชีวิต แก้ปัญหา และทำการสร้างสรรค์ (พระพรหมคุณาภรณ์, ป.อ. ปยุตโต, 2548) องค์ประกอบของการปฏิบัติการสอนมี 5 องค์ประกอบ ตามแนวคิดของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) คือ
นอกจากแนวคิดตามภูมิปัญญาตะวันออกดังกล่าว นักการศึกษาของไทยในปัจจุบันยังได้มีการนำแนวคิด ทฤษฎีการเรียนรู้และการสอนของนักการศึกษาชาวตะวันตกเข้ามาบูรณาการในการจัดการศึกษาของไทย เช่น ทฤษฎีการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) ทฤษฎีกระบวนการทางสมองในการประมวลข้อมูล (Information Processing Theory) ทฤษฎีพหุปัญญา (Theory of Multiple Intelligences) ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Theory of Cooperative Learning และแนวคิดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐาน (Brain-Based Learning Approach) (ทศนา แขมมณี, 2551; นริศรา เสื้อคล้าย, 2550; ศูนย์พัฒนาการเรียนรู้และวิชาชีพครู 2551, http://www.edu.chula. ac.th/thinking) เป็นต้น งานสำคัญในการปฏิบัติการสอน ในการปฏิบัติการสอนนั้นครูต้องทำงานเป็นระบบเพื่อให้ได้ผลลัพธ์การเรียนรู้ที่มีคุณภาพ ระบบการทำงานจะเป็นแบบใดก็ได้แต่ต้องทำงานให้ครบทั้งระบบ เป็นกระบวนการปฏิบัติการควบคู่ไปกับการเรียนรู้และการพัฒนา เช่นการดำเนินการสอนตามระบบวงจรคุณภาพ PDCA หรือระบบในการจัดการเรียนการสอนอย่างมีประสิทธิภาพและเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญตามเกณฑ์การพิจารณามาตรฐานที่ 9 ในการประเมินคุณภาพภายนอก (สมศ., 2551) เป็นต้น ในการปฏิบัติการสอนตามระบบวงจรคุณภาพ PDCA ครูจะต้องปฏิบัติการสอนโดยมีการปฏิบัติงาน 4 ขั้นตอน เป็นวงจรต่อเนื่องเพื่อการปฏิบัติงาน การเรียนรู้ และการสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน ดังนี้ P ย่อมาจาก Plan คือ ครูต้องวางแผนการสอน D ย่อมาจาก Do คือ ครูต้องสอนตามแผนที่วางไว้ C ย่อมาจาก Check คือ ครูต้องตรวจสอบผลการปฏิบัติงานการสอนของตนเอง โดยสังเกตจากการเปลี่ยนแปลงของนักเรียน และความเชื่อมโยงกับสภาพการเรียนที่ครูจัดให้นักเรียน และA ย่อมาจาก Act คือ การกระทำเพื่อปรับปรุงพัฒนาตนเองในการปฏิบัติการสอนให้ประสบผลสำเร็จมากยิ่งขึ้น โดยใช้ความรู้ความเข้าใจจากประสบการณ์การวางแผนและดำเนินการและสารสนเทศ ตรวจสอบตนเองมาเป็นฐานในการพัฒนาตน ในการปฏิบัติการสอนแบบระบบการดำเนินงานตามมาตรฐานที่ 9 (สมศ., 2551) ครูต้องคำเนินการให้ครบทั้ง 7 งาน ดังนี้ (1) ครูต้องวิเคราะห์หลักสูตรเพื่อให้เข้าใจในค่านิยมสังคมที่มุ่งปลูกฝังรวมทั้ง แนวคิด เป้าหมาย กระบวนการ และผลลัพธ์สำคัญของการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2) ครูต้องวิเคราะห์ศักยภาพ ความสนใจ ความถนัด ข้อจำกัด และโอกาสของผู้เรียนแต่ละคนและทุกคนเพื่อครูจะได้เข้าใจผู้เรียนเป็นรายบุคคล (3) ครูต้องออกแบบและจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่หลากหลายและเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (4) ครูต้องใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาการเรียนรู้ของตนเองและผู้เรียน (5) ครูต้องวางแผนและดำเนินการวัดและประเมินผลการเรียนการสอนอย่างรอบด้านคือทั้งความสุข ความดี และความเก่ง หรือ รอบด้านของมาตรฐานด้านผู้เรียนทั้ง 7 มาตรฐานตามการประเมินคุณภาพภายนอก (สมศ., 2551) และมีสมรรถนะสำคัญทั้ง 5 ประการ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน อันได้แก่ ความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้ทักษะชีวิตและการใช้เทคโนโลยีและสอดคล้องกับสภาพการเรียนรู้ที่จัดให้ผู้เรียน และอิงพัฒนาการของผู้เรียน (6) ครูต้องนำผลการประเมินมาปรับการเรียนเปลี่ยนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพและครบมาตรฐานของหลักสูตร และ (7) ครูต้องทำวิจัยเพื่อแก้ปัญหาและเพื่อพัฒนาสื่อ และการเรียนรู้ของผู้เรียน และนำผลไปใช้พัฒนาผู้เรียนและการปฏิบัติงานการสอนของตนเอง ในการปฏิบัติการสอนแต่ละครั้งครูต้องจัดเวลาในการทำงานอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องโดยปกติจะแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะแรกเป็นการเตรียมการก่อนการสอน ครูต้องเตรียมแผนการสอน หรือแผนการจัดการเรียนรู้ทั้งแผนการสอนระยะยาว แผนการสอนระยะสั้น แผนการสอนรายหน่วยและแผนการสอนรายคาบ และสื่อ ระยะที่สองเป็นการดำเนินการสอนตามแผนขณะสอนครูต้องมีสติ สมาธิ ปัญญา และอารมณ์ที่ถูกต้องและสร้างสรรค์ การจัดกิจกรรมส่งเสริมสนับสนุนเรียนรู้นั้นต้องตั้งอยู่บนฐานอารมณ์แห่งความเมตตา และกรุณาต่อศิษย์ ในขณะจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทั้ง 3 ขั้นตอน คือ การนำ การสอน และการสรุปความรู้เพื่อการนำไปใช้ และระยะที่สามเป็นการดำเนินการหลังการสอน ครูต้องจัดเวลาหลังสอนมามีเวลาคิดทบทวนไตร่ตรองผลการเรียนการสอนเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาแนวคิด แนวปฏิบัติ และการออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ครูต้องจัดเวลาคิดไตร่ตรองและการบันทึกหลังสอน รวมทั้งตรวจงานของนักเรียนและปรับปรุงแผนกิจกรรมการเรียนรู้ครั้งต่อไป และการทำวิจัยปฏิบัติการเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของตนเองให้ส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นการปฏิบัติการสอนที่มีคุณภาพ ครูจำเป็นต้องใช้เวลา สติ สมาธิ ปัญญา และอารมณ์แห่งความเมตตาและกรุณาในการปฏิบัติการสอน ครูมืออาชีพของไทยหลายคน ท่านมีวิถีชีวิตในการดำเนินการปฏิบัติการสอนโดยให้คุณค่าแก่การพัฒนาลูกศิษย์ อุดมคติของท่านก็คือ “ครูคือกัลยาณมิตรของศิษย์” “ผลงานของครูต้องดูที่ศิษย์” “การปฏิบัติงานคือการปฏิบัติธรรม” และ “ชีวิตคือการเรียนรู้
สารานุกรมวิชาชีพครู เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา, หน้า 63-67. การปฏิบัติงานในหน้าที่ของครูผู้สอนมีอะไรบ้างหน้าที่ของครูผู้สอน ปฏิบัติงานเกี่ยวการจัดการเรียนการสอนและส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการที่หลากหลายโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ จัดอบรมสั่งสอนและจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาผู้เรียน ให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ปฏิบัติงานวิชาการของสถานศึกษา
บทบาทหน้าที่ของครูคืออะไร๑. ครูต้องรักและเมตตาศิษย์ โดยให้ความเอาใจใส่ช่วยเหลือ ส่งเสริมให้ก าลังใจในการศึกษา เล่าเรียนแก่ศิษย์โดยเสมอหน้า ๒. ครูต้องอบรม สั่งสอน ฝึกฝน สร้างเสริมความรู้ ทักษะและนิสัยที่ถูกต้องดีงามให้แก่ศิษย์ อย่างเต็มความสามารถด้วยความบริสุทธิ์ใจ ๓. ครูต้องประพฤติ ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ ๔. ...
ครูควรมีความรับผิดชอบต่อสิ่งใด1. ร่วมมือกันในการอบรมสั่งสอนศิษย์ให้เป็นพลเมืองดีของชาติอย่างสม่ำเสมอ 2. ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในทางด้านวิชาการ เช่น การแนะนำการสอน, แนะนำเอกสาร หรือแหล่งวิทยาการให้ 3. ช่วยเหลืองานส่วนตัวซึ่งกันและกันเท่าที่โอกาสจะอำนวย 4. ทำหน้าที่แทนกันเมื่อคราวจำเป็น
ครูและนักเรียนควรปฏิบัติต่อกันอย่างไร3. บทบาทหน้าที่ต่อครู อาจารย์ และโรงเรียน
3.1 ให้ความเคารพและเชื่อฟังครู/ อาจารย์ทุกท่าน 3.2 ปฏิบัติตนให้อยู่ในระเบียบวินัยของโรงเรียน 3.3 รักและภาคภูมิใจ ในสถาบันการศึกษาของตน 3.4 ให้ความร่วมมือ กับครู/อาจารย์ และโรงเรียน ในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของ โรงเรียน
|