1. การแจ้งเกิด แจ้งต่อนายทะเบียนท้องที่ภายใน 15 วัน นับแต่วันเกิด กรณีจำเป็นไม่อาจแจ้งได้ตามกำหนดให้แจ้งภายหลัง แต่ต้องไม่เกิน 30 วัน นับแต่วันเกิด กรณีเกิดในบ้าน ให้เจ้าบ้านหรือมารดา (หรือผู้ได้รับมอบหมาย) แจ้งต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่ที่มีคนเกิดในบ้าน - แจ้งการเกิดภายใน 15 วัน นับแต่วันเกิดไม่แจ้งภายในกำหนดปรับไม่เกิน 1,000 บาท - บัตรประจำตัวของเจ้าบ้าน หรือบิดา หรือมารดา หรือผู้ได้รับมอบหมาย - สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน - บัตรประจำตัวของเจ้าบ้าน หรือบิดา หรือมารดา หรือหนังสือมอบหมายกรณีได้รับมอบหมาย กรณีเกิดนอกบ้าน ให้บิดา หรือมารดา (หรือผู้ได้รับมอบหมาย) แจ้งต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่ที่มีคนเกิดนอกบ้าน หรือแห่งท้องที่ที่จะพึงแจ้งได้ - แจ้งการเกิดภายใน 15 วัน นับแต่วันเกิด ในกรณีจำเป็นไม่อาจแจ้งได้ตามกำหนดให้แจ้งภายหลังได้แต่ต้องไม่เกิน 30 วัน นับแต่วันเกิด ไม่แจ้งภายในกำหนดปรับไม่เกิน 1,000 บาท กรณีเกิดที่โรงพยาบาล เป็นหน้าที่ของเจ้าบ้านโรงพยาบาลซึ่งได้แก่ผู้อำนวยการโรงพยาบาล หรือผู้ใดก็ตามที่มีชื่อ เป็นเจ้าบ้านโรงพยาบาลนั้นเป็นผู้แจ้งการเกิดของเด็กในโรงพยาบาลในกรณีไม่อาจแจ้งการเกิดด้วยตนเองได้ จะมอบหมายให้ผู้ หนึ่งผู้ใด ไปดำเนินการเกิดแทนก็ได้เมื่อนายทะเบียนรับแจ้งการเกิด และเพิ่มชื่อเด็กที่เกิดในทะเบียนบ้านกลางแล้ว บิดา มารดา หรือผู้ได้รับมอบหมายจะแจ้งการย้ายที่อยู่ของเด็กที่เกิดออกจากทะเบียนบ้านกลางโดยได้รับสูติบัตร และใบแจ้งการย้าย ที่อยู่ไปแจ้งย้ายเข้าทะเบียนบ้านที่ประสงค์จะย้ายเข้าต่อไปหรือ บิดา มารดา หรือผู้ได้รับมอบหมายจะดำเนินการแจ้งเกิด และแจ้งการย้ายที่อยู่ของเด็กได้ภายใน 15 วัน นับแต่วันเกิด โดยใช้หลักฐาน - ใบรับสูติบัตร - บัตรประจำตัวบิดา หรือมารดา หรือผู้ได้รับมอบหมาย - สำเนาทะเบียนบ้าน (กรณีย้ายเด็กเข้าทะเบียนบ้านในเขตเทศบาล) การแจ้งเกิดเกินกำหนด - เปรียบเทียบคดีความผิด ปรับไม่เกิน 1,000 บาท - สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน - บัตรประจำตัวฯ บิดา - มารดา (ถ้ามี) - หนังสือรับรองการเกิด (ถ้ามี) - สอบสวนผู้แจ้ง บิดา มารดา - พยานแวดล้อมกรณี - ฯลฯ เกิดในสภาพแรกเกิดหรือเด็กอ่อนซึ่งถูกทอดทิ้ง ผู้ใดพบเด็กในสภาพแรกเกิดหรือเด็กอ่อนซึ่งถูกทอดทิ้งให้นำเด็กนั้นไปส่ง และแจ้งต่อพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ประชาสงเคราะห์แห่งท้องที่ที่ตนพบเด็กนั้นโดยเร็ว - เจ้าหน้าที่ประชาสงเคราะห์ได้รับตัวไว้ แล้วแจ้งการมีคนเกิดต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้ง - บัตรประจำตัวผู้แจ้ง - สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านของสถานสงเคราะห์ และบันทึกการรับตัวเด็ก - สอบสวนผู้แจ้ง และผู้ปกครองสถานสงเคราะห์ สูติบัตรสูญหาย บิดา - มารดา หรือผู้มีส่วนได้เสียยื่นคำร้องขอคัดสำเนาสูติบัตรได้ ณ สำนักทะเบียนที่ออกสูติบัตรนั้น ใช้หลักฐานประกอบ คือ บัตรประจำตัวผู้ยื่นคำร้อง 2. การแจ้งตาย กรณีเสียชีวิตในบ้าน ให้เจ้าบ้านหรือผู้ได้รับมอบหมายจากเจ้าบ้านแจ้งต่อนายทะเบียนท้องที่ที่มีผู้เสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมง ถ้าไม่มีเจ้าบ้านให้ผู้พบศพแจ้งภายใน 24 ชั่วโมงนับแต่พบศพ (กรณีเสียชีวิตด้วยโรคชรา บุคคลอายุ 70 ปีขึ้นไป ส่วนผู้ที่อายุไม่ถึง 70 ปี ต้องแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน) หลักฐาน - สำเนาทะเบียนบ้าน (ผู้เสียชีวิต) - บัตรประชาชนผู้แจ้ง - หนังสือรับรองการตาย กรณีเสียชีวิตด้วยโรคหรือชราภาพ - หนังสือรับรองการตายจากแพทย์ใบประกอบโรคศิลป์ และบัตรประจำตัวของแพทย์ (กรณีมีแพทย์รักษาก่อนตาย) - บัตรประจำตัวผู้แจ้ง (เจ้าบ้านและผู้ได้รับมอบหมาย) กรณีเสียชีวิตโดยผิดธรรมชาติ เช่น ถูกยิง อุบัติเหตุ - ให้ผู้แจ้ง แจ้งต่อสถานีตำรวจท้องที่ที่มีผู้เสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อออกใบชัณสูตรพลิกศพ - สถานีตำรวจจะส่งศพไปยังสถาบันนิติเวชวิทยาเพื่อหาสาเหตุการตาย และออกใบรับรองสาเหตุการตายจากสถาบัน ฯ - บัตรประจำตัวผู้แจ้ง (เจ้าบ้านและผู้ได้รับมอบหมาย) - หากไม่แจ้งตายภายในกำหนด ปรับไม่เกิน 1,000 บาท กรณีเสียชีวิตในโรงพยาบาล - บัตรประจำตัวของผู้แจ้ง และหนังสือมอบหมาย - หนังสือรับรองการตาย - สำเนาทะเบียนบ้านที่ผู้เสียชีวิตมีชื่อ (คนในพื้นที่ตายในโรงพยาบาล) - นำหลักฐานไปแจ้งการตายต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่ที่โรงพยาบาลนั้นตั้งอยู่ กรณีเสียชีวิตนอกบ้าน ให้บุคคลที่ไปกับผู้เสียชีวิตหรือผู้พบศพ แจ้งต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่ที่มีการตาย หรือพบศพแล้วแต่กรณี หรือแห่งท้องที่ที่จะพึงแจ้งได้ภายใน 24 ชั่วโมงนับแต่เวลาเสียชีวิต หรือเวลาพบศพ ในกรณีเช่นนี้จะแจ้งต่อพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจก็ได้ - บุคคลที่ไปกับผู้เสียชีวิต หรือผู้ได้รับมอบหมายแจ้งต่อนายทะเบียน หรือพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจแห่งท้องที่ที่เสียชีวิตหรือพบศพ หรือแห่งท้องที่ที่จะพึงแจ้งได้ในโอกาสแรก - แจ้งภายใน 24 ชั่วโมง นับแต่เวลาเสียชีวิตหรือพบศพ - หากไม่แจ้งภายในกำหนด ปรับไม่เกิน 1,000 บาท การแจ้งเสียชีวิตเกินกำหนดเวลา หมายถึง การที่ไม่ได้แจ้งตายภายใน 24 ชั่วโมง นับแต่เวลาเสียชีวิต หรือเวลาพบศพ - ให้ผู้มีหน้าที่แจ้งตายนำหลักฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับการเสียชีวิตไปแจ้งต่อนายทะเบียนท้องที่ที่เสียชีวิต - นายทะเบียนจะดำเนินคดีเปรียบเทียบปรับไม่เกิน 1,000 บาท - นายทะเบียนจะสอบสวนพยานบุคคล เพื่อประกอบการพิจารณารับแจ้งตายเกินกำหนด การแจ้งตายในการประสบอุบัติเหตุ - ให้ผู้ที่ไปกับผู้เสียชีวิต หรือผู้พบศพ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายไปแจ้งการตายต่อนายทะเบียน หรือพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจแห่งท้องที่ที่เสียชีวิต หรือพบศพก่อน หรือท้องที่ที่จะพึงแจ้งได้ในโอกาสแรกภายใน 24 ชั่วโมง นับแต่เวลาเสียชีวิต หรือพบศพเพื่อออกใบรับแจ้งไว้เป็นหลักฐาน - นำศพส่งสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ทำการตรวจพิสูจน์ศพถึงสาเหตุการตายและออกใบแจ้งการตาย - นำหลักฐานใบแจ้งการตาย และใบแจ้งการตายของสถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาลไปแจ้งต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่ที่พบศพ เพื่อประกอบหลักฐานออกใบมรณบัตร ต่อไป มรณบัตรสูญหาย ให้บิดา - มารดา หรือผู้มีส่วนได้เสียยื่นคำร้องขอคัดสำเนามรณบัตรได้ ณ สำนักทะเบียนที่ออกมรณะบัตรนั้น หลักฐานประกอบ ได้แก่ บัตรประจำตัวของผู้ยื่นคำร้อง 3. การย้ายที่อยู่ ให้เจ้าบ้านแจ้งการย้ายที่อยู่ต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้ง (พิจารณาจากทะเบียนบ้านว่าได้มีการระบุให้ผู้ใดทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้าน) ผู้อยู่ในบ้านย้ายที่อยู่เข้า-ออกจากบ้าน ให้แจ้งการย้ายเข้า-ออกภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ผู้อยู่ในบ้านย้ายเข้า-ออก หากไม่แจ้งภายในกำหนดมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท การย้ายเข้า ผู้ย้ายที่อยู่เข้าอยู่ในบ้าน ให้เจ้าบ้านแจ้งการย้ายเข้าภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ย้ายเข้าอยู่ในบ้าน หากไม่แจ้งภายในกำหนดมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท กรณีเจ้าบ้านมาดำเนินการด้วยตนเอง - บัตรประจำตัวของเจ้าบ้าน - สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน - ใบแจ้งการย้ายที่อยู่ ตอนที่ 1 และ 2 กรณีได้รับมอบหมายจากเจ้าบ้าน ผู้ได้รับมอบหมายมีชื่อในทะเบียนบ้านไม่ต้องมีหนังสือมอบอำนาจ - บัตรประจำตัว หรือสำเนาภาพถ่ายบัตรประจำตัวของเจ้าบ้านในฐานะผู้มอบหมายและให้เจ้าบ้านลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้องในสำเนาภาพถ่ายบัตรประจำตัว - บัตรประจำตัวผู้แจ้งในฐานะผู้ได้รับมอบหมาย - สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน - ใบแจ้งการย้ายที่อยู่ ตอนที่ 1 และ 2 การย้ายออก กรณีเจ้าบ้านมาดำเนินการด้วยตนเอง - บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าบ้าน (หรือบัตรประจำตัวข้าราชการฯ พนักงานองค์การของรัฐ) - สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน กรณีได้รับมอบหมายจากเจ้าบ้าน 1. ผู้ได้รับมอบหมายมีชื่อในทะเบียนบ้าน - บัตรประจำตัว หรือสำเนาภาพถ่ายบัตรประจำตัวของเจ้าบ้านในฐานนะผู้มอบหมายและให้เจ้าบ้านลงลายมือชื่อรับรอง สำเนาถูกต้อง ในสำเนาภาพถ่ายบัตรประจำตัว ฯ - บัตรประจำตัวผู้แจ้งในฐานะผู้ได้รับมอบหมาย 2. ผู้ได้รับมอบหมายไม่มีชื่อในทะเบียนบ้าน - นอกจากหลักฐานตามข้อ 1 แล้วจะต้องมีหนังสือมอบหมายจากเจ้าบ้าน ปรากฏข้อความชัดเจนว่าได้มอบหมายให้มา แจ้งย้ายที่อยู่แทน การแจ้งย้ายออกโดยไม่ทราบที่อยู่ (ย้ายเข้าทะเบียนบ้านกลาง) เจ้าบ้านไม่ทราบว่าผู้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเป็นใคร หรือไปอยู่ที่ใดให้แจ้งการย้ายออกภายใน 30 วัน นับแต่วันครบ 180 วัน โดยไม่ทราบที่อยู่ - บัตรประจำตัวของเจ้าบ้าน - สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน - บัตรประจำตัว หรือสำเนาภาพถ่ายบัตรประจำตัวของเจ้าบ้านในฐานะผู้มอบหมาย และให้เจ้าบ้านลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้องในสำเนาภาพถ่ายบัตรประจำตัว และบัตรประจำตัวผู้แจ้งในฐานะผู้ได้รับมอบหมาย พร้อมหนังสือมอบหมายจากเจ้าบ้านกรณีได้รับมอบหมายจากเจ้าบ้านให้มาดำเนินการแทน การย้ายออกจากทะเบียนบ้านกลาง ผู้มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านถูกย้ายโดยไม่ทราบที่อยู่ (ถูกย้ายเข้าทะเบียนบ้านกลาง) ประสงค์ที่จะย้ายออก (ทะเบียนบ้านกลางมิใช่ทะเบียนบ้านแต่เป็นทะเบียน ที่ใช้สำหรับลงรายการบุคคลที่ไม่อาจมีชื่อในทะเบียนบ้านได้ บุคคลที่มีรายการในทะเบียนบ้านกลางไม่มีสิทธิ์ยื่นคำร้องขอคัดและให้นายทะเบียนรับรองสำเนารายการ เพื่อนำไปอ้างอิงหรือใช้สิทธ์ต่างๆ เหมือนทะเบียนบ้านได้) 1. กรณีผู้ร้อง (เจ้าตัว) มาดำเนินการเอง - บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรประจำตัวข้าราชการ ฯ หรือพนักงานองค์การของรัฐ - ถ้าบัตรประจำตัวประชาชนหาย ต้องมีใบแจ้งบัตรหาย (แจ้ง ณ สำนักทะเบียน) พร้อมทั้งหลักฐานอื่นที่มีรูปถ่ายมาแสดงด้วย อย่างใด อย่างหนึ่ง เช่น ใบอนุญาตขับขี่ ฯ บัตรประจำตัวนักเรียน นิสิต นักศึกษา ส.ด.8, ส.ด.43 หนังสือเดินทาง 2. กรณีมอบหมายให้ผู้อื่นมาดำเนินการย้าย - หนังสือมอบหมายของผู้ประสงค์จะขอย้ายออก - บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ประสงค์จะขอย้ายออก - บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ได้รับมอบหมายให้มาดำเนินการย้ายออก 3. กรณีย้ายบุคคลที่ไม่บรรลุนิติภาวะ 3.1 สูติบัตร 3.2 บิดาหรือมารดา จะต้องเป็นผู้ดำเนินการขอย้ายเอง พร้อมทั้งต้องมีบัตรประจำตัวประชาชนมาแสดงด้วย 3.3 กรณีไม่ปรากฏตามข้อ 3.4 ต้องดำเนินการสอบปากคำมาแจ้งย้ายด้วย 4. กรณีบุคคลต่างด้าวขอย้ายออกจะต้องมีหนังสือสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวมาแสดงด้วย การย้ายออกของบุคคลที่เดินทางไปต่างประเทศ เช่นเดียวกับการย้ายออกกรณีที่ |