เชื่อมบลูทูธกับรถ toyota revo ไม่ได้

ยานพาหนะในปัจจุบันมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเพื่อให้การขับขี่ในชีวิตประจำวันของเราง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีช่วยเหลือคนขับ ไปจนถึงระบบ infotainment สำหรับระบบบลูทูธคือหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้อย่างเป็นมาตรฐานทั่วโลก ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถใช้งานโทรศัพท์ขณะขับรถได้อย่างปลอดภัย อาทิ การรับสาย-โทรออก ตอบข้อความกลับ และเล่นเพลงจากโทรศัพท์

เชื่อมบลูทูธกับรถ toyota revo ไม่ได้

เชื่อมบลูทูธกับรถ toyota ไม่ได้

แม้ว่าการเชื่อมต่อบลูทูธอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ที่รถยนต์เพิ่งทำได้ และได้มีการอัพเดทซอฟต์แวร์มาหลายรุ่นในเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็สามารถทำให้รถยนต์ โทรศัพท์ และผู้ขับขี่เป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างง่ายดาย ซึ่ง Toyota Sienta ก็ตอบโจทย์ในเรื่องของการเชื่อมต่อได้เป็นอย่างดี การเชื่อมต่อระบบบลูทูธในรถจะทำได้กับอุปกรณ์ที่ได้รับอนุญาต หรือที่จับคู่ (Pairing) กับระบบเรียบร้อยแล้วเท่านั้น โดยอุปกรณ์หนึ่งจะสามารถเชื่อมต่อได้ครั้งละ 1 เครื่อง แต่สามารถจับคู่อุปกรณ์ได้สูงสุด 5 เครื่อง ซึ่งสามารถสลับการใช้งานได้ตามความต้องการ วิธีเชื่อมบลูทูธกับรถ toyota Sienta มีขั้นตอนดังนี้

เชื่อมบลูทูธกับรถ toyota revo ไม่ได้

เลือกการตั้งค่าที่หน้าจอ infotainment ของ Toyota Sienta

1. เปิด Bluetooth® ในโทรศัพท์ที่ต้องการเชื่อมต่ออุปกรณ์โดยไปที่การตั้งค่า และเปิดใช้งานรายการเมนูที่ระบุว่า "Bluetooth"

2. กดปุ่มBluetooth® บนหน้าจอ infotainment ของ Toyota Sienta

3. เลือกการตั้งค่า Bluetooth® ในโทรศัพท์ และกดเลือกสแกนหาอุปกรณ์

4. เลือก “ชื่ออุปกรณ์ของรถ” เพื่อเชื่อมต่อ จากนั้นไอคอน Bluetooth® จะปรากฏบนรถยนต์ และโทรศัพท์ของคุณ

5. หน้าจอของ Toyota จะแจ้งให้กดอนุญาตการเข้าถึงอุปกรณ์โทรศัพท์

นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ด้วย Toyota Entune ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่ออกแบบมาเพื่อให้การเชื่อมต่อระหว่างรถ และอุปกรณ์ทำงานได้อย่างสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น แต่สำหรับแอปพลิเคชั่นนี้ยังไม่เปิดให้บริการในประเทศไทย โดยมีขั้นตอนในการเชื่อมต่อ ดังนี้

รถจะต้องจอดนิ่งอยู่กับที่ก่อนจะจับคู่โทรศัพท์กับ Bluetooth ของ Toyota Sienta จากนั้น

1. เปิด Bluetooth ใน iPhone

  • เข้าไปที่เมนู SETTINGS
  • เลือก BLUETOOTH
  • เปิดสวิตช์ Bluetooth ไปที่ตำแหน่ง ON

2. เปิดบลูทูธ ในระบบ Toyota Entune

  • เข้า APPS Entune
  • เลือก SETUP
  • กด BLUETOOTH
  • เลือกเพิ่มเพื่อเชื่อมต่อกับ iPhone

3. เชื่อมต่อ Toyota Entune กับ iPhone

  • เลือก TOYOTA VEHICLE จากรายการอุปกรณ์ Bluetooth
  • ระบบ Entune จะยืนยันว่ามีการจับคู่กับ iPhone แล้ว
  • ยืนยันรหัส PIN ให้ตรงกันทั้งหน้าจอ Entune และ iPhone

เชื่อมบลูทูธกับรถ toyota revo ไม่ได้

สำหรับ Toyota Sienta ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การประกอบจากโรงงาน แต่เกิดจากปัญหาของซอฟต์แวร์เสียมากกว่า

แต่อย่างไรก็ตามระบบการเชื่อมต่อ Bluetooth ของ Toyota Sienta ก็มีปัญหาอยู่เหมือนกัน ซึ่งมีเหตุผลมาจากเรื่องของการรองรับระบบปฏิบัติการ iOS แต่ไม่รองรับระบบปฏิบัติการ Android และได้มีการตั้งกระทู้ถามปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ในเว็บไซต์พันทิป ว่า

“Toyota Sienta ปัญหาของการต่อ Bluetooth: ใช้เชื่อมต่อกับ HUAWEI Mate 9 หน้าจอของเครื่องเสียงมีขึ้นสามอย่าง หนึ่งในนั้นมีคำว่า AppManu: ล้มเหลว และในตั้งค่า Bluetooth ของโทรศัพท์ก็ขึ้นว่า เชื่อมต่อแล้ว (ยกเว้นเสียงสื่อ) พยายามทำตามคู่มือ ทำทุกอย่าง ตั้งค่าให้ระบบรับแอนดรอยด์ แล้วก็แล้ว ก็เป็นเหมือนเดิม ไม่ทราบว่าเกิดจากอะไรครับ มีใครเป็นเหมือนกันมั้ยครับ ต้องทำไงครับ”

และได้มีคำตอบดังนี้ ความคิดเห็นที่ 1: เพื่อนผม ลิ้งก์ แค่เสียงใช้ได้อยู่ แต่เป็นซัมซุง

ความคิดเห็นที่ 2: ลองใช้ยี่ห้ออื่นดูครับ ถ้าไม่หายก็เข้าศูนย์ครับ

และความคิดเห็นที่ 3: ซัมซุง s5 ผมก็เป็นเหมือนกันครับ ผ่านทุกอย่าง ยกเว้น AppManu ผมลองไอโฟน 7 ของเพื่อน เชื่อมต่อ มันผ่านหมดทุกอย่างเลยครับ

สำหรับการใช้งานจริงของผู้เขียนสามารถเชื่อมต่อบลูทูธกับโทรศัพท์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android กับ Toyota Sienta ได้ แต่จะมีการเชื่อมต่อที่ช้ากว่าระบบปฏิบัติการ iOS ของ iPhone รวมถึงเมื่อดับเครื่องไปแล้ว การเชื่อมต่ออีกครั้งก็จะทำได้ช้ามาก หรือบางครั้งต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์อีกรอบหนึ่งเลย

ดูเพิ่มเติม
บอกเล่าเก้าสิบ ประสบการณ์คนใช้ TOYOTA SIENTA​
เม้าท์มอยปัญหาเสียงดังแก๊กๆของ Toyota Sienta​

สรุปได้ว่าปัญหาของการเชื่อมต่ออุปกรณ์ Bluetooth ของ Toyota Sienta กับโทรศัพท์มือถือที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องของซอฟต์แวร์อุปกรณ์ที่ไม่สามารถรองรับระบบปฏิบัติการ Android ได้ 100% แม้ว่าล่าสุดจะเพิ่งมีการอัพเดทระบบปฏิบัติการของ infotainment ไป ซึ่งช่วยให้อุปกรณ์เชื่อมต่อกันได้เร็วขึ้น แต่ก็ยังมีติดขัดอยู่บ้างในบางครั้ง สำหรับบทความต่อไปจะเป็นเรื่องอะไรอย่าลืมติดตามกันได้ที่ Chobrod.com นะคะ

ดูรถ Segment ใกล้เคียง Haval Jolion | Honda HR-V e:HEV | Toyota C-HR | Toyota Collora Cross | Mazda CX-3 | Mazda CX-30 | MG EP | MG ZS | MG ZS EV | NISSAN KICKS


• NEW MG ZS EV 2022 มาพร้อมฟีเจอร์ล้ำสมัยและมีสมรรถนะสูง ด้วยมอเตอร์ขนาด 177 แรงม้า แบตเตอรี่ 50.3 กิโลวัตต์/ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ 403 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง

• ตอบโจทย์เอาท์ดอร์ไลฟ์สไตล์ด้วยฟีเจอร์ V2L (Vehicle to Load) จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า ด้วยกำลังสูงสุดถึง 2,200 วัตต์

• มั่นใจทุกการเดินทางด้วยเครือข่าย MG Super Charge หนึ่งในระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ของ MG ที่รองรับการเดินทางทั่วประเทศ พิสูจน์แล้วจากการทดสอบการเดินทางทั่วประเทศรวมระยะทางกว่า 4,880 กิโลเมตร ในโปรเจค EV Marathon


MG ZS EV 2022 ราคา
MG ZS รุ่น D ราคา 949,000.
MG ZS รุ่น X ราคา 1,023,000.


ราคารถ และสเปคใกล้เคียง ที่น่าสนใจ...


รถไฟฟ้าที่น่าสนใจ...
โปรโมชั่นรถ MG พิเศษสำหรับออนไลน์เท่านั้น
  • 🚘 MG5 ดาวน์เริ่มต้นเพียง 19,900.-
  • 🚘 MG ZS ใช้เงินออกรถ ⭕️ บาท
  • 🚘 กะบะแคป/กะบะ4ประตู Extender ใช้เงินออกรถ ⭕️ บาท
  • 🚘 MG HS ใช้เงินออกรถ ⭕️ บาท

#ออกรถง่าย #ออกรถได้ทุกอาชีพ #ออกรถได้ทั่วไทย#ไฟแนนซ์ผ่านง่าย #มีรถพร้อมส่งมอบ #เซลล์ใจดีมาก🥰
  • ติดต่อ
  • เซลล์ คุณอุ๊ : 089-110-3715 *MG กทม และปริมณฑล.
  • Line : Pigkyau
  • *เซลล์ใจดีให้คำปรึกษาฟรี สินเชื่อปล่อยง่าย ดันทุกเคส ออกรถง่ายๆจร้า
  • #ดาวน์น้อยหาคนค้ำไม่ได้..ทักหาอุ๊ได้เลยนะคะ

ราคา MG ZS EV ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์




อุปกรณ์มาตรฐาน MG ZS EV

มิติ และน้ำหนัก
– ความยาว x ความกว้าง x ความสูง เท่ากับ 4,323 x 1,809 x 1,649 มม.
– ระยะช่วงล้อ 2,585 มม.
– ระยะห่างระหว่างล้อคู่หน้า / หลัง เท่ากับ 1,526 / 1,539 มม.
– ระยะต่ำสุดจากพื้น 161 มม.
– น้ำหนักรถ (โดยประมาณ) 1,570 กก. (รุ่น D) และ 1,610 กก. (รุ่น X)
– ขนาดล้อ และยาง ล้ออัลลอยด์ 17 นิ้ว ยางา 215/55 R17
– ฝาครอบล้อแบบ Aero Wheel Cover

สมรรถนะ
– ประเภทมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor
– ประเภทแบตเตอรี่ Lithium-Ion Battery
– กำลังสูงสุด 177 แรงม้า
– แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร
– ความจุแบตเตอรี่ 50.3 กิโลวัตต์/ชั่วโมง
– ระบะทางวิ่งสูงสุด (NEDC Mode) 403 กม.

ระบบพวงมาลัย และระบบช่วงล่าง
– ระบบพวงมาลัย แร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)
– รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.6 เมตร
– ระบบช่วงล่างหน้า อิสระแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
– ระบบช่วงล่างหลัง ทอร์ชันบีม
– ระบบเบรกหน้า ดิสก์เบรกพร้อมช่องระบายความร้อน
– ระบบเบรกหลัง ดิสก์เบรก

MG ZS EV รุ่น D

ภายนอก
– ไฟหน้าแบบ LED
– ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights)
– ไฟท้ายแบบ LED
– ระบบควบคุมการ เปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
– ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
– กระจกมองข้างพับ และปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
– ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้า แบบตั้งเวลาหน่วง
– ระบบปัดน้ำฝนด้านหลัง
– ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง
– สปอยเลอร์หลัง
– ที่เปิดฝากระโปรงท้ายสไตล์สปอร์ต

ภายในและความสะดวกสบาย
– สีภายใน สีดำ
– วัสดุหุ้มเบาะ หนังสังเคราะห์
– ตกแต่งภายในด้วยวัสดุ Soft Touch
– พวงมาลัยหุ้มหนัง ปรับสูง-ต่ำได้
– เบาะนั่งคนขับปรับ 6 ทิศทาง
– เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง
– เบาะนั่งด้านหลัง พนักพิงพับได้ 60:40
– พื้นที่เก็บสัมภาระปรับได้ 2 ระดับ
– ช่องเก็บเอกสารด้านหลังเบาะด้านหน้า
– หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-Function Display)
– กระจกไฟฟ้า One Touch Up-Down ด้านคนขับ
– กระจกมองหลังตัดแสง
– ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ
– ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
– ระบบกรองอากาศ PM 2.5
– ระบบกุฐแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อม Push Start
– ระบบจ่ายกระแสไฟ V2L (Vehicle to Load)

ระบบความปลอดภัย
– ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame)
– ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
– ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
– ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
– ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
– ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
– ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
– ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
– ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Strat Assist System)
– ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)
– ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
– ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
– ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
– ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
– ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
– ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
– ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
– ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist)
– ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
– จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
– เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
– เข็มขัดนิรภัยแถวหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง
– ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
– กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
– สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
– ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer
– ชุดซ่อมยางฉุกเฉิน

ระบบเครื่องเสียง
– พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
– จำนวนลำโพง 4 ตัว
– หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว
– ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ / ช่องเชื่อมต่อ USB
– ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay
– ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดียสมาร์ทโฟนระบบ Android

ระบบสั่งการอัจฉริยะ i-SMART
SMART CHECK (ระบบตรวจเช็กอัจฉริยะ)
– ระบบตรวจสอบสถานะรถยนต์
– ระบบสั่งการ และระบบค้นหารถ Find My Car
– ระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์
– ระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์
– ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ
– ระบบตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ การชาร์จ และสถานีชาร์จ

SMART COMMAND (ระบบสั่งการอัจฉริยะ)
– กุญแจดิจิตอล
– ระบบสั่งการผ่านเสียงภาษาไทย
– ระบบควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน
– ระบบวางแผนการเดินทาง Travel Plan และตั้งค่าการเดินทางแบบ Team Travel
– ระบบโทรออก-รับสายกรณีฉุกเฉิน
– ระบบเลขาส่วนตัว MG Call Centre
– ระบบโทรอัตโนมัติกรณีฉุกเฉิน Emergency Call
– ระบบสั่งการการชาร์จที่สถานี MG SUPER CHARGE ผ่านสมาร์ทโฟน

SMART CONNCET (ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ)
– ระบบนำทาง Navigation พร้อมรายงานการจราจรแบบ Real Time
– ระบบช่วยค้นหาร้านอาหาร และที่พักบนแผนที่นำทาง
– ระบบเล่นเพลงออนไลน์แบบสตรีมมิ่ง
– อัพเกรดระบบผ่านออนไลน์
– ระบบเรียกดูข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ปัจจุบัน
– อัพเดทข้อมูลพยากรณ์อากาศ


MG ZS EV รุ่น X
ภายนอก
– หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof)
– ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้า แบบอัตโนมัติ
– ราวหลังคา

ภายใน และความสะดวกสบาย
– เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า
– ที่พักแขนด้านหลัง
– ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger)

ระบบความปลอดภัย
– ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
– ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Sport Detection)
– ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)

ระบบเครื่องเสียง
– จำนวนลำโพง 6 ตัว

ระบบสั่งการอัจฉริยะ i-SMART (เหมือนกับ MG ZS EV รุ่น D)


NEW MG ZS EV รถพลังงานไฟฟ้า 100% ในรูปแบบ SUV ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “TRULY EASY” ยนตรกรรมที่จะทำให้ชีวิตของคุณ “ง่าย” ขึ้นอย่างแท้จริง ด้วยดีไซน์โดดเด่นสะดุดตา ภายนอกเรียบหรู ล้ำสมัยภายใต้แนวคิด BRIT DYNAMIC ลงตัวสมบูรณ์แบบในทุกด้าน

ทั้งสมรรถนะ (PERFORMANCE) การควบคุม (HANDING) การออกแบบ (DESIGN) และความปลอดภัย (SAFETY) ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทันสมัย ขับขี่ง่าย มั่นใจในทุกเส้นทาง

EASY & STYLISH – EXTERIOR DESIGN: ดีไซน์ภายนอกล้ำสมัย

NEW MG ZS EV มาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่นตามแบบฉบับรถ SUV ของ MG เรียบง่ายแต่แฝงด้วยความสปอร์ต ผสานเข้ากับเส้นสายที่ทันสมัย ลงตัวในทุกรายละเอียด พร้อมกระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่สะท้อนภาพลักษณ์รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% มากยิ่งขึ้น

  • มิติตัวถัง 4,323 x 1,809 x 1,649 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
  • ระยะช่วงล้อ 2,585 มิลลิเมตร
  • กระจังหน้า และกันชนหน้าแบบ GRILLE-LESS DESIGN
  • ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ตอนกลางวัน (Daytime Running Lights)
  • ไฟท้ายแบบ และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
  • สปอยเลอร์หลังพร้อมราวหลังคา
  • ล้ออัลลอยด์ ดีไซน์ใหม่ ขนาด 17 นิ้ว พร้อมฝาครอบล้อแบบ Aero Wheel Cover

EASY & CONVENIENT – INTERIOR DESIGN: ดีไซน์ภายใน เพื่อการใช้งานที่ “ง่าย” และ สบาย ยิ่งขึ้น

NEW MG ZS EV ได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่ภายในกว้างขวาง มาพร้อมดีไซน์เรียบหรู แฝงความสปอร์ตพรีเมี่ยมด้วยคอนโซลหน้าลายคาร์บอนไฟเบอร์ และเบาะหนังดำเดินด้ายแดง พร้อมวัสดุบุนุ่มแบบ Soft Touch และฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน

  • ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger)
  • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
  • หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอล ขนาด 7 นิ้ว
  • หน้าจอสีระบบสัมผัสดีไซน์ใหม่ ขนาด 10 นิ้ว
  • หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof)
  • เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง
  • พื้นที่เก็บสัมภาระปรับได้ 2 ระดับ
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
  • กระจกมองหลังตัดแสง
  • ระบบกรองอากาศ PM 2.5
  • ลำโพง 6 ตำแหน่ง
  • ระบบเชื่อมต่อมัลติมิเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android

EASY DRIVE: สมรรถนะเพื่อการขับขี่ที่ง่าย มั่นใจ และปลอดภัยยิ่งขึ้น

NEW MG ZS EV เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 8.6 วินาที และด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่มีความจุ 50.3 kWh ทำให้สามารถขับขี่ได้ระยะทางสูงสุดถึง 403 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC พร้อมมีระบบ Liquid Cooling System ช่วยระบายความร้อนให้ทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

  • มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor
  • แบตเตอรี่ Lithium-Ion ขนาด 3 kWh
  • แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น
  • ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ
  • โหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ โหมด Eco โหมด Normal และโหมด Sport
  • ระบบพวงมาลัย Rack and Pinion ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)
  • ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบช่วงล่างหน้า MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง และระบบช่วงล่างหลัง Torsion Beam

*ทดสอบตามมาตรฐานความประหยัดพลังงาน NEW EUROPEAN DRIVING CYCLE (NEDC)


NEW MG ZS EV มาพร้อมระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) ปรับแต่งระบบช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION และมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยรอบคัน ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน Advanced Synchronized Protection System 20 ระบบ ได้แก่

  • ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping System) ถือเป็นระบบใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามาเป็นครั้งแรก โดยผสานรวมระบบ LDP (Lane Departure Prevention) และ LKA (Lane Keep Assist) เข้าไว้ด้วยกัน
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
  • ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
  • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)

นอกจากนี้ยังเสริมอุปกรณ์ความปลอดภัย อาทิ
– จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
– ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ(Speed Sensing Door Lock)
– เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ
– ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
– กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) พร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
– ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer
– ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง
– ระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง


EASY CHARGE: ง่าย สะดวกสบาย ทุกการชาร์จ ด้วยสถานีชาร์จที่ครอบคลุม

NEW MG ZS EV ทำให้การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบาย ด้วยระบบการชาร์จ 2 รูปแบบรองรับทั้งแบบ Quick Charge และ Normal Charge พร้อมสถานีอัดประจุไฟฟ้าของเอ็มจี MG Super Charge ที่ติดตั้งแล้วกว่า 120 แห่งทั่วประเทศ

  • ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 30% – 80% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที*
  • ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG HOME CHARGER 0% – 100% ใช้เวลาประมาณ
    7 ชั่วโมง 15 นาที
  • ล่าสุด กับระบบจ่ายกระแสไฟ V2L (Vehicle to Load) จ่ายพลังงานจากรถสู่อุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น

*ระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่คงเหลือและกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า


EASY CONNECT: ด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะที่ทำให้การใช้งานง่ายและสะดวกสบายอย่างแท้จริง

NEW MG ZS EV มาพร้อมระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ที่พร้อมทำให้ทุกการเชื่อมต่อในรถมีความง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ เชื่อมให้ผู้ใช้งานและรถเป็นหนึ่งเดียวกัน