มะเร็งต่อมน้ำเหลืองมะเร็งต่อมน้ำเหลือง หรือ โรคลิมโฟม่า (Lymphoma) คือ มะเร็งหรือเนื้องอกร้ายที่เกิดกับเนื้อเยื่อต่อมน้ำเหลือง ซึ่งก็คือต่อมน้ำเหลืองที่กระจายอยู่ทั่วร่างกาย เช่น ที่บริเวณลำคอ รักแร้ ขาหนีบ ข้อพับแขน ข้อพับขา ในช่องอก และในช่องท้อง และนอกจากในต่อมน้ำเหลืองแล้ว เซลล์ต่อมน้ำเหลืองยังมีกระจายอยู่ในเยื่อบุภายในอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกายอีกด้วย เช่น ในสมอง โพรงจมูก ไซนัส กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ผิวหนัง และกระดูก ซึ่งในอวัยวะเหล่านี้ก็สามารถทำให้เกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้ทั้งสิ้น (เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลืองของสมอง เป็นต้น แต่ต่อมน้ำเหลืองที่พบเกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้บ่อยที่สุด คือ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอ) Show มะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งของต่อมน้ำเหลืองเองและของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ต่างก็มีสาเหตุ อาการ ระยะของโรค ความรุนแรงของโรค วิธีการตรวจวินิจฉัย และแนวทางในการรักษาที่คล้ายคลึงกัน มะเร็งต่อมน้ำเหลืองเป็นโรคมะเร็งที่พบได้บ่อยทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย พบได้ในคนทุกวัย ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ และพบได้ในผู้ชายบ่อยกว่าผู้หญิงเล็กน้อย หมายเหตุ : ระบบน้ำเหลืองของร่างกายมีหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรคโดยการขนส่งน้ำเหลืองไปตามท่อน้ำเหลืองทั่วร่างกาย ประกอบไปด้วยเม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่สร้างสารภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม หรือทำลายเชื้อโรคโดยตรง จะพบต่อมน้ำเหลืองได้ทั่วร่างกาย เช่น บริเวณลำคอ รักแร้ ขาหนีบ ฯลฯ IMAGE SOURCE : www.cancer.govชนิดของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
สาเหตุของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง แต่พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง เช่น
อาการมะเร็งต่อมน้ำเหลืองอาการที่โดดเด่นของโรคนี้ คือ มีก้อนบวม (ของต่อมน้ำเหลือง) ซึ่งมักเกิดขึ้นที่ข้างลำคอนานเป็นสัปดาห์หรือเป็นแรมเดือน โดยจะมีลักษณะแข็ง คลำได้ ไม่รู้สึกเจ็บ และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 1 เซนติเมตร บางรายอาจมีก้อนที่ขึ้นรักแร้หรือที่ขาหนีบ และบางรายอาจมีก้อนขึ้นพร้อมกันหลายแห่ง ผู้ป่วยอาจมีอาการที่เกิดจากก้อนมะเร็งต่อมน้ำเหลืองไปกดถูกอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายด้วย เช่น มีอาการไอ เจ็บแน่นหน้าอก หายใจลำบาก หน้าบวม คอบวม แขนบวม ถ้าโรคเกิดในช่องอก, มีอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องผูก เบื่ออาหาร ดีซ่าน ถ้าโรคเกิดในช่องท้อง, ท้องเดิน ลำไส้ไม่ดูดซึมอาหาร มีอาการน้ำหนักตัวลดลง ถ้าโรคเกิดในลำไส้เล็ก, มีอาการขาบวมจากภาวะอุดกั้นทางเดินน้ำเหลือง ถ้าโรคเกิดที่ขาหนีบ, มีอาการปวดศีรษะ แขนขาชาหรืออ่อนแรง ถ้าโรคเกิดในสมอง ไขสันหลัง หรือระบบประสาท เป็นต้น ผู้ป่วยบางรายอาจมีไข้เรื้อรังโดยไม่ตรวจพบสิ่งผิดปกติอื่น ๆ ได้ หรืออาจมีไข้สูงอยู่หลายวันสลับกับไม่มีไข้หลายวัน อาจมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลดลง เหงื่อออกชุ่มตัวในตอนกลางคืน หนาวสั่น หรือคันตามผิวหนัง ในระยะต่อมาเมื่อมะเร็งลุกลามเข้าไขกระดูกจะทำให้ร่างกายไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดชนิดต่าง ๆ ได้ ผู้ป่วยจะมีอาการซีด มีเลือดออกง่าย (มีจุดเลือดออกหรือจ้ำเลือดตามตัว) และติดเชื้อได้ง่าย IMAGE SOURCE : www.medgurus.org, www.carewhizz.com, www.merckmanuals.com, lmphomapictures.orgภาวะแทรกซ้อนของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
ระยะของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแบ่งออกเป็น 4 ระยะเช่นเดียวกับโรคมะเร็งอื่น ๆ แต่ที่แตกต่างคือ จะแบ่งร่างกายออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่อยู่เหนือกับส่วนที่อยู่ใต้กระบังลม (Diaphragm) ซึ่งระยะของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ได้แก่
การวินิจฉัยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแพทย์สามารถวินิจฉัยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้จากการซักประวัติการเจ็บป่วย การตรวจร่างกายเพื่อดูสภาพร่างกายทั่วไปและดูก้อนตามตัว ส่วนการตรวจที่ให้ผลแน่นอนคือ การตัดต่อมน้ำเหลืองเพื่อนำไปตรวจชิ้นเนื้อ (Lymph node biopsy) ซึ่งจะทำให้พบลักษณะของเซลล์ที่เป็นมะเร็ง สำหรับมะเร็งต่อมน้ำเหลืองฮอดจ์กินจะพบเซลล์มะเร็งที่เรียกว่า “Reed-Sternberg cell” นอกจากนี้อาจทำการตรวจเลือด การตรวจไขกระดูก การถ่ายภาพทรวงอกและช่องท้องด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เจาะหลัง และทำการตรวจพิเศษอื่น ๆ เพื่อประเมินภาวะแทรกซ้อนและระยะของโรค การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง
การตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการตรวจคัดกรองให้พบโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในระยะเริ่มต้นที่ยังไม่มีอาการได้ ดังนั้น การดูแลตนเองที่ดีที่สุดคือ การสังเกตตนเอง หากคลำพบต่อมน้ำเหลืองโตหรือมีอาการผิดปกติดังที่กล่าวไปแล้วในหัวข้ออาการ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ IMAGE SOURCE : www.eastsiderad.comการป้องกันมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเนื่องจากในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอนของการเกิดโรค จึงยังไม่มีวิธีป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้ แต่หากสงสัยว่าเป็นโรคนี้ควรปรึกษาแพทย์ เอกสารอ้างอิง
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai) |