ฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นการฉีดฟิลเลอร์ตำแหน่งหนึ่งที่เป็นหัตถการเพื่อความสวยความงามอย่างหนึ่ง โดยการฉีดสารเติมผิวเข้าสู่ผิวหนัง ทำให้ผิวริมฝีปากที่หย่อนคล้อยเป็นร่องนั้นตื้นขึ้น บางครั้งใช้เพื่อปรับทรงปากให้สวยงามได้รูปที่ต้องการ ฉีดปากกระจับ ฉีดให้ขอบปากชัด ทั้งยังทำให้ผิวปากที่แห้ง แตก ลอกเป็นขุย กลับนุ่มชุ่มชื้นขึ้นได้อีกด้วย Show
แต่แล้วฟิลเลอร์ปากนี้คืออะไร สารที่ใช้ฉีดมีอะไรบ้าง ต้องฉีดกี่ cc ราคาเท่าไหร่ อันตรายไหม มีความเสี่ยงอะไรบ้าง บทความนี้ SkinX มีคำตอบ พร้อมแนะนำการเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ ขั้นตอนการฉีด และการดูแลตนเองหลังฉีดให้ฟิลเลอร์สลายได้ช้าลง SkinX แอปพลิเคชันที่ทำให้คุณสามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังกว่า 210 ท่าน ได้สะดวกและรวดเร็ว เพราะผิวดี ไม่ต้องรอ! สารบัญบทความ
ฉีดฟิลเลอร์ปาก (Lip Filler) คืออะไร?
การฉีดฟิลเลอร์ปาก (Lip Filler) คือการฉีดสารเติมผิวเข้าที่ริมฝีปาก ซึ่งฟิลเลอร์เพื่อฉีดที่ปากหรือที่ใบหน้าจะฉีดเข้าที่ใต้ผิวหนังตื้นๆเท่านั้น จึงเรียกว่า “Dermal Fillers” นิยมใช้ฉีดเพื่อให้ริมฝีปากเต่งตึง เรียบเนียน ปรับทรงให้เป็นไปตามที่ต้องการ เพิ่มความชุ่มชื้นช่วยเพิ่มความมั่นใจให้มากขึ้นได้
ซึ่งสารที่ใช้ฉีดเป็นฟิลเลอร์จะมีหลากหลายชนิด สามารถแบ่งเป็นประเภทของฟิลเลอร์ตามสารที่ฉีดได้ 3 ประเภท ได้แก่
ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปาก จะนิยมใช้เป็นฟิลเลอร์ชนิดชั่วคราว และสารที่นิยมใช้ที่สุดคือกรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic acid หรือ HA) เนื่องจากร่องบริเวณปากมักไม่ลึกขนาดที่ต้องใช้ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร หรือแบบถาวร อีกทั้งในปัจจุบันไม่นิยมใช้ฟิลเลอร์จากสารตัวอื่นๆ นอกจากกรดไฮยาลูรอนิคอีกต่อไป เนื่องจากอันตราย และให้ผลที่ไม่ดีเท่ากับกรดไฮยาลูรอนิคนั่นเอง
เนื้อฟิลเลอร์จากกรดไฮยาลูรอนิคนั้นนิ่มแต่คงตัว ฉีดแล้วดูเป็นธรรมชาติ ถ้าไม่ชอบผลการรักษา สามารถฉีดสลายได้ง่าย ฉีดซ้ำได้ โดยที่ไม่เป็นอันตราย ผลข้างเคียงต่ำมากถึงไม่มีเลย โอกาสแพ้ต่ำ เพราะเป็นสารที่อยู่ในร่างกายของเราอยู่แล้วนั่นเอง
ตัวอย่างยี่ห้อฟิลเลอร์ที่นิยมนำมาฉีดฟิลเลอร์ปาก และผ่านองค์การอาหารและยาของทั้งไทยและอเมริกาแล้ว ได้แก่
นอกจากฟิลเลอร์เหล่านี้แล้ว ฟิลเลอร์มียี่ห้ออะไรอีกบ้างที่ผ่านอย.ไทยแล้ว? : รวมทุกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย. ต้องรู้! ก่อนสวย ทำไมถึงต้องฉีดฟิลเลอร์ที่ปาก?เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตสารบางตัวได้ลดลง อย่างเช่นคอลลาเจน กรดไฮยาลูรอนิค หรือไฟเบอร์ต่างๆ ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย ที่ผิวหนังบริเวณปากก็เช่นกัน เมื่ออายุมากขึ้น ผิวไม่เต่งตึง ริมฝีปากบางลง ปากแห้งได้ง่ายขึ้น ผิวหนังอุ้มน้ำได้น้อยลงจนย่นเป็นร่อง แห้งลอกเป็นขุย ส่งผลให้ปากดูสุขภาพไม่ดี และทำให้ดูอายุมากขึ้นด้วย
ซึ่งปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์ที่เป็นกรดไฮยาลูรอนิคจะทำให้ปากกลับมาเต่งตึง ร่องลึกที่ริมฝีปากหายไป ขอบปากชัดขึ้น และช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื้นขึ้น
นอกจากแก้ไขปากหย่อนเป็นร่องแล้ว ยังสามารถใช้เพื่อปรับทรงปากให้ได้รูปที่ต้องการมากขึ้นได้ อย่างการฉีดปากให้อวบอิ่ม การทำปากกระจับ หรือฉีดยกมุมปาก ช่วยสร้างความสวยงาม เพิ่มความมั่นใจให้ผู้เข้ารับการรักษาได้
ทั้งนี้ผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ปากจะต้องมีความเข้าใจเรื่องฟิลเลอร์ในระดับหนึ่ง และต้องคาดหวังผลลัพธ์อย่างเหมาะสม เนื่องจากฟิลเลอร์ไม่สามารถแก้ไขทรงปากได้ในทุกกรณี หากลักษณะทรงปากเดิมไม่เอื้อให้แก้ไขเป็นทรงใหม่ หรือมีพังผืดที่ตึงรั้งบริเวณริมฝีปาก ก็อาจจะไม่สามารถทำให้ปากเป็นไปตามทรงที่ต้องการได้
นอกจากฟิลเลอร์ปากแล้ว ในปัจจุบันยัง นิยมฉีดฟิลเลอร์ในตำแหน่งอื่นๆ เพื่อปรับโครงสร้างใบหน้า ลดรอยเหี่ยวย่น ทำผิวให้เรียบเนียน โดยตำแหน่งที่นิยมฉีดกัน มีดังนี้
ฉีดฟิลเลอร์ปากช่วยในเรื่องอะไรบ้าง?การฉีดฟิลเลอร์ปากช่วยให้
ฉีดฟิลเลอร์ปาก 1cc กับ 2cc ต่างกันอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน?ฉีดฟิลเลอร์ปาก 1 cc กับ 2 cc ต่างกันที่ความหนาของริมฝีปากหลังฉีด โดยปกติแล้ว แพทย์จะแนะนำให้ฉีดเพียง 1 cc เท่านั้น เนื่องจากเป็นปริมาณที่พอเหมาะที่จะเพิ่มความเต่งตึงหรือปรับทรงปากให้ได้ตามที่ต้องการ การฉีดฟิลเลอร์ปาก 2 cc จะใช้ในกรณีที่ผู้เข้ารับการรักษาอยากให้ริมฝีปากหนาเป็นทรงอวบอิ่มที่นิยมทำกันในฝั่งตะวันตก หรือริมฝีปากเดิมอาจจะบางมาก ทั้งนี้การฉีดปาก 2 cc อาจมากเกินไปในบางกรณี แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาและแนะนำปริมาณที่เหมาะสมให้กับผู้เข้ารับการรักษาด้วยตนเอง ฟิลเลอร์ 1 cc คืออะไร พอหรือไม่: ฟิลเลอร์ 1 cc เหมาะกับการฉีดจุดไหนได้บ้าง ช่วยปรับรูปหน้าได้มากน้อยแค่ไหน? ฉีดฟิลเลอร์ปาก อันตรายไหม?ในกรณีที่ใช้กรดไฮยาลูรอนิคฉีดเป็นฟิลเลอร์ปากนั้นปลอดภัยมาก เนื่องจากโอกาสแพ้ต่ำ ทั้งยังฉีดสลายได้หากได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีหรือเสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพหลังฉีด
ทั้งนี้ ฟิลเลอร์ปากมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้เช่นกัน เนื่องจากบริเวณปากเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดกระจุกตัวอยู่ในบางส่วนของริมฝีปาก หากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ หรือฉีดกับคลินิกเถื่อน อาจทำให้เกิดผลลัพธ์ที่อันตรายได้
หากฉีดผิดที่ ฟิลเลอร์ปากอาจเข้าไปอุดตันที่เส้นเลือด จนทำให้เนื้อเยื่อบางส่วนไม่มีเลือดมาเลี้ยงและเกิดเป็นเนื้อตายได้ หรือถ้าแขนงหลอดเลือดที่ฟิลเลอร์ปากไปอุดตันอยู่ เป็นแขนงเดียวกับเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงบริเวณดวงตา ก็อาจทำให้ตาบอดได้ ซึ่งถือว่าอันตรายมาก
ดังนั้นการเลือกแพทย์ที่น่าเชื่อถือในการฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นเรื่องสำคัญมาก การฉีดกับแพทย์ที่ประสบการณ์สูง จะทำให้มีความเสี่ยงฟิลเลอร์อุดตันเส้นเลือดลดลง และถึงแม้ว่าจะเกิดความผิดปกติดังกล่าวขึ้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็จะสามารถฉีดสารไฮยาโลรูนิเดส (Hyaluronidase) เพื่อ สลายฟิลเลอร์ ปากกรดไฮยาลูรอนิคที่ไปอุดตันหลอดเลือดได้ก่อนที่จะเกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆตามมา
อ่านเพิ่มเติม ฟิลเลอร์อันตรายไหม? : ฟิลเลอร์อันตรายไหม ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ปาก?
แก้ไขรอยเหี่ยวย่น ฟิลเลอร์หรือโบท็อก ดีกว่ากัน? : Filler กับ Botox ต่างกันอย่างไร ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์?
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปากการเตรียมตัวก่อนการฉีดฟิลเลอร์ปาก
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปากทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที หรืออาจนานถึง 2 ชั่วโมงแล้วแต่กรณี
ฉีดฟิลเลอร์ปาก ดูแลอย่างไร?หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก มีข้อควรปฏิบัติดังนี้
1.หลังฉีดฟิลเลอร์ปากทันที
2.ช่วง 2 – 3 วันหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
3.ช่วง 4 – 5 วันแรก หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรดื่มน้ำสะอาดมากๆ
4.ช่วง 1 อาทิตย์แรกหลังจากฉีดฟิลเลอร์ปาก
5.ช่วง 1 เดือนหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่ควรทำเลเซอร์ทุกชนิด
6.ไม่ควรอยู่ในที่ร้อน อย่างห้องซาวน่า ร้านอาหารที่มีเตาร้อน หรือทานของร้อน เนื่องจากความร้อนจะทำให้ฟิลเลอร์เซ็ตตัวผิดปกติ และเสื่อมได้ไว หลังจากฉีดฟิลเลอร์ปาก อาจจะรู้สึกเจ็บ ปวด หรือคัน หลังยาชาหมดฤทธิ์ และอาการดังกล่าวจะหายไปเองประมาณ 12 – 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นปากจะบวมและแดงอยู่ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนจะหายเป็นปกติ ปากจะได้รูปตามที่วางแผนไว้กับแพทย์ หากอาการเจ็บปวดไม่ดีขึ้นหรือไม่หายบวม ควรปรึกษาแพทย์ประจำสถานพยาบาลที่รักษาให้เร็วที่สุด ผลข้างเคียงที่อาจพบได้จากการฉีดฟิลเลอร์ปาก
ทั้งนี้ โอกาสเกิดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงดังกล่าว สามารถทำให้ลดลงได้โดยการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน หรือปรึกษากับแพทย์ผิวหนังก่อนการตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ปาก ฉีดฟิลเลอร์ที่ปากราคาเท่าไหร่?ฉีดฟิลเลอร์ปาก ราคาจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้ ปริมาณที่ฉีด และค่าบริการของสถานพยาบาลนั้นๆ ปกติจะคิดราคาตามปริมาณที่ฉีดเป็น cc. ส่วนใหญ่ฉีดปาก 1 cc. ราคาจะอยู่ที่ 6,000 – 20,000 บาท
เนื่องจากฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดจะราคาค่อนข้างสูงอยู่แล้ว ราคาการฉีดต่อครั้งจึงสูงตาม หลายคนอาจเคยเห็นโปรโมชั่นการฉีดฟิลเลอร์ปากราคาเพียงไม่กี่พัน ในกรณีนี้ให้ระวังเรื่องฟิลเลอร์ปลอม เนื่องจากฟิลเลอร์ปลอมเหล่านี้จะมีราคาถูก แต่สารที่นำมาฉีดอาจเป็นสารอันตราย ทำให้เสี่ยงเกิดผลข้างเคียงหลังการฉีดได้มาก โดยเฉพาะการติดเชื้อบริเวณปาก ฟิลเลอร์อุดตัน หรือฟิลเลอร์เป็นก้อน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ปากฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม?ฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม? ฉีดฟิลเลอร์ปากไม่เจ็บ หรืออาจจะเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากก่อนการฉีดแพทย์จะใช้แปะยาชา และมียาชาผสมอยู่ในฟิลเลอร์บางยี่ห้ออยู่แล้ว ดังนั้นระหว่างทำจะไม่รู้สึกเจ็บ จะรู้สึกตึงๆ ที่ปากเท่านั้น หลังจากยาชาหมดฤทธิ์จะรู้สึกเจ็บตึงและคัน แต่อาการดังกล่าวจะหายไปภายใน 2 วัน หากอาการดังกล่าวไม่ดีขึ้นเลยก็ควรไปพบแพทย์
ฉีดฟิลเลอร์ปากบวมกี่วัน?ฉีดฟิลเลอร์ปาก จะบวมมากที่สุดประมาณ 2 – 3 วันแรก จากนั้นอาการบวมจะค่อยๆดีขึ้น และหายไปภายใน 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ ถ้าอาการดังกล่าวไม่ดีขึ้น และยังคงบวมมากแม้ผ่านไป 2 สัปดาห์ ควรรีบมาพบแพทย์เนื่องจากอาจมีความผิดปกติอื่นเกิดขึ้น
ฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นานแค่ไหน?ฟิลเลอร์ปากที่เป็นกรดไฮยารูลอนิคจะอยู่ได้นานประมาณ 6 – 18 เดือน ก่อนที่จะหายไป ซึ่งระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน หากเป็นผู้ที่มีระบบเผาผลาญดี ฟิลเลอร์ก็จะยิ่งสลายเร็ว หรือถ้าทานของร้อนบ่อยๆ ปล่อยให้ริมฝีปากถูกความร้อนมากๆ ฟิลเลอร์ก็จะยิ่งสลายไปเร็ว
ข้อควรระวังหลังฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไร?เพื่อให้ฟิลเลอร์ปากเข้าที่เร็ว หายอักเสบไว ไม่เสี่ยงติดเชื้อ และคงอยู่ได้นาน ควรงดอาหารบางชนิด ดังนี้
ฉีดฟิลเลอร์ปากทาลิปได้ไหม?ฉีดฟิลเลอร์ปากกี่วันทาลิปได้? หลังฉีดฟิลเลอร์ปากยังไม่ควรทาลิปสติก ทั้งที่เป็นลิปมันและลิปสี เนื่องจากเสี่ยงทำให้แผลติดเชื้อ และเกิดการอักเสบมากกว่าเดิม ดังนั้นไม่ควรทาลิปอย่างน้อยที่สุด 24 ชั่วโมงหลังจากฉีดฟิลเลอร์ปาก
นอกจากนี้ลิปสติกที่เป็นสียังเช็ดออกได้ยาก ขณะเช็ดอาจจะไปคลึง นวดริมฝีปากจนทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนหรือกระตุ้นให้ปากอักเสบได้ ทางที่ดีจึงควรงดการทาลิปสีประมาณ 1 อาทิตย์หลังจากฉีดฟิลเลอร์ปาก
ปากหนาฉีดปากได้ไหม?ปากหนาก็สามารถฉีดปากได้ ส่วนใหญ่นิยมฉีดเพิ่มเพื่อปรับรูปปากให้เป็นปากกระจับ หรือยกมุมปากขึ้น หากสนใจฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถปรึกษาแพทย์ก่อนได้ เพื่อหารูปปากที่เหมาะสม และประเมินปริมาณที่ควรฉีดต่อไป สรุป
การฉีดฟิลเลอร์ปากสามารถทำได้ทั้งแก้ไขริมฝีปากเหี่ยวเป็นร่อง ปากไม่สมมาตร ปากบางเกินไป หรือถ้าปากไม่ได้รูปที่ต้องการก็สามารถแก้ไขได้เช่นกัน อีกทั้งยังเป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัยหากทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะสารที่ฉีดไม่อันตราย หากผิดพลาดสามารถฉีดสารเพื่อสลายฟิลเลอร์ได้
ทั้งนี้ การทำฟิลเลอร์ก็มีความเสี่ยง ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้ และไม่ได้สามารถแก้ไขรูปปากให้เป็นไปตามที่ต้องการได้ทุกกรณี ดังนั้นก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ปากสวยๆ หรือกำลังคิดว่าควรฉีดปากที่ไหนดี ก็ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังก่อนการตัดสินใจทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้ารับการรักษาเอง ฉีดฟิลเลอร์ปากทาวาสลีนได้ไหมห้ามกด ห้ามจับ ห้ามนวด ห้ามทาลิปสติกที่มีสารเคมีเยอะๆ หมั่นทาลิปมันหรือวาสลีน งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-2 สัปดาห์
ฉีดฟิลเลอร์ปากห้ามทำอะไรบ้างฟิลเลอร์ปาก ข้อควรระวังหลังฉีดฟิลเลอร์
งดดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด รวมถึงเครื่องดื่มร้อน ๆ เพราะเป็นพฤติกรรมที่ทำให้ริมฝีปากบวม หรือ อักเสบได้ง่าย งดจูบ งดดื่มน้ำด้วยหลอด งดทาลิปสติก งดสูบบุหรี่ 12 ชั่วโมง เพราะอาจจะทำให้ริมฝีปากที่เติมเต็มฟิลเลอร์ผิดรูปทรงได้
ปากแบบไหนควรฉีดฟิลเลอร์ฉีดฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหมแล้วปากสวยที่สุด? ปากเป็นส่วนที่มีการขยับบ่อยที่สุดบนใบหน้า ดังนั้นฟิลเลอร์ที่ฉีดบริเวณริมฝีปาก ควรมีลักษณะค่อนข้างนิ่ม มีความยืดหยุ่นสูง โดยยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการฉีดริมฝีปากคือ Juvederm และ Restylane.
ฉีดปากกี่วันจูบได้วิธีการปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์จริงๆไม่มีอะไรมากค่ะ คุณหมอจะเน้นว่าไม่ให้มีการนวดบริเวณริมฝีปาก โดยเฉพาะถ้าไปนวดหน้าก็ให้ระวังนิดนึง งดการจูบแบบฮาร์ดคอร์ 2-3 วัน
|