เลือดออกทางช่องคลอด สีแดงสด

อาการเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด

เลือดออกทางช่องคลอด สีแดงสด

เลือดออกจากช่องคลอดอย่างไรที่เรียกว่าผิดปกติ ? 


อาการเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอดเป็นภาวะที่พบบ่อยมากและพบได้ในหลายช่วงอายุ ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เป็นและความรุนแรงของโรคนั้นๆ โดยทั่วไปมักจะมีความเข้าใจว่า เลือดที่ออกจากช่องคลอดเป็นเลือดประจำเดือนเสมอ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ประจำเดือนปกตินั้น คือ น้ำเลือดที่ไหลออกจากโพรงมดลูก ประกอบไปด้วยเลือดและชิ้นเนื้อเล็กๆ ที่ไหลออกเป็นรอบๆ ตามการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย โดยมีระยะห่างของรอบอยู่ในช่วง 21-35 วัน โดยเฉลี่ยประมาณ 28 วัน และ มีระยะเวลามีประจำเดือนไม่เกิน 7 วัน จำนวนเลือดโดยเฉลี่ยต่อรอบ ประมาณ 30 – 40 ซีซี หากท่านมีภาวะเลือดออกจากช่องคลอดที่ไม่เข้ากับลักษณะประจำเดือนปกติดังกล่าวมาข้างต้น ท่านควรรีบปรึกษาแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเพื่อค้นหาสาเหตุของอาการเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอดที่เกิดขึ้น และให้การดูแลรักษาได้ตั้งแต่ระยะแรกของโรค เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของท่าน 

อาการเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอดมีสาเหตุจากอะไร ? 


สามารถแบ่งสาเหตุอย่างง่ายๆ ตามตำแหน่งที่มีเลือดออกได้เป็น 2 ประเภท

  • อาการเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอดที่มีสาเหตุจากภายในโพรงมดลูก เช่น การแท้งบุตร เนื้องอกหรือติ่งเนื้อในโพรงมดลูก ภาวะการทำงานผิดปกติของฮอร์โมน หรือมะเร็งของเยื่อบุโพรงมดลูก เป็นต้น
  • อาการเลือดออกผิดปติจากช่องคลอดจากการตกเลือดที่อวัยวะสืบพันธ์ตองล่าง โดยตำแหน่งที่เป็นสาเหตุของเลือดที่ออกอยู่บริเวณ ปากมดลูก หรือ ช่องคลอด เช่น โรคมะเร็งปากมดลูก การติดเชื้ออักเสบของปากมดลูก หรือ มีแผลฉีกขาดในช่องคลอด เป็นต้น

โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยมักมีปัญหาจากการตกเลือดที่มีสาเหตุมาจากภายในโพรงมดลูกมากกว่านอกโพรงมดลูก และมีสาเหตุจากโรคทางกายอื่นๆ ที่มีผลกระทบต่อการมีเลือดออกผิดปกติได้ เช่น โรคเลือด โรคตับ โรคไต โรคต่อมธัยรอยด์ เป็นต้น ซึ่งแพทย์ผู้ดูแลจะเป็นผู้ที่ให้คำปรึกษาและแนะนำการตรวจต่างๆ ที่เหมาะสมให้แต่ละท่าน 

เลือดออกทางช่องคลอด สีแดงสด
เลือดออกทางช่องคลอด สีแดงสด

 เมื่อสงสัยว่ามีอาการเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด ควรปฏิบัติตัวอย่างไร ? 

  • จดบันทึกวัน เวลา ที่มีเลือดออกผิดปกติ รวมทั้งอาการอื่นที่มีร่วมด้วย
  • ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสูติ – นรีเวช เพื่อรับการดูแลที่เหมาะสมโดยแพทย์จะซักถามรายละเอียดเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้น รวมทั้งประวัติอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับการตรวจร่างกาย , การตรวจภายในและการตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูก

นอกจากนี้ แพทย์อาจแนะนำการตรวจเพิ่มเติมอื่นๆ เช่น การตรวจเลือดเพื่อหาระดับฮอร์โมน การตรวจอัลตร้าซาวน์ การขูดมดลูกเพื่อ นำชิ้นเนื้อในโพรงมดลูกมาตรวจ หรือการส่องกล้องตรวจภายในโพรงมดลูกหรือภายในช่องท้อง เป็นต้น 

เลือดออกทางช่องคลอด สีแดงสด
เลือดออกทางช่องคลอด สีแดงสด
เลือดออกทางช่องคลอด สีแดงสด

อาการเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอดรักษาอย่างไร ? 

  • การรักษาทั่วไป ได้แก่ การพักผ่อนให้เพียงพอ ให้ยาบำรุงเลือดในกรณีที่มีภาวะโลหิตจาง หรือการให้เลือดทดแทนถ้าซีดมาก
  • การรักษาด้วยยาฮอร์โมนชนิดรับประทานในผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาถึงชนิดและขนาดของยาที่เหมาะสมแก่ท่าน
  • การรักษาด้วยการผ่าตัด เช่น การขูดมดลูก หรือ การตัดมดลูก ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ให้คำปรึกษาแก่ท่านถึงวิธีการที่เหมาะสมในการรักษา

เลือดออกทางช่องคลอด สีแดงสด
เลือดออกทางช่องคลอด สีแดงสด

เลือดออกทางช่องคลอด สีแดงสด

หากมีภาวะเลือดออกจากช่องคลอดที่ไม่เข้ากับลักษณะประจำเดือน ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและทำการรักษา เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

เลือดออกทางช่องคลอด สีแดงสด

สีประจำเดือนนั้น ผู้หญิงหลายคนมักมีคำถามว่า ประจำเดือนที่มานั้น บางครั้งเป็นสีแดงสด บางครั้งสีคล้ำเข้มไปจนถึงเกือบดำ หรือบางทีมีลิ่มเลือดออกมาด้วย สีและลักษณะเหล่านี้มีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วบ่งบอกถึงอันตรายอะไรหรือไม่?

โดยทั่วไปแล้ว ประจำเดือนที่ “ปกติ” สามารถมีสีที่ต่างกันได้ ไม่ว่าจะเป็น สีแดงสด แดงเข้ม น้ำตาล ไปจนถึงสีคล้ำเกือบดำ โดยเลือดที่ออกมาใหม่ ๆ จะเป็นสีแดงสด แต่บางครั้งเมื่อเลือดออกมาแล้ว ยังตกค้างอยู่ในโพรงมดลูกหรือช่องคลอดก่อนจะออกมาสู่ภายนอก จากสีแดงสดก็จะเริ่มคล้ำ จนกลายเป็นสีน้ำตาลหรือดำได้ สิ่งที่คุณผู้หญิงควรกังวล ไม่ได้อยู่ที่สีของประจำเดือน แต่ให้สังเกตอาการผิดปกติอื่น ๆ ที่บ่งชี้ถึงบางภาวะหรือโรคต่าง ๆ เช่น

  1. มีเลือดออก ร่วมกับประวัติประจำเดือนขาด มาช้า หรือมาน้อยกว่าปกติ ให้สงสัยว่าอาจตั้งครรภ์ หากตั้งครรภ์แล้วมีเลือดออก ไม่ว่าจะเป็นสีอะไร ควรมาพบแพทย์
  2. มีเลือดออกสีแดงสด หรือสีคล้ำ มาไม่ตรงรอบประจำเดือน ปริมาณไม่มาก มีอาการตกขาวร่วมด้วย อาจมีการติดเชื้อที่ปากมดลูก หรือมดลูก
  3. เลือดออกเป็นสีแดงสด ร่วมกับประจำเดือนมามาก มานานกว่าปกติ หากเป็นแบบนี้หลาย ๆ เดือน ให้ระวังอาจมีติ่งเนื้อหรือเนื้องอกในมดลูก
  4. เลือดเป็นสีแดงจาง ๆ ปริมาณน้อย กะปริดกะปรอย อาจเกิดจากการใช้ยาคุมกำเนิด วัยใกล้หมดประจำเดือน หรือเป็นเลือดออกช่วงกลางรอบเดือนที่เกิดจากการมีไข่ตกได้
  5. เลือดเป็นสีเทา สีปนเขียว ๆ ข้น ร่วมกับตกขาวมาก มีปวดท้องน้อย หรือมีไข้ร่วมด้วย เป็นอาการบ่งบอกถึงการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน

อย่างไรก็ตาม หากมีเลือดออกผิดปกติ ร่วมกับอาการต่าง ๆ ที่กล่าวไป อย่าลังเลใจ ให้มาพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาต่อไป

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลเวชธานี โทร 02-734-0000 ต่อ 3200

  • Readers Rating
  • Rated 3.2 stars
    3.2 / 5(37 Reviewers)
  • Good

  • Your Rating