เลือดออกหลังประจําเดือนหมด 1 อาทิตย์ สีน้ำตาล

สวัสดีครับคุณ chickjib การที่มีเลือดออกกระปริดกระปรอย สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกันครับ เช่น ภาวะฮอร์โมนเพศหญิงไม่สมดุล ซี่งมักพบในวัยรุ่นที่เริ่มมีประจำเดือนได้ครับ ส่วนสีของประจำเดือนที่เป็นสีน้ำตาลนั้นเป็นประจำเดือนเก่าที่ค้างอยู่ในโพรงมดลูกครับ สาเหตุการที่มีประจำเดือนมากระปริดปกระปรอยนอกจากนี้อาจเกิดจาก

  • ภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ เช่นการตั้งครรภ์ระยะแรกๆ การท้องนอกมดลูก 
  • ผู้หญิงวัยใกล้หมดประจำเดือน 
  • ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิด 
  • ความเครียด 
  • น้ำหนักตัวที่มากเกินไป หรือน้อยเกินไป
  • นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • เนื้องอกในมดลูก มดลูกหรืออุ้งเชิงกรานอักเสบก็สามารถเกิดการมีเลือดออกกระปรดกระปรอยได้เช่นกันครับ 

การที่ประจำเดือนมาน้อยผิดปกตินั้นอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างครับ การที่จะสรุปได้อย่างแม่นยำแน่นอนจำเป็นที่จะต้อง ได้รับประวัติ การตรวจร่างกาย หรืออาจรวมถึงการตรวจด้วยแลปพิเศษต่างๆครับ แต่จากอาการที่คุณเล่าแล้วหมอคาดว่าอาการของคุณ chickjib น่าจะเกิดจากการที่มีประจำเดือนเก่าตกค้างอยู่ในมดลูกครับครับ ซึ่งเป็นอาการที่ปกติ สามารถพบได้บ่อยครับ 

อย่างไรก็ดี ข้อมูลที่หมอได้นั้นยังไม่สมบูรณ์ครับ หมอขอแนะนำให้คุณ chickjib สังเกตอาการตัวเองต่อไปก่อนครับ ว่ามีอาการผิดปกติอะไรตามมาหรือไม่ เช่น ปวดท้องมาก หน้ามืดเป็นลม คลื่นไส้อาเจียน มีเลือดสีแดงออกมาใหม่ หากการที่เป็นยังไม่หายไป ยังคงมีอาการเลือกออกกระปริดประปรอยอยู่เรื่อยๆ หากมีอาการเลือดออกจนมีอาการเหนื่อยง่าย หน้ามืดวิงเวียน หากมีอาการใดอาการหนึ่งคุณ chickjib ควรไปพบแพทย์เอที่จะทำการตรวจวินิจฉัยต่อไปนะครับ

เบื้องต้นหมอจึงอยากแนะนำให้คุณ chickjib ดูแลตัวเองด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ หางานอดิเรกทำเพื่อลดความเครียด ทานอาการหลากหลายให้ครบ 5 หมู่ ไปตรวจติดตามตามที่คุณหมอนัด และทำตามคำแนะนำของคุณหมอนะครับ

สวัสดีค่ะ คุณ Phanida Haci,

                    หากมีประจำเดือนไปแล้ว 2 สัปดาห์ แล้วได้มีเลือดสีน้ำตาลออกมา อาจเกิดจาก

                   1. เลือดออกช่วงไข่ตก หากเลือดที่ออกอยู่ในช่วงกึ่งกลางของรอบประจำเดือน คือประมาณวันที่ 13-15 นับจากวันแรกที่ประจำเดือนมา และมีปริมาณเพียงเล็กน้อย ออกเพียงแค่ 1 วัน เลือดดังกล่าวก็น่าจะเป็นเลือดออกวันไข่ตกได้

                  2. มีการอักเสบติดเชื้อในโพรงมดลูก แต่มักปวดท้องน้อยและตกขาวที่ผิดปกติร่วมด้วย รวมถึงมีอาการปัสสาวะผิดปกติ

                   3. โรคของมดลูก เช่น มีติ่งเนื้อในโพรงมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น แต่ก็จะต้องมีเลือดออกมาอีกเรื่อยๆ

                   4. ผลจากการใช้ยาฮอร์โมนต่างๆ เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาสตรี สมุนไพร อาหารเสริมต่างๆ เป็นต้น 

                    5. การผลิตฮอร์โมนของรังไข่ผิดปกติ

                    แนะนำให้สังเกตอาการไปก่อน หากเลือดที่ออกมามีปริมาณไม่มาก และเป็นเพียงแค่ 1-2 วัน อาจเป็นเลือดออกช่วงไข่ตกก็ได้ แต่หากเลือดมีปริมาณมาก และออกนานเกิน 2 วัน โดยที่ไม่ได้เกิดจากการใช้ยาใดๆ หรือมีปวดท้องน้อยมาก ก็ควรไปพบสูติ-แพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ

���-�ͺ �������秹���Ǫ


เลือดออกหลังประจําเดือนหมด 1 อาทิตย์ สีน้ำตาล

���ʹ�͡��ѧ�ջ�Ш���͹�����

Written by ����
Saturday, 12 March 2016 00:42:34

��ѧ�ҡ��Ш���͹����5�ѹ�������ʹ�͡�Ҥ�Фس������չ�ӵ�ź�ҧ ᴧ��ҧ �������ᴧʴ����͹��Ш���͹ �����͹���������ѧ��Ш���͹�����ͧ�ҷԵ���������駹�����ʹ�͡��ѧ�ҡΌ�ʹ�����������ͧ�ѹ����������������������ֻ��� ����������͵�Ǩ���㹵�Ǩ����移ҡ���١��������ͤ������ͺ͡��������������������ͺ��ѡ�ʺ������Ф�� ���˹�1)ʧ�������ѹ����͹�Ѻ��������ֻ��Ǥ��ѹ�������ʹ�͡Ẻ�������������������áѺΌ��¡���§���ҷ���������֧�����ʹ�͡�����ա �֧�ͧ������ʹ�����ش���ǡ�����֡������ǡ������ʹᴧ�Դ�����͡��㹢�з���еç�����������ʹ�Դ 2)��������ѹ�Ѳ��������������¤� 3) �س�����������������ͧ����ʹ ���������������ʹ����ͧ���ҡԹ�������������¤� ���Ǩ������㹡���ѹ�ѧ����Ҷ���繹ҹ�С���������� �����繤��յ���ǵ�ʹ���ҵ͹仵�Ǩ�س��͡�͡��������ѡɳл������Ҵ��¡����Ũ���ª���Ф�Фس��


New asked 5 ปี ago

ปกติประจำเดืิอนมาปกติทุกเดือนไม่เคยขาดค่ะ แต่เมื่อเดือนที่แล้ว หลังหมดประจำเดือน1อาทิตย์ มีเลือดออกจากช่องคลอดกระปริบกระปรอยประมาน10วันได้ค่ะ ลักษณะเป็นคราบเลือดสีน้ำตาลออกคล้ำ ไม่มีกลิ่นเหม็นค่ะ แล้วพอหมดประจำเดือนของเดือนนี้ไป1อาทิตย์ ก็กลับมาเป็นอีกค่ะ เป็นมาเดือนที่สองแล้วค่ะ ไม่มีอาการปวดท้อง ไม่ทราบว่าเป็นอันตรายมั้ยค่ะ มีโอกาสเป็นซีสต์หรือมะเร็งมั้ยคะ
อายุ21ปี เคยมีเพศสัมพันธ์1ครั้งแบบไม่ป้องกันเมื่อปีที่แล้ว ไม่เคยทานยาคุมกำเนิด

1 Answers

Best Answer

แบบที่คุณเป็นอาจจะเกิดจากภาวะฮอร์โมนแปรปรวนได้ครับ แต่บางคนก็มีการอักเสบภายในช่องคลอดหรือปากมดลูกนะครับ แนะนำไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเพิ่มเติม จะได้คำตอบครับ