Back to top button
นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (BGRIM) เปิดเผยว่า บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (แหลมฉบัง) 1 จำกัด (BPLC1R) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บี.กริม เพาเวอร์ ถือหุ้นร้อยละ 100.0 ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้าใหม่มีกำลังการผลิตติดตั้ง 140 เมกะวัตต์เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้ง 103 เมกะวัตต์ โดยเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยตั้งแต่วันที่16 กรกฎาคม 2565 โครงการ BPLC1R ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 30 เมกะวัตต์กับ กฟผ.เป็นระยะเวลา 25 ปี และส่วนที่เหลือเป็นการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและไอน้ำระยะยาวกับลูกค้าอุตสาหกรรมภายในนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าว
นาย ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า BGRIM เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม แหลมฉบัง 1 กำลังการผลิตติดตั้ง 140 เมกะวัตต์ เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้ง 103 เมกะวัตต์ เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม แหลมฉบัง 1 นั้น ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (แหลมฉบัง) 1 จำกัด ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ภายใต้รูปแบบโรงไฟฟ้าสำหรับภาคอุตสาหกรรม (SPP) โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 30 เมกะวัตต์ กับ กฟผ. เป็นระยะเวลา 25 ปี ส่วนที่เหลือเป็นการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและไอน้ำระยะยาวกับลูกค้าอุตสาหกรรมภายในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง อาทิ กลุ่มยานยนต์ ยางรถยนต์ บรรจุภัณฑ์ ก๊าซอุตสาหกรรม เคมีภัณฑ์ เป็นต้น เพื่อรองรับภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ให้ได้รับการสนับสนุนไฟฟ้าและไอน้ำที่มีเสถียรภาพในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม แหลมฉบัง 1 เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม (SPP Replacement) ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เป็นโครงการที่ 1 จากทั้งหมด 5 โครงการ ซึ่งจะมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 700 เมกะวัตต์ ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง คาดว่าโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม จะช่วยลดปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติต่อหน่วยลงจากเดิม 15% Post navigation |