ประวัติความเป็นมา ลักษณะทั่วไป หลักฐานที่พบ เส้นทางเข้าสู่แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง เป็นแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่สำคัญเห่งหนึ่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ในพื้นที่ อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2535 ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 16 ภายใต้เกณฑ์คุณค่าความโดดเด่นอันเป็นสากล ข้อที่ 3 เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานทางวัฒนธรรม หรือ อารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน หรือที่สาบสูญไปแล้ว แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง เป็นแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ตั้งอยู่บนเนินดินสูง รูปยาวรี ตามแนวตะวันออก-ตะวันตก ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 400 ไร่ ที่ยังคงปรากฎ ร่องรอยการดำรงชีวิตของมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อประมาณ 4,300 ปี ก่อนคริสตกาล แสดงให้เห็นพัฒนาการในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะความรู้ความสามารถและภูมิปัญญา ในด้านต่าง ๆ อาทิ หม้อเขียนสี และเครื่องมือเครื่องใช้สำริด และโลหะ ปัจจุบัน โบราณวัตถุที่ขุดพบส่วนใหญ่ ถูกรวบรวม และจัดแสดงไว้ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง ในพื้นที่ บ้านเชียงเป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งค้นพบว่าเคยเป็นที่อยู่อาศัยและที่ฝังศพของคนก่อนประวัติศาสตร์ยุคโลหะเมื่อราว 5,000 กว่าปีมาแล้ว มีความเจริญก้าวหน้าทางวัฒนธรรมและเทคโนโลยีสูงมาแต่โบราณ ชาวบ้านเชียงโบราณเป็นชุมชนยุคโลหะที่รู้จักทำการเกษตรกรรม เลี้ยงสัตว์ นิยมทำเครื่องมือเครื่องใช้และเครื่องประดับจากสำริดในระยะแรก และรู้จักใช้เหล็กในระยะต่อมาแต่ก็ยังคงใช้สำริดควบคู่กันไป ชาวบ้านเชียงรู้จักทำเครื่องปั้นดินเผาเป็นภาชนะสีเทาทำเป็นลายขูดขีด ลายเชือกทาบ และขัดมัน รู้จักทำภาชนะดินเผาลายเขียนสีรูปทรงและลวดลายต่าง ๆ มากมาย กรมศิลปากรได้ส่งเครื่องปั้นดินเผาที่ขุดพบที่บ้านเชียงนี้พบว่ามีอายุประมาณ 5,000-7,000 ปีซึ่งเครื่องปั้นดินเผาลายเขียนสีที่พบที่บ้านเชียงนี้ นับว่ามีอายุเก่าแก่กว่าที่ค้นพบที่ประเทศสาธารณรัฐจีนและอาจจะเก่าแก่ที่สุดในโลกก็เป็นได้ พบว่าใต้พื้นดินในหมู่บ้านมีโครงกระดูกมนุษย์โบราณฝังร่วมกับวัตถุมากมายโดยเฉพาะภาชนะเขียนลายสีแดงสวยงามแปลกตา ใบที่สมบูรณ์ถูกนํามาใช้ประโยชน์ ใน พ.ศ.2503 โรงเรียนบ้านเชียงจัดห้องพิพิธภัณฑ์เพื่อรวบรวมวัตถุที่พบในหมู่บ้าน เมื่อมีเจ้าหน้าที่มาตรวจโรงเรียนก็มักจะมอบภาชนะเขียนลายให้เพื่อหวังให้มีคนสนใจ พ.ศ. 2508 ภาชนะเขียนลายสีแดงใบสุดท้ายของโรงเรียนมอบให้กับเจ้าหน้าที่จังหวัด และถูกส่งต่อไปยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครพ.ศ. 2510 การศึกษาโบราณคดีบ้านเชียง เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจังโดยกรมศิลปากรและสถาบันการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ พ.ศ. 2515 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดําเนินทอดพระเนตรการขุดค้นของกรมศิลปากร พ.ศ. 2516 นายสตีเฟน ยัง นักศึกษาสังคมวิทยาเดินทางไปที่บ้านเชียงให้ความสนใจภาชนะเขียนลายสีแดงเป็นอย่างมาก (ภาพโดย พจนก กาญจนจันทร) หม้อเขียนลายงานสํารวจขุดค้นทางโบราณคดีที่บ้านเชียง เริ่มขึ้นราว พ.ศ. 2510 หรือภายหลังจากที่มีการซื้อขายโบราณวัตถุมาหลายปี“หม้อเขียนลาย” ได้รับความนิยมอย่างสูง ต่อมาเมื่อข้อมูลทางวิชาการระบุว่าบ้านเชียงมีอายุเก่าแก่ถึง 6,000-7,000 ปีก็ยิ่งทําให้ “หม้อเขียนลาย” เป็นที่ต้องการมากขึ้น กระแสการอนุรักษ์ก่อนหน้าที่ข้อมูลความรู้ทางโบราณคดีจะก้าวหน้าดังเช่นปัจจุบัน ก็มีงานตีพิมพ์เผยแพร่เกี่ยวกับการค้นพบที่บ้านเชียงมากมายหลายชิ้น ทั้งโดยผู้เชี่ยวชาญและผู้สนใจที่ไม่ใช่นักโบราณคดี ที่ได้บอกเล่าประวัติชุมชน ประวัติการค้นพบ บุคคลที่เกี่ยวข้อง และที่น่าสนใจคือมีความพยายามที่จะอธิบายที่มาของวัฒนธรรมบ้านเชียงโดยเปรียบเทียบกับหลักฐานในต่างประเทศ พรบ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504มีจุดประสงค์เพื่อปกป้องคุ้มครองโบราณสถาน/วัตถุ และรองรับการขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และโบราณคดีเป็นพิเศษ อีกทั้งให้อํานาจอธิบดีในการประกาศห้ามทําการค้าโบราณวัตถุดังกล่าวนั้นในราชกิจจานุเบกษา และมีการกําหนดบทลงโทษที่รุนแรงขึ้นกว่ากฎหมายฉบับก่อน ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 189 พ.ศ. 2515ห้ามการขุดหา และจําหน่ายจ่ายโอนโบราณวัตถุ อธิบดีกรมศิลปากรมีอํานาจสั่งให้ผู้ครอบครองส่งมอบโบราณวัตถุ ผู้ฝ่าผืนมีความผิดทางอาญา บ้านเชียงในโลกวิชาการ(ภาพโดย เชสเตอร์ กอร์แมน) แห่งชาติบ้านเชียง (ภาพโดยพจนก กาญจนจันทร) บ้านเชียงกับการเริ่มต้นงานโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์องค์ความรู้เรื่องสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทยเพิ่งจะเริ่มมีการศึกษาค้นคว้าอย่างเป็นระบบ ราว พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา กระแสความสนใจต่ออดีตของผู้คนบนผืนแผ่นดินไทย ถูกปลุกขึ้นมาด้วยการค้นพบโครงกระดูกและภาชนะเขียนลายที่ไม่เคยพบที่ใดมาก่อนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากรขุดค้นที่บ้านเชียงหน้าหลุมขุดค้นที่วัดโพธิ์ศรี ใน พ.ศ. 2516 การสํารวจขุดค้นที่บ้านเชียงดําเนินโดยกรมศิลปากร และสถาบันการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ โครงการศึกษาที่ส่งอิทธิพลต่อแนวคิดและเทคนิควิธีต่อโบราณคดีไทยมากที่สุดคือ โครงการโบราณคดีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่เป็นความร่วมมือระหว่างกรมศิลปากรและมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ที่รวมผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา วัตถุประสงค์ของโครงการนอกจากใน ด้านวิชาการแล้วก็มุ่งหมายในการฝึกฝนนักโบราณคดีรุ่นใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้การขุดค้นได้เผยให้เห็นว่าบ้านเชียงเป็นชุมชนขนาดใหญ่ และมีการอยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง ช่วงประมาณ 5,600 – 1,800 ปีมาแล้ว เป็นสังคมเกษตรกรรม มีประเพณีการฝังศพที่นิยมฝังสิ่งของอุทิศร่วมกับศพ เช่น ภาชนะดินเผาที่ผลิตอย่างประณีต และเครื่องประดับต่างๆ เป็นต้น มหากาพย์สําริดบ้านเชียง(ภาพโดย พจนก กาญจนจันทร) Localism vs Diffusionismผลงานวิจัยโบราณคดีบ้านเชียงได้สร้างองค์ความรู้มากมายเกี่ยวกับสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย เช่น เรื่องการดํารงชีวิต พิธีกรรมความเชื่อการใช้ทรัพยากรพัฒนาการของเทคโนโลยี การแลกเปลี่ยนกับโลกภายนอก ตลอดจนการแสดงออกเชิงศิลปะที่สะท้อนโลกทัศน์และจินตนาการของคนสมัยโบราณ เมื่อมีการค้นพบหลักฐานเชิงประจักษ์จํานวนมากก็สะท้อนให้เห็นว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผู้คนอยู่อาศัยอย่างน้อย ตั้งแต่สมัยหินใหม่ อีกทั้งยังมีความรู้ความชํานาญที่ก้าวหน้า โดยเฉพาะด้านโลหกรรม ซึ่งมีผู้เสนอว่าเป็น เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเองในท้องถิ่น(Localism) หาได้เป็นสังคมที่ล้าหลังที่เพียงแต่รับความเจริญจากภาพนอกดังที่เคยเข้าใจกันไม่ ความรู้ใหม่ท้าทายแนวคิดเดิมที่ว่าด้วยเรื่องการแพร่กระจายทางวัฒนธรรม (Diffusionism) และการเสนอค่าอายุทางวิทยาศาสตร์ของบ้านเชียงที่มีนัยยะถึงอายุสมัยของโลหกรรมด้วย ที่บางคนเชื่อว่าไม่ควรเก่าแก่ไปกว่าจีนและอินเดียจนทําให้เกิดข้อถกเถียงทางวิชาการมากมาย (ที่มาภาพ: http://iseaarchaeology.org/distinct-bronze-age) อายุเป็นเพียงตัวเลขข้อมูลแหล่งโบราณคดีไทยนับว่าก้าวหน้ามากในปัจจุบัน การเสนออายุสมัยของแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงโดยทีมวิจัยมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย มีการปรับเปลี่ยนไปตามเทคนิคการกําหนดอายุที่พัฒนาขึ้น ปัจจุบันทีมวิจัยนี้เสนอว่า บ้านเชียงสมัยสําริดมีอายุ ราว 1,700 ปีก่อนคริสตกาล ในขณะที่ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอตาโก นิวซีแลนด์ ที่ทํางานที่แหล่งบ้านโนนวัด และแหล่งอื่นๆ ใน จ.นครราชสีมา เสนอว่าโลหกรรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยน่าจะเริ่มขึ้นราว 1,500 ปีก่อนคริสตกาล ข้อถกเถียงว่าด้วยการกําหนดอายุดังกล่าวนี้ กลายเป็นมหากาพย์ทางวิชาการที่ยังไม่มีข้อยุติ คงเป็นเรื่องธรรมดาสามัญของโลกวิชาการ ที่จะมีแนวคิดที่แตกต่างกันไปหากเป็นการ “ถกเถียงด้วยการทํางานวิจัย”แทนที่จะเป็นการล้มล้างความน่าเชื่อถือของกันและกัน มรดกโลกบ้านเชียงมรดกไทยบ้านเชียงมิใช่เป็นเพียงแหล่งโบราณคดีแต่อาจเรียกได้ว่าเป็นภาพแทนของโบราณคดีไทยเป็นแหล่งที่มีบทบาทสําคัญ แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงมีอายุกี่ปีแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง เป็นปรากฎการณ์สำคัญของอารยธรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่มีความโดดเด่นที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นตัวแทนวิวัฒนาการด้านวัฒนธรรม สังคม และเทคโนโลยี ที่มีความเจริญรุ่งเรืองสืบทอดยาวนานกว่า ๕,๐๐๐ ปี ในช่วงเวลาระหว่าง ๓,๖๐๐ ปีก่อนคริสตศักราชถึงคริสตศักราช ๒๐๐ แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ได้รับ ...
ใครคือผู้ค้นพบแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงJoyce White นักโบราณคดีผู้ศึกษา 'บ้านเชียง' ผ่านพืชผักท้องถิ่น จนค้นพบวิทยาการที่โลกไม่เคยรู้จัก เรื่องราวของนักโบราณคดีอเมริกัน และวัยรุ่นอเมริกันผู้สะดุดล้มไปเจอเศษเครื่องปั้น ที่ทำให้ 'บ้านเชียง' กลายเป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญของโลก
แหล่งโบราณคดีที่บ้านเชียงพบหลักฐานใดจุดเริ่มต้นของการจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง มาจากการพบภาชนะลายเขียนสี เมื่อปี พ.ศ. 2503 โดยชาวบ้านเชียง ต่อมาปี พ.ศ. 2509 ชาวอเมริกัน ได้พบภาชนะดินเผาที่บ้านเชียงโดยบังเอิญจึงนำไปแจ้งที่กรมศิลปากร ปีพ.ศ. 2510 จึงได้มีการขุดค้นอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกปี พ.ศ.2515 ได้ขุดค้นเป็นครั้งที่ 2 ในครั้งนี้พระบาทสมเด็จ ...
ภาชนะดินเผาลายเขียนสีที่บ้านเชียงเกิดขึ้นในยุคใดอายุสมัย : วัฒนธรรมบ้านเชียงสมัยปลาย 2,300 - 1,800 ปีมาแล้ว ลักษณะ : ภาชนะดินเผาก้นกลม ปากผายออก มีการตกแต่งด้วยการเขียนสี เต็มทั้งใบ
|