ยาง มิ ช ลิ น energy xm2+ ดี ไหม

ทดสอบ มิชลิน (Michelin) Energy XM2 ยางคุณภาพที่โดดเด่นเรื่องอายุการใช้งานที่นานขึ้นกว่า 20% รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการหมุนของยางขึ้น 8%

กลับมาพบกันอีกครั้งสำหรับรีวิวทดสอบยางรถยนต์จาก AutoSpinn หลังจากที่ผม AddCoke มีโอกาสได้ทดสอบยางซีรีส์คุณภาพสำหรับรถยนต์ซิตี้คาร์ ที่เราๆ ท่านๆ ใช้กันอยู่ทุกวันนี้เปิดหัวกันมาขนาดนี้คงไม่ต้องเดากันแล้วว่าแบรนด์อะไร แน่นอนเห็นเจ้าบีเบนดั้มก็รู้จักกันทั่วโลกอยู่แล้วกับ Michelin แบรนด์คุณภาพที่ไม่ต้องพูดอะไรมากมายนักสำหรับแบรนด์นี้

วันนี้ผมได้ยาง Michelin Energy XM2 มาทดสอบซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นยางที่เน้นความคุ้มค่าขั้นสุดเนื่องจากเทคโนโลยีการผลิต รวมไปถึงสูตรเฉพาะของทาง Michelin ที่ทำให้อายุการใช้งานของรุ่นนี้มีอายุที่ยาวนานขึ้นกว่า 20% เลยทีเดียว (ทดสอบโดย TÜV Rheinland (ประเทศไทย) ในปี 2011) เท่านั้นยังไม่พอ

ระยะเบรกที่สั้นลง 1.2 เมตร เมื่อเทียบกับยางคู่แข่งชั้นนำ ซึ่งทดสอบภายในที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 2010 และสำหรับรุ่น XM2 รุ่นนี้ก็มีการพัฒนาต่อยอดมาจาก XM1 ด้วย การเพิ่มประสิทธิภาพการหมุนของยางให้มากขึ้น 8% อีกด้วย (ทดสอบภายในและรับรองผลโดย TÜV Rheinland (ประเทศไทย) ในปี 2011 เปรียบเทียบกับยางโดย Michelin Energy XM1)

จากที่กล่าวไปข้างต้นเกี่ยวกับยางประหยัดพลังงาน อยุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น เนืองจากมีการเสริมสูตรเนื้อยาง ฟูล ซิลิก้า คอมพาวด์ เข้าไปในส่วนประกอบของซิลิก้า ช่วยให้ลดการเสียดสีของอนุภาคยาง และทำให้เกิดความร้อนน้อยลง คุณสมบัติเพิ่มเติมของซิลิก้า ยังเพิ่มความยืดหยุ่นของเนื้อยาง และแน่นอนการเกาะถนนดีขึ้น

และเทคโนโลยีอีกตัวคือ ไมโคร อแดปทีพ คอมพาวด์ ซึ่งทำให้เนื้อยางมีความยืดหยุ่นมากกว่าเก่า การซับแรงสั่นสะเทือนของพื้นถนนดีขึ้น และสุดท้ายคือการดีไซน์ลวดลายยาง ร่องรีดน้ำดีไซน์พิเศษของ XM2 ที่เน้นการระบายน้ำได้มากขึ้น 20% เมื่อเทียบกันกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง XM1 ทำให้การระบายน้ำเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมากกว่าเก่า

จากการทดสอบ AddCoke ได้ทดสอบ Michelin XM2 สเปค 185/55/R16 ซึ่งเป็นขนาดล้อปรกติจากโรงงานไม่ใช่ล้อแต่งแต่อย่างใด ซึ่งถือว่าอยู่ในกลุ่มของ XM2 ที่เน้นสำหรับ อีโคคาร์ ซิตี้คาร์ ในบ้านเราอยู่แล้ว โดย Michelin XM2 มีขนาดให้เลือกใช้ตั้งแต่ล้อขอบ 13-16 นิ้ว พร้อมสเปครถใช้งานทั่วไปครบทุกรุ่น

สัมผัสแรกหลังจากเปลี่ยนยางเลยจะพบกับสเปค ข้อมูล และลวดลายบริเวณแก้มยางที่ค่อนข้างสปอร์ต สวยงาม พร้อมรายละเอียดสเปคยางต่างๆ ที่ชัดเจนครบถ้วน หลังจากเริ่มทดลองขับพบว่า ตัวยางช่วยให้การขับขี่รถมีความคล่องตัว รู้สึกถึงประสิทธิภาพการหมุนของยางที่มากกว่ายางเก่าอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งข้อดีก็คือช่วยประหยัดน้ำมัน เพราะช่วงการถอนคันเร่งรถจะวิ่งได้ไกลกว่ายางเก่า

ซึ่งนับว่าค่อนข้างประทับใจ รวมไปถึงการเกาะถนนที่ทำมาได้ค่อนข้างดีที่เดียว จากการทดลองขับในเส้นทางประจำที่มีการขับขี่อยู่แล้วในทุกๆ วัน การเข้าโค้ง การเปลี่ยนเลน มั่นใจขึ้นแม้จะใช้ความเร็วมากกว่าเก่า รวมไปถึงในช่วงการขับขี่ลุยฝน หรือลุยในพื้นที่น้ำขัง การรีดน้ำของยางก็ทำได้ดี ไม่พบอาการเหินน้ำแต่อย่างใด

แต่ในส่วนของอายุการใช้งานจากที่สเปคกล่าวมาว่ามีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น 20% ในส่วนนี้ต้องลองทดสอบกันยาวๆ ว่าจะเป็นอย่างไร แต่จากความรู้สึกส่วนตัวแล้วคาดว่ามีอายุยาวกว่ารุ่นอื่นๆ แน่นอน จากการสัมผัสฟิลการขับขี่ต่างๆ ที่พบว่า XM2 มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดในเรื่องความแข็งแรง และพื้นผิวเนื้อของยางที่ใช้ส่วนผสมพิเศษ

โดยรวมถือว่าตอบโจทย์การใช้งานรถยนต์บ้านเราไม่ว่าจะเป็น อีโคาร์ ซิตี้คาร์ ที่ใช้งานได้ทั้งการจราจรในเมืองรถติดๆ ซึ่งช่วยในเรื่องการประหยัดน้ำมันอย่างแน่นอน รวมไปถึงการขับทางไกลก็ไว้ใจได้ การเก็บเสียงก็ทำได้ดี อีกทั้งระยะการเบรกต่างๆ ก็ตอบโจทย์ แล้วที่สำคัญเรื่องชื่อเสียงแบรนด์ Michelin ไว้ใจได้เสมอแน่นอน

ลงทุนเปลี่ยนยางทั้งที ก็เลือกยางดีๆ ไว้ใช้กันยาวๆ ดีกว่าครับเพราะถ้าพูดถึงเรื่องการเดินทางโดยรถยนต์แล้ว ยางรถยนต์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเราในเรื่องความปลอดภัยอันดับต้นๆ เลยทีเดียว ...สรุปโดยรวมถือเป็นอีกรุ่นที่น่าจับตามองแล้วอยากให้ลองเลือกใช้กันดูสำหรับ Michelin XM2 รุ่นนี้ ครับ

ยางรถยนต์ คือชิ้นส่วนที่ต้องสัมผัสกับพื้นถนนอยู่ตลอดเวลา ต่อให้คุณขับรถยนต์ที่มีราคาแพงสักแค่ไหน แต่ถ้าเลือกใช้ยางที่ไม่มีคุณภาพ หรือยางที่มีประสิทธิภาพไม่เพียงพอต่อการใช้งาน หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่นการเบรกแบบกะทันหัน มีโอกาสที่รถจะลื่นไถลจนเสียการควบคุม จนก่อให้เกิดอุบัติเหตุ

รับชมคลิปการทดสอบได้ที่นี่

ยางที่เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันที่ดี ต้องมีคุณสมบัติในการยึดเกาะถนน ทั้งถนนแห้ง และถนนเปียก ซึ่งอุบัติเหตุจากการที่รถเสียการควบคุม ส่วนหนึ่งเกิดมาจากการใช้ยางที่ไม่ได้คุณภาพ และนอกเหนือจากการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมแล้ว ก็ต้องได้ความนุ่ม เงียบ ไม่กระด้าง ระยะเบรกต้องสั้น ขับแล้วต้องให้ความรู้สึกปลอดภัยทุกสภาพพื้นผิวถนน อย่างเช่น ยาง Michelin Energy™ XM2+

Michelin Energy™ XM2+ ภายนอกอาจดูเหมือนเดิม แต่มิชลินได้เสริมสมรรถนะให้ดีขึ้นในทุกๆด้าน ด้วยเนื้อยางสูตรพิเศษเฉพาะมิชลิน Full-silica compound ที่มีความล้ำหน้าทางเคมีโมเลกุลขั้นสูง เทคโนโลยีการผสม ซิลิกา และโพลิเมอร์ของยางเข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกันมากขึ้น ซึ่งยากที่จะลอกเลียนแบบได้ มีความยืดหยุ่นสูง ยึดเกาะถนนได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถนนเปียก ระยะเบรกสั้นกว่ายางชั้นนำทั่วไป และด้วยพันธะโมเลกุลที่แข็งแรง จึงช่วยให้ยางมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าถึง 25%

*รับรองผลการทดสอบ โดยสถาบัน China Automotive Technology And Research Center Co.,Ltd (CATARC) ณ ประเทศจีน เดือน กันยายน 2561 โดยทดสอบการใช้งานบนถนนจริงเป็นระยะทาง 20,000 กม. ด้วยรถ Volkswagen GOLF7 ติดตั้งยางขนาด 205/55R16 เปรียบเทียบระหว่างยาง MICHELIN Energy XM2+ และยางชั้นนำทั่วไป

ลายดอกยาง ออกแบบให้มีร่องรีดน้ำขนาดใหญ่ ช่วยเพิ่มสมรรถนะบนพื้นเปียกได้ดียิ่งขึ้น ไร้เสียงรบกวนขณะขับขี่ และด้วยร่องยางที่มีความลึก แม้จะผ่านการใช้งานจนยางใกล้หมดดอก แต่ประสิทธิภาพยังคงเดิม ไม่ย้วย ไม่สึกเร็ว

Michelin Energy™ XM2+ มีโครงสร้างที่ทำมาจาก Material แข็งแรง เบา ทนทานต่อการกระแทก กระจายแรงกดได้สม่ำเสมอ ไม่แข็งกระด้าง

Michelin Energy™ XM2+ เป็นยางที่ดีที่สุดสำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก และรถยนต์อีโคคาร์ จากมิชลิน เช่น Toyota Altis ,Toyota yaris ,Toyota Vios ,Honda BR-V ,Honda Civic ,Honda Jazz ,Honda City ,Honda Brio ,Mazda 2 ,Mitsubishi Attrage , Mitsubishi Mirage ,Suzuki Swift และรุ่นอื่นๆ ที่ใช้ล้อขนาด 14 ,15 และ 16 นิ้ว

ทดสอบสมรรถนะ

ทางทีมงานออโต้สปินน์ ได้เข้าร่วมในการทดสอบยาง Michelin Energy™ XM2+ ที่มิชลินจัดขึ้นในสนาม บางกอก แดร็ก อเวนิว จ.ปทุมธานี ซึ่งในการทดสอบนี้ได้แบ่งออกเป็น 2 Station คือ

1. Wet Brake (ทดสอบระยะเบรก)

การทดสอบในสเตชั่นนี้ เป็นการทดสอบระยะเบรก โดยใช้ยางที่ผ่านกระบวนการทำให้ดอกยางเหลือความหนา 2 มม. เพื่อจำลองสภาพยางที่ผ่านการใช้งานจนใกล้หมดดอก ทำการทดสอบทั้งหมด 3 รอบ โดยในแต่ละรอบจะใส่ยางรถยนต์ของแต่ละแบรนด์ รวมทั้งหมด 3 แบรนด์ชั้นนำ ซึ่ง 1 ในนั้นคือยาง Michelin Energy™ XM2+ ทดสอบโดยใช้รถยนต์ Toyota Vios ขับที่ความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. จากนั้นให้เหยียบเบรกแบบเต็มแรงบนถนนเปียก

การทดสอบในครั้งนี้ ไม่ใช่มีแค่ทีมงานออโต้สปินน์นะครับ แต่ยังมีสื่อต่างๆเข้าร่วมทดสอบด้วย และผลการทดสอบในสเตชั่นนี้ เห็นได้อย่างชัดเจนครับ ว่ายาง Michelin Energy™ XM2+ มีระยะเบรกที่สั้นกว่า เป็นอันดับ 1

2. Comfort & Noise ทดสอบความนุ่มเงียบ

การทดสอบในสเตชั่นนี้ เป็นการทดสอบความนุ่มเงียบของยาง โดยใช้ยางใหม่ในการทดสอบ มีทั้งหมด 2 แบรนด์ ซึ่ง 1 ในนั้นคือยาง Michelin Energy™ XM2+ ทดสอบโดยใช้รถยนต์ Toyota Vios โดยสเตชั่นนี้ จะแยกออกมาเป็นด่านย่อยๆ 3 ด่าน ก็คือ ถนนเรียบ ,ถนนที่เป็นคลื่น ,ถนนขรุขระ

ถนนเรียบ

ทดสอบโดยใช้ความเร็วที่ 45 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วที่ผู้ขับขี่สามารถฟังเสียงได้ชัด ผลการทดสอบปรากฎว่า หากฟังแบบผิวเผิน ยางที่ทดสอบเสียงเงียบทั้งคู่ แต่ถ้าตั้งใจฟังแบบจดจ่อ ยาง Michelin Energy™ XM2+ ได้เสียงที่เงียบกว่า

ถนนที่เป็นคลื่น

ทดสอบโดยใช้ความเร็วที่ 45 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วที่ผู้ขับขี่สามารถรับรู้ความรู้สึกได้ชัดเจน ผลการทดสอบปรากฎว่า ยาง Michelin Energy™ XM2+ วิ่งผ่านคลื่นได้เงียบ และผ่านไปได้อย่างนุ่มนวล ไม่กระด้าง

ถนนขรุขระ

การทดสอบนี้ จะใช้เหล็กเส้นวางขวางบนถนน จำลองสภาพถนนที่มีรอยต่อ หรือทางขรุขระ โดยใช้ความเร็วที่ 30 กม./ชม. ผลการทดสอบในด่านนี้ เห็นผลได้อย่างชัดเจนว่ายาง Michelin Energy™ XM2+ วิ่งผ่านทางขรุขระ ได้อย่างนุ่มนวล ซับแรงกระแทกได้ดี ไม่กระด้าง สะเทือนน้อยกว่าอีกแบรนด์ที่ทดสอบในด่านเดียวกัน

สรุปโดยรวม

จากการที่ได้ทดสอบทั้งหมดด้วยตัวเอง โดยรวมแล้วถือว่ายาง Michelin Energy™ XM2+ ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดีทุกสภาพถนน ได้ความรู้สึกเหมือนได้รถใหม่ ที่ให้ทั้งความนุ่มสบาย เงียบ ไร้เสียงรบกวน ระยะเบรกสั้น ขับแล้วรู้สึกปลอดภัย มั่นใจทุกช่วงเวลา เรียกได้ว่าปลอดภัยตั้งแต่วันแรกที่เปลี่ยน ยาวว…ไปจนถึงรอบเปลี่ยนยางในครั้งถัดไป ดั่งสโลแกน “มั่นใจ…ทุกเวลา ด้วยพลังเบรก มิชลิน Energy ™XM2+”

ยาง มิ ช ลิ น ไพร มา ซี่ 4 ดีไหม

ยางมิชลินมีกี่รุ่น