วิเคราะห์ราคาทองสัปดาห์หน้า

ครึ่งปีแรกของปี 2565 นี้ ทองคำ เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนไม่น้อย โดยเฉพาะหลังจากเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งกระฉูดจนทำสถิติสูงสุดในวันที่ 9 มี.ค. 2565 และเจอฤทธิ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบเร็วโหด จนทำให้ราคาทองปรับตัวลงต่อเนื่อง วันนี้พี่ทุยก็เลยอยากจะชวนทุกคนมาอัปเดต แนวโน้มราคาทอง 2565 ในช่วงครึ่งปีหลังเสียหน่อยว่า เป็นอย่างไรบ้าง

วิเคราะห์ราคาทองสัปดาห์หน้า

ถ้าดูจากชาร์ตราคาทองคำในไทย และไปเทียบกับราคาทองคำในตลาดโลก พี่ทุยก็ต้องบอกว่า สอดคล้องกัน โดยราคาทองคำในตลาดโลก ก็ขยับขึ้นไปทำสถิติสูงสุดในวันที่ 8 มี.ค. 2565 ไปอยู่เหนือ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถ้าดูจากราคา Gold Spot ในตลาดนิวยอร์ก อยู่ที่ 2,043.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาในตลาดลอนดอน วันนั้น อยู่ที่ 2,039.5 ดอลลาร์ต่อออนซ์

วิเคราะห์ราคาทองสัปดาห์หน้า

แต่ถ้าไปดูราคาทองคำโลกเปรียบเทียบกับราคาทองคำไทยในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 ก็จะเริ่มเห็นว่ามีความต่าง ราคาทองคำโลกนั่นปรับลดลงอย่างมาก ในขณะที่ราคาทองคำไทยแม้จะลดลง แต่ก็ลงในช่วงที่แคบกว่า

วิเคราะห์ราคาทองสัปดาห์หน้า

ปัจจัยที่มีผลกับ แนวโน้มราคาทอง 2565 ช่วงไตรมาสที่ 3 

1. ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ขยายวงกว้างขึ้น เมื่อสหภาพยุโรป สหรัฐฯ และ องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) เข้ามาร่วมวงแบนรัสเซีย

2. ธนาคารกลางหลัก ๆ ทั่วโลกมีแนวโน้มลดการกระตุ้นเศรษฐกิจ และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย      

ถ้าจะว่าไปแล้ว ทุกครั้งที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับสงคราม ไม่ว่ามุมไหนของโลก ก็จะทำให้ทองคำเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้นทันที เพราะเวลาแบบนี้คนจะรู้สึกถึงความไม่มั่นคงปลอดภัย และจะมองหา ทองคำ ซึ่งถูกมองเป็นเหมือน “Save Haven” หรือหลุมหลบภัย ที่มีไว้แล้วอุ่นใจเสมอ  

แต่ในภาวะที่ซีกหนึ่งของโลกมีสงคราม หลายพื้นที่ในโลกก็มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบแรง ๆ เพื่อสะกัดเงินเฟ้อ ซึ่งดอกเบี้ยกับทองคำนั้นมักจะเคลื่อนไหวในทางตรงกันข้ามกันเสมอ ยามใดที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น ราคาทองคำก็มีแนวโน้มปรับลดลง นั่นเป็นเพราะ เวลาที่ดอกเบี้ยขึ้น คนที่ลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ โดยเฉพาะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ก็จะคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนสูงขึ้นทันที ตามตำรา ความเสี่ยงสูง ก็อยากได้ผลตอบแทนสูง

ถ้าสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเหล่านั้น ให้ผลตอบแทนที่ไม่ได้สูงขึ้นไปกว่าเดิม นักลงทุนบางคน ก็อาจจะรู้สึกว่าตัวเองพร้อมจะเสี่ยงน้อยลง และยอมหันกลับไปฝากเงินกินดอกเบี้ยเฉย ๆ แทน เช่นเดียวกับการลงทุนทองคำ ที่นักลงทุนบางคน ก็อาจจะไม่พร้อมเสี่ยงลงทุนต่อในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น

ดังนั้น เมื่อมีทั้งปัจจัยสงครามที่หนุนราคาทองคำขึ้นต่อ แต่ก็มีปัจจัยเรื่องดอกเบี้ย ที่พร้อมกดให้ราคาทองคำลงมา ในช่วงไตรมาสที่ 3 นี้เองจะเห็นได้ว่า ราคาทองคำในตลาดโลก ปรับตัวลดลงเรื่อย ๆ ตามสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น

แต่ทว่าราคาทองคำไทยไม่ได้ลดลงหนักเท่ากับทองคำโลก นั่นก็มาจากการที่ต้องใช้เงินบาทมากขึ้นเพื่อซื้อทองที่เป็นราคากลาง เพราะค่าเงินบาทอ่อนลงอย่างมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์

พี่ทุยลองไปดูว่า สำนักวิเคราะห์วิจัยต่าง ๆ คาดการณ์ราคาทองคำกันอย่างไร พบข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้

วิเคราะห์ราคาทองสัปดาห์หน้า

Metal Focus บริษัทวิจัยโลหะมีค่าในอังกฤษ

คาดการณ์ว่า ราคาทองคำเฉลี่ยทั้งปี จะอยู่ที่ 1,830 ดอลลาร์ต่อออนซ์

มุมมอง : ถึงแม้นโยบายการเงินของ Fed จะเข้มงวดขึ้น มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย เพื่อหวังให้เงินเฟ้อลดลง ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเรื่อย ๆ และมีแรงเทขายสินทรัพย์ต่าง ๆ ออกมา แต่คนก็ยังให้น้ำหนักกับการลงทุนทองคำอยู่ ทำให้ทองคำมีความเสี่่ยงขาลงในช่วงที่จำกัด และน่าจะยังทำผลงานได้ดีกว่าตลาดหุ้น

Goldman Sachs

คาดการณ์ ราคาทองคำสิ้นปี 2565 อยู่ที่ 2,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์

มุมมอง : ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับประเด็นเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันราคาทองคำขึ้นไปสูง เช่นเดียวกับความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อ ที่เป็นปัจจัยผลักดันราคาทองคำ โดยเงินเฟ้อไม่ใช่เรื่องชั่วคราวอย่างที่ Fed เคยคาดไว้ก่อนหน้านี้ และจากการที่เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็จะมีผลทำให้ราคาทองคำทำผลงานได้ดีกว่าสินทรัพย์อื่น ๆ เพราะทองคำถูกมองเป็นสินทรัพย์ที่เงินเฟ้อไม่สามารถไปลดทอนมูลค่าได้ ไม่เหมือนกับพันธบัตรหรือหุ้น

แม้ว่าราคาทองคำโลกช่วงที่ผ่านมาจะยังปรับตัวลงอยู่ แต่พี่ทุยก็คิดว่าอาจจะใกล้ถึงเทรนด์ขาขึ้นแล้ว เพราะ ช่วงปลายปี 2565 นักวิเคราะห์หลายคนก็ออกมาพูดว่าในปีหน้า 2566 โลกกำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยแบบเลี่ยงไม่ได้ และเงินเฟ้อที่ส่อแววจะไม่หยุดง่าย ๆ และ Fed ที่ยังคงมุ่งมั่นในการขึ้นดอกเบี้ย ทางเลือกที่พี่ทุยมองว่าน่าจะปลอดภัยพอสมควรในตอนนี้คือทองคำนั่นเอง

เมื่อเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตชะลอลง ราคาทองคำกลับจะมีทิศทางเพิ่มขึ้น เพราะ ทองคำนับเป็นเครื่องมือเก็บรักษามูลค่า และไม่เสื่อมสภาพ นักลงทุนจึงมองทองคำเสมือนเป็นหลักประกันในช่วงที่สินทรัพย์อื่นเผชิญความเสี่ยงสูงหรือมีแนวโน้มด้อยค่าลงในช่วงเศรษฐกิจขาลงไม่ว่าจะเป็น หุ้น พันธบัตร เงินตราต่างประเทศ หรืออสังหาริมทรัพย์ ราคาทองคำย่อมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามความต้องการของนักลงทุนที่อยากหาความปลอดภัยจากความผันผวนของสินทรัพย์อื่น

อย่างไรก็ตาม ถ้าใครคิดจะลงทุนกับทองคำ พี่ทุยก็คิดว่า ลองชั่งน้ำหนักดี ๆ ซึ่งก็ต้องอย่าลืมพิจารณาเรื่องค่าเงินประกอบด้วย เพราะถ้าเงินดอลลาร์แข็งค่า และเงินบาทอ่อนค่าลง พอแปลงราคาทองคำเป็นเงินบาทก็จะต้องซื้อแพงขึ้นแน่ ๆ แม้ว่าในช่วงนั้นราคาตลาดโลกลดลง แต่ราคาในไทยก็อาจจะไม่ได้ลดลงเท่ากับโลก เพราะมีต้นทุนอัตราแลกเปลี่ยนมาเกี่ยวข้อง

ถ้าจะให้ดี พี่ทุยมองว่า เลือกใช้กลยุทธ์ “ออมทอง” ค่อย ๆ ทยอยลงทุนทองคำวันละนิดก็ไม่เสียหาย เพราะเดี๋ยวนี้ร้านขายทองต่าง ๆ ก็ออกมาทำแอปพลิเคชันที่อำนวยความสะดวกให้นักลงทุนที่มีเงินไม่มากไม่มาย ค่อย ๆ ทยอยเข้าไปซื้อทองคำด้วยเงินเริ่มต้นหลัก 1,000 บาทได้ เข้าตำรา “มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท”

ตอนซื้ออาจจะมีเงินแค่พอสำหรับซื้อทองไม่ถึงสลึง แต่พอใส่เงินเข้าไปเรื่อย ๆ ทองก็ครบบาทได้ โดยที่นักลงทุนอย่างเรา ก็จะได้ต้นทุนเฉลี่ย ๆ จากราคาแต่ละช่วงที่ปรับเปลี่ยนไป ถ้าเห็นว่าช่วงไหนทองคำราคาปรับลดลงมา ก็เข้าไปเก็บเพิ่มเติม หรือถ้าดูทรงแล้ว ช่วงไหนราคาขึ้นแรง จะขายออกมา ก็ทำได้ง่ายพอ ๆ กับซื้อขายหุ้นเลย

อ่านเพิ่ม

  • “แนวโน้มราคาทองคำ” ปี 2022 เป็นยังไงบ้าง ? – ควรซื้อดีมั้ย
  • “แบงก์ชาติ” ประเทศไหน สะสม “ทองคำ” มากที่สุด – ใครซื้อทองคำมากที่สุดในโลก
  • Fed ปรับดอกเบี้ย ทำไมสะเทือนเศรษฐกิจทั่วโลก ?