เมื่อไปทำการขอสินเชื่อเพื่อกู้เงินด่วน, ซื้อบ้าน, ซื้อรถยนต์ แล้วทางธนาคารปฏิเสธการให้กู้ เขาเหล่านั้นก็มักจะเข้าใจว่าเป็นเพราะตนเองติดเครดิตบูโร หรืออยู่ในรายชื่อที่เรียกว่า ติดแบล็คลิส จึงกู้ไม่ผ่าน เกิดคำถามขึ้นว่า ถ้าติดเครดิตบูโรแล้ว กี่ปีจึงหาย และเมื่อไหร่ที่จะขอสินเชื่อได้อีกครั้ง Show
ทำความเข้าใจและรู้จัก เกี่ยวกับเครดิตบูโรเครดิตบูโร คือ การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประวัติบัญชีสินเชื่อต่างๆ และ ประวัติของการชำระงวดสินเชื่อทุกชนิด ที่บุคคลรวมถึง นิติบุคคล ได้มีการชำระ และค้างชำระไว้กับสถาบันการเงิน ผู้ที่เก็บข้อมูลนี้คือ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ ซึ่งได้รับอนุญาตจากทางรัฐบาลโดยตรงให้ทำหน้าที่นี้ ข้อมูลที่รวบรวมมาสถาบันการเงินต่าง ๆ ซึ่งเป็นสมาชิกของเครดิตบูโร รวมถึงบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อ ข้อมูลที่มีอยู่ในเครดิตบูโรคืออะไรข้อมูลที่สถาบันการเงินส่งให้ทางเครดิตบูโร ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคลที่บ่งชี้ถึงตัวลูกค้ารายนั้น คือ
ข้อมูลเหล่านี้ก็คือ ข้อมูลที่ผู้กู้ได้แจ้งไว้ในตอนที่ทำสัญญาสินเชื่อนั่นเอง ข้อมูลอีกอย่างก็คือ ข้อมูลที่เกี่ยวกับบัญชีสินเชื่อ
สาเหตุที่กู้ไม่ผ่าน และคำว่า ติดเครดิตบูโรเราคงเคยได้ยินคำว่า ติดเครดิตบูโร หรือ ติดแบล็คลิส กันอยู่บ่อย ๆ แต่ถ้ามองจากข้อมูลที่ได้กล่าวไปข้างต้น จะเห็นได้ว่าไม่มีการจัดรายชื่อแบล็คลิส หรือการทำบัญชีแบล็คลิส ในสถาบันเครดิตบูโรแต่อย่างใด สาเหตุที่กู้ไม่ผ่าน และเรียกกันว่าติดเครดิตบูโร หรือติดแบล็คลิสนั้น ความจริงแล้วมาจากการที่สถาบันการเงิน หรือธนาคารขอประวัติและข้อมูลในอดีตที่เราเคยไปทำการขอสินเชื่อมา ทางเครดิตบูโรก็จะนำเอาประวัติ ข้อมูลดังกล่าวส่งให้ตามที่ร้องขอ เมื่อทางสถาบันการเงินที่เราไปยื่นขอสินเชื่อได้รับประวัติของเรามาแล้ว เจ้าหน้าที่วิเคราะห์สินเชื่อจะทำการประเมินโดยนำเอาข้อมูลนี้มาประกอบการพิจารณาว่า เรามีความสามารถในการชำระแค่ไหนในการจ่ายคืน เรามีวินัยทางการเงินมากน้อยเพียงใด ดังนั้นคำว่า ติดแบล็คลิส หรือ ติดเครดิตบูโร แท้จริงแล้วก็คือ ประวัติการชำระของเราไม่สวย และไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินสินเชื่อของทางสถาบันการเงิน แต่อย่าเพิ่งกังวลใจไป เพราะมีข่าวดีและคำตอบที่ทำให้คุณมีความหวังในการขอสินเชื่อซึ่งเราอยากให้คุณได้รู้ ติดเครดิตบูโร กี่ปีหาย ใครดูได้บ้าง
จ่ายหมดแล้ว เราจะขอสินเชื่อได้เมื่อไหร่ทางเครดิตบูโรเก็บข้อมูลของเราไว้เพียง 3 ปี ดังนั้น เราจะติดเครดิตบูโรอยู่เป็นระยะเวลา เพียง 3 ปี หลังจากที่เราทำการชำระสินเชื่อครบทั้งหมดแล้ว ไม่มีการทำสัญญาขอสินเชื่อเพิ่มอีก ทางสถาบันการเงินก็จะหยุดส่งข้อมูลการผิดชำระของเราให้ทางเครดิตบูโรทันทีที่เราชำระปิดบัญชี (จะมีสถานะบัญชี 11: ปิดบัญชีแล้ว) แต่ข้อมูลของเราจะยังไม่หายไปทันที ต้องรอให้ครบ 3 ปีก่อน เมื่อครบ 3 ปีแล้ว เราก็จะหลุดจากข้อมูลประวัติสินเชื่อนั้นไป สถานะเครดิตบูโร: ปิดบัญชี คำว่า 3 ปีนั้น ในเอกสารจะแสดงข้อมูล เป็น 36 แถว ซึ่งก็คือข้อมูลของแต่เดือน เมื่อมีข้อมูลใหม่เข้ามาแทนข้อมูลเก่าไปเรื่อย ๆ ทีละแถว ข้อมูลเก่าก็จะถูกลบไปทีละแถวด้วย ประวัติเก่าที่สุดจะค่อย ๆ ถูกลบไป ดังนั้นเมื่อครบ 36 เดือน ก็เท่ากับว่าไม่มีข้อมูลของเราในเครดิตบูโรอีก (สถานะบัญชี 10: ปกติ) สถานะเครดิตบูโร ปกติ ไม่จ่ายค่างวด รอ 3 ปีกู้ใหม่ ได้ไหมต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สำหรับคนคิดว่าจะไม่ชำระสินเชื่อให้ครบคือ จะหยุดชำระสินเชื่อไปเลย แล้วรอให้ผ่านไป 3 ปีจะทำการขอสินเชื่อใหม่จากสถาบันการเงินแห่งอื่น ตรงนี้ทำไม่ได้ เนื่องจากสถาบันการเงินจะยังคงส่งข้อมูลการผิดชำระหนี้ให้เครดิตบูโรต่อไปอีกอย่างน้อย 5 ปี ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องชำระให้ครบก่อน ส่วนประวัติที่มีค้างชำระหรือผิดนัดชำระบ้างแต่สุดท้ายได้ทำการชำระครบปิดบัญชีไปแล้ว เมื่อครบ 3 ปี ประวัติเครดิตบูโรก็จะถูกล้างไปโดยอัตโนมัติ ไม่ติดเครดิตบูโรอีก ขาวสะอาด คราวนี้เราก็สามารถยื่นขอสินเชื่อใหม่ได้เลยนั่นเอง “ติดบูโร” มักจะเป็นคำพูดติดปากสำหรับคนที่กำลังจะซื้อบ้าน หรือออกรถใหม่ บ้างก็ใช้คำว่า “ติดแบล็คลิส” ซึ่งจริงๆแล้ว เครดิตบูโรคืออะไร แล้วถ้ามีติดบูโรจริงกี่ปีถึงจะหาย วันนี้ FINSTREET จะมาไขข้อสงสัยนี้ให้เอง ! ติดเครดิตบูโรคืออะไร?เวลาพูดถึงการติดเครดิตบูโร หลายคนอาจคิดว่า ถ้าเราค้างชำระหนี้นานๆ หรือไม่จ่ายหนี้เลย รายชื่อของเราจะถูกจัดเก็บใน “บัญชีดำแบล็คลิส” จนไม่สามารถกู้สินเชื่ออะไรได้ ซึ่งจริงๆแล้วเครดิตบูโรไม่ได้เก็บข้อมูลเป็นแบล็คลิสนะครับ “แบล็คลิสไม่มีจริง” เครดิตบูโร หรือบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด คือองค์กรกลางที่จัดเก็บข้อมูลบัญชีสินเชื่อ และประวัติการชำระสินเชื่อทุกประเภท ซึ่งข้อมูลจะมาจากสถาบันการเงิน พูดง่ายๆก็เหมือน “สมุดพก” ที่บันทึกพฤติกรรมการจ่ายหนี้ของคุณ เครดิตบูโรจะจัดเก็บข้อมูลเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ข้อมูลบ่งชี้ และข้อมูลสินเชื่อ โดยข้อมูลบางส่วนสามารถดูได้จาก “รายงานข้อมูลเครดิต”
ตัวอย่างรายงานข้อมูลเครดิตบูโรสามารถดูตัวอย่าง รายงานข้อมูลเครดิต เพิ่มเติมที่ได้ที่บทความของเว็บไซต์เครดิตบูโร >> รายงานข้อมูลเครดิตแสดงอะไร?
เครดิตบูโร ติดกี่ปีหมด?คำตอบคือ 3 ปี เพราะโดยปกติแล้วธนาคารหรือสถาบันการเงินจะส่งข้อมูลประวัติติดค้างชำระมาให้ทางเครดิตบูโรทุกเดือน ไม่ว่าจะค้างชำระ หรือชำระตามงวดปกติ ซึ่งเครดิตบูโรจะบันทึกข้อมูลซ้อนกันไปเรื่อยๆ ทั้งหมดครบ 36 แถว (36 เดือน) และแถวข้อมูลใหม่ที่เข้ามาก็จะแทนที่ข้อมูลเก่า ประวัติอันล่างสุดจะถูกลบไป เมื่อคุณได้ชำระหนี้ “ครบหมดเรียบร้อย” จนยอดหนี้เหลือ 0 หรือมี สถานะบัญชีเป็นเลข 11 (ปิดบัญชีแล้ว) สถาบันการเงินจะหยุดส่งข้อมูลมาให้กับทางเครดิตบูโรครับ และข้อมูลประวัติชำระแต่ละแถวจะถูกบันทึกต่อไปอีกเป็นเวลา 3 ปี และเมื่อแถวไหนอายุครบ 3 ปีแล้ว จะค่อยๆถูกทยอยลบไปเรื่อยๆ จากล่างสุดไปบนสุด ส่วนใครที่คิดว่าจะค้างชำระ แล้วค่อยรอ 3 ปีให้ข้อมูลหาย แบบนี้ไม่หายนะครับ เพราะกรณีผิดนัดชำระหนี้ และค้างชำระหนี้เกิน 90 วัน สถาบันการเค้าจะส่งข้อมูลการค้างชำระให้เครดิตบูโรทุกเดือน ต่อเนื่องอีกเป็นเวลาไม่เกิน 5 ปี ทางที่ดีควรจ่ายให้ตรงเวลาดีกว่าครับ ติดบูโรอยู่ ซื้อบ้านออกรถได้ไหม?อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า เครดิตบูโรจะไม่มีการบันทึกสถานะว่า ติดบูโร จะมีก็แต่ประวัติการชำระหนี้ และสถานะบัญชีเท่านั้น ซึ่งเวลาจะกู้ซื้อบ้านหรือออกรถใหม่ สถาบันการเงินจะใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ
หากประวัติการชำระในเครดิตบูโรของคุณไม่ดี ค้างชำระบ่อยๆ และยังปิดหนี้เดิมไม่หมด สถาบันการเงินเค้าก็มีสิทธิที่จะไม่อนุมัติสินเชื่อให้กับคุณ เพราะเค้าก็กลัวเสี่ยงไม่ได้เงินคืน ทางที่ดีแนะนำว่าไป ปิดหนี้เดิมให้หมด ก่อนดีกว่าครับ และหลังจากนั้นก็รอไป 3 ปีจนประวัติค้างชำระหายไป ระหว่างนั้นก็ทำประวัติให้ขาวสะอาด เดินบัญชีธนาคารให้ดี มีเงินเข้าออกสม่ำเสมอ จ่ายบัตรเครดิตให้เต็มวงเงิน และมีเงินเก็บเอาไว้บ้าง แต่ถ้าจนแล้วจนรอดก็กู้ไม่ได้อีก ก็อาจจะใช้วิธีการ กู้ร่วมกับคนที่มีประวัติดี ถ้าเป็นบ้านหรือรถก็อาจจะต้องดาวน์เยอะๆ หรือมองหาสถาบันการเงินที่ช่วยเหลือด้านนี้ เช่น หากอยากกู้สินเชื่อบ้าน แล้วเคยติดบูโรมา แนะนำว่าลองไปยื่นกู้กับ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) หรือ ธนาคารออมสินดูก่อนครับ สรุปเครดิตบูโรจะจัดเก็บแค่ ข้อมูลบ่งชี้ และข้อมูลประวัติสินเชื่อ ไม่มีบันทึกว่าเป็นแบล็คลิส หรือสถานะติดบูโร โดยสถาบันการจะส่งข้อมูลให้เครดิตบูโรทุกเดือน และหากปิดบัญชี ข้อมูลแต่ละแถวจะหายไปหมดภายใน 3 ปี ส่วนการขอสินเชื่อในการซื้อบ้านหรือออกรถ การอนุมัติจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละสถาบันการเงิน |